ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fiction++!! gintama hiji X oki

    ลำดับตอนที่ #5 : บทเรียนภาคพิเศษตอนสุดท้าย:เวลาหน้ามืดตามัวคงเป็นเพราะเราดมกลิ่นน้ำหอมมากจนเกินไป

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 55


    บทเรียนภาคพิเศษตอนสุดท้าย:เวลาหน้ามืดตามัวคงเป็นเพราะเราดมกลิ่นน้ำหอมมากจนเกินไป

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    มีบางอย่างกำลังจะเริ่มอยู่บนเตียงที่ไม่รู้ว่าโผล่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงรักทั้งสอง ชายหนุ่มผมดำเฝ้าจุมพิตคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม รู้สึกพึงใจในความหอมหวานอบอวลของคนตรงหน้าที่ไม่ได้ปฏิเสธความต้องการของเขาเหมือนอย่างเคย ใบหน้าหวานที่รู้ถึงการเต้นของหัวใจตัวเองดีก็ยินยอมที่จะโอนอ่อนไปตามบรรยากาศชวนฝันเช่นนี้ คนตัวเล็กได้รับกลิ่นไอจากร่างสูงก็รู้สึกวาบหวามและรู้ได้ว่าต่อให้ขัดขืนไปก็ไร้ค่า ในเมื่อมันก็มาจากความต้องการของเขาเช่นกัน กำแพงสูงที่ล้อมอยู่รอบๆ ก่อให้เกิดบรรยากาศรัญจวนใจ เป็นไปได้ว่าห้องนี้คงได้ใช้ในหลายความหมายเสียแล้ว  คนผมดำจุมพิตริมฝีปากบางอย่างเบาและเนิ่นนานราวกับจะจดจำสัมผัสนี้เอาไว้ก่อนที่จะเริ่มจู่โจมอย่างหนักหน่วง และร้อนแรงจนคนข้างล่างหายใจไม่ทัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังรับสู้ งานนี้ไม่น่ารอด

     

    ยัง! จะเป็นอย่างนั้นไมได้ !!

     

    ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้กลับมาอีกครั้งหลังจากที่แทบหยุดหายใจ คนตัวเล็กรับรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ

     

    กลิ่นที่หอมหวานชวนหลงใหลนั้น แท้จริงแล้วมันคือต้นเหตุ! กลิ่นอโรมานั้นคงมีสารบางอย่างที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ผู้ที่สูดดมอาจขาดสติ เหมือนเจ้าบ้าฮิจิคาตะนี่!

     

    เพื่อระงับสติตัวเอง คนตัวเล็กปิดจมูกพร้อมใช้มือผลักไสคนข้างบนเพื่อไม่ให้เกิดการลุกลามไปมากกว่านั้น ดูจะเป็นการขัดใจคนผมดำเป็นอย่างมาก แต่ เพื่อความอยู่รอด คนตัวเล็กตัดสินใจลุกไปนั่งให้ไกลที่สุด ก่อนที่จะถูกจู่โจมอีกครั้ง

     

    “อิ๊อิอาอะ อิดอ่ะอู่กอิ่(ฮิจิคาตะ ปิดจมูกสิ)”คนตัวเล็กพูดทั้งๆที่ปิดจมูก จนเกิดเสียงอู้ๆอี้ๆ คนฟังที่กำลังจะจู่โจม ถึงกับตีหน้างง  

     

    “หา?”ทำหน้าโง่สุดฤทธิ์

     

    “ปิดจมูกไหงโว้ยย!!”คนตัวเล็กวีนแตก  ปล่อยมือออกจากจมูกเสีย

     

    “ปิด ทำไมอ่ะ?”คนนี้ยังโง่อยู๋

     

    “...”

     

    ทำไม ทำไมถึงโง่ได้โล่อย่างนี้วะ?

     

    คนตัวเล็กอึกอัก ทั้งๆที่อีกฝ่ายยังทำหน้าไม่เข้าใจ  จะให้พูดได้อย่างไรล่ะ ของแบบนี้มันต้องใช้สัมผัสพิเศษ

     

    อีกอย่าง พูดไปแล้วไอ้หมอนี่มันจะสนเหรอ!?

     

    เอาวะ เสี่ยงเป็นเสี่ยง

     

    “ก็ไอ้กลิ่นนี่มันทำให้เกิดอารมณ์น่ะสิ!” คนตัวเล็กทำหน้าเคะเต็มที่ พอพูดแบบนี้แล้วคนฟังอยากจับกดมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

     

    “แล้วไงต่อ?”

     

    แล้วไงต่อ แล้วไงต่อเหรอ  ไอ้บ้ามายองเนส! เอ็งถามมานี่เอ็งคิดบ้างไหมวะ? ว่าแล้วเชียว ไอ้หมอนี่มันไม่ได้สนใจเลยสักนิด

     

    คนตัวเล็กตีสีหน้าหงุดหงิดเสียเต็มประดา คนผมดำนั้นพอจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย จึงขยับตัวไปหาคนผมน้ำตาลแบบไม่ให้ไก่ตื่น แต่ถึงกระนั้น เจ้าตัวก็ไม่ยอมลดลาสักนิด กระเถิบหนีให้ไกลเท่าเดิม คนผมดำที่จ้องมา ทำเอาคนถูกมองนั่งไม่ติด  ทั้งอายทั้งกลัว สารพัดจะรุมเร้า ตำรวจผมดำที่ดูนิ่งยังคงไม่ละความพยายาม  หวังจะประชิดตัวให้ได้

     

    “อย่าเข้ามานะ”เสียงกึ่งวิงวอน ทำคนผมดำชะงัก เมื่อเห็นน้ำตาปริ่มๆของเด็กผู้ชายตรงหน้า  เล่นเอาอยากไปปลอบให้หนำใจ(ปลอบยังไงเนี่ย) แต่ดูจากสีหน้าแล้ว แมวตัวนี้ไม่มีท่าทีว่าจะเชื่องง่ายๆ สมกับที่เคยดื้ออย่างไรก็ดื้ออย่างนั้น  ยามที่เขาดูสดใสนั้นทำให้หัวใจของเขาพองโตอยู่ไม่น้อย แต่พอเล่นบทเจ้าน้ำตานั้น ก็เรียกคะแนนหัวใจเขาไปเต็มๆ เห็นแล้วทั้งสงสาร สงสัย และเสียดายไปในเวลาเดียวกัน

     

    “แล้วยังไง? นายจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ?”  คนพูดมองไปในจุดที่ทั้งสองรู้กัน คนฟังหน้าแดง รู้สึกกระดากอายแทน    “นายเองก็เข้าใจในแบบของนาย พูดตรงๆฉันไม่เข้าใจกับนายหรอก โดนยาแล้วมันยังไง มันก็ช่วยไม่ได้ใช่ไหมที่พวกเราจะโดน แทนที่จะแก้ปัญหา ปล่อยให้มันผ่านไปจะดีกว่าไหม” 

    “อีกอย่าง นายจะยอมรับไหมล่ะว่าที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะยาเพียงแค่อย่างเดียว”

     

    คนผมดำมีสีหน้าจริงจังพอๆกันกับคำพูด คงเพราะสายตาอันร้อนแรงของเขาหรือเปล่าที่ทำให้อีกฝ่ายหวาดหวั่น ดูไปแล้วเขาคงจะเหลืออด  มันก็แทบทุกครั้งที่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีใจให้ เพียงแค่ข้ามผ่านความรู้สึกที่ปิดกั้น ก็เท่านั้น

     

    “มันไม่ตลกเลย เราเป็นผู้ชายนะ นายไม่เคยรู้สึกขยะแขยงในสิ่งที่ตัวเองเป็นสักนิดเลยเหรอ”  อีกฝ่ายเถียงทั้งน้ำตา   เห็นแล้วอยากไปปลอบประโลมแล้วปลุกปล้ำจริงๆ (ยังหื่นไม่เลิก)

     

    “...”

     

    ความเงียบแทนคำตอบ จะบ้าเหรอ

     

    “ฉัน...แค่ทำตามเสียงหัวใจ  มันไม่ผิดไม่ใช่เหรอ?”คุณตำรวจผมดำทำเสียงเว้าวอน เล่นเอาหัวใจคนฟังอ่อนยวบยาบ  ด้วยใบหน้าที่จริงจัง แววตาที่มั่นคง มันก็ทำให้คนตัวเล็กนั้นหลงได้ไม่ยาก แต่เรื่องมันยากที่ความสับสนในหัวใจของเขานี่สิ

     

    พูดกันตรงๆ ไอ้ที่นั่งร้องไห้นี่มันก็ไม่ค่อยเป็นผู้ชายอย่างที่ควรเท่าไหร่  แต่จะให้เขายอมรับเลยมันก็ไม่ง่ายสักหน่อย   คิดได้ดังนั้นเขาจึงปาดน้ำตาตัวเอง แล้วมาคิดถึงเหตุผลที่เขาเป็นอยู่ บอกไม่ถูก มันก็รู้สึกดีนี่นะเวลาอยู่กับเขา  แต่เขาก็เป็นคนรักของพี่นะ และพี่ก็ดูจะรักเขามากด้วย  ถึงแม้พี่จะไม่อยู่แล้วก็ตาม  นั่นคือสิ่งที่เขาคิด  ผู้ชายคนนี้รักพี่...ต่างหาก

     

    “นาย..ไม่ได้ รักพี่ฉันเหรอ?”คนตัวเล็กถามเสียงอ่อยๆ ใบหน้าสีแดงจัดกับคำถามที่ต้องการความแน่ใจของตัวเอง นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้ชายผมดำใจเต้น

     

    “รักสิ แต่รักนายมาก...มากเกิน”ร่างหนาขยับตัวเข้าประชิดร่างบาง ซึ่งไม่ได้มีท่าทีขัดขืนฝืนใจแต่อย่างใด “อยากพิสูจน์ไหมล่ะ?” แววตาที่ท้าทายค่อยๆกระซิบข้างๆหู ก่อนจะโอบล้อมคนตัวเล็กให้อยู่ในอ้อมแขน ความอบอุ่นที่คนตัวใหญ่มอบให้นั้น ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่นัก แต่อาการสั่นของคนผมน้ำตาลที่ไม่ได้ขัดขืน แต่กลับดูน่าสงสาร  ทำให้เขาต้องห้ามใจอีกครั้ง

     

    “เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ทำอะไรนาย เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ไม่ใช่เพราะกลิ่น แต่ฉันไม่รับปากนะว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน”คนพูดหน้าแดงซ่านไม่ต่างจากคนฟัง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีสายตาก็มักจะจับจ้องไปอยู่ที่คนๆนี้ ในครั้งแรกที่รู้ตัวนั้น ใจมันยอมรับยากจริงๆ หลายครั้งที่พยายามปฏิเสธตัวเองว่าไม่ใช่ แต่พอได้สัมผัสแล้ว เป็นต้องลืมเหตุผลไปเสียทุกครั้ง ไม่ว่าเขาจะเป็นแบบไหน ก็ยังรักที่เป็นแบบนี้อยู่สิน่า

     

    “...”

     

    ไออุ่นจากคนตัวโต ทำเอาคนตัวเล็กยอมรับสัมผัสนั้นแบบเต็มใจ รอยยิ้มเล็กๆที่ผุดขึ้นมาจากมุมปากของคนหน้าหวานทำให้หัวใจอีกคนพองโต และเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เรียกได้ว่าครั้งแรกเลยมั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มหวานไร้ความซาดิสม์

     

    ให้ตายเถอะ! ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปได้ผิดคำพูดแน่ๆ

     

    ฟุ่บ!

     

    การลุกอย่างเฉียบพลันของอีกฝ่ายทำให้คนตัวเล็กหน้าคว่ำลงหมอน รู้สึกงงๆนิดๆ ความรู้สึกซาดิสม์จางๆเริ่มเข้ามา

     

    “เอาล่ะ ได้เวลาหาตัวคาซึระต่อ” ท่านรองกลับมาตีหน้าเป็นการเป็นงาน แม้ความรู้สึกเมื่อกี๊นั้นยังไม่หายไปก็ตาม กลิ่นอโรมานั้นก็ยังมีอยู่ รวมถึงน้องชายก็ยังไม่นอน!

     

    “ครับๆ คุณฮิจิคาตะ”คนนี้แอบมีอารมณ์หงุดหงิด ไม่รู้ทำไม

     

    บังเอิญจุดที่นั่งกับจุดที่ยืนของฮิจิคาตะตรงกัน หัวหน้าหน่วยหนึ่งถึงกับตึงไปเลย เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างกำลังต้องการออกมาจากเป้าของคนตรงหน้า

     

    “เอ่อ คุณฮิจิคาตะ ไอ้นั่น...”ท่านรองหันมองตามเสียงแล้วถึงกับกระโดดหันหลังให้แทบตกเตียง

     

    “อย่ามายั่วนัก เดี๋ยวจับกดเสียให้เข็ด”คนผมดำพูดทั้งๆที่อายอยู่ คนฟังถึงกับสะดุ้ง

     

    ไปยั่วเอ็งที่ไหน? ก็มันลุกจริงๆนี่หว่า...

     

     

     

    ฉับ!!  ตัดจบกันดื้อๆ!บทเรียนภาคพิเศษตอนสุดท้าย:เวลาหน้ามืดตามัวคงเป็นเพราะเราดมกลิ่นน้ำหอมมากจนเกินไป

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    มีบางอย่างกำลังจะเริ่มอยู่บนเตียงที่ไม่รู้ว่าโผล่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงรักทั้งสอง ชายหนุ่มผมดำเฝ้าจุมพิตคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม รู้สึกพึงใจในความหอมหวานอบอวลของคนตรงหน้าที่ไม่ได้ปฏิเสธความต้องการของเขาเหมือนอย่างเคย ใบหน้าหวานที่รู้ถึงการเต้นของหัวใจตัวเองดีก็ยินยอมที่จะโอนอ่อนไปตามบรรยากาศชวนฝันเช่นนี้ คนตัวเล็กได้รับกลิ่นไอจากร่างสูงก็รู้สึกวาบหวามและรู้ได้ว่าต่อให้ขัดขืนไปก็ไร้ค่า ในเมื่อมันก็มาจากความต้องการของเขาเช่นกัน กำแพงสูงที่ล้อมอยู่รอบๆ ก่อให้เกิดบรรยากาศรัญจวนใจ เป็นไปได้ว่าห้องนี้คงได้ใช้ในหลายความหมายเสียแล้ว  คนผมดำจุมพิตริมฝีปากบางอย่างเบาและเนิ่นนานราวกับจะจดจำสัมผัสนี้เอาไว้ก่อนที่จะเริ่มจู่โจมอย่างหนักหน่วง และร้อนแรงจนคนข้างล่างหายใจไม่ทัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังรับสู้ งานนี้ไม่น่ารอด

     

    ยัง! จะเป็นอย่างนั้นไมได้ !!

     

    ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้กลับมาอีกครั้งหลังจากที่แทบหยุดหายใจ คนตัวเล็กรับรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ

     

    กลิ่นที่หอมหวานชวนหลงใหลนั้น แท้จริงแล้วมันคือต้นเหตุ! กลิ่นอโรมานั้นคงมีสารบางอย่างที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ผู้ที่สูดดมอาจขาดสติ เหมือนเจ้าบ้าฮิจิคาตะนี่!

     

    เพื่อระงับสติตัวเอง คนตัวเล็กปิดจมูกพร้อมใช้มือผลักไสคนข้างบนเพื่อไม่ให้เกิดการลุกลามไปมากกว่านั้น ดูจะเป็นการขัดใจคนผมดำเป็นอย่างมาก แต่ เพื่อความอยู่รอด คนตัวเล็กตัดสินใจลุกไปนั่งให้ไกลที่สุด ก่อนที่จะถูกจู่โจมอีกครั้ง

     

    “อิ๊อิอาอะ อิดอ่ะอู่กอิ่(ฮิจิคาตะ ปิดจมูกสิ)”คนตัวเล็กพูดทั้งๆที่ปิดจมูก จนเกิดเสียงอู้ๆอี้ๆ คนฟังที่กำลังจะจู่โจม ถึงกับตีหน้างง  

     

    “หา?”ทำหน้าโง่สุดฤทธิ์

     

    “ปิดจมูกไหงโว้ยย!!”คนตัวเล็กวีนแตก  ปล่อยมือออกจากจมูกเสีย

     

    “ปิด ทำไมอ่ะ?”คนนี้ยังโง่อยู๋

     

    “...”

     

    ทำไม ทำไมถึงโง่ได้โล่อย่างนี้วะ?

     

    คนตัวเล็กอึกอัก ทั้งๆที่อีกฝ่ายยังทำหน้าไม่เข้าใจ  จะให้พูดได้อย่างไรล่ะ ของแบบนี้มันต้องใช้สัมผัสพิเศษ

     

    อีกอย่าง พูดไปแล้วไอ้หมอนี่มันจะสนเหรอ!?

     

    เอาวะ เสี่ยงเป็นเสี่ยง

     

    “ก็ไอ้กลิ่นนี่มันทำให้เกิดอารมณ์น่ะสิ!” คนตัวเล็กทำหน้าเคะเต็มที่ พอพูดแบบนี้แล้วคนฟังอยากจับกดมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

     

    “แล้วไงต่อ?”

     

    แล้วไงต่อ แล้วไงต่อเหรอ  ไอ้บ้ามายองเนส! เอ็งถามมานี่เอ็งคิดบ้างไหมวะ? ว่าแล้วเชียว ไอ้หมอนี่มันไม่ได้สนใจเลยสักนิด

     

    คนตัวเล็กตีสีหน้าหงุดหงิดเสียเต็มประดา คนผมดำนั้นพอจะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย จึงขยับตัวไปหาคนผมน้ำตาลแบบไม่ให้ไก่ตื่น แต่ถึงกระนั้น เจ้าตัวก็ไม่ยอมลดลาสักนิด กระเถิบหนีให้ไกลเท่าเดิม คนผมดำที่จ้องมา ทำเอาคนถูกมองนั่งไม่ติด  ทั้งอายทั้งกลัว สารพัดจะรุมเร้า ตำรวจผมดำที่ดูนิ่งยังคงไม่ละความพยายาม  หวังจะประชิดตัวให้ได้

     

    “อย่าเข้ามานะ”เสียงกึ่งวิงวอน ทำคนผมดำชะงัก เมื่อเห็นน้ำตาปริ่มๆของเด็กผู้ชายตรงหน้า  เล่นเอาอยากไปปลอบให้หนำใจ(ปลอบยังไงเนี่ย) แต่ดูจากสีหน้าแล้ว แมวตัวนี้ไม่มีท่าทีว่าจะเชื่องง่ายๆ สมกับที่เคยดื้ออย่างไรก็ดื้ออย่างนั้น  ยามที่เขาดูสดใสนั้นทำให้หัวใจของเขาพองโตอยู่ไม่น้อย แต่พอเล่นบทเจ้าน้ำตานั้น ก็เรียกคะแนนหัวใจเขาไปเต็มๆ เห็นแล้วทั้งสงสาร สงสัย และเสียดายไปในเวลาเดียวกัน

     

    “แล้วยังไง? นายจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเหรอ?”  คนพูดมองไปในจุดที่ทั้งสองรู้กัน คนฟังหน้าแดง รู้สึกกระดากอายแทน    “นายเองก็เข้าใจในแบบของนาย พูดตรงๆฉันไม่เข้าใจกับนายหรอก โดนยาแล้วมันยังไง มันก็ช่วยไม่ได้ใช่ไหมที่พวกเราจะโดน แทนที่จะแก้ปัญหา ปล่อยให้มันผ่านไปจะดีกว่าไหม” 

    “อีกอย่าง นายจะยอมรับไหมล่ะว่าที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะยาเพียงแค่อย่างเดียว”

     

    คนผมดำมีสีหน้าจริงจังพอๆกันกับคำพูด คงเพราะสายตาอันร้อนแรงของเขาหรือเปล่าที่ทำให้อีกฝ่ายหวาดหวั่น ดูไปแล้วเขาคงจะเหลืออด  มันก็แทบทุกครั้งที่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีใจให้ เพียงแค่ข้ามผ่านความรู้สึกที่ปิดกั้น ก็เท่านั้น

     

    “มันไม่ตลกเลย เราเป็นผู้ชายนะ นายไม่เคยรู้สึกขยะแขยงในสิ่งที่ตัวเองเป็นสักนิดเลยเหรอ”  อีกฝ่ายเถียงทั้งน้ำตา   เห็นแล้วอยากไปปลอบประโลมแล้วปลุกปล้ำจริงๆ (ยังหื่นไม่เลิก)

     

    “...”

     

    ความเงียบแทนคำตอบ จะบ้าเหรอ

     

    “ฉัน...แค่ทำตามเสียงหัวใจ  มันไม่ผิดไม่ใช่เหรอ?”คุณตำรวจผมดำทำเสียงเว้าวอน เล่นเอาหัวใจคนฟังอ่อนยวบยาบ  ด้วยใบหน้าที่จริงจัง แววตาที่มั่นคง มันก็ทำให้คนตัวเล็กนั้นหลงได้ไม่ยาก แต่เรื่องมันยากที่ความสับสนในหัวใจของเขานี่สิ

     

    พูดกันตรงๆ ไอ้ที่นั่งร้องไห้นี่มันก็ไม่ค่อยเป็นผู้ชายอย่างที่ควรเท่าไหร่  แต่จะให้เขายอมรับเลยมันก็ไม่ง่ายสักหน่อย   คิดได้ดังนั้นเขาจึงปาดน้ำตาตัวเอง แล้วมาคิดถึงเหตุผลที่เขาเป็นอยู่ บอกไม่ถูก มันก็รู้สึกดีนี่นะเวลาอยู่กับเขา  แต่เขาก็เป็นคนรักของพี่นะ และพี่ก็ดูจะรักเขามากด้วย  ถึงแม้พี่จะไม่อยู่แล้วก็ตาม  นั่นคือสิ่งที่เขาคิด  ผู้ชายคนนี้รักพี่...ต่างหาก

     

    “นาย..ไม่ได้ รักพี่ฉันเหรอ?”คนตัวเล็กถามเสียงอ่อยๆ ใบหน้าสีแดงจัดกับคำถามที่ต้องการความแน่ใจของตัวเอง นี่คือสิ่งที่ทำให้ผู้ชายผมดำใจเต้น

     

    “รักสิ แต่รักนายมาก...มากเกิน”ร่างหนาขยับตัวเข้าประชิดร่างบาง ซึ่งไม่ได้มีท่าทีขัดขืนฝืนใจแต่อย่างใด “อยากพิสูจน์ไหมล่ะ?” แววตาที่ท้าทายค่อยๆกระซิบข้างๆหู ก่อนจะโอบล้อมคนตัวเล็กให้อยู่ในอ้อมแขน ความอบอุ่นที่คนตัวใหญ่มอบให้นั้น ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่นัก แต่อาการสั่นของคนผมน้ำตาลที่ไม่ได้ขัดขืน แต่กลับดูน่าสงสาร  ทำให้เขาต้องห้ามใจอีกครั้ง

     

    “เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ทำอะไรนาย เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ไม่ใช่เพราะกลิ่น แต่ฉันไม่รับปากนะว่าจะทนได้อีกนานแค่ไหน”คนพูดหน้าแดงซ่านไม่ต่างจากคนฟัง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีสายตาก็มักจะจับจ้องไปอยู่ที่คนๆนี้ ในครั้งแรกที่รู้ตัวนั้น ใจมันยอมรับยากจริงๆ หลายครั้งที่พยายามปฏิเสธตัวเองว่าไม่ใช่ แต่พอได้สัมผัสแล้ว เป็นต้องลืมเหตุผลไปเสียทุกครั้ง ไม่ว่าเขาจะเป็นแบบไหน ก็ยังรักที่เป็นแบบนี้อยู่สิน่า

     

    “...”

     

    ไออุ่นจากคนตัวโต ทำเอาคนตัวเล็กยอมรับสัมผัสนั้นแบบเต็มใจ รอยยิ้มเล็กๆที่ผุดขึ้นมาจากมุมปากของคนหน้าหวานทำให้หัวใจอีกคนพองโต และเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เรียกได้ว่าครั้งแรกเลยมั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มหวานไร้ความซาดิสม์

     

    ให้ตายเถอะ! ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปได้ผิดคำพูดแน่ๆ

     

    ฟุ่บ!

     

    การลุกอย่างเฉียบพลันของอีกฝ่ายทำให้คนตัวเล็กหน้าคว่ำลงหมอน รู้สึกงงๆนิดๆ ความรู้สึกซาดิสม์จางๆเริ่มเข้ามา

     

    “เอาล่ะ ได้เวลาหาตัวคาซึระต่อ” ท่านรองกลับมาตีหน้าเป็นการเป็นงาน แม้ความรู้สึกเมื่อกี๊นั้นยังไม่หายไปก็ตาม กลิ่นอโรมานั้นก็ยังมีอยู่ รวมถึงน้องชายก็ยังไม่นอน!

     

    “ครับๆ คุณฮิจิคาตะ”คนนี้แอบมีอารมณ์หงุดหงิด ไม่รู้ทำไม

     

    บังเอิญจุดที่นั่งกับจุดที่ยืนของฮิจิคาตะตรงกัน หัวหน้าหน่วยหนึ่งถึงกับตึงไปเลย เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างกำลังต้องการออกมาจากเป้าของคนตรงหน้า

     

    “เอ่อ คุณฮิจิคาตะ ไอ้นั่น...”ท่านรองหันมองตามเสียงแล้วถึงกับกระโดดหันหลังให้แทบตกเตียง

     

    “อย่ามายั่วนัก เดี๋ยวจับกดเสียให้เข็ด”คนผมดำพูดทั้งๆที่อายอยู่ คนฟังถึงกับสะดุ้ง

     

    ไปยั่วเอ็งที่ไหน? ก็มันลุกจริงๆนี่หว่า...

     






                


     

     The End

    ฉับ!!  ตัดจบกันดื้อๆ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×