ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Fate
      วันนี้ฉันต้องไปโรงเรียน
      พ่อแม่ติดต่อโรงเรียนให้ฉันได้แล้ว ฉันเคยบอกไปว่าอยากไปเรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งสองคนจึงจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้ฉัน เมื่อวานฉันก็เข้าไปชมโรงเรียนมาแล้ว และวันนี้ฉันก็จะ
ได้เรียนจริงๆซะที
      “จะไปเองเหรอจ๊ะเชลซี” แม่ถาม “ให้พ่อไปส่งมั้ย”
      “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณ” ฉันตอบ
      “โชคดีนะจ๊ะ”
      ฉันเดินไปโรงเรียนสบายๆ แต่ แน่นอน ใครๆก็ต้องตื่นเต้นอยู่แล้วเวลาเข้าโรงเรียนใหม่ สำหรับ
ฉันตื่นเต้นยิ่งกว่านั้น เพราะมันคือ “ครั้งแรก” อย่างน้อยก็เท่าที่ฉันจำได้
      ฉันนั่งรออยู่ในห้องพักครูจนเริ่มเข้าเรียน อาจารย์พาฉันมาส่งที่ห้อง ขณะที่เปิดประตูเข้าไป
ทุกคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานหันมามองฉันเป็นตาเดียว
      “ทุกคน นี่เพื่อนคนใหม่ของเรา เชลซี ดาเนียล ขอให้ทุกคนดีต่อกันด้วยนะ” อาจารย์พาฉัน
เข้าไปในห้อง ฉันมองหาที่นั่ง แล้วก็สังเกตเห็นว่ามีเด็กผู้ชายสองคนโบกมือให้ แล้วชี้ไปทางที่นั่ง
ข้างหน้าพวกเขา
      ฉันจึงตอบรับคำเชิญ และเดินไปนั่งที่ตรงนั้น ยังนั่งไม่เสร็จหนึ่งในนั้นก็ชวนฉันคุย
      “หวัดดี เธอเป็นนักเรียนใหม่เหรอ”
      “เจ้าโง่ อาจารย์ก็บอกแล้วนี่ เมื่อวานฉันเห็นเธอด้วยล่ะ” อีกคนพูด
      “ฉันเห็นก่อนนายอีก ที่หน้าห้องธุรการน่ะ” คนเดิมโต้กลับ
      “เจ๋งดีนะ เข้ามาเรียนกลางเทอมเลย”
      “อืม ช่าย นี่ก็ใกล้จะสอบปลายภาคแล้วด้วย”
      “เออจริงสิ” อีกคนหนึ่งพูด “ฉัน อเล็กซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
      “ นี่ เจ้าฝาแฝดนาสเบิร์ก ” อาจารย์พูดอย่างรำคาญขณะที่กำลังสอน
      “ใช่ นามสกุลนาสเบิร์ก แล้วก็เป็นฝาแฝดด้วย ” อีกคนพูด “ฉัน อลัน ยินดีที่ โอ๊ย!”
      อาจารย์ปาชอล์กมาโดนหน้าผากคนที่ชื่ออลันเข้าอย่างจัง
      “โธ่ อาจารย์ อ้อ ใช่ ส่วนนั่นคืออาจารย์พาร์คเกอร์” อลันพูดกับฉันอีก
      “เธอรู้แล้ว เจ้านาสเบิร์กคนพี่ ไม่รู้รึไงว่าไม่ควรจีบสาวที่เพิ่งมาเรียนเป็นวันแรก หา” อาจารย์
พาร์คเกอร์ตะโกนอย่างหงุดหงิด คนทั้งห้องมองมาทางเราแล้วหัวเราะ ฉันเองก็หัวเราะด้วยเหมือนกัน
ไม่นานนักทุกคนก็เริ่มหันไปสนใจกับโจทย์บนกระดาน เมื่ออาจารย์ไม่สังเกต อลันแอบหันมาพูดกับฉันต่อ
      “โทษทีนะ เมื่อกี้พูดไม่จบ ” เขากระซิบ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
      “จ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
      “ทางนี้เป็นหอประชุม ถ้าเกิดว่าเดินไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้าย ก็จะเป็นโรงยิม แต่เธอคงรู้อยู่แล้วล่ะมั้ง”
      “อือ จ้ะ”
      “อาจารย์พาร์คเกอร์นี่จริงๆเลยนะ” อเล็กซ์พูด “ก่อนเข้าเรียนก็เคยมาแล้วนี่ ทำไมถึงให้เราพามาอีก”
      “คงเพราะเห็นพวกเราสนิทกันล่ะมั้ง ” อลันตอบ “ไม่ก็คงรำคาญที่เราทำให้ห้องเสียงดัง”
      “น่านสิ” อเล็กซ์พูดต่อ “แต่ก็ชอบนะ ได้โดดเรียนตั้งหลายคาบ”
      อลันหัวเราะ “เออ จริงของนาย เห็นด้วยเหมือนกัน”
      “อ้อ เชลซี ที่นี่ก็เป็นตึกกิจกรรมน่ะ พวกห้องชมรมก็จะอยู่ที่นี่ เข้าไปดูรึยัง ”
      “ชมรมเหรอ?”
      “อืม จริงสิ เพิ่งเข้าใหม่ยังไม่ได้เข้าชมรมนี่นา ไปดูหน่อยดีกว่ามั้ง แต่วันธรรมดาระหว่างเรียนแบบ
นี้คงไม่มีใครอยู่หรอกมั้ง”
      ทั้งสามคนเดินเข้าไปในตึก
      “ที่นี่มีชมรมอะไรบ้าง?”
      “ก็พวกชมรมกีฬา ชมรมเชียร์หรือพวกเต้นรำก็มี ” อเล็กซ์พูดระหว่างที่มองดูห้องต่างๆริมทางเดิน
“ชมรมศิลปะก็ไม่เลวนะ ห้องชมรมก็น่าอยู่ด้วย”
      “ที่นายชอบห้องชมรมน่าอยู่แบบนี้เพราะอยากแวบเข้าไปนอนกลางวันน่ะสิ”
      “อ้าว รู้ทันจนได้”
      “ก็แหงสิ เราเป็นฝาแฝดกันนา ” อลันพูด “แต่ชมรมโรงเรียนเราก็ไม่เลวนะ ชมรมบาสก็ได้แข่ง
ใหญ่บ่อยๆ ชมรมดนตรีก็มีเด็กเก่งระดับประเทศอยู่ด้วย อ๊ะ นี่ไง ห้องชมรมดนตรี ”
      อลันชี้เข้าไปในห้องมืดๆห้องหนึ่ง เครื่องดนตรีหลายชิ้นวางไว้ในสภาพพร้อมใช้งาน ตู้ที่ผนังมีถ้วย
รางวัลอัดแน่น ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในห้องรั้งฉันเอาไว้ มันคือความรู้สึกที่เหมือนเคยเกิดขึ้น
มาก่อน
      นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกคุ้นเคย
      “เข้าไปดูหน่อยมั้ย” อลันพูด
      ฉันเดินเข้าไปในห้อง เดินมองนู่นมองนี่ ข้าวของในห้องมีเยอะกว่าที่คิด แต่แล้วฉันก็หยุดเดิน
ก่อนที่ตัวเองจะรู้ตัวด้วยซ้ำ
      ฉันหันกลับไปมอง ที่มุมห้องนั่นมีเปียโนตัวเล็กๆตั้งอยู่ ฉันเอามือเปิดผ้าคลุมออก ความรู้สึกคุ้น
เคยยิ่งปรากฎชัดขึ้นไปอีก เปียโนไม้ที่ถึงจะเก่าแต่ก็เหมือนมีมนต์ขลัง ฉันเอามือลูบไปบนฝาเปิดที่ทำ
จากไม้ขัดมันก่อนจะเปิดมันขึ้น คีย์สีขาวดำแต่ละตัวท่าทางจะผ่านการใช้งานมานาน ฉันลองเอานิ้วกด
ลงไปดู มีเสียงใสกังวานดังขึ้น
      ฉันรู้จักมัน
      “เฮ้ เธอเล่นเปียโนเป็นด้วยเหรอ” อลันพูด
      ฉันสะดุ้ง กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “เปล่านี่ ทำไมเหรอ”
      “ถ้าเล่นได้ก็ดีสิ ที่จริงฉันก็เป็นแบบงูๆปลาๆน่ะนะ หมอนี่สิ เล่นเก่งชะมัดเลย” อลันชี้ไปทางอเล็กซ์
      “เฮ่ย อะไรกัน ฉันเลิกไปแล้วนะ ไปกันต่อเถอะ เชลซี” อเล็กซ์พูด
      “ไม่ต้องแล้วล่ะ” ฉันพูด
      “หา” ทั้งสองคนร้องออกมาพร้อมๆกัน
      “ฉันจะเข้าชมรมดนตรี”
      “กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ” แม่ทักเมื่อฉันกลับมาถึงบ้าน
      “ค่ะ”
      สักพักฉันก็โผล่หน้าไปที่ห้องครัว
      “แม่คะ” ฉันเรียก
      “จ๊ะ”
      “บ้านเรามีใครเล่นเปียโนเป็นรึเปล่าคะ”
      “ไม่มีหรอกจ้ะ”
      “ไม่มีเลยเหรอคะ”
      “จ้ะ ไม่มี”
      ฉันถอนใจ ท่าทางแม่จะปิดบังอะไรฉันอยู่ คงจะต้องหาทางสืบเองซะแล้ว
      “แค่ก”
      ฉันไอออกมาระหว่างสำลักควันเพราะรื้อของ
      ห้องเก็บของของบ้านคือห้องใต้หลังคา ทั้งมืดทั้งเย็น แต่มันก็มีเหตุผลที่ฉันต้องออกมาหาของตอนนี้
      “ฝุ่นเข้าตาหมดเลย” ฉันบ่น พลางมองหาของที่วางระเกะระกะ
      ฉันค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าฉันต้องเคยเล่นเปียโนเป็น แต่ดูจากที่พ่อแม่คอยปิดบังเกี่ยวกับตัวตนที่
แท้จริงของฉันในอดีต ถ้ามีของเกี่ยวกับเปียโนที่เป็นของฉันจริงๆพวกเขาคงทิ้งไปหมดแล้ว แต่ก็ยังอด
หวังลมๆแล้งๆไม่ได้ ฉันยังตั้งหน้าตั้งตาหาต่อไป
      “เอ๊ะ ” ฉันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในกองเอกสารเก่าๆ
      ฉันแกะเชือกที่มัดเอกสารนั่นอย่างเบามือ ค่อยๆหยิบเอกสารออกมาทีละนิด แล้วสิ่งที่ฉันสังเกตเห็น
ก็อยู่ตรงนั้น ใช่จริงๆ
      หนังสือโน๊ตเพลงเก่าๆเล่มหนึ่งปนอยู่ในนั้น คนที่มัดของคงไม่สังเกตขณะที่ผูกมันเข้ากับกองเอกสาร
เชลซีมองที่หน้าปก หนังสือโน๊ตเปียโนสำหรับผู้เริ่มหัดเล่น หนังสือเล่มนั้นเป็นสีเหลืองเพราะความเก่า หน้า
บางหน้าถูกฉีกไป ฉันลองเปิดดูจนท้ายเล่ม จนได้พบอะไรบางอย่าง
        “เอ๋?” ในหน้าสุดท้ายนั้นมีบางอย่างเขียนไว้
        “ อี โอ เอส ?”
        “อีโอเอส?” ฉันทวน “อะไรน่ะ คำย่อเหรอ ไม่หรอก ชื่อคนมากกว่า อ่านว่าอะไรนะ? อี ออส?”
        อีออสเหรอ? ใครน่ะ
        ฉันพลิกสมุดดูอีกรอบ สมุดเล่มนี้คงเก่ามาก อาจจะถึงสิบปีได้ ตอนนี้ฉันอายุ16 ถ้าเจ้าของซื้อสมุด
เล่มนี้มาเมื่ออายุราวๆ5ขวบ ก็คงอายุพอๆกับฉันสินะ
        บางที
      พ่อแม่ติดต่อโรงเรียนให้ฉันได้แล้ว ฉันเคยบอกไปว่าอยากไปเรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งสองคนจึงจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆให้ฉัน เมื่อวานฉันก็เข้าไปชมโรงเรียนมาแล้ว และวันนี้ฉันก็จะ
ได้เรียนจริงๆซะที
      “จะไปเองเหรอจ๊ะเชลซี” แม่ถาม “ให้พ่อไปส่งมั้ย”
      “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณ” ฉันตอบ
      “โชคดีนะจ๊ะ”
      ฉันเดินไปโรงเรียนสบายๆ แต่ แน่นอน ใครๆก็ต้องตื่นเต้นอยู่แล้วเวลาเข้าโรงเรียนใหม่ สำหรับ
ฉันตื่นเต้นยิ่งกว่านั้น เพราะมันคือ “ครั้งแรก” อย่างน้อยก็เท่าที่ฉันจำได้
      ฉันนั่งรออยู่ในห้องพักครูจนเริ่มเข้าเรียน อาจารย์พาฉันมาส่งที่ห้อง ขณะที่เปิดประตูเข้าไป
ทุกคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานหันมามองฉันเป็นตาเดียว
      “ทุกคน นี่เพื่อนคนใหม่ของเรา เชลซี ดาเนียล ขอให้ทุกคนดีต่อกันด้วยนะ” อาจารย์พาฉัน
เข้าไปในห้อง ฉันมองหาที่นั่ง แล้วก็สังเกตเห็นว่ามีเด็กผู้ชายสองคนโบกมือให้ แล้วชี้ไปทางที่นั่ง
ข้างหน้าพวกเขา
      ฉันจึงตอบรับคำเชิญ และเดินไปนั่งที่ตรงนั้น ยังนั่งไม่เสร็จหนึ่งในนั้นก็ชวนฉันคุย
      “หวัดดี เธอเป็นนักเรียนใหม่เหรอ”
      “เจ้าโง่ อาจารย์ก็บอกแล้วนี่ เมื่อวานฉันเห็นเธอด้วยล่ะ” อีกคนพูด
      “ฉันเห็นก่อนนายอีก ที่หน้าห้องธุรการน่ะ” คนเดิมโต้กลับ
      “เจ๋งดีนะ เข้ามาเรียนกลางเทอมเลย”
      “อืม ช่าย นี่ก็ใกล้จะสอบปลายภาคแล้วด้วย”
      “เออจริงสิ” อีกคนหนึ่งพูด “ฉัน อเล็กซ์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
      “ นี่ เจ้าฝาแฝดนาสเบิร์ก ” อาจารย์พูดอย่างรำคาญขณะที่กำลังสอน
      “ใช่ นามสกุลนาสเบิร์ก แล้วก็เป็นฝาแฝดด้วย ” อีกคนพูด “ฉัน อลัน ยินดีที่ โอ๊ย!”
      อาจารย์ปาชอล์กมาโดนหน้าผากคนที่ชื่ออลันเข้าอย่างจัง
      “โธ่ อาจารย์ อ้อ ใช่ ส่วนนั่นคืออาจารย์พาร์คเกอร์” อลันพูดกับฉันอีก
      “เธอรู้แล้ว เจ้านาสเบิร์กคนพี่ ไม่รู้รึไงว่าไม่ควรจีบสาวที่เพิ่งมาเรียนเป็นวันแรก หา” อาจารย์
พาร์คเกอร์ตะโกนอย่างหงุดหงิด คนทั้งห้องมองมาทางเราแล้วหัวเราะ ฉันเองก็หัวเราะด้วยเหมือนกัน
ไม่นานนักทุกคนก็เริ่มหันไปสนใจกับโจทย์บนกระดาน เมื่ออาจารย์ไม่สังเกต อลันแอบหันมาพูดกับฉันต่อ
      “โทษทีนะ เมื่อกี้พูดไม่จบ ” เขากระซิบ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
      “จ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
      “ทางนี้เป็นหอประชุม ถ้าเกิดว่าเดินไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้าย ก็จะเป็นโรงยิม แต่เธอคงรู้อยู่แล้วล่ะมั้ง”
      “อือ จ้ะ”
      “อาจารย์พาร์คเกอร์นี่จริงๆเลยนะ” อเล็กซ์พูด “ก่อนเข้าเรียนก็เคยมาแล้วนี่ ทำไมถึงให้เราพามาอีก”
      “คงเพราะเห็นพวกเราสนิทกันล่ะมั้ง ” อลันตอบ “ไม่ก็คงรำคาญที่เราทำให้ห้องเสียงดัง”
      “น่านสิ” อเล็กซ์พูดต่อ “แต่ก็ชอบนะ ได้โดดเรียนตั้งหลายคาบ”
      อลันหัวเราะ “เออ จริงของนาย เห็นด้วยเหมือนกัน”
      “อ้อ เชลซี ที่นี่ก็เป็นตึกกิจกรรมน่ะ พวกห้องชมรมก็จะอยู่ที่นี่ เข้าไปดูรึยัง ”
      “ชมรมเหรอ?”
      “อืม จริงสิ เพิ่งเข้าใหม่ยังไม่ได้เข้าชมรมนี่นา ไปดูหน่อยดีกว่ามั้ง แต่วันธรรมดาระหว่างเรียนแบบ
นี้คงไม่มีใครอยู่หรอกมั้ง”
      ทั้งสามคนเดินเข้าไปในตึก
      “ที่นี่มีชมรมอะไรบ้าง?”
      “ก็พวกชมรมกีฬา ชมรมเชียร์หรือพวกเต้นรำก็มี ” อเล็กซ์พูดระหว่างที่มองดูห้องต่างๆริมทางเดิน
“ชมรมศิลปะก็ไม่เลวนะ ห้องชมรมก็น่าอยู่ด้วย”
      “ที่นายชอบห้องชมรมน่าอยู่แบบนี้เพราะอยากแวบเข้าไปนอนกลางวันน่ะสิ”
      “อ้าว รู้ทันจนได้”
      “ก็แหงสิ เราเป็นฝาแฝดกันนา ” อลันพูด “แต่ชมรมโรงเรียนเราก็ไม่เลวนะ ชมรมบาสก็ได้แข่ง
ใหญ่บ่อยๆ ชมรมดนตรีก็มีเด็กเก่งระดับประเทศอยู่ด้วย อ๊ะ นี่ไง ห้องชมรมดนตรี ”
      อลันชี้เข้าไปในห้องมืดๆห้องหนึ่ง เครื่องดนตรีหลายชิ้นวางไว้ในสภาพพร้อมใช้งาน ตู้ที่ผนังมีถ้วย
รางวัลอัดแน่น ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างในห้องรั้งฉันเอาไว้ มันคือความรู้สึกที่เหมือนเคยเกิดขึ้น
มาก่อน
      นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกคุ้นเคย
      “เข้าไปดูหน่อยมั้ย” อลันพูด
      ฉันเดินเข้าไปในห้อง เดินมองนู่นมองนี่ ข้าวของในห้องมีเยอะกว่าที่คิด แต่แล้วฉันก็หยุดเดิน
ก่อนที่ตัวเองจะรู้ตัวด้วยซ้ำ
      ฉันหันกลับไปมอง ที่มุมห้องนั่นมีเปียโนตัวเล็กๆตั้งอยู่ ฉันเอามือเปิดผ้าคลุมออก ความรู้สึกคุ้น
เคยยิ่งปรากฎชัดขึ้นไปอีก เปียโนไม้ที่ถึงจะเก่าแต่ก็เหมือนมีมนต์ขลัง ฉันเอามือลูบไปบนฝาเปิดที่ทำ
จากไม้ขัดมันก่อนจะเปิดมันขึ้น คีย์สีขาวดำแต่ละตัวท่าทางจะผ่านการใช้งานมานาน ฉันลองเอานิ้วกด
ลงไปดู มีเสียงใสกังวานดังขึ้น
      ฉันรู้จักมัน
      “เฮ้ เธอเล่นเปียโนเป็นด้วยเหรอ” อลันพูด
      ฉันสะดุ้ง กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “เปล่านี่ ทำไมเหรอ”
      “ถ้าเล่นได้ก็ดีสิ ที่จริงฉันก็เป็นแบบงูๆปลาๆน่ะนะ หมอนี่สิ เล่นเก่งชะมัดเลย” อลันชี้ไปทางอเล็กซ์
      “เฮ่ย อะไรกัน ฉันเลิกไปแล้วนะ ไปกันต่อเถอะ เชลซี” อเล็กซ์พูด
      “ไม่ต้องแล้วล่ะ” ฉันพูด
      “หา” ทั้งสองคนร้องออกมาพร้อมๆกัน
      “ฉันจะเข้าชมรมดนตรี”
      “กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ” แม่ทักเมื่อฉันกลับมาถึงบ้าน
      “ค่ะ”
      สักพักฉันก็โผล่หน้าไปที่ห้องครัว
      “แม่คะ” ฉันเรียก
      “จ๊ะ”
      “บ้านเรามีใครเล่นเปียโนเป็นรึเปล่าคะ”
      “ไม่มีหรอกจ้ะ”
      “ไม่มีเลยเหรอคะ”
      “จ้ะ ไม่มี”
      ฉันถอนใจ ท่าทางแม่จะปิดบังอะไรฉันอยู่ คงจะต้องหาทางสืบเองซะแล้ว
      “แค่ก”
      ฉันไอออกมาระหว่างสำลักควันเพราะรื้อของ
      ห้องเก็บของของบ้านคือห้องใต้หลังคา ทั้งมืดทั้งเย็น แต่มันก็มีเหตุผลที่ฉันต้องออกมาหาของตอนนี้
      “ฝุ่นเข้าตาหมดเลย” ฉันบ่น พลางมองหาของที่วางระเกะระกะ
      ฉันค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าฉันต้องเคยเล่นเปียโนเป็น แต่ดูจากที่พ่อแม่คอยปิดบังเกี่ยวกับตัวตนที่
แท้จริงของฉันในอดีต ถ้ามีของเกี่ยวกับเปียโนที่เป็นของฉันจริงๆพวกเขาคงทิ้งไปหมดแล้ว แต่ก็ยังอด
หวังลมๆแล้งๆไม่ได้ ฉันยังตั้งหน้าตั้งตาหาต่อไป
      “เอ๊ะ ” ฉันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในกองเอกสารเก่าๆ
      ฉันแกะเชือกที่มัดเอกสารนั่นอย่างเบามือ ค่อยๆหยิบเอกสารออกมาทีละนิด แล้วสิ่งที่ฉันสังเกตเห็น
ก็อยู่ตรงนั้น ใช่จริงๆ
      หนังสือโน๊ตเพลงเก่าๆเล่มหนึ่งปนอยู่ในนั้น คนที่มัดของคงไม่สังเกตขณะที่ผูกมันเข้ากับกองเอกสาร
เชลซีมองที่หน้าปก หนังสือโน๊ตเปียโนสำหรับผู้เริ่มหัดเล่น หนังสือเล่มนั้นเป็นสีเหลืองเพราะความเก่า หน้า
บางหน้าถูกฉีกไป ฉันลองเปิดดูจนท้ายเล่ม จนได้พบอะไรบางอย่าง
        “เอ๋?” ในหน้าสุดท้ายนั้นมีบางอย่างเขียนไว้
        “ อี โอ เอส ?”
        “อีโอเอส?” ฉันทวน “อะไรน่ะ คำย่อเหรอ ไม่หรอก ชื่อคนมากกว่า อ่านว่าอะไรนะ? อี ออส?”
        อีออสเหรอ? ใครน่ะ
        ฉันพลิกสมุดดูอีกรอบ สมุดเล่มนี้คงเก่ามาก อาจจะถึงสิบปีได้ ตอนนี้ฉันอายุ16 ถ้าเจ้าของซื้อสมุด
เล่มนี้มาเมื่ออายุราวๆ5ขวบ ก็คงอายุพอๆกับฉันสินะ
        บางที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น