ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลัง Short fic #JJP #Jinson

    ลำดับตอนที่ #35 : (SF)NiorB: Paris in the rain (End)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 771
      43
      4 พ.ย. 61


    Paris in the rain (End)

    Cause anywhere with you feels right.

    Couple: Jinyoung x JB

    Theme: Rainy

    Feedback: #ฟิคบตน

     


                   อย่าลืมสั่งแอนโธนยองปมกันน้าาา ของมันต้องมีจริงๆแก!! ทดลองอ่านได้ที่ >>> Clicks 




    Paris in the rain (3)




                มาร์คไม่รู้ว่าแจบอมเลิกกับจินยองตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาแค่สังเกตได้ว่าแจบอมไม่ได้เอาแต่จ้องมือถือทุกครั้งที่มีแจ้งเตือนอีกแล้ว

                ตอนอยู่ที่สนามบิน มาร์คยังคิดว่ามันน่าหมั่นไส้มากๆด้วยซ้ำ ที่จินยองอ้อนแจบอมขนาดนั้นทั้งๆที่สองคนนั่นก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน อีกเดี๋ยวจินยองก็ปิดเทอม ยังไงก็ได้เจอกันที่โซลอยู่ดี

                แจบอมไม่ใช่พวกชอบสกินชิพในที่สาธารณะ แต่ตอนนั้นแจบอมปล่อยให้จินยองจับมืออยู่แบบนั้น กอดล่ำลาแน่นกว่าทุกที มาร์คยังแปลกใจกับท่าทีแปลกๆของเพื่อนอยู่เลย

                และระหว่างไฟลท์บินกลับมาโซล อยู่ๆ แจบอมก็ร้องไห้

                “หนังมันเศร้า”

                มาร์คพยักหน้ารับ เหลือบมองหนังรักแสนเศร้าที่เพิ่งเริ่มเล่นไปได้เพียงสิบกว่านาที ตัวเอกยังไม่เจอหน้ากันด้วยซ้ำ

                แต่มาร์คก็ไม่ได้เอ่ยทัก แจบอมเองก็คงไม่พร้อมตอบคำถามเขา ในฐานะเพื่อนที่เป็นห่วง เขาจึงปล่อยให้อีกคนร้องให้กับฉากที่พระนางหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังต่อไป

                “ฉันมีงานแข่งขันการกุศลในลอนดอนมาให้”

    “ลอนดอน?” แจบอมทวนคำของผู้จัดการทีม ยกแท็บเล็ตเลื่อนดูรายละเอียด แต่ก็ไม่ได้จดจ่อกับมันมากนัก เหมือนเจ้าตัวจมอยู่ในความคิดของตัวเองมากกว่า

    “เผื่อนายอยากไปหาจินยองไง”

    แจบอมไม่บ่นเรื่องจินยองให้ใครได้ยิน ไม่เคยบอกว่าความสัมพันธ์มันจบลงตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเพราะอะไร ถึงอย่างนั้น ทุกครั้งที่มีคนเอ่ยชื่อจินยองขึ้นมา แจบอมจะวางหนังสือ ถอดหูฟัง และสนใจบทสนทนาเป็นพิเศษ 

    อย่างเช่นตอนนี้

    “เออ แล้วจินยองสบายดีมั้ย ไม่ได้เจอเลย”

    และพอใครถามว่าจินยองเป็นอย่างไรบ้าง แจบอมก็ได้แต่ส่ายหน้า บอกว่าไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ก่อนจะยัดหูฟังกลับเข้าที่ สนใจหนังสือในมือต่อไปเหมือนไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไร

                “พี่หาคนอื่นไปแทนเถอะ” แจบอมทิ้งท้าย ปล่อยให้เมเนเจอร์คนเก่งยิ้มค้างไปเสียอย่างนั้น

                และแค่เดือนกว่า คนรอบตัวก็เริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง 

              พวกเขารู้ว่าจินยองกับแจบอมเลิกกัน ถึงอย่างนั้น แจบอมก็ดูไม่เศร้าใจเท่าไหร่ ออกจะยิ้มง่ายขึ้นด้วยซ้ำ ง่ายเสียจนมาร์คแอบคิดว่าบางที จินยองอาจไม่ใช่คนรักที่ดีเท่าไหร่นัก

                ไม่งั้นแจบอมคงไม่ทำใจได้เร็วขนาดนี้

               

     


                   Paris in the rain




    ตอนที่จินยองบอกว่าเลิกกับแจบอมแล้ว แจ็คสันโคตรลนลาน

                ถึงน้ำเสียงเพื่อนสนิทจะนิ่งเรียบ แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ประเด็นคือเขาไม่เคยเดตใครจริงจัง เลยไม่เข้าใจหรอกว่าการเลิกกันมันเป็นยังไง

                แต่ก็นะ ตอนนั้นก็เล่นใหญ่ไว้ก่อน อีกนิดก็ด่าพี่แม่งแล้ว กล้าดียังไงมาทิ้งเพื่อนเขาไป คนรักกันมันต้องอดทนป่ะวะ ระยะทางมันก็แค่เรื่องเล็ก บ่นจนจินยองกดตัดสายไปเลย

                แต่ไหงไปๆมาๆกลายเป็นแจ็คสันเล่นใหญ่ไปคนเดียวเสียอย่างนั้น

                “ไปดื่มกันมั้ย เดี๋ยวเลี้ยง”

                “ไม่เอา กูจะอ่านหนังสือสอบ”

                “ไอติมก็ได้ สักถ้วย”

                “กูกินไม่ได้ ยังไม่ถึงชีทเดย์”

                จินยองปฏิเสธคำชวนของแจ็คสัน เอาแต่สนใจมือถือในมือ สไลด์ดูอะไรไปเรื่อย ให้ตายเถอะเพื่อนรัก ไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนก็ช่วยเห็นแก่ค่าตั๋วเครื่องบินฮ่องกงมาลอนดอนหน่อยสิโว้ย

                “นี่มึงอกหักยังไงของมึงเนี่ยจินยอง”

                “ไม่ได้อกหัก”

                “ตลกละ คนอย่างมึงโดนพี่มันบอกเลิกจะไม่เศร้าเลยเหรอ”

                “ก็เศร้า”

                “นั่นไง มาเลยไอ้หมา มาร้องไห้กับอกพี่แจ็ค” จินยองค้อนให้เพื่อนสนิทตนที่ตบอกตัวเองอยู่ข้างๆ การมีแจ็คสันอยู่ด้วยมันก็ดี อย่างน้อยจินยองก็ได้เอาสมองไปสนใจอย่างอื่นนอกจากเรื่องเรียนบ้าง

                “กูไม่เป็นไรจริงๆ ก็แค่ห่างกันเฉยๆ”

                “อังกฤษกับเกาหลีมันห่างกันไม่พอเหรอวะ”

                “มึงไม่เข้าใจ”

                “จินยองเพื่อนรัก โดนพี่เขาทิ้งแล้วยังไปเออออกับเขาอีก จริงๆเขาอาจจะงอนมึงแต่มึงไม่รู้รึเปล่า”

                จินยองไม่เถียง ไม่ใช่เพราะเห็นด้วย แต่เพราะเขารู้ดีว่าคนนอกอย่างแจ็คไม่มีวันเข้าใจเหตุผลของเขาและแจบอม เพราะอย่างนั้นมันเลยเปล่าประโยชน์ที่จะต้องมานั่งอธิบาย

                จินยองยอมทุกอย่างเพื่อความสบายใจของพี่ มันเป็นความเสียสละครั้งใหญ่ในความรู้สึกของจินยอง และเป็นการพิสูจน์ตัวเองให้แจบอมรู้เสียทีว่าเขาน่ะ ไม่ได้คิดอะไรแบบเด็กๆอีกแล้ว

                เขามีเหตุผล และรับฟังแจบอมเสมอ

                ถ้าการเลิกกันมันดีแบบที่แจบอมบอกจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่นา

                “ให้กูโทรไปง้อพี่มันให้มั้ย”

                จินยองหัวเราะกับความเล่นใหญ่ของอีกคน มือหนาเอื้อมไปยีหัวคนตัวเล็กกว่าแทนคำตอบ

                “อยากโดนเขาสวดกลับมารึไง”

                “อย่าดูถูกนะ ระดับกูง้อใครเขาก็ใจอ่อนเหอะ”แจ็คสันอวดสรรพคุณ “ว่าไง ให้โทรเลยมั้ย”

                คนพูดชูมือถือเครื่องสวยให้ดูเป็นการยืนยันคำพูดตน ก่อนจินยองเดินมาแย่งมือถือไปจากมือแล้วใช้มันเคาะหน้าผากเพื่อนสนิทเบาๆ

    “ไม่ต้อง”

                คนอกหักส่งมือถือคืนให้แจ็คสัน ก่อนจะเดินไปอีกทางเป็นการตัดจบบทสนทนา ปล่อยให้แจ็คสันมองตามเงียบๆ

    หรือเพื่อนสนิทเขาจะยอมแพ้ในความสัมพันธ์ครั้งนี้แล้วจริงๆ

               

     


                   Paris in the rain




     

                พอเราเป็นอิสระจากกันและกัน เลิกพยายามจะรักษาความสัมพันธ์ตลอดเวลาเหมือนที่ผ่านมาในช่วงหลายเดือน แจบอมก็รู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด

                แจบอมไม่ต้องกังวล พะวงหน้าพะวงหลังเหมือนแต่ก่อน สมองของเขาปลอดโปร่ง และใจของเขาก็ไม่ลอยไปอยู่ลอนดอนตลอดเวลา

                จนกระทั่งมือถือของเขาดังขึ้น

                รู้ตัวอีกที ใจแจบอมก็เต้นจนจะหลุดจากอก แทบทำมือถือหล่นลงพื้นเพราะเบอร์ที่โชว์อยู่บนจอเป็นสายจากลอนดอน

                “ฮ..ฮัลโหล”

                เบอร์ของจินยอง

                “พี่อย่าทิ้งเพื่อนผมเลย มันกำลังตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อพี่นะ”

                ก่อนใจจะวูบเหมือนเลือดทั้งร่างกายวิ่งไปกองที่พื้น ตอนได้ยินสำเนียงเกาหลีแปร่งๆกับคำศัพท์เว่อๆอย่างคำว่าศึกษาเล่าเรียนที่คนทั่วไปไม่ใช้ในบทสนทนากับเพื่อน

                “แจ็คสัน?

                “เสียงสั่นเชียวน้า คิดถึงจินยองมันล่ะซี่”

                แจบอมหลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆขณะที่หูยังได้ยินเสียงหัวเราะยียวนของปลายสาย แจ็คสันพล่ามอะไรมากมายใส่หูเขา เป็นอาการเศร้าซึมของจินยองที่ฟังไม่ขึ้นสักอย่าง นอนร้องไห้ไม่ยอมไปเรียนเนี่ยนะ หมอนี่คิดว่าเขาไม่รู้จักพัคจินยองหรือไง

    แจบอมกดตัดสายทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ

    อยากบินไปลอนดอนเพื่อตบหัวแจ็คสันหวังชะมัด ให้ตายเถอะ

               ใช่ เหตุผลแค่นั้นแหละ ไม่ได้อยากไปลอนดอนเพราะจินยองเสียหน่อย

     


                   Paris in the rain




     

                โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งตอนห้าทุ่ม แจบอมกำลังเปิดหาโปรแกรมหนังดีๆดูแก้เซ็ง คราวนี้เบอร์โทรจากลอนดอนไม่ทำให้เขาตื่นเต้นเท่าครั้งแรกแล้ว แต่มันก็ยังทำให้แจบอมใจสั่นอยู่ดี

                “อะไรอีก”แจบอมเอ่ยถาม ดวงตาเรียวดุยังคงมองตรงไปยังหน้าจอMacbookขณะรอฟังคำพูดกวนประสาทจากแจ็คสัน

                “เสียงดุแบบนี้ แจ็คสันคงทำให้พี่หงุดหงิดจริงๆสินะครับ”

                น้ำเสียงทุ้มคุ้นหู ตามมาด้วยเสียงหัวเราะในลำคอ อยู่ๆร่างกายเขาก็ตื่นเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปทั้งตัว เป็นอาการแปลกๆที่เขาควบคุมไม่ได้

                “จินยอง...”

                ก็แค่เสียงของจินยอง

                “ครับ ผมเอง”

                ก็แค่เสียงที่ไม่ได้ยินมาเกือบเดือน

    “ผมแค่โทรมาขอโทษที่แจ็คสันมันโทรไปกวน” จินยองเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป “ไม่ต้องไปฟังมันนะ มันก็แค่ล้อเล่น”

    แจบอมกลืนน้ำลายลงไปพร้อมกับมวลน้ำตาที่จุกอยู่ตรงคอ น่าตลกชะมัด แค่ได้ยินเสียงทำไมต้องร้องไห้ด้วย เขาไม่ใช่คนแบบนั้นเสียหน่อย ถ้ามาร์คมาเข้าเห็นต้องโดนล้อแน่ๆ

    ไม่นึกว่าตัวเองขี้แยขนาดนี้ เลิกกันมาเป็นเดือนเขายังไม่ร้องไห้เลย 

    “ผมโทรมากวนหรือเปล่า”

    “ม..ไม่ๆ”แจบอมรีบตอบ ยกMacbookลงจากตัก ดึงเสื้อยืดยับๆให้เข้าที่เหมือนไม่อยากให้จินยองมาเห็นเขาในสภาพแบบนี้ทั้งที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายอยู่คนละทวีป

                แจบอมได้ยินเสียงหายใจเข้าออกของจินยองผ่านลำโพงทำให้รู้ว่าอีกคนยังไม่วางสาย เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรไหม เพราะดูเหมือนธุระของอีกฝ่ายจะจบแค่นั้น

                เขากดวางสายยังได้เลย

                “วันนี้ลอนดอนฝนตกด้วยล่ะ”

                แต่แจบอมสงสัย

    สงสัยว่าฝนตกที่ลอนดอนหนักแค่ไหน หนักพอจะทำให้คนลอนดอนเป็นหวัดหรือเปล่า

    แล้วถ้าคนลอนดอนขี้หนาวล่ะจะทำยังไง  

    หรือถ้าคนลอนดอนเป็นพวกขี้ลืม ชอบเผลอทิ้งร่มไว้ที่ร้านกาแฟตรงไหนสักที่ คนลอนดอนจะต้องเดินตัวเปียกกลับหอพักงั้นเหรอ

    และคำถามมากมายที่เขาสงสัยเกี่ยวกับฝนที่ตกในลอนดอน

                แจบอมก็แค่อยากรู้เรื่องฝน

    เขาเลยไม่กดวางสายเสียที

     

     


                   Paris in the rain




     

                “ยิ้มใหญ่เลยนะ ขอบคุณกูสักคำไม่มี”

                จินยองยิ้มรับคำพูดประชดประชันของเพื่อนสนิทที่นั่งอีกฟากหนึ่งของโต๊ะอาหาร ในมือมีแท็บเล็ตที่มันใช้เช็คตารางงานของตนที่ตอนนี้คงรวนไปหมดเพราะการบินมาลอนดอน แต่แจ็คสันหวังก็คือแจ็คสันหวัง แค่มีคนรู้ว่านักแข่งชื่อดังขวัญใจสาวๆมาเหยียบแผ่นดินอังกฤษ ตารางงานยาวเหยียดก็ถูกจัดขึ้นมาในเวลาอันรวดเร็ว

     และเจ้าตัวก็ชอบใจเสียด้วย

    “เนี่ย เพื่อเพื่อนกูก็ทำได้หมดอ่ะ โทรไปกวนตีนพี่แจบอมจนโดนด่าให้มึงมีข้ออ้างโทรหาเขาก็ทำให้ได้ มึงต้องรักกูให้มากรู้มั้ยจินยอง”

    จินยองส่ายหน้าหัวเราะกับการทวงบุญคุณของเพื่อนสนิท จะว่าก็ไม่ได้เพราะมันจริงทุกอย่าง มีแค่แจ็คสันเท่านั้นที่จะยอมเล่นอะไรไร้สาระเพื่อเขาแบบนี้

    แจ็คสันถามว่าทำไมต้องทำให้มันยาก แค่คิดถึงก็โทรสิวะ นั่นคือคำแนะนำง่ายๆที่จินยองไม่คิดจะทำตาม เพราะเขารู้ว่าถ้าคนตรงหน้าตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน อย่าว่าแต่โทรเลย เผลอๆอาจจะรอให้อีกคนโทรมาก่อนจนแก่ตายไปข้างแน่ๆ

    จินยองไม่คิดจะรออยู่แล้ว เขาก็แค่ไม่อยากโทรไปดื้อๆ มันดูไม่เนียน

    “แล้วตกลงยังไง คุยกันเป็นชั่วโมงนี่คือดีกันแล้ว?

    “พวกกูไม่ได้ทะเลาะกัน”

    “พวกมึงเลิกกันมั้ยล่ะ”

    “นั่นแหละ ไม่ได้เลิกกันแบบนั้น”

    แจ็คสันถอนหายใจ ไม่เข้าใจคำอธิบายของจินยองเลยสักนิดไม่ว่าจะฟังกี่รอบก็ตาม ไม่รู้ทำไมต้องทำให้ทุกอย่างมันซับซ้อนก็ไม่รู้

    แต่เอาเถอะ มันไม่ใช่เรื่องที่แจ็คสันต้องมาคิดแทน การได้เห็นจินยองนั่งยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่ตอนคุยโทรศัพท์กับแจบอมได้แบบนั้น

    บางทีการเลิกกันมันอาจเป็นการแก้ปัญหาที่ดีจริงๆก็ได้

      

     


                   Paris in the rain




     

                มาร์คไม่เคยอกหักหรอก แต่เดาว่ามันคงเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับแจบอมแน่ๆ

                “นายไม่ลงแข่งงานที่ลอนดอนใช่มั้ย”

    “ลงสิ”

                ซะที่ไหนล่ะ

                “แน่ใจ? ฉันว่านายเว้นไปสักสนามก็ได้ อีกอย่างงานนี้ก็แค่งานการกุศลเอง”

                “ฉันทำได้น่ามาร์ค”แจบอมตอบตัดรำคาญ ยกแก้วพลาสติกที่บรรจุน้ำแข็งและกาแฟที่เหลือเพียงก้นแก้วขึ้นดื่ม

                “แล้วเรื่องจินยองล่ะ”

                “จินยองทำไม”

                มาร์คลอบมองปฏิกิริยาของเพื่อนตนที่เลี่ยงไม่ยอมสบตาตอนพูด มาร์ครู้ดีว่าอาการแบบนี้มันแปลว่าอะไร

                “จินยองขอมาสินะ”

                “ฉันอยากแข่งที่นั่น ไม่เกี่ยวกับจินยองเสียหน่อย”

                “งั้นเหรอ”

                แจบอมมองหน้ามาร์ค ปากสีแดงสดเม้นหลอดแน่นกว่าทุกที ก่อนจะเสไปมองทางอื่นเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอคิดถึงคำพูดของจินยองตอนโทรคุยกันเมื่อสัปดาห์ก่อน

                “ผมจะสอบแล้ว”

                “อือ” แจบอมตอบสั้นๆ ปล่อยให้ปลายสายงอแงที่เขาไม่ยอมเอ่ยอวยพรเหมือนทุกครั้ง         “ไม่มีกำลังใจอ่านหนังสือเลย”

                คนแก่กว่ายกยิ้มกับคำบ่นลอยๆจากปลายสาย  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าจินยองกำลังจะทำอะไร แจบอมรู้ดีกว่าใครเลยล่ะ

                “พี่ไม่อยากมาเที่ยวลอนดอนบ้างเหรอ”

    แต่เขาก็ไม่ตัดสาย ไม่ยอมพูดตัดบทด้วยซ้ำ

                “ลอนดอนคิดถึงพี่นะ”

                “...”

                “ลอนดอนอยากกอดพี่แล้ว”

                “ลอนดอนพูดมาก”แจบอมขัดเผลอยิ้มตามคำพูดของคนปากดีจนปวดแก้มไปหมด

                “ลอนดอนหนาวจริงๆนะ”

                แจบอมฝังหน้าตัวเองลงกับหมอน ให้เนื้อผ้าเย็นๆซับความร้อนบนหน้าเขาออกไปตอนที่ได้ยินคำพูดต่อไปจากปลายสาย

     “มาให้กอดหน่อยสิครับ”

       

     


                   Paris in the rain




    แจ็คสันมองเพื่อนสนิทตัวเองสลับกับรุ่นพี่ในวงการแข่งรถคนเก่งที่กำลังยิ้มหวานให้เพื่อนเขาด้วยความไม่เข้าใจ อยากจ้างคนมาทำวิจัยว่าแฟนเก่าประเภทไหนทำตัวน่าหมั่นไส้กว่าคนที่เขาคบกันจริงๆเสียอีก

     “ถ้ารู้ว่าพี่มา ผมคงโดดเรียนมาหาตั้งแต่บ่าย”

                “นายไม่ทำแบบนั้นหรอก”

    มีคนบอกว่าแจ็คสันหน้าตาเหมือนลูกหมา แต่รับรู้ความเป็นหมาจริงๆก็วันนี้เอง

    แจ็คสันส่งสายตาขอความเห็นมาร์คที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ นักแข่งชาวอเมริกันเชื้อสายจีนแค่ยักไหล่ ก่อนจะกลับไปสนใจเกมส์ในมือถือต่อ ปล่อยให้แจ็คสันรับมือกับการเป็นส่วนเกินแค่คนเดียว

    เขาก็ชินแล้วแหละ สมัยก่อนเดตกันทีไรสองคนนี้ก็พาแจ็คไปช่วยกันการเป็นข่าวตลอด แต่มันแปลกตรงที่บทสนทนาของสองคนนี้มันเหมือนพวกเด็กมัธยมที่เพิ่งจีบกันใหม่ๆมากกว่า

    “ผมไปเชียร์พี่แข่งได้มั้ย”

    “แล้วแต่”

    “อยากให้ผมไปหรือเปล่า”

    “อยากไปก็ไป”

                โอ้ย อยากให้จินยองมันไปก็บอกว่าอยากสิวะพี่แจบอม จะปากแข็งอะไรนักหนา แจ็คสันส่ายหัว เนี่ย นั่งฟังแล้วก็หงุดหงิดแทน แจ็คสันยกแก้วอเมริกาโน่เย็นขึ้นดูด กวาดสายตาไปที่ประตูร้านตามสัญชาตญาณเพื่อดูว่าลูกค้ารายใหม่ของร้านเป็นใคร

                “อ้าวเฮ้ยแบม มานี่ มานั่งด้วยกัน”

                เพราะแจ็คสันมัวแต่สนใจผู้มาใหม่ เลยไม่ได้เห็นว่าชื่อของแบมแบมส่งผลอย่างไรกับคนบนโต๊ะ

                แจบอมหันมองหน้านักแข่งรุ่นน้องเพื่อให้แน่ใจว่าใช่คนเดียวกัน ก่อนจะรีบหันกลับไปมองหน้าจินยองโดยอัตโนมัติ

                สายตาของจินยอง ยังมองตรงมาที่เขา

                “ทำไมต้องทำหน้าตื่นขนาดนั้นด้วย” จินยองกลั้นขำจนตาหยีเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แจบอมจิ๊ปากใส่นักศึกษาหนุ่ม คนอุตส่าห์เป็นห่วงความรู้สึกยังจะล้ออีก

                “โห อยู่กันครบเลย” เด็กหนุ่มชาวไทยที่มีเซ้นส์แฟชั่นน่าจับตามองเอ่ยทักทุกคน แจบอมสบตาเด็กกวนประสาทนั่นเป็นเชิงทักแต่เด็กนี่มันดันเอาแต่มองข้ามหัวเขาไปที่อีกคน

                “ก็ว่าทำไมไม่ตอบแชทผม” แจบอมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจคำพูดของแบมแบมแม้แต่นิด แจบอมกำลังจะเอ่ยถามแต่กลับโนเสียงหัวเราะในลำคอของคนข้างๆขัดขึ้นมา

                จินยองยิ้มตาหยีเป็นเส้นแบมแบม ก่อนจะหันมาหาแจบอมอีกครั้ง รอยยิ้มน่ารักของนตรงหน้าไม่สามารถทำให้เลิกสนใจเรื่องแบมแบมได้อย่างทุกที จนจินยองยกนิ้วชี้แตะเบาๆที่ริมฝีปากเขา ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังอ้าปากค้าง

                จินยองลูบหลังแจบอมเบาๆตอนที่หันไปคุยกับแบมแบมเรื่อสารทุกข์สุขดิบ ปล่อยให้อีกฝ่ายสงสัยไปแบบนั้นไม่ยอมอธิบายเสียที

                เขาควรบอกแจบอมตั้งนานแล้วว่ามาร์คแนะนำแบมแบมให้รู้จักตั้งแต่ตอนที่น้องมันมาทำงานที่อังกฤษ ตอนแรกเขาก็กังวลเพราะเหตุการณ์ตอนที่ปารีส แต่พอมาพูดคุยกันจริงๆมันก็แทบไม่มีอะไร

                จินยองเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องนี้ให้แจบอมฟัง เพราะเขาคิดว่าไม่สำคัญ เขารู้ว่ามันไม่มีอะไรให้กังวล ยิ่งได้เห็นแจบอมเลือกที่จะสนใจเขามากกว่าใครในโต๊ะ จินยองก็ยิ่งได้ใจ

                เขาอยากพาแจบอมกลับหอพักตัวเองตอนนี้เลย

       

     


                   Paris in the rain




     

    ลอนดอนไม่เห็นจะหนาวอย่างที่จินยองบอกเลย

                เขามาอยู่ที่นี่เข้าวันที่สี่ และไม่มีวันไหนที่ฝนไม่ตก ฝนในลอนดอนไม่ได้หนาว ออกจะร้อนด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ   มันก็แค่ข้ออ้างที่อีกคนจะกอดเขาไว้มากกว่า

              "รู้มั้ยลอนดอนใส่ชุดอะไรอุ่นที่สุด ชุดนักเรียนญี่- โอ้ยพี่ ผมหยอกๆ" เป็นข้ออ้างที่แย่มากๆด้วย

              ฝนไม่ได้ส่งผลกับการแข่งขัน เพราะมันเป็นการแข่งการกุศลที่ไม่ได้มีผลกับการจัดอันดับ นักแข่งส่วนใหญ่มาที่นี่ในฐานะตัวแทนของแบรนด์ต่างๆที่สนับสนุน

                แจบอมได้ถ้วยอันดับหนึ่งจากการแข่งขันทางตรง เกือบแพ้ให้เด็กแบมแบมนั่นไปแล้วด้วย ไม่งั้นคงโดนมันกวนประสาทไม่หยุดแน่ๆ

                แชมเปญถูกเปิดฉลองตั้งแต่ที่สนาม พวกเขามีนัดดินเนอร์กับผู้จัดจนถึงสามทุ่ม กว่าจะกลับถึงห้องพักก็สี่ทุ่มแล้ว

                ‘Congratulations’

                อ่านข้อความที่ส่งมาในมือถือเมื่อชั่วโมงก่อนวนไปวนมา เผลอยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างไม่คิดจะห้าม ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อเปิดประตูห้องไปเจอแจกันดอกกุหลาบบนโต๊ะรับแขกของห้องพัก

                เจ้าของห้องเดินไปหยุดข้างโต๊ะ เท้าเอวมองดอกกุหลาบสีแดงตรงหน้าก่อนจะหยิบกระดาษสีขาวขนาดเล็กมาอ่าน

                I’m proud of you

    - JY

                แจบอมยกยิ้ม หยิบเอากุหลาบในแจกันขึ้นดมเบาๆ เขาไม่ได้สนใจกลิ่นของมันแต่กำลังคิดถึงคนที่ให้มากกว่า เขาเห็นรอยยิ้มของจินยองจากไกลๆตอนที่เดินขึ้นไปรับรางวัล แจบอมอยากตะโกนบอกอีกฝ่ายว่าเขาโคตรเกลียดแว่นกันแดดลุงๆนั่นแต่ก็ทำได้แค่ยิ้มให้

                เราไม่ได้คุยกัน แต่เขากลับรู้สึกดีที่รู้ว่าจินยองจะเฝ้ามองเขาแบบนั้นไม่ไปไหน

                มันอาจเป็นข้อดีอีกข้อจากการเลิกกัน เวลาที่ห่างกันไปมันทำให้เราเลิกสนใจเรื่องราวมากมายที่ไม่สำคัญ ได้กลับมาโฟกัสที่จุดเดิมอีกครั้ง เป็นจุดเริ่มต้นที่ตรงกันของพวกเขาทั้งคู่

                นั่นก็คือกันและกัน

                เพราะจินยองและแจบอมมีโอกาสมากมายที่จะมองคนอื่น

                แต่ก็เลือกที่จะอยู่ตรงนี้ แม้ไม่ได้อยู่ข้างกันตลอดเวลา แต่กลับไม่เคยรู้สึกห่างกันเลยสักนิด

                แจบอมเหลือบมองไปนอกระเบียง ฝนยังตกปรอยๆตามประสา ทำเอานึกถึงปารีสเมื่อหลายเดือนก่อน

    เจ้าของห้องตัดสินใจยกมือถือขึ้นมาอีกครั้ง แตะนิ้วลงบนจออย่างรวดเร็วตามความเคยชินก่อนจะยกวางมันลงข้างแจกัน ปล่อยให้จอสว่างวาบโชว์ข้อความที่เพิ่งส่งไปหาเจ้าของกุหลาบ

                “ลอนดอนหนาวจริงๆด้วย”

       

     


                   Paris in the rain




                ครั้งสุดท้ายที่จินยองเหยียบปารีสคือหกเดือนก่อน ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองกลับไปนอนร้องไห้ที่โรงแรมหลังจากไปส่งแจบอมที่สนามบินหลังจากเลิกกัน

                แต่นั่นก็นานมาแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั้งจินยอง แจบอม และความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่มีเพียงสายฝนของกรุงปารีสเท่านั้นที่ยังคงเหมือนเดิม

                จินยองไม่ได้มองวิวหอไอเฟลนอกหน้าต่างนั่นเพราะเขาไม่ว่างสนใจ

                “ไหนบอกจะกลับไฟลท์เช้าไง” แจบอมถามเสียงงัวเงีย เมื่อเห็นว่านักเรียนหนุ่มยังคงวนเวียนกับการแตะสัมผัสบนไหล่ของเขา สัมผัสแผ่วเบาจงใจแกล้งให้ต้องดิ้นหนี “พอแล้ว”

                แจบอมพลิกหน้าหนีลมหายใจร้อนๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นสบกับดวงตากลมสวยของคนเด็กกว่า และหลับตาลงอีกครั้งเพื่อรับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากที่แตะลงมาบนหน้าผากเขา

                สิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากการถูกแยกกันด้วยระยะทาง คือความสุขเล็กๆอย่างการได้มองคนตรงหน้านอนหลับไปในกอดของตัวเอง การได้จูบเบาๆตรงรอยจุดสองจุดเล็กๆที่หางคิ้ว ได้ลากนิ้วไปบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะจูบลงที่ใบหู

                “พี่ต้องรักผมให้เท่าที่ผมรักพี่นะ”จินยองกระซิบบอก แจบอมขมวดคิ้ว ประมวลคำพูดของอีกฝ่ายจนตื่นเต็มตา

                บอกรักกันอยู่รึเปล่าน่ะ

                “นายว่าไงนะ” แจบอมถามย้ำแต่จินยองไม่ตอบเอาแต่กดปลายจมูกลงบนผิวเขาเหมือนพยายามเลี่ยงไม่ตอบจนแจบอมต้องดันไว้ให้มองหน้ากัน

                จินยองถอนหายใจ ยกมือขึ้นเสยผมยุ่งๆของตัวเอง ก่อนจะพาดมือลงบนเอวของแจบอมและดึงเขาเข้าไปกอด

                “เป็นแฟนกันมั้ยครับ” จินยองงึมงำ จนแจบอมยอมแพ้ เลิกหวังว่าอีกฝ่ายจะพูดประโยคเดิม

                “ไม่กลัวเลิกกันอีกรอบเหรอ” แจบอมพูดติดตลกแต่จินยองกลับไม่ขำตาม อ้อมกอดถูกรัดแน่นขึ้นพร้อมใบหน้าอีกคนที่ซุกกับคอเขา

                “ไม่เลิก บอกแล้วไงว่าพี่ต้องรักผมเท่าที่ผมรักพี่”

    “น้อยไปน่ะสิ”คนแก่กว่าหลับตา บทจะพูดก็พูดเสียง่ายเหลือเกินไอ้คำว่ารักเนี่ย

                “น้อยตรงไหน ผมรักขนาดนี้แล้ว” จินยองปล่อยแจบอมออกจากกอดเพื่อจะได้สบตาอีกฝ่ายตอนเถียง ท่าทางไม่ยอมแพ้ทำเอาแจบอมรับมือไม่ถูก

    “เออๆไม่ต้องพูดแล้ว มันจั๊กจี้”

    “ก็เป็นซะอย่างนี้อ่ะอิมแจบอม”

                คนฟังแค่นหัวเราะกับคำเรียกขานของเด็กตรงหน้า ก่อนจะเอามือผลักหน้าผากอีกฝ่ายแทนการทำโทษ

                ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้ง มีเพียงเสียงฝนกระทบกระจกที่ดังปนไปกับเสียงเครื่องปรับอุณหภูมิ แจบอมเลือกที่จะมองตามนิ้วที่กำลังสางผมของจินยองช้าๆ แทนการสบตาอีกฝ่ายตรงๆ

                “คบกันนะครับ”

                จินยองคว้ามือแจบอมไปกุมไว้ บังคับให้เขาต้องกลับมามองหน้ากัน

                คนแก่กว่าถอนหายใจ ไม่รู้จะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไม ในเมื่อการกระทำมันชัดขนาดนี้แล้วว่าเรากลับมาคบกัน

                “ผมแค่อยากได้ยินจากปากพี่”

                แต่ถ้ามันสำคัญกับจินยอง

                “อือ ก็คบไง”

                แจบอมจะไม่ทำได้ยังไง

                “แล้ว...ชุดนักเรียนญี่ปุ่นยังอยู่มั้ย”

                ปั่ก!

                แต่บางเรื่องนี่มันก็เกินไปหน่อย

                “ผมล้อเล่นเฉยๆน่า”

    แจบอมค้อนอีกฝ่ายตาขุ่นก่อนจะปล่อยให้จินยองกดจูบเขาอีกครั้ง จูบที่เนิ่นนานและเรียบง่าย เหมือนรอยประทับปอดผนึกจดหมายที่เราเขียนร่วมกัน

                “ก็ผมคิดถึงพี่ทีไรผมนึกถึงปารีสทุกที” คนเด็กกว่าเอ่ยเล่นๆ กอดแจบอมไว้กับตัว “ไว้เราแต่งงานกัน เรามาฮันนีมูนที่นี่ดีกว่า”

                แจบอมหัวเราะตามคำพูดติดตลกของจินยอง ก่อนจะลองคิดตาม ดูเหมือนเรื่องราวของเราจะผูกติดกับที่นี่จนไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ตรงไหน เราก็จะคิดถึงค่ำคืนในปารีสเสมอ

                อาจเป็นมนต์สะกดบางอย่างของสายฝนในปารีส ที่แตกต่างจากฝนที่ตกในลอนดอน หรือโซล

                เพราะปารีสเป็นที่ของเรา

                เป็นเมืองในสายฝนของแจบอมและจินยองตลอดไป

                 

     


                 ----------------- THE END------------------------




    ขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาจนจบ เป็นการเขียนที่กาวและพร่ำเพ้อเรื่อยเปื่อยมากจริงๆ ใครมีคำแนะนำติชมใดๆอย่าลืมมาบอกกันน้า หลังจากนี้คงจะยุ่งๆ แต่จะพยายามหาเวลามากาวฟิคให้ทุกคนได้อ่านนะคะ555555555555555

     สกรีมฟิคได้ที่ #ฟิคบตน

     

    อย่าลืมไปลองอ่านแอนโธนยองปมนะคะ ใครไม่ซื้อพลาดมากบอกเลย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×