ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลัง Short fic #JJP #Jinson

    ลำดับตอนที่ #33 : (SF)NiorB: Paris in the rain (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 716
      43
      14 ส.ค. 61


    Paris in the rain(2)

    Cause anywhere with you feels right.

    Couple: Jinyoung x JB

    Theme: Rainy

    Feedback: #ฟิคบตน


    ครั้งสุดท้ายที่เมาจนสติหลุดมันเมื่อไรกันนะ

    “แจบอมมี่”

    สำเนียงเกาหลีแปร่งๆของมาร์คดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท ตามด้วยมือเย็นๆที่วางลงบนไหล่ของเขา แจบอมปวดหัวเกินกว่าจะสนใจว่ามาร์คต้องการอะไรจากเขา หมอนั่นบังคับให้แจบอมอาบน้ำ กินยา ระหว่างนั้นก็พล่ามถึงวีรกรรมของเขาเมื่อคืนให้ฟังไปเรื่อย ก่อนจะยอมปล่อยให้คนเมาค้างนอนพักต่อ

                บอกแล้วมาร์คแม่งเพื่อนตาย และเพื่อนตายย่อมรู้ดีว่าไม่ควรกวนแจบอมตอนกำลังแฮงค์

                มาร์คยกผ้าห่มขึ้นคลุมตัวแจบอมอีกครั้ง ตบเบาๆที่หลังสองสามครั้งเป็นเชิงบอกว่าไม่กวนแล้ว และเดินออกไป ปล่อยให้แจบอมโมโหตัวเองที่ขาดวินัย สุดท้ายเลยเมาค้างไปซ้อมไม่ไหวแถมยังต้องให้มาร์คมาดูแลอีก

                หงุดหงิดชะมัด ดื่มเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ

                แจบอมหยิบมือถือจากโต๊ะข้างเตียงเพื่อไล่ส่งสติ๊กเกอร์ขอโทษทุกคนในทีมที่ติดต่อเขาไม่ได้ในเช้าวันนี้ ก่อนจะปัดการแจ้งเตือนทิ้งไปจนเหลือแค่แจ้งเตือนแมสเสจที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อคืนของ...จินยอง

    อยู่ๆลมหายใจก็สะดุด อาการปวดหัวหายไปชั่วขณะเพราะถูกแทนที่ด้วยความตื่นตระหนกแทน

                เมื่อคืนทำอะไรเพี้ยนๆไปบ้างหรือเปล่าวะ     

                แน่นอน แจบอมไม่กลัวการโทรไปกวนน้องหรอก เวลาเมาใครๆก็เพ้อเจ้อกันทั้งนั้น จินยองน่าจะเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าใครเพราะแจบอมก็ชอบเมาแล้วโทรไปพูดอะไรแปลกๆกับน้องอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน

                นักแข่งหนุ่มสูดลมหายใจแล้วเปิดอ่านข้อความในห้องแชทหนักซ้ายที่มีข้อความจากจินยองส่งมาทุกๆห้านาทีก่อนจะหยุดส่งราวๆตีสอง

                “พี่เมาเหรอ”

                “พี่แจบอม”

                “ฮัลโหลๆๆๆ มีใครอยู่มั้ย”

                “อิมแจบอม”

                “อิมแจบอม”

                “อิม”

                “แจ”

                “บอม”

                “โทรหาผมด้วย”

                นั่นคือข้อความล่าสุดที่จินยองส่งมาตอนตีสอง ทั้งๆที่เขาควรจะตกใจ เพราะถ้าเป็นปกติแจบอมคงต้องไปตามง้องอนเด็กนั่นแล้วที่ไม่ยอมตอบข้อความ แต่ไม่รู้ทำไมปากเขาถึงหุบยิ้มไม่ได้ ความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนวัยรุ่นคลั่งรักนี่มันอะไรกันวะ

                ต้องยอมรับแหละว่าการได้รับความสนใจจากจินยองในสถานการณ์แบบนี้มันดีจริงๆ

                เพราะจินยองไม่ส่งข้อความแสดงความห่วงใยแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน สำหรับคนอื่นมันอาจจะปกติ แต่เพราะความสัมพันธ์ของเขากับน้องกำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยน เขาเลยเผลอตีความทุกการกระทำเสียจนกลายเป็นคิดมาก

                ซึ่งเขาควรหยุดนิสัยพวกนี้ได้แล้ว ก่อนมันจะทำทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่า

                นักแข่งหนุ่มสูดลมหายใจยกมือถือขึ้นแนบหู มือข้างที่ว่างนวดเบาๆตรงขมับบรรเทาอาการปวดหัวระหว่างรอสาย ก่อนจะกดวางเมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบรับ

                ทำอย่างนั้นอยู่สองสามรอบ ในที่สุดนักแข่งหนุ่มก็ยอมแพ้

                จินยองไม่รับสาย และแจบอมก็เริ่มสงสัยว่าเมื่อคืนเขาทำอะไรที่ต้องกังวลหรือเปล่า

     

    ----------------------------------------------------------------

     

     

     

                แจบอมตื่นมาอีกครั้งตอนที่โดนน้ำหนักของใครบางคนโถมใส่ สัมผัสคุ้นเคยและกลิ่นน้ำหอมเย็นๆลอยแตะจมูก ลมหายใจอบอุ่นคลอเคลียไปมาแถวสันกรามตามด้วยแรงกดจูบตรงขมับ ทุกย่างชวนสับสน ก่อนจะกระจ่างขึ้นตอนที่แจบอมตื่นเต็มตา

                นักศึกษาหนุ่มจากอังกฤษกำลังนอนซุกหน้าลงกับไหล่ของแจบอม ไม่ยอมพูดยอมจา

                “ไหนบอกจะไม่มาไง”

    แจบอมยันตัวขึ้นเพื่อให้เห็นจินยองชัดๆ เด็กหนุ่มในแว่นสายตากรอบเงินหลับตานิ่งไม่ยอมตอบคำถาม กระเป๋าเสื้อผ้าก็ไม่มี มีแค่เป้เสื้อผ้าใบเล็กที่วางไว้บนพื้นข้างๆรองเท้าผ้าใบสีขาวที่เจ้าตัวถอดแบบไม่แยแส

    “แบมแบมคือใคร”

    คนถามลืมตาขึ้นมองอีกฝ่ายนิ่ง นัยน์ตาที่เคยประกายความขี้เล่นกลับนิ่งสงบจนน่ากลัว แจบอมเบิกตากว้าง ดูประหลาดใจที่จินยองรู้จักกับเด็กนั่น มันยิ่งทำให้เขาอยากลากอีกคนไปทำโทษ แต่เขาต้องใจเย็นไว้ และจัดการทุกอย่างแบบผู้ใหญ่

    “รุ่นน้องน่ะ รู้จักด้วยเหรอ”

    “รู้จักเมื่อคืนนี้เอง”

    จินยองตอบสั้นๆ แจบอมยังคงทำหน้างงจนเขาไม่รู้จะเริ่มโมโหอีกคนจากตรงไหน ทำไมเจ้าตัวเหมือนจะไม่รู้เลยล่ะว่าเหตุผลที่เขาจองเที่ยวบินมาปารีสกระทันหันแบบนี้เพราะอะไร

    แผนการเมินของเขาดำเนินไปครบสัปดาห์แต่กลายเป็นว่านอกจากแจบอมจะไม่บินมาอังกฤษแล้ว คนใจร้ายตรงหน้ายังมีหน้าเอามือถือผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาโทรหาเขาอีก

    “ไปรู้จักกันได้ยังไง ไม่ได้ให้เบอร์นายไปซะหน่อย”

    นักขับหนุ่มพึมพำกับตัวเอง พยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนไล่เรียงเท่าที่สมองเบลอๆของเขาจะจำได้ ตั้งแต่บทสนทนาของเขากับมาร์ค เจ้าเด็กกวนประสาทนั่น และ...เอ่อและ...

    “เฮ้อ”

    และนั่นก็ไม่ใช่เสียงถอนหายใจของแจบอม แต่เป็นจินยองที่กำลังมองเขาด้วยสายตาระอาแปลกๆเหมือนแจบอมไปทำอะไรผิดมา แต่ไม่ทันได้เอ่ยปากถามจินยองก็ดึงเขาเข้าไปกอดเสียก่อน

    แจบอมสอดแขนโอบจินยองตามสัญชาตญาณ วางหัวมึนๆเบลอๆของเขาบนแขนของคนเด็กกว่าโดยอัตโนมัติ

    “ต่อไปไม่ดื่มแบบนี้แล้วนะ”

    “มาร์คโทรไปฟ้องอะไรอีกล่ะ นายอย่าไป-”

    “เข้าใจมั้ยครับ”

    แจบอมไม่รู้จินยองกำลังทำหน้าแบบไหนเพราะเราอยู่ใกล้กันเสียจนปลายจมูกเขาฝังอยู่ที่เสื้อสเวตเตอร์สีน้ำเงินของอีกคน แต่ถ้าให้เดา จินยองคงกำลังหลับตา รอฟังคำว่าเข้าใจแล้วจากปากแจบอมโดยไม่สนใจจะฟังคำแก้ตัวแน่ๆ

    ซึ่งเอาเข้าจริง แจบอมก็ไม่รู้จะอ้างอะไรเหมือนกัน เมื่อคืนที่เมา ก็เพราะคิดเรื่องของน้องมันไม่ใช่เหรอ

    “เข้าใจแล้ว”

    บอกไปก็เสียฟอร์มตายเลย

    ทุกอย่างเงียบลง มีแค่เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของจินยอง แต่เขารู้ว่าน้องไม่ได้หลับ เพราะมือของจินยองยังคงลูบขึ้นลงบนหลังของเขาไม่ยอมหยุดเหมือนลูบขนแมว

    จินยองกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด มันคงดีถ้าแจบอมรู้สักนิดว่าอีกคนกำลังคิดอะไร

    แต่เขาไม่รู้ ไม่รู้อะไรสักอย่าง

    “เรียนหนักมั้ย”

                “อื้อ ใกล้สอบแล้ว”

                แจบอมพยักหน้ารับ และปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันอีกครั้งเพราะไม่รู้จะถามอะไรต่อ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีบทสนทนาแบบนี้กับจินยองด้วยซ้ำ

                แจบอมนึกไม่ออกว่าชีวิตมหาลัยจริงๆเป็นยังไง แจบอมเรียนมหาลัยแต่ไม่ได้ทุ่มเทกับมันเหมือนจินยอง เขาเลยไม่รู้ว่าจินยองต้องเจออะไรบ้าง ถามได้แค่คำถามทั่วไป รอให้อีกคนบ่นให้ฟัง ซึ่งเขาก็ได้ยินมันผ่านมือถือทุกวัน

                จินยองชวนคุยเก่ง แต่ตอนนี้น้องคงง่วงเลยเอาแต่เงียบ

                ส่วนตัวเขาเองก็ไม่กล้าถามว่าทำไมจินยองถึงมาที่นี่โดยไม่บอกไม่กล่าว เพราะเขาเอง ก็ไม่อยากเปิดช่องให้น้องได้ทบทวนถึงความสัมพันธ์ในช่วงที่ผ่านมาเหมือนกัน

    แจบอมเห็นแก่ตัว เขากลัวว่าถ้าน้องมีโอกาสได้คิดถึงความลำบากของการอยู่ไกลกัน การเดินทางไปมาเกือบทุกอาทิตย์ การเอาเวลาว่างทั้งหมดมาทิ้งไว้ที่นี่

    ได้คิดถึงความกังวลที่เขาไม่ตอบข้อความ จนต้องบินมาหาเพียงเพื่อจะมาเจอเขาในสภาพเมาค้าง

                “พี่ครับ”

                เขากลัว...

                “เมื่อคืนผมโกรธจริงๆนะ”

                กลัวว่าน้องจะถอดใจ

                “ผมรู้ว่าพี่ดูแลตัวเองได้ ผมรู้ด้วยว่าเราต้องไว้ใจกัน แต่ผมก็ทำไม่ได้ ตอนที่ได้ยินเสียงพี่จากมือถือคนอื่น ผมโมโห ผมอยากคุยกับพี่ อยากถามว่าทำไมไม่ระวังตัว”

    “...”

    สมองของแจบอมกำลังตีกันวุ่นวาย ปะติดปะต่อความทรงจำของตัวเองกับคำพูดของจินยอง เขาใช้มือถือคนอื่นโทรหาน้องตอนไหน ภาพความทรงจำเลือนรางตอนแบมแบมและมาร์คพยายามแย่งมือถือเครื่องสวยไปจากเขา จิตใต้สำนึกบอกเขาว่านั่นเป็นมือถือของแจบอม แต่เขาคงเข้าใจผิด

    และแจบอมคงใช้ข้ออ้างนี้กับน้องไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้น้องรู้ว่าเมื่อคืนเผลอดื่มจนขาดสติแค่ไหน

    “ผมอยากเจอพี่ เพราะผมรู้ว่าเราต้องทะเลาะกันแน่ๆ และถ้าเราทะเลาะกันผ่านโทรศัพท์ พอพี่กดวางสาย ผมก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”

    “...”

    “ผมรู้ว่าผมควรนั่งรอฟังคำอธิบายจากปากพี่ก่อน เพราะถ้าเมื่อคืนเป็นผมที่เมาแล้วใช้มือถือคนอื่นโทรหาพี่บ้าง พี่ก็คงไม่บุ่มบ่ามบินมาหาผมแบบนี้”

                แจบอมซุกหน้าเข้ากับคอของจินยองมากกว่าเดิม ไม่อยากให้น้องเห็นแววตาเลิ่กลั่กของตัวเองในตอนนี้ ใช่ เขาสอนน้องไปเยอะเรื่องเหตุผล ความไว้ใจอะไรนั่น แต่ใช่ว่าเขาจะทำตามที่พูดได้เสียหน่อย

                แค่คิดว่าเขาเพิ่งเสียเงินหลายร้อยยูโรไปกับการจองเที่ยวบินปารีส-ลอนดอนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขายิ่งต้องมุดหน้ากับคอของคนเด็กกว่าหนักกว่าเดิม

                “พี่ผิดหวังในตัวผมมั้ย ที่ผมยังงี่เง่าเป็นเด็กๆแบบนี้”

                จินยองถาม แต่คนเป็นพี่ก็เอาแต่นิ่งเงียบ มุดตัวเข้าหาเขายิ่งกว่าเดิมเพื่อหลบไม่ให้จินยองได้เห็นปฏิกิริยาของตัวเอง คนเด็กกว่าเลยได้แต่กระชับกอดรับความอบอุ่นของอีกคนให้ได้มากที่สุด ทดแทนการโดดเรียนสามคลาสในวันนี้

                จินยองไม่ได้บอกแจบอมเรื่องนั้น เขาไม่อยากให้แจบอมมองเขาไม่เอาไหนไปกว่านี้

                “ขอโทษ”

                คำพูดสั้นๆจากปากคนที่รัก มีอิทธิพลกับจินยองเหมือนน็อตตัวเล็กที่ยึดทุกส่วนประกอบไว้ด้วยกันไม่ให้แตกแยกจนพังไม่เหลือเศษ

                แจบอมไม่ใช่คนที่ขอโทษใครตรงๆแบบนี้ เพราะงั้นมันจึงมีคุณค่ามากเมื่อได้ยินคำนั้น

                “ไม่เป็นไร ตอนนี้ได้กอดก็หายแล้ว”

                นักขับหนุ่มไม่เอ่ยอะไร เช่นเดียวกับจินยองที่ยังคงนิ่งเงียบ ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความคิดตัวเอง คิดถึงทุกการกระทำที่กำลังทำให้การอยู่ไกลกันยากขึ้นทุกที

    ตอนที่แจบอมบอกให้จินยองไปเรียนต่อ เขารู้ว่าเราต้องไกลกัน แต่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นอุปสรรคกับความสัมพันธ์ได้ขนาดนี้

                “นายจะบินตามมากอดทุกครั้งที่เราโกรธกันไม่ได้หรอกนะ รู้ใช่มั้ย”

                แล้วถ้าเราทะเลาะกันอีกครั้ง

                “ผมรู้”

                ถ้าตอนที่เราอยู่ไกลกันกว่านี้ แล้วมันมีเรื่องที่ทำให้ต้องมาคิดมากแบบนี้อีกล่ะ

                เราจะทำยังไง?

                แจบอมเคยคิดว่า ก็แค่ระยะห่างที่มากขึ้นเท่านั้น มันคงไม่เปลี่ยนความรู้สึกของเขาหรือจินยองหรอก ก่อนหน้านี้มีเรื่องให้เปลี่ยนยังไม่เปลี่ยนเลยนี่นา

                แต่ตอนนี้ แค่ขยับออกจากกอดของจินยอง แจบอมยังไม่กล้าเลย

     

     

    -----------------------------------------------

     

     

                ทั้งๆที่จินยองและแจบอมอยู่ใกล้กันแค่หนึ่งชั่วโมงบนเครื่องบินถึงสองเดือน แต่กลับมีเวลาเจอหน้ากันแค่ไม่กี่วันเท่านั้น นั่นน้อยกว่าที่จินยองประเมินไว้มหาศาล

                แต่มันดีที่สุดสำหรับเราสองคนในตอนนี้

                “กลับกันมั้ย”

                แจบอมยื่นแก้วเครื่องดื่มให้จินยอง แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้า เด็กแว่นในเสื้อแขนยาวผมปรกหน้า และทำหน้าตาง่วงๆเหมือนคนเพิ่งตื่นตลอดเวลาไม่เหมาะกับปาร์ตี้เอาเสียเลย

                ถ้าเป็นเมื่อก่อน แจบอมคงได้เห็นเด็กหนุ่มในเชิ้ตปลดกระดุมอก เซตผมเปิดหน้าผากและฉีดน้ำหอมกลิ่นเย็นๆ เดินโฉบไปมาเพื่อแสดงความยินดีกับเจ้าของปาร์ตี้ หล่อเหลาและน่ามองจนละสายตาไม่ได้

                แต่การเรียนมหาลัยทำให้คนตรงหน้ามาร่วมแสดงความยินดีในงานเลี้ยงเปิดการแข่งขันด้วยสภาพเด็กเนิร์ด และพยายามเอ่ยทักทายทุกคนเท่าที่สมองเบลอๆของเจ้าตัวจะทำได้ จินยองดูแลตัวเองน้อยลง ใช่ น้องมันยังดูดีมากๆ แต่เป็นความดูดีของเด็กเนิร์ดๆคนหนึ่งที่แจบอมเองก็ไม่คุ้นเท่าไหร่

                “เพิ่งมาไม่ถึงชั่วโมงเลย พี่จะกลับแล้วเหรอ”

                “ก็นายดูไม่สนุก”

                “ผมสนุก”

                “นายหาวสามครั้งในสิบนาที คิดว่าแบบนั้นเรียกสนุกรึไง”

                จินยองเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นลูบท้ายทอย บีบเบาๆนวดคลายเมื่อยอย่างติดนิสัย เถียงไม่ออกเพราะที่แจบอมพูดมันจริงทุกอย่าง เขารีบเคลียร์งานก่อนมาที่นี่จนแทไม่ได้นอน จินยองง่วง เหนื่อย และปาร์ตี้นี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาสนุก

                แต่แจบอมกำลังสนุก และจินยองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว

                ถ้าเรื่องเล็กๆน้อยๆทนเพื่อแจบอมไม่ได้ แล้วแจบอมจะกล้าเอาชีวิตมาฝากไว้กับเขาได้ยังไง

                “แค่เพลียๆไง พี่ไปฉลองต่อเหอะ นานๆทีจะได้เจอเพื่อนเก่า”

                “ไม่ล่ะ เจอหน้ามันมาสองเดือนแล้ว กลับห้องเลยก็ได้”

                “แต่...”

                “สรุปจะไม่กลับใช่มั้ย”

                “อือ ไม่อยากให้พี่กลับเพราะผมอ่ะ”

                แจบอมอ้าปากทำท่าจะเถียง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นถอนหายใจ ทิ้งตัวนั่งข้างคนที่พยายามจะเอาใจเขาแต่ดันเอาใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

                อือ ไม่อยากให้พี่กลับเพราะผมอ่ะ

                ทั้งๆที่ตัวเองก็เพลียขนาดนั้น ทำไมยังฝืนมาตามใจเขาแบบนี้ แจบอมรู้ว่าเขาควรดีใจที่น้องทำเพื่อเขา แต่แจบอมก็ไม่อยากให้จินยองต้องฝืนใจวิ่งไล่ตามเขาในทุกๆก้าวแบบนี้เหมือนกัน

                เพราะเขารู้ดีว่าการวิ่งตามใครนานๆมันไม่ง่าย

                ตอนนี้จินยองอาจจะวิ่งตามเขาไหว แต่ทางข้างหน้ายังอีกตั้งไกล ถึงตอนนั้น น้องจะยังไหวมัย

                 “จินยอง”

                น้องจะถอดใจหรือเปล่า

                “เหนื่อยมั้ย?

                น้องจะเหนื่อยมั้ย?...ที่ต้องพยายามวิ่งตามเขาแบบนี้

                “เหนื่อย”

                “...”

                “แต่ผมทำเพื่อเรานะ”

                จินยองยิ้ม ซบหัวลงกับไหล่ของแจบอม เอื้อมมือมากุมเขาไว้นิ่งๆปล่อยให้แจบอมมองมือตัวเองที่ถูกกุมอย่างใช้ความคิด

                มหาลัยอาจทำให้จินยองเปลี่ยนไป แต่ความปากดีไม่ลดลงเลย

                “ถ้าเหนื่อยจนทนไม่ไหว นายก็ไม่ต้องพยายามทำทุกอย่างหรอกนะ รู้มั้ย”

                “ผมทำได้”

                “ฉันรู้...แต่อะไรที่ทำแล้วไม่มีความสุข สักวันนายจะเลิกรักมันในที่สุด”

                “...”

                “ฉันไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น”

                จินยองไม่เอ่ยอะไร ทิ้งไว้แค่เสียงดนตรีที่ยังดังก้องไปทั่วทั้งห้อง นานหลายนาทีจนแจบอมคิดว่าน้องคงหลับไปก่อนเขาจะพูดจบ แต่เมื่อหันไปมอง กลับเจอดวงตากลมโตที่จ้องหน้าเขาอยู่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

                “พี่หมายถึงเรื่องเรียนใช่มั้ย”

                “...”

                “เพราะถ้าเป็นเรื่องอื่น พี่ก็รู้ว่าผมไม่มีวันเลิกรักมัน”

                จินยองยังคงมองหน้าเขานิ่งด้วยแววตาแน่วแน่และตัดพ้อ แจบอมคอแห้งผากจนต้องยกแก้วเครื่องดื่มจิบแก้กระหายและหันไปมองกลุ่มคนที่กำลังสนุกกับปาร์ตี้

                “อย่าเพิ่งแน่ใจไปเลยจินยอง”

                “พี่นั่นแหละ ทำไมถึงได้แน่ใจนักว่าผมจะเลิกรัก”

                จินยองสวนกลับมาแทบทันทีที่แจบอมพูดจบประโยค คิ้วดกดำขมวดแน่นและแววตานิ่งสงบไร้อารมณ์ของคนอายุน้อยทำเอาคนแก่กว่าพูดไม่ออก

                “ผมพยายามทำทุกอย่างให้มันเวิร์ค แต่ถ้าพี่อยากให้มันจบ ผมจบให้พี่ก็ได้นะ”

                “จินยอง”

                คนแก่กว่ากดเสียงต่ำ เรียกชื่อของน้องเป็นการเรียกสติ ไม่ให้อีกคนเผลอพูดอะไรที่ทำให้ต้องมาเสียใจทีหลัง แจบอมรู้ว่าจินยองกำลังโกรธ แต่ถ้าอีกฝ่ายเผลอพูดอะไรที่ทำให้เขารู้สึกแย่ แจบอมเองก็ไม่รู้ว่าจะทนได้หรือเปล่า

                จินยองวางแก้วลงกับโต๊ะ เดินหลบไปอีกทางเพื่อสงบอารมณ์ ส่วนแจบอมก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ทบทวนคำพูดตัดพ้อของน้องซ้ำไปซ้ำมาในหัว

                ถ้าพี่อยากให้มันจบ ผมจบให้พี่ก็ได้นะ

                ถ้าจบจริงๆแล้วยังไงต่อล่ะ

    เอาเข้าจริง ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เต็มไปด้วยที่ว่างที่แจบอมเว้นไว้เพื่อเหตุการณ์แบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

                ถ้ายอมแพ้จริงๆ

    เราก็แค่เลิกพยายาม

     

     

    ---------------------------------------------------------

     

                “ที่ลอนดอนฝนตกหรือเปล่า”

                “....”

    “จินยอง”

                “...”

                “หลับแล้วสินะ”

                “...”

                “ฝันดี”

     

    --------------------------------------------------------------

               

     

                14 unread messages from Park Jinyoung

     

     

    ---------------------------------------------

     

     

                “ผมคุยงานอยู่ ไว้โทรกลับนะ”

     

    --------------------------------------------------

     

     

                “โทษที เมื่อกี้ซ้อมอยู่เลยไม่ได้ตอบ”

                “ไม่เป็นไรครับ ผมกำลังจะเข้าคลาส”

                “อ่า ตั้งใจเรียนนะ”

                “อื้อ พี่ก็ตั้งใจซ้อมนะครับ”

     

     

                ------------------------------------

     

                5 missed call from JB

               

                -------------------------------------

     

                “ผมหวงพี่ไม่ได้เหรอวะ”

                “หวงได้ แต่นี่มันแค่รุ่นน้องไง”

                “เข้าใจแล้ว ผมผิดเองที่คิดมาก”

     

               

                -------------------------------------------

     

                “ผมคิดถึงพี่”

     

                ---------------------------------------

     

     

                “งานเยอะใช่มั้ย วันนี้ไม่ต้องเฟสไทม์กันก็ได้”

     

                ------------------------------------------------------

     

                No Notification from Park Jinyoung

     

                --------------------------------------------------

               

                JB is unavailable right now, Please try-

     

                ---------------------------------------------

     

                “ปารีสฝนไม่ตกมาสองอาทิตย์แล้วล่ะ”

                “...”

                “...”

    “...”

                “จินยอง”

                “...”

                “เราเลิกกันดีกว่ามั้ย”

                -----------------------------------------

               

               

     

                จินยองอยู่ที่นี่ แต่ปารีสฝนไม่ตกเหมือนทุกที

                แจบอมเลยถือโอกาสชวนจินยองออกไปเดินเล่น ปารีสยามค่ำคืนเงียบสงบ แต่อันตรายเกินกว่าจะเดินทอดน่องไปมา เราเลยเดินวนไปมาแถวห้องพักที่แจบอมอาศัยอยู่แทน

    การแข่งขันจบลงแล้ว

                แจบอมไม่ได้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ แต่ก็คว้าอันดับดีๆที่ทำให้เจ้าตัวได้เครดิตในฐานะนักแข่งแดร็กที่ทำผลงานเซอร์กิตได้ยอดเยี่ยม จินยองบินกลับมาปารีสทันทีที่เคลียร์งานจบ อย่างน้อยก็จะมาให้ทันก่อนแจบอมจะบินไปเกาหลีเพื่อถ่ายโฆษณาต่อ

    ซองบุหรี่จากร้านสะดวกซื้อถูกแกะออกช้าๆ แจบอมบอกว่า เราควรสูบบุหรี่ก่อนจะเริ่มคุยกันจริงจัง

                จินยองรู้ว่าสุดท้ายแล้วบทสนทนานี้จะจบแบบไหน แต่เขาเตรียมใจมาแล้ว

                มันคงดีกว่านี้ถ้าเขาสามารถโทษอะไรได้สักอย่าง มีมือที่สามที่ทำให้ทุกอย่างมันจบ มีคนให้เกลียด มีความขัดแย้งที่ทำให้เราต้องตัดสินใจปล่อยมือจากกัน

                แต่ในความเป็นจริง มันมีแค่จินยองและแจบอม

                จินยองมองควันสีขาวที่ลอยออกจากริมฝีปากของแจบอมช้าๆ  ก่อนจะประกบริมฝีปากตัวเองทาบทับไปทันที ไม่ปล่อยให้อีกคนได้มีโอกาสสูดหายใจ

                “จะบอกเลิกผมในเมืองที่โรแมนติกแบบนี้จริงๆเหรอ”

                แจบอมหอบลมหายใจเข้าปอดทันทีที่เป็นอิสระ มวนบุหรี่ยังคงคาอยู่ในมือ เช่นเดียวกับของจินยอง

                “เราไม่ได้คบกันด้วยซ้ำ”

                “เหอะ เชื่อพี่เลย”

                ความสัมพันธ์ของเรามีทุกอย่าง แจบอมบอกแบบนั้น แต่สิ่งเดียวที่เราขาดไปก็คือเวลาทบทวน

                แจบอมบอกว่าเพราะเราเอาแต่กังวลเรื่องของกันและกัน จนตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องเปราะบางไปเสียหมด มันคงดีถ้าเราจะได้หยุดและใช้เวลาอยู่กับเป้าหมายของตัวเองโดยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้

    จินยองไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนั้น แต่เขาก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน

                “ผมโทรหาพี่ได้หรือเปล่า”

                “อยากโทรก็โทร”

                “ถ้าปิดเทอม ผมบินไปหาพี่ได้มั้ย”

                “แล้วแต่สิ”

                “แต่เราเลิกกันแล้วนะ”

                “อือ เลิกกันแล้ว”

                คนแก่กว่ายิ้ม พิงหลังกับรั้วเหล็กสูงแค่อก ยกบุหรี่ขึ้นจ่อเตรียมจะสูบ แต่จินยองกลับจับข้อมือเขาเอาไว้และแทนที่มวนบุหรี่ด้วยริมฝีปากของตัวเอง

                เราเลิกกันแล้ว แต่จูบของจินยองกลับหวานกว่าทุกครั้งที่จูบกันในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา

                มวนบุหรี่ถูกทิ้งลงบนพื้นข้างรองเท้าผ้าใบราคาแพง เพื่อให้มือของแจบอมว่างพอจะดึงเสื้อแจ็คเก็ตของอีกคนให้ขยับเข้ามาใกล้ จริงๆเขาไม่ชอบสูบบุหรี่อยู่แล้ว เขาคือพวกนิยมรสชาติหอมหวาน และบุหรี่ไม่เคยหวาน

    “เปลี่ยนใจได้มั้ย”

    แต่วันนี้เขาต้องการความขมขื่นของมันมาตอกย้ำสิ่งที่เขากำลังทำไม่ให้เผลอเปลี่ยนใจ

                “ผมจูบแฟนเก่าได้นานแค่ไหน”

                จินยองกระซิบถามอีกครั้งเมื่ออีกคนไม่ตอบคำถามก่อนหน้า แต่ริมฝีปากยังวนเวียนจูบย้ำๆแทบไม่ได้สนใจเอาคำตอบ ความกดดันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหายไปโดยที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองแบกมันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่

                จินยองสามารถจูบแจบอมด้วยไม่ต้องกังวลว่าจะถึงเดธไลน์เมื่อไหร่

                “อีกสิบสองชั่วโมงเครื่องออก นายมีเวลาถึงตอนนั้น”

                เพราะเดธไลน์ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว

                จินยองถอนริมฝีปาก สบตาคนตรงหน้าให้เต็มตาอีกหน ปลายจมูกเรายังแตะกัน รับรู้กลิ่นลมหายใจปนบุหรี่โดยไม่คิดรังเกียจ

                แจบอมยกมือขึ้นลูบผมเขาเบาๆ เกลี่ยนิ้วโป้งลงกับสันกรามของคนเด็กกว่า แล้วไล่ย้อนกับไปที่หางตาใต้แว่นกรอบเงินอันโปรดของจินยองอีกครั้ง

                “เปลี่ยนใจได้มั้ยครับ”

    คนเด็กกว่ากระซิบร้องขออีกครั้ง ตอนที่ริมฝีปากเราอยู่ห่างกันแค่ปลายนิ้ว

                แจบอมไม่ได้ตอบ แค่ซบหน้าลงบนไหล่ของจินยอง สูดรับกลิ่นน้ำหอมเย็นๆที่ลอยมาแตะจมูก คิดถึงวันที่เขาพาจินยองไปลองน้ำหอมกลิ่นนี้ครั้งแรก

                “ฉันไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ แต่นายก็ยังจะใช้”

                “...”

                “ตอนนั้น ฉันเคยบอกให้นายเปลี่ยนใจหรือเปล่า”

                จินยองหัวเราะเบาๆ เขารู้ว่าเราคิดดีแล้ว มันก็แค่การหยุดเพื่อเว้นระยะให้เราได้หายใจ แจบอมไม่ได้ไปไหน เราแค่ไม่จับมือยื้อกันจนเจ็บเหมือนที่ผ่านมาหลายเดือนก็เท่านั้น

    ตอนนี้ เขาทำได้แค่กระชับอีกคนเข้ามากอดแน่นกว่าเดิม เนิ่นนานจนกว่าแจบอมจะเป็นฝ่ายผละออกไป

    แต่แจบอมก็ไม่ทำ จินยองเลยกอดอีกคนอยู่แบบนั้น

                กอดจนกว่าจะหมดเวลาของเขา         

     

                ---------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×