ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Silent Requiem

    ลำดับตอนที่ #6 : Mistrust

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 48


           หนังสือเปียโนเล่มนั้นยังเป็นปริศนาเหมือนเดิม



           ฉันซ่อนหนังสือเล่มนั้นไว้ในซอกเล็กๆข้างโต๊ะ ถ้าเผื่อว่ามีใครมาเจอมันเข้า อาจเป็นพ่อ

    หรือแม่ จะได้ไม่นำเอามันไปทำลายหรือซ่อนได้อีก



           ฉันลองพลิกดูทีละหน้าทีละหน้า เผื่อจะพบอะไรที่เกี่ยวช้องกับฉันอีก แต่ก็ไม่พบ ฉันถอน

    หายใจพลางพลิกไปหน้าสุดท้าย



           “อีออส…” ฉันพูด “…เธอเป็นใครกันนะ…”



           ฉันทิ้งสมุดลง



           ตอนเย็นวันหนึ่งหลังจากที่ฉันไปโรงเรียน ฉันกลับมาที่ห้อง แต่ขณะที่กำลังจะไปล้างหน้า

    ก็สังเกตเห็นว่าข้าวของในห้องแปลกไป ฉันนึกขึ้นได้ว่าบางทีตอนที่ฉันไม่อยู่อาจจะมีคนเข้ามา

    ในห้อง ขโมยเหรอ ความคิดแวบแรกผุดขึ้นมาในหัว ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นขโมยคงจะต้องมีของ

    หายสิ แต่เท่าที่ดูพวกของมีค่าต่างๆกลับไม่หาย คงจะเป็นพ่อหรือแม่มากกว่า



            แล้วทำไมพ่อแม่ถึงเข้ามาค้นของในห้องฉันล่ะ?



            ฉันไม่รู้เหตุผล แต่ก็คิดหาทางพิสูจน์ ดังนั้นในตอนเช้า ฉันแอบวางกับดักไว้นิดหน่อยที่

    ประตูห้อง



           ประตูห้องของฉันเป็นลูกบิดกลมๆ ใช้วิธีเปิดเข้าข้างใน ฉันใช้เวลานิดหน่อยว่าจะทำยังไง

    ดี ในที่สุดฉันก็คิดออก



            ตอนเช้า เวลาที่พ่อกับแม่ทานข้าวอยู่ ฉันจะแอบขึ้นมาเอาของ เมื่อจะออกจากห้อง ฉัน

    จะแอบเอากระดาษสีน้ำตาลที่กลืนไปกับพื้นไม้พับทบเล็กๆ เสียบเอาไว้ที่บานพับด้านล่างของ

    ประตูพอให้ปลายยื่นออกมานิดหน่อยไม่ให้น่าสังเกต แล้วทำตำแหน่งที่เสียบไว้ลางๆ แล้วจะ

    เปลี่ยนตำแหน่งทุก2-3วัน ก่อนที่จะเข้าห้อง ฉันจะเช็คดูก่อนว่ากระดาษยังอยู่ที่เดิมมั้ย ถ้ามี

    ใครเปิดออกมันก็จะหล่น หากเกิดเห็นเข้าและเสียบกลับไป ถ้าไม่ตรงกับตำแหน่งที่ฉันกำหนด

    ก็จะรู้ได้ทันที



            ฉันลองทำอย่างนั้นอยู่หลายวัน ไม่กี่วันต่อมาฉันก็พบว่ามีคนเข้ามาในห้องของฉันจริงๆ

            หลังจากนั้นฉันก็ลองวางกับดักไว้ในชั้นเก็บของ ที่ลิ้นชัก ฉันแอบเอาด้ายมาหนีบไว้ตรง

    ขอบไม้ด้านบนของลิ้นชัก ถ้ามีใครเปิดออก ด้ายก็จะหล่นลงมา และเมื่อวานนี้ฉันก็พบว่าด้าย

    หล่นออกมา ดังนั้นฉันจึงต้องระวังตัวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง



           ฉันนอนเล่นเพื่อพักสมองนิดหน่อย แล้วลุกขึ้น



           “จริงสิ ถ้างั้นเราเอานี่ไปด้วยคงจะดีกว่า” ฉันคิด



           ฉันเอาสมุดเล่มนั้นใส่ลงในช่องเล็กๆกระเป๋า เอาของที่อยู่ในช่องนั้นออกหมด แล้วค่อย

    ใส่ของทุกอย่างไว้ข้างหน้า คงไม่มีใครสนใจหนังสือเล่มนี้นอกจากพ่อและแม่



           ฉันกลับมาที่เตียง ปิดไฟ และนอนลง



           “อีออส…” ฉันพูดเบาๆ “ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร”



           ฉันพลิกตัวหนหนึ่งก่อนจะหลับไป





           “เชลซี จะกลับแล้วเหรอ กลับด้วยกันมั้ย” แคลร์ถาม



           “อ๋อ โทษทีนะ แคลร์ วันี้ฉันมีซ้อมเปียโนน่ะ”



           “อีกแล้วเหรอ ว้า…กะจะชวนไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดซะหน่อย”



           “อื้อ…โทษทีนะ พรุ่งนี้ฉันสัญญาว่าจะไปด้วยแน่ๆ ไปก่อนนะ บ๊ายบาย”



           ฉันเดินออกจากห้อง ตรงไปยังตึกกิจกรรม



           ตอนนี้ที่จริงก็ใกล้สอบมากแล้ว ชมรมจึงออกจะเงียบเหงาอยู่บ้าง ฉันค่อยๆเดินไปตาม

    ทางเดินวังเวงนั่นเหมือนปกติ แต่ก็มีอะไรบางอย่างแปลกไป



           “เอ๋…”



           เสียงเปียโนแว่วมาตามทางเดิน และดังคลอไปทั่วทั้งตัวตึก เป็นเสียงที่มีพลัง ท่วงทำนอง

    ทำให้รู้สึกอบอุ่น แต่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด เหมือนกับว่ามีความรู้สึกบางอย่างค่อยๆเอ่อล้นอยู่

    ในส่วนลึกๆของจิตใจ…



            “ใครเป็นคนเล่นกันนะ…” ฉันคิด



           ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องดนตรี เมื่อไปถึง คนคนหนึ่งที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้

    เปียโนเก่าคร่ำคร่าตัวเดิม แต่ท่าทางจริงจังของเขากลับต่างออกไปจากที่ฉันเคยเห็นมาก่อน

    เขาหันมามองตอนที่ฉันปรบมือให้



           “อ้าว เชลซีเองเหรอ” อเล็กซ์พูด “เข้ามาสิ กำลังรออยู่เลย”



           “เพลงเมื่อกี้เพราะมากเลยนะ…” ฉันพูด “อเล็กซ์นี่เล่นเก่งจังแฮะ”



           “เหรอ…ขอบคุณนะ” เขาพูดพลางหัวเราะ “แต่ก็เลิกมานานแล้ว ลืมๆไปมั่งเหมือนกัน เอ้า

    เรียนถึงไหนแล้วล่ะ ฉันจะได้สอนต่อเลย”



           “อ๋อ…อืม นี่” ฉันพูด พลางส่งแผ่นโน๊ตเพลงที่โจนส์สอนค้างไว้ให้



           “เล่นคล่องรึยัง” อเล็กซ์ถาม



           “คล่องแล้วล่ะ” ฉันพูด “ซ้อมทุกวันเลยนะ”



           “โอเค งั้นเริ่มเพลงใหม่ดีกว่า มีโน๊ตติดไว้มั่งรึเปล่า?” อเล็กซ์ถาม



           “เอ่อ…” แวบหนึ่งฉันนึกไปถึงหนังสือโน๊ตเพลงที่อยู่ในกระเป๋า “ไม่มีหรอก”



           “เหรอ งั้นเอาอะไรดีน้า…”



           “นี่ ถ้าไง…สอนเพลงเมื่อกี้ให้ฉันได้มั้ย”



           อเล็กซ์ทำท่าแปลกใจ “เอาจริงเหรอ ฉันว่าเพลงนั้นมันยากไปนา…เริ่มจากเพลงอื่นคงง่าย

    กว่า แต่…”



            “แต่อะไร”



            “ถ้าอยากเล่นเป็นจริงๆก็น่าจะได้ แต่ต้องฝึกนานกว่าเพลงก่อนๆหลายเท่าเลยนะ ขยันหน่อย

    ละกัน”



            “ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”



            “นี่ใกล้สอบแล้วนะ จะไหวเร้อ…”



            “อะไร ดูถูกกันรึไงเนี่ย อย่างฉันสบายอยู่แล้ว”



            “เอ้าๆ ก็ได้ อย่าล่มกลางคันล่ะ”



            “ว่าแต่อเล็กซ์เถอะ มาสอนฉันอย่างนี้เวลาดูหนังสือจะพอเหรอ…แต่จะว่าไปอเล็กซ์เรียนเก่ง

    นี่เนอะ”



            “แหงอยู่แล้ว ฉันมันอัจฉริยะนี่ ฟังมาจากอลันล่ะสิ”



            “อวดเชียวน้า…” ฉันพูด “เอาเหอะ เริ่มเรียนดีกว่า ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะอาจารย์”



            “อย่าเรียกงั้นสิ ฟังดูแก่ชะมัด” อเล็กซ์พูดพลางหัวเราะ





            “เฮ้ อเล็กซ์ เชลซี ยังเล่นไม่เสร็จอีกเหรอ” อลันพูด พลางเดินเข้ามาในห้อง “อ้าว เพลงนี้มัน…”



            “ใช่ เพลงนั้นแหละ ที่แม่ชอบเล่นให้ฟังไง” อเล็กซ์พูด



            “โห…เจ๋งนี่ เลิกเล่นมาหลายปีแล้วยังจำได้อีก” อลันนั่งลง “ว่าไง เชลซี สนุกมั้ย”



           “ยากชะมัดเลย” ฉันพูด “โน๊ตมั่วไปหมด มึนแล้วล่ะ”



           “ก็บอกแล้วไง เอาเถอะ เล่นแล้วพักซะมั่ง ถ้าเวียนหัวขึ้นมาจะพาลลืมหมดซะเปล่าๆ”



           “อืม…แล้วอลันไปไหนมาเหรอ” ฉันถาม



           “เล่นเบสบอลน่ะ เหงื่อแตกเต็มเลย” “อลันพูด “เออนี่อเล็กซ์ ที่ชมรมเบสบอลเขาชวนนายไป

    เล่นแน่ะ ไว้วันไหนไปมั้ย”



           “ได้สิ แต่รอก่อนนะ ให้ฉันสอนเพลงนี้จบก่อน ว่างๆค่อยไป”



           “อือ เอาสิ ไว้ฉันไปบอกพวกนั้นให้”



           “โอเค กลับกันเถอะ”





           หลายวันต่อมาโจนส์ก็กลับมาสอนฉันตามปกติ แต่อเล็กซ์ก็ยังมาสอนเพลงนั้นไม่จบ ฉันลอง

    เล่นให้โจนส์ดูนิดหน่อย



           “โอเค…ไม่เลวนี่” โจนส์พูด “ตะกุกตะกักนิดหน่อย แต่ถือว่าเก่ง เริ่มจากเพลงง่ายๆแล้วก้าว

    กระโดดมาสูงขนาดนี้ก็ยังทำได้ไม่เลว เหลือแค่ฝึกให้คล่อง ไว้เล่นได้ดีเมื่อไรฉันจะลองหาเพลง

    เพราะๆที่ยากๆหน่อยมาให้ฝึกนะ



           “จริงเหรอคะ” ฉันพูดอย่างดีใจ



           “อืม ฝีมือเธอไม่เลวเชียวแหละ ยังกับว่า…”



           “ยังกับว่า?” ฉันทวน



           “…เหมือนคนที่เคยเล่นมานานจนลืม แล้วกลับมาฝึกใหม่อีกครั้งน่ะ”



           ฉันไม่ได้พูดอะไร พลางก้มหน้าเล่นต่อไป



           “นี่ เชลซี ที่บ้านเธอไม่มีเปียโนใช่มั้ย”



           “ค่ะ”



           “งั้นตอนปิดเทอมมาฝึกที่นี่ก็ได้นะ คุณลุงเจ้าของตึกเขาเปิดให้แทบทุกวันเชียวล่ะ คนชมรม

    อื่นที่มาทำกิจกรรมก็มี แต่บางทีฉันอาจมาสอนไม่ได้”



           “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านฉันอยู่ใกล้ มาได้ตลอด ตอนปิดเทอมจะแอบซุ่มพัฒนาฝีมือให้อึ้ง

    ไปเลย” ฉันพูดอย่างร่าเริง



           “งั้นก็พยายามเข้าล่ะ” โจนส์พูดอย่างขำๆ “ช่วงสอบนี้ไม่ต้องซ้อมมากก็ได้นะ เดี๋ยวจะไม่มี

    เวลาอ่านหนังสือ”



           “ค่ะ ไม่เป็นไร สบายมาก”



           “งั้นฉันกลับก่อนนะ” โจนส์พูด



           “ค่ะ บ๊ายบาย”



           เมื่อโจนส์ออกจากห้องไป ฉันก็พักมือ พลางมองออกนอกหน้าต่าง



           “เคยเล่นเป็นมาก่อนงั้นเหรอ…” ฉันพูดกับตัวเอง “คงจะใช่ล่ะนะ แต่ฉันคงไม่มีทางรู้หรอก…”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×