ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : I didn\'t
      ความรู้สึกนี้อีกแล้วหรือเนี่ย
      ความรู้สึกล่องลอย ไม่มีอะไรอยู่ในสมอง
      ที่นี่คือสวรรค์รึเปล่านะ
      แต่จู่ๆฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบ
      ไม่นี่ เรายังไม่ตาย
      ฉันลืมตาขึ้น เจ็บไปทั้งตัว
      ทำไมเรายังไม่ตายล่ะ ฉันคิด เกิดอะไรขึ้น
      มือของฉันสัมผัสถูกอะไรเปียกๆ
      นี่มัน? ฉันมองไปข้างๆ
      ตอนนั้นฉันคงกรีดร้องออกมาเต็มที่ น่าแปลก ไม่มีเสียงอะไรลอดออกมาจากปากฉัน
ความกลัวดูเหมือนจะกลั่นกรองออกมาเป็นเสียงไม่ได้
      ภาพที่อยู่ตรงนั้นคือ วิลล์ แบลร์ เขานอนนิ่ง ดวงตาเบิกโพลง จมอยู่ในกองเลือด ที่
คอของเขาถูกแทงด้วยไขควงอันใหญ่
      ฉันกวาดตามองไปรอบตัว ในห้องไม่มีใครเลย ที่พื้นมีกล่องเปิดอยู่ เครื่องมือตกลง
มากระจัดกระจาย ไขควงอันนั้นคงออกมาจากกล่องนี่เอง
      ฉันไม่ได้ทำ
      ฉันคิด แต่ไม่มีใครคนอื่นอยู่ในห้อง แล้วใครล่ะเป็นคนทำ
      ฉันนั่งอยู่ตรงนั้นไม่รู้นานเท่าไร แต่มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงคนที่ทางเดินคุยกัน
      “ฉันต่างหากที่ทำให้ชนะ”
      “อะไรกันเล่า ถ้าไม่มีฉันเราจะชนะได้เรอะ”
      “แต่วันนี้ทีมของเจ้าพวกนั้นเล่นไม่ดีเลยแฮะ มิน่าถึงแข่งแพ้ ”
      แล้วประตูห้องก็เปิดออก
      อลันยืนอยู่ตรงนั้น
      “นี่มันเกิดอะ ”
      อลันพูดขึ้นเบาๆ อเล็กซ์รู้สึกตัวแล้วเขาผลักอลันเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังปัง
      ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงคนเดินผ่านไป
      “เชลซี ” อเล็กซ์ พูดขึ้นเอื่อยๆ “ เกิดอะไรขึ้น ”
      “ฉัน ” ฉันพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนมีน้ำค่อยๆไหลออกจากตา
      จู่ๆอเล็กซ์ก็ลุกขึ้นยืน เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋า แล้วใช้มันห่อไขควง พลาง
ดึงขึ้นมา
      “เชลซี หันมาทางนี้ ”อลันพูด
      อเล็กซ์ใช้ผ้าเช็ดรอยนิ้วมือออก เขาเดินไปที่ประตู แล้วเช็ดที่ลูกบิด
      “ไม่มีแผลใช่มั้ย เชลซี”
      ฉันพยักหน้า
      “ดี” อเล็กซ์พูดพลางมองไปรอบๆ
      “ปากกานั่น ของเธอใช่มั้ย” อเล็กซ์ชี้ไปที่ปากกาบนพื้น
      ฉันพยักหน้า อเล็กซ์เก็บขึ้นมา เอาผ้าเช็ดหน้าห่อ แล้วใส่ลงในกระเป๋า
      “เชลซี ถอดนั่นออกแล้วใส่นี่” อลันพูด เขาชี้มาที่สเว็ตเตอร์เปื้อนเลือด แล้วหยิบเสื้อ
วอร์มจากในกระเป๋ามาให้
      “ใช้นี่ล้างหน้ากับมือซะ” อเล็กซ์ยื่นขวดน้ำให้
      “กระโปรงเลอะรึเปล่า ดึงเสื้อลงมาปิดสิ”
      ฉันทำตามที่สองคนนั่นบอก เกือบ15นาทีต่อมาอเล็กซ์ก็จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
      “เช็ดรอยนิ้วมือที่ลูกบิดด้านนอกแล้ว ” อเล็กซ์พูด “อลัน ดูที่หน้าต่างซิ มีใครรึเปล่า”
      “ไม่มี” อลันพูด แล้วปีนออกไปที่กันสาด “ลงมาสิ”
      “แต่ว่า ”
      “ไม่เป็นไร” อเล็กซ์บอก “ตรงริมสุดมีส่วนที่ปีนลงไปได้ง่าย แล้วแถวนั้นก็ยังมีทางออก
จากโรงเรียนที่ปลอดคนอีก เชื่อเราเถอะ”
      ฉันยอมทำตามที่ทั้งสองคนพูด รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่อพาร์ตเมนท์ของอลันกับอเล็กซ์แล้ว
      “อย่างงั้นเองเหรอ”
      ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้สองคนฟัง ทั้งสองคนนั่งเงียบเป็นเวลานานก่อนที่อเล็กซ์จะพูดขึ้น
      “ตอนที่เธอฟื้น ไม่มีใครอยู่ในห้องใช่มั้ย”
      ฉันก้มมองถ้วยกาแฟ ก่อนจะพยักหน้า
      “งั้นถ้าเกิดว่ามีคนอื่นเข้ามาในห้องหลังจากนั้น ก็คงต้องเป็นช่วงไม่กี่นาทีหลังจากเธอ
หมดสติไป แล้วก็ต้องเป็นช่วงก่อนที่เธอจะฟื้นด้วย”
      “ก็คือ ” อลันต่อ “ถ้ามีคนอื่น ก็เข้ามาในช่วงบ่ายสองถึงสี่โมงครึ่ง ”
      “เธอจำไม่ได้จริงๆเหรอว่ามีใครเข้ามาหลังจากนั้นรึเปล่า”
      “ไม่มีหรอก” ฉันพูด กำถ้วยกาแฟแน่นขึ้น “แต่ถึงฉันจะจำตอนที่ฉันฆ่าเขาไม่ได้ ก็ไม่
ได้หมายความว่าฉันไม่ได้ฆ่าเขาใช่มั้ย”
      “เราไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ”
      “ไม่หรอก ” ฉันพูด “ฉันรู้ว่าพวกเธอคิด แต่หวังไม่ให้มันเป็นอย่างนั้นต่างหาก ดูจากตอน
ที่พวกเธอช่วยกันทำลายหลักฐานในห้องนั้น ฉันก็รู้แล้ว”
      “แต่เชลซี บางทีอาจมีคนอื่น ” อเล็กซ์พูดเสียงอ่อน
      “ไม่หรอก ทุกอย่างก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้ว จะมีใครซะอีก นอกจากฉัน”
      “เอาเถอะ ” อลันพูด “ตอนนี้น่ะเรายังปักใจเชื่อไม่ได้ว่าเป็นเธอ แต่ฉันว่า บางทีเธอน่าจะ
สงบใจซักพัก แล้วหลังจากนั้นค่อยกลับบ้านหรือ ”
      “ฉันไม่อยากกลับบ้าน ” ฉันพูด “ พวกเขาคงไว้ใจไม่ได้หรอก ”
      “ใครเหรอ” อลันพูด
      ฉันยังคงนั่งเงียบ
      “เชลซี ” อเล็กซ์พูด “มีอะไรก็เล่ามาเถอะ เราจะฟัง”
      ท้องฟ้าของตอนกลางคืนค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ พร้อมๆกับเรื่องราวต่างๆที่ออกมาจากปาก
ฉัน ทั้งสองคนยังคงนั่งนิ่ง คอยคิดวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆที่ฉันพูดให้ฟัง
      “ ถ้าอย่างนั้น ” อเล็กซ์พูด “ก็น่าจะสรุปได้ว่า ” เขามองมาทางฉัน “พ่อแม่ของเชลซี
น่าจะปิดบังเรื่องอะไรซักอย่างอยู่ แล้วก็” อเล็กซ์ทำท่าคิด “คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรแน่ เลยไม่
อยากให้เธอรู้ ”
      “งี้นี่เอง ” อลันเอ่ยขึ้นเบาๆ
      “เฮ้ อลัน นายเห็นด้วยมั้ย”
      “อะไรเหรอ”
      อเล็กซ์มองมาทางฉัน “ฉันว่าให้เชลซีพักอยู่กับเราไปก่อนดีกว่า ตามที่ว่ามา ฉันก็ไม่ค่อย
ไว้ใจคนทางบ้านของเธอซักเท่าไร พรุ่งนี้เราจะกลับบ้านที่อยู่อีกเมือง บางทีเราไปด้วยกันทั้งสาม
คนก็ได้ แล้วรอจนสถานการณ์ดีขึ้นก็ค่อยกลับมา ดีมั้ย”
      “แต่ว่า ” ฉันพูด “อย่างนั้นก็เท่ากับหนีน่ะสิ”
      “เรายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ” อเล็กซ์พูด “ต่อให้เป็นเธอจริงๆ โทษก็คงไม่หนักหนาอะไร
เชลซีเพิ่งอายุ16 แถมเท่าที่ฟังมานั่นมันเป็นการป้องกันตัวชัดๆ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เราสนใจ เราห่วง
จิตใจของเธอมากกว่า ว่าไง ตกลงมั้ย ไว้ใจเรารึเปล่า”
      “ไว้ใจ แต่ว่า ”
      “เอาเถอะ” อลันพูด “คืนนี้ฉันจะนอนกับอเล็กซ์ เชลซีนอนที่ห้องฉันละกัน ล็อกกุญแจไว้ ฉัน
จะให้ทั้งกุญแจสำรองกับอันจริงด้วย”
      “อือ ขอบใจนะ”
      “แล้วก็นี่กุญแจห้องน้ำ เธอเก็บไว้นะ ไปอาบน้ำซะ แล้วนอน พรุ่งนี้เราจะได้ออกเดินทางกัน”
      “จ้ะ”
      คืนวันนั้นฉันนอนไม่หลับ ยังมีบางสิ่งตกค้างอยู่ในใจฉัน
      มีสองเรื่องที่ฉันยังไม่เล่าให้ใครฟัง ทั้งเรื่องที่แบลร์เรียกฉันว่าอีออส เหมือนชื่อในหนังสือนั่น
และเรื่องที่รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะในตอนนั้น
      “ต้องหลับแล้วล่ะ ” ฉันพูดกับตัวเอง “ทำใจให้สงบดีกว่า พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแล้ว”
      ฉันข่มตาลง แต่ความคิดนั้นกลับค่อยๆดูดกลืนฉันเข้าไป เหมือนตกลงไปในความมืดที่ไม่มีจุด
สิ้นสุด ฉันค่อยๆจมดิ่งไปเรื่อยๆ
      เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นความฝันก็ได้ ฉันคิด แล้วพอเราตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็คงจะเป็นเหมือนเดิม
      ความเป็นจริงก็คือสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวที่สุดอยู่นั่นเอง
      ความรู้สึกล่องลอย ไม่มีอะไรอยู่ในสมอง
      ที่นี่คือสวรรค์รึเปล่านะ
      แต่จู่ๆฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบ
      ไม่นี่ เรายังไม่ตาย
      ฉันลืมตาขึ้น เจ็บไปทั้งตัว
      ทำไมเรายังไม่ตายล่ะ ฉันคิด เกิดอะไรขึ้น
      มือของฉันสัมผัสถูกอะไรเปียกๆ
      นี่มัน? ฉันมองไปข้างๆ
      ตอนนั้นฉันคงกรีดร้องออกมาเต็มที่ น่าแปลก ไม่มีเสียงอะไรลอดออกมาจากปากฉัน
ความกลัวดูเหมือนจะกลั่นกรองออกมาเป็นเสียงไม่ได้
      ภาพที่อยู่ตรงนั้นคือ วิลล์ แบลร์ เขานอนนิ่ง ดวงตาเบิกโพลง จมอยู่ในกองเลือด ที่
คอของเขาถูกแทงด้วยไขควงอันใหญ่
      ฉันกวาดตามองไปรอบตัว ในห้องไม่มีใครเลย ที่พื้นมีกล่องเปิดอยู่ เครื่องมือตกลง
มากระจัดกระจาย ไขควงอันนั้นคงออกมาจากกล่องนี่เอง
      ฉันไม่ได้ทำ
      ฉันคิด แต่ไม่มีใครคนอื่นอยู่ในห้อง แล้วใครล่ะเป็นคนทำ
      ฉันนั่งอยู่ตรงนั้นไม่รู้นานเท่าไร แต่มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงคนที่ทางเดินคุยกัน
      “ฉันต่างหากที่ทำให้ชนะ”
      “อะไรกันเล่า ถ้าไม่มีฉันเราจะชนะได้เรอะ”
      “แต่วันนี้ทีมของเจ้าพวกนั้นเล่นไม่ดีเลยแฮะ มิน่าถึงแข่งแพ้ ”
      แล้วประตูห้องก็เปิดออก
      อลันยืนอยู่ตรงนั้น
      “นี่มันเกิดอะ ”
      อลันพูดขึ้นเบาๆ อเล็กซ์รู้สึกตัวแล้วเขาผลักอลันเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังปัง
      ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีเสียงคนเดินผ่านไป
      “เชลซี ” อเล็กซ์ พูดขึ้นเอื่อยๆ “ เกิดอะไรขึ้น ”
      “ฉัน ” ฉันพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนมีน้ำค่อยๆไหลออกจากตา
      จู่ๆอเล็กซ์ก็ลุกขึ้นยืน เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋า แล้วใช้มันห่อไขควง พลาง
ดึงขึ้นมา
      “เชลซี หันมาทางนี้ ”อลันพูด
      อเล็กซ์ใช้ผ้าเช็ดรอยนิ้วมือออก เขาเดินไปที่ประตู แล้วเช็ดที่ลูกบิด
      “ไม่มีแผลใช่มั้ย เชลซี”
      ฉันพยักหน้า
      “ดี” อเล็กซ์พูดพลางมองไปรอบๆ
      “ปากกานั่น ของเธอใช่มั้ย” อเล็กซ์ชี้ไปที่ปากกาบนพื้น
      ฉันพยักหน้า อเล็กซ์เก็บขึ้นมา เอาผ้าเช็ดหน้าห่อ แล้วใส่ลงในกระเป๋า
      “เชลซี ถอดนั่นออกแล้วใส่นี่” อลันพูด เขาชี้มาที่สเว็ตเตอร์เปื้อนเลือด แล้วหยิบเสื้อ
วอร์มจากในกระเป๋ามาให้
      “ใช้นี่ล้างหน้ากับมือซะ” อเล็กซ์ยื่นขวดน้ำให้
      “กระโปรงเลอะรึเปล่า ดึงเสื้อลงมาปิดสิ”
      ฉันทำตามที่สองคนนั่นบอก เกือบ15นาทีต่อมาอเล็กซ์ก็จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
      “เช็ดรอยนิ้วมือที่ลูกบิดด้านนอกแล้ว ” อเล็กซ์พูด “อลัน ดูที่หน้าต่างซิ มีใครรึเปล่า”
      “ไม่มี” อลันพูด แล้วปีนออกไปที่กันสาด “ลงมาสิ”
      “แต่ว่า ”
      “ไม่เป็นไร” อเล็กซ์บอก “ตรงริมสุดมีส่วนที่ปีนลงไปได้ง่าย แล้วแถวนั้นก็ยังมีทางออก
จากโรงเรียนที่ปลอดคนอีก เชื่อเราเถอะ”
      ฉันยอมทำตามที่ทั้งสองคนพูด รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่อพาร์ตเมนท์ของอลันกับอเล็กซ์แล้ว
      “อย่างงั้นเองเหรอ”
      ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้สองคนฟัง ทั้งสองคนนั่งเงียบเป็นเวลานานก่อนที่อเล็กซ์จะพูดขึ้น
      “ตอนที่เธอฟื้น ไม่มีใครอยู่ในห้องใช่มั้ย”
      ฉันก้มมองถ้วยกาแฟ ก่อนจะพยักหน้า
      “งั้นถ้าเกิดว่ามีคนอื่นเข้ามาในห้องหลังจากนั้น ก็คงต้องเป็นช่วงไม่กี่นาทีหลังจากเธอ
หมดสติไป แล้วก็ต้องเป็นช่วงก่อนที่เธอจะฟื้นด้วย”
      “ก็คือ ” อลันต่อ “ถ้ามีคนอื่น ก็เข้ามาในช่วงบ่ายสองถึงสี่โมงครึ่ง ”
      “เธอจำไม่ได้จริงๆเหรอว่ามีใครเข้ามาหลังจากนั้นรึเปล่า”
      “ไม่มีหรอก” ฉันพูด กำถ้วยกาแฟแน่นขึ้น “แต่ถึงฉันจะจำตอนที่ฉันฆ่าเขาไม่ได้ ก็ไม่
ได้หมายความว่าฉันไม่ได้ฆ่าเขาใช่มั้ย”
      “เราไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ”
      “ไม่หรอก ” ฉันพูด “ฉันรู้ว่าพวกเธอคิด แต่หวังไม่ให้มันเป็นอย่างนั้นต่างหาก ดูจากตอน
ที่พวกเธอช่วยกันทำลายหลักฐานในห้องนั้น ฉันก็รู้แล้ว”
      “แต่เชลซี บางทีอาจมีคนอื่น ” อเล็กซ์พูดเสียงอ่อน
      “ไม่หรอก ทุกอย่างก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้ว จะมีใครซะอีก นอกจากฉัน”
      “เอาเถอะ ” อลันพูด “ตอนนี้น่ะเรายังปักใจเชื่อไม่ได้ว่าเป็นเธอ แต่ฉันว่า บางทีเธอน่าจะ
สงบใจซักพัก แล้วหลังจากนั้นค่อยกลับบ้านหรือ ”
      “ฉันไม่อยากกลับบ้าน ” ฉันพูด “ พวกเขาคงไว้ใจไม่ได้หรอก ”
      “ใครเหรอ” อลันพูด
      ฉันยังคงนั่งเงียบ
      “เชลซี ” อเล็กซ์พูด “มีอะไรก็เล่ามาเถอะ เราจะฟัง”
      ท้องฟ้าของตอนกลางคืนค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ พร้อมๆกับเรื่องราวต่างๆที่ออกมาจากปาก
ฉัน ทั้งสองคนยังคงนั่งนิ่ง คอยคิดวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆที่ฉันพูดให้ฟัง
      “ ถ้าอย่างนั้น ” อเล็กซ์พูด “ก็น่าจะสรุปได้ว่า ” เขามองมาทางฉัน “พ่อแม่ของเชลซี
น่าจะปิดบังเรื่องอะไรซักอย่างอยู่ แล้วก็” อเล็กซ์ทำท่าคิด “คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรแน่ เลยไม่
อยากให้เธอรู้ ”
      “งี้นี่เอง ” อลันเอ่ยขึ้นเบาๆ
      “เฮ้ อลัน นายเห็นด้วยมั้ย”
      “อะไรเหรอ”
      อเล็กซ์มองมาทางฉัน “ฉันว่าให้เชลซีพักอยู่กับเราไปก่อนดีกว่า ตามที่ว่ามา ฉันก็ไม่ค่อย
ไว้ใจคนทางบ้านของเธอซักเท่าไร พรุ่งนี้เราจะกลับบ้านที่อยู่อีกเมือง บางทีเราไปด้วยกันทั้งสาม
คนก็ได้ แล้วรอจนสถานการณ์ดีขึ้นก็ค่อยกลับมา ดีมั้ย”
      “แต่ว่า ” ฉันพูด “อย่างนั้นก็เท่ากับหนีน่ะสิ”
      “เรายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ” อเล็กซ์พูด “ต่อให้เป็นเธอจริงๆ โทษก็คงไม่หนักหนาอะไร
เชลซีเพิ่งอายุ16 แถมเท่าที่ฟังมานั่นมันเป็นการป้องกันตัวชัดๆ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เราสนใจ เราห่วง
จิตใจของเธอมากกว่า ว่าไง ตกลงมั้ย ไว้ใจเรารึเปล่า”
      “ไว้ใจ แต่ว่า ”
      “เอาเถอะ” อลันพูด “คืนนี้ฉันจะนอนกับอเล็กซ์ เชลซีนอนที่ห้องฉันละกัน ล็อกกุญแจไว้ ฉัน
จะให้ทั้งกุญแจสำรองกับอันจริงด้วย”
      “อือ ขอบใจนะ”
      “แล้วก็นี่กุญแจห้องน้ำ เธอเก็บไว้นะ ไปอาบน้ำซะ แล้วนอน พรุ่งนี้เราจะได้ออกเดินทางกัน”
      “จ้ะ”
      คืนวันนั้นฉันนอนไม่หลับ ยังมีบางสิ่งตกค้างอยู่ในใจฉัน
      มีสองเรื่องที่ฉันยังไม่เล่าให้ใครฟัง ทั้งเรื่องที่แบลร์เรียกฉันว่าอีออส เหมือนชื่อในหนังสือนั่น
และเรื่องที่รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะในตอนนั้น
      “ต้องหลับแล้วล่ะ ” ฉันพูดกับตัวเอง “ทำใจให้สงบดีกว่า พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแล้ว”
      ฉันข่มตาลง แต่ความคิดนั้นกลับค่อยๆดูดกลืนฉันเข้าไป เหมือนตกลงไปในความมืดที่ไม่มีจุด
สิ้นสุด ฉันค่อยๆจมดิ่งไปเรื่อยๆ
      เรื่องที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นความฝันก็ได้ ฉันคิด แล้วพอเราตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็คงจะเป็นเหมือนเดิม
      ความเป็นจริงก็คือสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวที่สุดอยู่นั่นเอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น