คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ::: Second :::
::: Second :::
"ฮื่อ~"
เสียงครางเบาๆในลำคอจากร่างบนเตียงที่นอนหลับเป็นตายอยู่จนเที่ยงวันเริ่มรู้สึกตัว เป็นเพราะความรู้สึกของสัมผัสบางอย่างที่เขาไม่คุ้นเคย เหมือนกับมีมือของใครบางคนมาแตะต้องนั่นทำให้คนตื่นสายรีบลืมตาแล้วผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงชนิดที่ว่าลืมความง่วงและเหนื่อยล้าไปเสียหมดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คนที่เพ่งทำแผลให้เจ้าตัวเสร็จก็พลอยสะดุ้งหน่อยๆไปด้วย ดวงตาสีรัติกาลจ้องมองใบหน้าคมของคนตรงหน้า แต่ดวงตาคู่สวยกลับฉายแววหวาดกลัวและตื่นตระหนกเมื่อพบว่าคนๆที่อยู่ตรงหน้าเขานี่เป็นคนแปลกหน้า
มือหนาที่ถือพลาสเตอร์อยู่เคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยที่มีรอยแผลเล็กๆอยู่บนโหนกแก้มข้างหนึ่ง แต่ร่างสูงก็ต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็วเมื่อคนบนเตียงกลับแสดงสีหน้าตกใจก่อนจะถอยกรูดจนหลังชนเข้ากับหัวเตียงพร้อมทั้งส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่า'อย่าเข้ามา' ซึ่งร่างสูงก็ดูจะเข้าใจว่าคนตรงหน้ากำลังกลัวเขาอยู่ เมื่อเป็นเช่นนั้นมือหนาจึงจับปากกาและก้มลงเขียนบางอย่างลงบนกระดาษสีขาวอยู่ครู่หนึ่ง
"ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ทำร้ายนายหรอก"
ดวงตาคู่สวยจ้องข้อความเพียงประโยคเดียวนั้นอยู่นานราวกับอ่านไม่ค่อยออก แต่ในที่สุดร่างบางก็เข้าใจสิ่งที่ร่างสูงต้องการจะสื่อสาร พยักหน้าเบาๆเพื่อเป็นการบอกว่ารับรู้ ร่างสูงจึงค่อยๆเลื่อนมือเข้าไปใกล้แก้มขาวนวลแล้วบรรจงแปะพลาสเตอร์ทับรอยแผลอย่างเบามือ มือเรียวเล็กของเจ้าของบาดแผลยกขึ้นแตะพลาสเตอร์นั้นด้วยความฉงน พร้อมๆกับที่อวัยวะบางส่วนบนหลังที่ทำให้ร่างบางดูแตกต่างจากมนุษย์ทั่วๆไปกระแทกเข้ากับหัวเตียงทำให้รู้สึกเจ็บ และความรู้สึกนั้นก็สามารถเรียกร้องให้คนขี้สงสัยหันไปมองดูต้นเหตุของความเจ็บปวดนั้น คำถามเกิดขึ้นอีกแล้วเมื่อเหลือบไปเห็นผ้าพันแผลพันรอบปีกของตน เหมือนว่าเจ้าคนตัวเล็กนี่จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรและเขาก็อยากจะได้คำตอบ
ใบหน้าหวานหันกลับมาหาคนๆเดิมที่นั่งอยู่ข้างเตียงแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า ส่วนใครคนนั้นที่กำลังมองหาอยู่ก็ดันเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานและจดจ้องอยู่กับปึกกระดาษไม่กี่แผ่นบนโต๊ะอย่างตั้งใจ ดูเหมือนแผ่นกระดาษเหล่านั้นจะสำคัญไม่ใช่น้อยขนาดที่ว่าแม้ร่างสูงจะรู้ตัวดีว่าถูกจ้องด้วยสายตาคู่หนึ่งจากร่างบนเตียงอยู่นานแต่เขาก็ยังก้มหน้าใจจดใจจ่ออยู่กับงานบนโต๊ะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ปล่อยให้ความสงสัยของคนที่จ้องมองเขาอยู่ครอบงำจนเริ่มทำให้สมองที่ไม่ค่อยได้คิดอะไรมากเริ่มปั่นป่วน แต่บางอย่างบอกคนตัวเล็กว่าเขาควรจะเก็บคำถามเหล่านั้นไว้ในใจจะดีกว่า......
(Jaejoong)
'แกร๊ก....แอ๊ด~'
เสียงลูกปิดประตูดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่ามีใครบางคนได้มาถึงที่นี่แล้ว พร้อมด้วยเสียงเอี้ยดอ้าดของบานประตูเก่าคร่ำเครอะที่ถูกทำให้เปิดออกเรียกให้ผมหันไปสนใจ ไม่นานก็ปรากฏร่างของเจ้าของห้องผู้ที่ผมพอจะคุ้นเคยขึ้นบ้างแล้วแม้จะไม่ได้พูดคุยอะไรกันสักคำก็ตาม แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็รู้ว่าสามารถเชื่อใจคนๆนี้ได้
คนหน้าหมี.....ชื่อที่ผมใช้เรียกเขา ไม่รู้ซิผมว่ามันเหมาะกับเขาดีนะ เพราะผมไม่เคยกล้าถามชื่อเขา เขาเป็นมนุษย์คนแรกที่ผมได้ใกล้ชิด ไม่รู้ว่าเป็นสัญชาตญาณหรือเป็นแค่ความกลัวของผมกันแน่ที่ทำให้ผมไม่กล้าคุยกับเขา แค่จะสบตาผมก็ไม่ได้ทำมันบ่อยนัก อาจเป็นเพราะบุคลิกของเขาที่เงียบขรึม ท่าทางดูเย็นชาจนน่ากลัว กับดวงตาคมอันว่างเปล่าเคว้งคว้างอยู่ตลอดเวลา....
เพราะสิ่งที่เขาเป็นละมั้งที่ทำให้ผมกลัว
คนหน้าหมีก้าวเข้ามาในห้องในสภาพไม่ต่างจากวันอื่นๆที่ผ่านมาดูเหนื่อยล้า เปียกปอนด้วยน้ำฝนไปทั้งตัวราวกับไปตกน้ำมา แต่อันที่จริงแล้วเขาตากฝนมาหน่ะครับ! เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ทั้งเปียกทั้งบางและของบางอย่างที่เขาสะพายไว้บนหลังก็ดูหนักจนผมสงสัยว่าเขาทนแบกมันเดินฝ่าพายุฝนแบบนี้ทุกวันได้ยังไง ถ้าผมจำไม่ผิด.....พวกมนุษย์น่าจะเรียกเจ้าสิ่งของบนหลังของเขาว่ากีต้าร์ละมั้ง ยังไงก็ตามจะเป็นพายุฝน ความหนาวเย็น หรือจะเป็นความเหน็ดเหนื่อยจากการแบกของหนักๆไว้บนหลังก็ไม่สามารถเปลี่ยนแววตาอันไร้ความรู้สึกของเจ้าคนหน้าหมีได้
แต่ตอนนี้สิ่งที่เรียกคะแนนผมสนใจจากผมได้มากที่สุดคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกลิ่นหอมฉุยที่คาดว่าโชยมาจากถุงกระดาษสีน้ำตาลในมือของเขา ผม.....ซึ่งแม้จะเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เอาแต่นั่งๆนอนๆอยู่บนเตียงแบบไม่ได้ลุกไปไหนเลย นานเท่าไหร่ผมก็จำไม่ได้แล้วแต่คงนานพอดู ไม่รู้ทำไมผมถึงทนอยู่เฉยๆได้เป็นวันๆทั้งที่จริงแล้วผมก็ไม่ใช่คนชอบอะไรแบบนั้นนัก ส่วนหนึ่งผมว่าอาจเพราะความหนาวพัดพามาพร้อมพายุฝนที่ตกกระหน่ำติดกันหลายวันแล้วก็ยังไม่หยุดสักทีทำให้ผมอยากจะเอาแต่ซุกอยู่ใต้กองผ้าห่มหลายผืนนี่ แต่อีกส่วนหนึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะพิษบาดแผลเสียมากกว่า รอยแผลตรงปีกข้างหนึ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้สร้างความเจ็บปวดให้ไม่น้อยเลยทีเดียว และถึงขาของผมจะไม่ได้เป็นอะไรแต่การที่ปีกผมขยับไม่ได้มันก็ทำให้ผมทรงตัวยืนขึ้นไม่ได้เช่นกัน ผมจึงทำได้แค่หวังว่ามันจะหายเร็วๆ
ส่วนใหญ่ฝนมักจะตกแต่เวลากลางคืนส่วนกลางวันก็มีแต่อากาศหนาวเย็นที่ทำให้ใครๆก็ไม่อยากออกจากบ้าน ผมได้แต่สงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้นะ ไม่ควรมีใครปล่อยให้มันแปรปรวนขนาดนี้ โชคไม่ดีนักที่รุ้งไม่เกิดหากฝนตกตอนกลางคืนมันทำให้ผมรู้สึกแย่ยังไงก็ไม่รู้ที่ยังไม่เห็นสายรุ้งสักที
คนหน้าหมีผู้ที่ช่วยชีวิตผมไว้ฉีกถุงกระดาษนั่นเพื่อให้มันเปิดออกกลิ่นหอมลอยมาเตะจมูกอีกครั้งและดูเหมือนจะมากกว่าเดิมซะอีก เขายื่นถุงกระดาษให้ผมซึ่งผมก็รับมันไว้และรีบคลี่ถุงออกด้วยความอยากรู้ว่ามันคืออะไร .....
"ฉันหามาให้ได้แค่นี้แหละ กินให้หมดถ้านายไม่รังเกียจ"
ผมอ่านข้อความบนกระดาษโน้ตที่ถูกใส่ไว้ในถุงรวมกับแผ่นแป้งรูป3เหลี่ยมที่มีชีสและอะไรต่อมิอะไรโรยหน้าเต็มไปหมดด้วยความประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้คิดพิศวาสมันมากนักเพราะถ้ามันเป็นอาหารละก็ผมไม่ต้องการมันอยู่แล้ว เหตุผลง่ายๆ.....เพราะผมไม่เคยรู้สึกหิวอย่างพวกมนุษย์ยังไงล่ะ
"นี่!" ผมเรียกเจ้าคนหน้าหมีที่กำลังหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาเช็ดตัวพร้อมกับยื่นถุงกระดาษให้เขา
"ฉันให้นาย" แต่เขากลับส่ายหน้าและส่งมันกลับมาให้ผม
"ฉันไม่หิว นายกินเถอะ" ถึงจะเป็นของเหลือแต่มันก็ยังดูดีและน่ากินมากด้วย ผมยัดมันใส่มือเขาเพราะคิดว่าเขาคงต้องการมันมากกว่าผมแน่
"....." เขายอมรับถุงนั่นไปในที่สุด ผมยิ้มให้เขาด้วยความจริงใจ แต่...ทำไมนะสิ่งเดียวที่ผมได้ตอบแทนมากลับเป็นเพียงแค่.....ความเฉยชา?
TBC.
เม้นหน่อยเห้อะคนอ่านหน่ะ!
ดีใจที่เห็น2เม้นแรก ^^
คถ.2คิดถึงจังจ้าาา ><’
ความคิดเห็น