คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro : ปฐมบทแห่งวิกลจริต
ผมอยู่ในห้องๆหนึ่ง นั่งถูกมัดมือไขวืหลังไว้กับเก้าอี้พลาสติดโทรมๆ เท้าของผมถูกยืดออก ปลายผูกติดกับก้อนอะไรบางอย่าง ที่มีนาฬิกาแปะไว้อย่างชัดเจน เสื้อผ้าอาภรต่างถูกถอดทิ้งหมดสิ้น ยกเว้นกางเกงบ็อกเซอร์สีแสดที่เจ้าฆาตกรโรคจิตมันทิ้งไว้ให้ผมเป็นนัยว่า ถึงมันจะโรคจิตอย่างน้อยมันก็ไม่วิตถารพอที่จะให้ผมเปลือยโป๊ อันที่จริงแล้วจากสภาพ ณ ตรงนี้ก็คงบอกได้แค่ว่า ผมนั้นถูกอุ้มลักพาตัวมาที่นี่ ในสมองของผมนั้นจำความครั้งสุดท้ายว่า กำลังทำคดีเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งสังหารคนไปแล้วกว่า 10 คน ขณะที่กำลังเดินไปถามที่บ้านหลังหนึ่งย่านชานเมืองกับคู่หูผมที่ชื่อว่า บิล เขาเป็นหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาล รูปร่างกำยำ ล่ำสัน ผิวสีแทนซึ่งขัดกับชื่อของเขาซึ่งน่าจะเป็นชาวคอเคเชียนเสียมากกว่า แต่อย่างไรก็ดี เขาก็เป็นคู่หูให้กับผมซึ่งถูกย้ายมาที่แผนก ‘สอบสวนคดีฆาตกรรมพิเศษ’ ซึ่งเป็นแผนกฝันร้ายของใครหลายๆคน
ในขณะที่ผมกำลังขับรถอยู่นั้น ปัง! เสียงปืนนัดหนึ่งดังขึ้น ด้วยนิสัยที่บ้าบิ่น และบวกกับความอยากรู้อยากเห็นตามสัญชาตญาณมนุษย์ ผมกระโดดออกจากรถทางหน้าต่างแล้วรีบวิ่งเข้าไปในซอยเปลี่ยวซึ่งเป็นต้นเสียง ผมชักปืน 9มม.คู่ใจแล้วรีบวิ่ง โดยปล่อยให้บิลที่กำลังงงๆอยู่ในรถค่อยตามมาทีหลัง ผมวิ่งเข้าตรอกๆหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปตามทางแยกต่างๆที่ผมคิดเอาไว้ แล้วพบกับร่างของหญิงสาวผมบลอนด์นอนจมกองเลือด โดยที่มีแผลถูกยิงที่ขา ผมวิ่งเข้าไปก่อนจะ
ตูม! ถูกซัดเข้าที่ท้ายทอยอย่างจังจนสลบไป...
กลับมาที่ห้องสุดโทรมอีกครั้ง ตอนนี้นาฬิกาที่ขาผมมันเริ่มเดินซะแล้ว ผมรู้ทันทีว่าผมต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ จากการเก็บข้อมูลของแผนกนิติเวชของกรม ผู้ต้องหารายที่ผมกำลังตามล่าอยู่นี้มักจะผูกระเบิดไว้ที่ขาของผู้เคราะห์ร้าย แล้วระเบิด จากนั้นก็จะให้ผู้เคราะห์ร้ายค่อยๆตายอย่างทุกข์ทรมานจากพิษบาดแผลและอาการเลือดออกจำนวนมาก ที่จริงผมนั้นอายุแค่ 24 แถมยังเพิ่งได้เข้าทำงานในกรมเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น และนี่คือผลจากการกระทำของผมมาทั้งชีวิตงั้นหรือ? ผมลองย้อนนึกกลับไปถึงหลายๆอย่างที่ยังไม่ได้ทำ บ้านก็ยังไม่ได้ซื้อ แฟนก็ยังไม่ได้หา ค่ากระจกแตกก็ยังใช้ไม่หมด และอื่นๆอีกมากมาย รวมถึงนึกคำพูดสุดท้ายของหัวหน้าแผนกที่พูดกับผมก่อนออกมาตรวจการว่า
‘ไอ้หนู ไอพวกโรคจิตเนี่ย มันร้ายนึก อย่าชะล่าใจเชียว...’
หากผมย้อมเวลากลับไปแก้ไขได้ ผมคงไม่มารอความตายอยู่ที่นี่หรอก.....
4เดือนก่อน
“ทำลายแผงลอยในตลาด 4 แผง ข้าวของเสียหายตีมูลค่าหลักหมื่น ใช้อาวุธในขณะปฎิบัติหน้าที่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ 7 คน รถยนต์ชนกันกว่า 10 คัน เพียงเพื่อไล่จับไอ้ขี้ยาคนเดียวเนี่ยนะ?” นี่คือสิ่งที่หัวหน้าแผนก ‘ตรวจการทั่วไป’ ของผมเอ่ยกับผมในที่ทำงานของเขา ชาวคอเคเชี่ยนหัวล้านพุงพลุ้ยในชุดตำรวจทำเอาผมไม่สบอารมณ์กับเขาจริงๆ
“ครับ ผมคิดว่าชายคนนั้นมีอาวุธครับ” ผมตอบ
“มีสิ ปืนพลาสติกไง มันคงจะยิงจนไส้คุณทะลักออกมาเลยสินะ?”
“ผมไม่ทราบครับ ในเวลานั้นผู้คนจอแจมาก แถมมันยังหลบ...”
“เป็นตำรวจแค่ปืนเด็กเล่นกับปืนจริงแยกไม่ออกหรือไง? ใครสอนคุณมากเนี่ย!”เขาเริ่มมีน้ำโห
“ในการปฎิบัติ..”
“ผมไม่ทราบหรอกนะ! ว่าคุณจะทำยังไงหรือจะจัดการเรื่องนี้ยังไง? ผมได้รับเรื่องราวร้องเรียนมาหลายสิบเรื่องแค่คุณมาแค่เดือนเดียว! คุณคิดว่าคุณเป็นใครน่ะ นาวิกโยธินหรอ? คอมมานโดหรอ? หน่วยวินาศกรรมหรอ? คุณถึงทำอะไรพวกนั้นน่ะ? คุณคิดว่าเรากำลังตามจับใครอยู่? แก๊งทรชนงั้นหรือ? ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติงั้นหรือ?” เขาลุกขึ้นก่อนจะโยนเอกสารอัดใส่หน้าผม
“พวกเราตามจับแค่พวกวิ่งราว! ขโมย โจรกระจอก!”
“ถ้าคุณอยากทำอะไรที่สนุกกว่านี้ล่ะก็ได้เลย!” ปัง! เขาทุบโต๊ะ แล้วหยิบเอกสารมาฉบับหนึ่งแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไปในใบนั้น ก่อนจะเซ็น ส่วนผมได้แต่ฟังและมองการกระทำของเขา
“คุณได้ลาพัก1อาทิตย์ ระหว่างนี้เก็บของและรีบๆไสหัวออกจากเมืองนี้แล้วเข้ากรุงเบิร์นซะ! ไปกรมใหญ่ ถามถึงหน่วมสอบสวนคดีพิเศษแล้วคุณจะได้งานที่นั่น” เขาหยิบเอกสารนั้นใส่แฟ้มประจำตัวของผม
“แล้วก็เชิญคุณไสหัวออกไปได้แล้ว! ไป๊!”
จากนั้นผมก็เดินออกไปตามอย่างสเต็ปที่พระเอกควรจะทำ ในขณะที่ผู้คนเฝ้ามองอยู่ด้านนอกต่างนินทาเป็นเสียงจอแจ ผมไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่หรอก ก่อนจะรีบเก็บของทั้งหมด อาจเพราะเพิ่งย้ายมาก็ได้ ผมใช้เวลาเก็บโต๊ะเพียง10นาทีก่อนจะรีบเดินหายลับออกไปจากสถาณีที่แสนชิงชังนี้
และนั่น คือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายของผม
ความคิดเห็น