คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : (SF) NiorB: We found love(1)
We found love
We found love in a hopeless place.
Couple: Jinyoung x JB
Sub-couple: Mark x Jackson
Status: Finished
Theme: Song of your choice
Feedbace: #ฟิคบตน
#NiorB_Semi
Warning : งานเขียนชิ้นนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน จุดประสงค์เพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Theme song: We found love (Boyce Avenue) (click)
ใครไม่ได้อ่านกับAppจิ้ม>>>ลิ้งค์<<<เลยค่ะ จัดหน้าอ่านง่ายกว่าในเด็กดีน้าาา
#NiorB #Markson
1
จินยองดีใจที่เขาไม่ได้เกิดมาสายตาสั้น
เพราะข้อดีของมันคือการที่เขาสามารถเห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ได้ แม้มันจะอยู่ไกลจากตรงที่เขาอยู่มากก็ตาม
และจินยอง ใช้ประโยชน์จากข้อดีนั้นโดยแอบกวาดสายตาไปยังอีกฟากของแคมป์พยาบาลเพื่อมองเด็กผู้หญิงวัยหกขวบที่นั่งอยู่บนเปลสนามส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารที่เพิ่งเดินเข้ามา
ตาเรียวชั้นเดียวที่ดุดันอย่างคนเอเชียกลับดูอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มกว้างๆ ส่งไปให้’ ซายา’ เด็กหญิงตัวเล็ก เจ้าของดวงตากลมโตดำขลับและหน้าตาคมเข้มตามแบบฉบับชาวมุสลิมพื้นเมือง รอยยิ้มสดใสส่งกลับไปให้ผู้มาใหม่ทันทีพร้อมแววตาซุกซนแบบเด็กๆ แม้เจ้าตัวจะลุกไปไหนไม่ได้ก็ตาม
“พี่ทหาร! ”
เสียงใสกับสำเนียงแปร่งๆ เอ่ยทักทาย ก่อนจะอ้าแขนเพื่อให้ ‘พี่ทหาร’ ไหล่กว้างกอดตอบ ความน่ารักอบอุ่นนั้นอบอวลไปทั่วอาคารเก่าๆ แห่งนี้จนทำให้จินยองเกือบลืม
ลืม...ว่าเขาอยู่ในพื้นที่สงคราม
แค่เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง จากตรงที่เขายืนอยู่
เขาลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นแพทย์กาชาดที่เอาชีวิตมาเสี่ยงตาย
“มองขนาดนี้ เขารู้พอดีว่านายชอบ”
และเขาคงเผลอมองนานไปหน่อยจนแจ็คสันต้องเอาศอกกระทุ้งสีข้างเตือนสติ จินยองละสายตาจากภาพนั้นมาสนใจคนเจ็บที่นอนหลับไปเพราะฤทธิ์ยาตรงหน้าแทน
เถียงไม่ได้ เพราะชอบจริงๆ
จินยองยอมรับเลยว่าซายาไม่ใช่สาเหตุที่เขาลืมสงครามด้านนอก แต่เป็นพลรบหนุ่มในชุดทหารมอมแมมนั่นต่างหาก ที่ทำให้เขาสนใจ
ตั้งแต่วันที่แจบอมเดินอุ้มซายาที่ตัวโชกเลือดเข้ามาในแคมป์พยาบาล ตอนนั้นทุกคนต่างวุ่นวายกับการช่วยเหลือคนเจ็บที่ถูกนำตัวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในเขตอยู่อาศัย
เด็กหญิงตัวน้อยหมดสติไปแล้ว และอาจไม่มีโอกาสรอด
แต่นายทหารหนุ่มก็ยังไม่ยอมแพ้
จินยองยังจำแววตากังวลที่มองมาที่เขาอย่างคาดหวังได้ดี ทั้งๆ ที่ตัวเองมีแผลมากมายแต่นายทหารหนุ่มกลับนั่งลงข้างๆ เขา กุมมือซายาไว้ มองดูเขาทำแผลให้เด็กน้อยอย่างใจเย็น
“เธอคงเดินไม่ได้สักพัก”
“แค่เธอรอดผมก็ดีใจแล้ว”
“คราวนี้ตาคุณแล้ว”
“ครับ? ”
“แขนคุณ หันมาสิครับ ผมจะทำแผลให้”
นั่นคือบทสนทนาแรกของเราหลังจากที่เงียบอยู่นาน แจบอมทำหน้างงก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาเอ่ยและยอมถอดเสื้อเครื่องแบบออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามให้เขาได้จัดการทำความสะอาดแผลให้
เราไม่ได้คุยอะไรกันต่อจากนั้น
จินยองเสียดายที่ไม่ได้ถามชื่ออีกฝ่าย ไม่งั้นคงไม่ต้องมาลำบากหลอกถามจากซายาทีหลัง
“ถ้าลองจีบอาจจะติดก็ได้ สงครามทำให้คนอ่อนไหวง่ายรู้มั้ย”
“เงียบน่าแจ็คสัน”
จินยองดุเพื่อนสนิทที่ยืนจัดของอยู่ตรงตู้ใกล้ๆ แจ็คสันและจินยองรู้จักกันตั้งแต่สมัยไปอบรมกับICRC จินยองแยกย้ายกันไปทำงานตามโรงพยาบาลตามค่ายอพยพ ก่อนจะส่งมาประจำพื้นที่สงครามพร้อมกันเมื่อหกเดือนก่อน
และคงต้องขอบคุณสงคราม ที่ทำให้คนสองคนซึ่งนิสัยต่างกันสุดขั้ว เป็นเพื่อนสนิทกันได้ในระยะเวลาอันสั้น
จินยองบรรจงทำแผลให้ชายชราตรงหน้า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองแจบอมกับซายาที่คุยกันอย่างออกรสอยู่อีกฝั่ง สลับกับการทักทายเพื่อนพลรบที่พักรักษาตัวอยู่อีกหลายเตียงในแคมป์นี้ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาผิดจากธรรมชาติของทหารทำให้จินยองแปลกใจ
ขนาดเขาเป็นหมออาศัยอยู่ในเขตปลอดภัยยังเผลอปล่อยให้หนวดครึ้มบ่อยๆ เลย
แต่ก็นะ จินยองมีโอกาสเจอคนตรงหน้าแค่อาทิตย์ละครั้งสองครั้งเท่านั้น แถมเป็นการแอบมองจากไกลๆ คงไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งสงสัยเรื่องไม่เป็นเรื่องหรอก
แค่เห็นว่าอีกคนปลอดภัยกลับมาก็ดีถมเถแล้ว
“ไม่แกล้งเดินไปตรวจซายาล่ะ จะได้ไม่ต้องมายืนจ้องเป็นพวกโรคจิตแบบนี้”
คำแนะนำของแจ็คสันน่าสนใจ แต่จินยองเคยทำแบบนั้นแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่แจบอมกลับมาเยี่ยมซายา
เขายังจำหน้างงๆ และท่าทางอึ้งๆ ของอีกคนตอนที่เขายิ้มทักทายได้ดี
“เชื่อเถอะว่าฉันลองแล้ว”
“เวิร์คมั้ย? ”
“ไม่”
เพราะพลรบหนุ่มจำเขาไม่ได้น่ะสิ
ทั้งๆ ที่วันนั้นเขาอุตส่าห์นั่งบรรจงเย็บแผลให้ตั้งนานสองนาน
“เขาอาจจะจำได้...”
แจ็คสันยืนมาหยุดข้างๆ และเท้าเอวมองไปที่แจบอมโดยไม่กลัวอีกฝ่ายจะจับได้ ดวงตาขี้เล่นทอประกายล้อเลียนและรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจนั่นจินยองรู้จักดี แจ็คสันกำลังสนุกกับการล้อเขา
“แต่ไม่อยากรู้จักหมอหน้าเนิร์ดๆ แบบนายมากกว่า”
เห็นมั้ยล่ะ
จินยองไม่ถือสาหรอกเพราะรู้ว่าคำสบประมาทนั้นไม่จริงสักนิด จินยองเนี่ยห่างไกลคำว่าเนิร์ดที่สุดในโรงเรียนแพทย์แล้ว แจ็คสันต่างหากที่ดูเนิร์ด ถ้าเจ้าตัวไม่ไปทำเลสิกเสียก่อนก็คงเป็นเด็กแว่นดีๆ นี่เอง
“ถ้ายังไม่หยุดซ้ำเติม จะแช่งให้ทหารอเมริกันคนนั้นไม่แวะมาอีก”
“เหอะ ไม่กลัวหรอก ของแบบนี้มันอยู่ที่เสน่ห์ของฉันล้วนๆ”
จินยองหัวเราะรับคำโอ้อวดนั้นก่อนจะใช้เท้าเตะเข้าที่น่องอีกคนด้วยความหมั่นไส้จนมันจนสะดุ้ง เสียงร้องโอดโอยจนโอเวอร์ของอีกคนเรียกความสนใจจากคนอื่นๆ ให้หันมามองพวกเขาสองคนด้วยแววตาแปลกๆ
รวมถึงแจบอมด้วย
“จินยอง นายเป็น ‘หมอที่เก่ง’ แต่มือหนักชะมัด”
การเรียกชื่อเขาดังผิดปกติกับคำขยายความที่ไม่จำเป็นพวกนั้นหลุดออกจากปากแจ็คสันพร้อมรอยยิ้มกวนประสาทที่ส่งมาให้เขา ความดังของมันมากพอให้ได้ยินกันทั่ว แต่จินยองรู้ดีว่าเพื่อนจงใจพูดให้ใครได้ยิน
แจ็คสันหวังจะต้องไม่ตายดี
“พี่ไปนะซายา”
แต่ไม่ทันที่จินยองจะได้เอาเรื่อง เสียงนุ่มๆ ของแจบอมก็ดึงความสนใจไปได้เสียก่อน จินยองรีบหันไปมองชายหนุ่มในชุดทหารที่กำลังร่ำลาเด็กหญิงด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนน่ารัก
จะไปแล้วเหรอ
“โชคดีนะคุณทหาร”
แจ็คสันเป็นคนเอ่ยคำลานั้น เรียกยิ้มสวยๆ จากริมฝีปากแดงสดนั่นได้เป็นอย่างดี แจบอมก้มหัวนิดเป็นเชิงตอบรับก่อนจะทอดสายตามายังเขาแค่ชั่ววินาที
เราสบตากัน
และจินยองก็ได้แต่เงียบ ไม่กล้าเอ่ยลาด้วยซ้ำ
แจบอมเดินออกจากประตูไปแล้วปล่อยให้จินยองยืนประมวลภาพเหตุการณ์ช่วงไม่กี่นาทีเมื่อกี้เหมือนคนเสียสติ โอกาสมากมายที่เขาปล่อยหลุดมือไป ความผิดพลาดร้อยแปดที่เขาเผลอทำไปโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ผมของเขาไม่ได้ทรงกว่าทุกวัน รู้แบบนี้เมื่อวานเขาคงยอมเดินสองสามกิโลไปหาน้ำสระผมที่เขื่อนแล้ว สีแดงของกั๊กแพทย์กาชาดโลกที่สวมทับเสื้อยืดสีดำก็ไม่เหมาะกับกางเกงยีนตัวนี้เอาซะเลย น่าจะใส่แค่ปลอกแขนก็พอ
แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าแจบอมคงไม่สนใจ มีแต่จินยองนั่นแหละที่เผลอจ้องอีกคนอยู่นานสองนาน
เอาเหอะ
ก็แค่อีกวันหนึ่งที่จินยองได้แต่มองอีกคนจากไกลๆ แบบนี้
2
“เอาล่ะ ซายาพร้อมนะ”
“พร้อมค่ะพี่หมอจีนยอง”
คุณหมอหนุ่มยิ้มให้กับชื่อเรียกเพี้ยนๆ ตามสำเนียงของเด็กหญิงตรงหน้า รอยยิ้มสดใสขัดกับใบหน้าซีดทำให้เขาอดทึ่งในความเข้มแข็งของเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้
เด็กหกขวบที่ถูกพรากครอบครัวไปตั้งแต่ยังเล็ก แล้วยังต้องมาเจ็บตัวกับการเล่นนอกกติกาของพวกผู้ก่อการร้ายอีก
“หมอจะนับหนึ่งถึงสาม แล้วเราจะอดทนเจ็บไปด้วยกัน โอเคมั้ย”
จินยองยิ้มรับการพยักหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ ของซายา มือหนาแตะลงที่ผ้าปิดแผลที่ขาซ้ายของเด็กหญิงก่อนจะค่อยๆ เปิดมันออก
“หนึ่ง”
จินยองสบตาซายาพร้อมรอยยิ้มเป็นกำลังใจ
“สอง”
สำลีเปื้อนยาฆ่าเชื้อเลื่อนเข้าไปใกล้รอยเย็บขนาดใหญ่น่าหวาดเสียวนั่น
“สาม”
“งื้ออออ ไม่เจ็บ ซายาไม่เจ็บ ฮือออออ”
จินยองเผลอหัวเราะออกมาเมื่อซายาพยายามรักษาสัญญาว่าจะเป็นเด็กเข้มแข็งแต่กลับตะโกนเสียลั่นแคมป์ หยดน้ำตาเล็กๆ ไหลออกมาพร้อมใบหน้าที่ซุกลงกับผ้าห่มเก่าๆ ของตัวเอง เจ้าตัวคงพยายามเต็มที่แล้วที่จะเป็นเด็กกล้าหาญของพี่ทหาร
“เรียบร้อยแล้ว เก่งมาก”
จินยองยกมือไปรอรับการไฮไฟว์จากเด็กกล้าหาญอย่างเช่นทุกครั้งที่เราร่วมมือกันทำแผลสำเร็จ ซายายกมือป้อมๆ มาแตะกับมือเขาเบาๆ เพราะยังคงเจ็บแผลอยู่ คุณหมอหนุ่มเลื่อนมือไปลูบศีรษะอีกฝ่ายอย่างเอ็นดูก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเปลสนามข้างๆ กับเด็กหญิง
“วันนี้คุยอะไรกับพี่ทหารบ้างล่ะ”
ใครจะรู้ ว่าเด็กหกขวบจะเป็นสปายที่ดีที่สุดในสงครามครั้งนี้
“พี่ทหารบอกว่าช่วงนี้จะมาหาซายาบ่อยขึ้นเพราะหน่วยของพี่เพิ่งได้...อ่า ซายาไม่เข้าใจคำนั้นเหมือนกัน แต่..แต่พี่ทหารบอกว่าจะมาซายาก็ดีใจแล้ว”
“แล้ว...เขาถามถึงพี่บ้างมั้ย”
จินยองพยายามเลียบๆ เคียงๆ ถามไส้ศึกวัยหกขวบตรงหน้าอย่างใจเย็น คิ้วคู่สวยขมวดลงเนื่องจากเจ้าตัวพยายามนึกทวนหาคำตอบให้คุณหมอหนุ่มตรงหน้า
“อือ ถ้าซายาจำไม่ผิด พี่ทหารถามถึงหมอแจ็คอย่างเดียวเลย”
โอ้โห
ใจมันวูบยิ่งกว่าตอนผลสอบอนาโตมี่ออกเสียอีก
แจ็คสันกับจินยองคงได้ตัดขาดมิตรภาพหกเดือนกันวันนี้แน่ๆ พระเจ้ารักและเอ็นดูอะไรเจ้าลูกหมานั่นนักหนาถึงได้ส่งทหารหนุ่มมาติดพันมันถึงสองคน แค่ได้ไอ้มะกันหน้านิ่งไปก็พอแล้วโว้ย
โอเค จินยองจะไม่พาล
เขาจะเอาชาออแกนิคของมันไปซ่อน เอาให้ลงแดงจนต้องไปอ้อนวอนขอจากชาวบ้านเลย คอยดูเถอะ
“ถามถึงหมอแจ็คอย่างเดียวเลยเหรอ”
จินยองพยายามยิ้มแล้วแต่มันก็ฝืนไม่ออก เอาเป็นว่าสอบอนาโตมี่ตกยังไม่รู้สึกใจเสียเท่านี้เลย การที่เขาอาสามาเป็นหมอภาคสนามในพื้นที่สงครามไม่ทำให้พระเจ้าเห็นใจเขา ให้เด็กเนิร์ดที่ใช้เวลาวัยยี่สิบของตัวเองหมกตัวอยู่ในห้องสมุดได้มีความรักหวานๆ แบบชาวบ้านเขาบ้างหรือไง
เจ็บใจ รู้อย่างนี้จะไม่เรียนหมอ ไปเป็นทหารดีกว่า อาจจะได้เจอแจบอมก็ได้
“นอกจากถามถึงหมอแจ็ค พี่ทหารก็ถามถึงอาการของซายา แต่ซายาบอกให้มาถามพี่หมอจีนยองเอง เพราะซายาก็ไม่รู้ว่าจะออกไปวิ่งเล่นได้อีกเมื่อไหร่เหมือนกัน”
ซายาก้มหน้าลง ไหล่เล็กห่อลงจนเหลือตัวนิดเดียว จินยองเลิกสนใจหลอกถามเด็กตรงหน้าเกี่ยวกับแจบอมแล้วลูบหัวปลอบใจเด็กน้อยน่าสงสารตรงหน้าแทน
“พี่หมอรู้มั้ย คุณครูเคยบอกว่าชื่อซายาแปลว่าเร็วล่ะ”
“เร็วงั้นเหรอ”
“ใช่ ซายาวิ่งแข่งได้ที่หนึ่งตลอดเลยล่ะ”
“...”
“แต่ก็วิ่งหลบระเบิดไม่ทันอยู่ดี”
จินยองได้แต่เงียบ พยายามฝืนยิ้มให้กับเรื่องเล่าที่ซายาเอ่ยออกมาเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร สงครามขโมยจิตวิญญาณอันสดใสของเด็กตรงหน้าไปไม่ได้ แต่ขโมยมันไปจากเขาได้
จินยองไม่เข้มแข็งเท่าซายาหรอก
“ถ้าซายาวิ่งไม่เร็ว ก็คงไม่รอดมานั่งคุยกันที่นี่หรอกจริงมั้ย”
คำปลอบใจที่ดีที่สุดที่เขาคิดได้ถูกเอ่ยออกไป เรายิ้มให้กัน เรื่องของแจบอมที่จินยองเคยคิดว่ามันเจ็บปวดเล็กน้อยไปมากเมื่อเทียบกับเรื่องราวรอบๆ ตัวเขา
อกหักไม่ตาย แต่ระเบิดลงไม่แน่
โอ้โห ฮึดเลย
“ไว้ซายาหายเจ็บขา เราไปวิ่งแข่งกัน โอเคมั้ย”
“หนูชนะแน่ๆ เพราะหนูวิ่งเร็วที่สุด”
“พี่ไม่เชื่อหรอก ไว้เราไปพิสูจน์กัน ทีนี้ซายาก็ต้องขยันกินยาจะได้หายไวๆ ตกลงมั้ยครับ”
ใบหน้าเล็กเปื้อนยิ้มสดใสอีกครั้ง มือป้อมๆ ยื่นมาตรงหน้าพร้อมนิ้วก้อยเล็กๆ เป็นเชิงให้สัญญา
จินยองเกี่ยวก้อยกับคนไข้วัยหกขวบของเขาด้วยรอยยิ้ม ซายาเหมือนดอกไม้ธรรมดาที่คงไม่มีใครสนหากบานที่สวนดอกไม้ทั่วๆ ไป
แต่ดอกไม้ดอกนี้ บานท่ามกลางซากปรักหักพังของแรงระเบิด
เพราะงั้น เขาจะเข้มแข็งและสดใสให้ได้เท่าคนตรงหน้า อย่างน้อยที่สุด เขาก็จะไม่ยอมแพ้กับการรักษาดอกไม้ดอกนี้เอาไว้
“สัญญาค่ะ”
จินยองสัญญา
3
“โอ้พระเจ้า แจ็คสัน! ”
เสียงโวยวายพร้อมมือสองข้างที่ยกขึ้นบังดวงตาไม่ให้เห็นภาพตรงหน้า จินยองหันหลังกลับไปทางประตูที่ไม่ทันได้ปิดให้สนิทดีทันที เมื่อเห็นว่ารูมเมทของเขากำลังใช้ห้องพักแคบๆ นี่ทำเรื่องหน้าไม่อายกับทหารอเมริกันหนุ่มอีกแล้ว
“ทำไมไม่ล็อคประตู! ”
นั่นคือสิ่งเดียวที่เขาเอ่ยออกไปได้ พยายามไม่มองว่าเพื่อนของเขาอยู่ในสภาพไหน แค่ภาพเมื่อกี้ก็ติดตาเขามากพอจะทำให้ขนลุกได้แล้ว
อย่างน้อยก็ถอดเสื้อกั๊กกาชาดออกก่อนได้มั้ย น่าอายชะมัด
“แหะๆ นายช่วยไปเดินเล่นสักสองสามชั่วโมงได้มั้ย จินยอง”
นอกจากจะไม่มีคำขอโทษแล้วยังมีหน้ามาไล่กันอีก
เพื่อนเวร
“เออๆ” จินยองรีบเปิดประตูพาตัวเองออกจากสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนเมื่อกี้ด้วยความหงุดหงิด พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินแท้ๆ ยังมีอารมณ์มาพลอดรักกันได้อีก แต่ก็เข้าใจว่ามาร์คมีเวลาไม่แน่ไม่นอน พอสบโอกาสจะอยู่ด้วยกันเลยจัดหนักแบบไม่สนใจชาวบ้านชาวช่องเขาเลย
ไม่ล็อกประตูด้วย ให้ตายเถอะ
จินยองเดินทอดน่องผ่านห้องพักเก่าๆ ที่พวกกาชาดและอาสาสมัครใช้พักอาศัย ทหารสองสามคนเดินเวรตรวจตราความปลอดภัยให้พวกเขาอย่างเช่นทุกวัน ที่นี่ยังคงสภาพความเป็นโรงเรียนอยู่แม้จะถูกใช้เป็นแคมป์พยาบาลมาเกือบปีแล้วก็ตาม
ก็นะ ในสถานการณ์แบบนี้คงไม่มีใครว่างมาโรงเรียนหรอก
ตึกรามบ้านช่องที่เป็นร่องรอยวัฒนธรรมทำให้จินยองเผลอจินตนาการถึงความรุ่งเรืองของเมืองนี้ก่อนความขัดแย้งทั้งหมด ที่นี่เคยเป็นเมืองที่เจริญเมืองหนึ่ง แต่ตอนนี้เหมือนเมืองร้างในหนังซอมบี้มากกว่า
สงครามไม่เคยให้อะไรดีๆ กับโลกใบนี้ ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้ใครนอกจากทำลายความสงบสุขของคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จินยองพยายามนึกหาข้อดีของสงครามสักข้อ เผื่อมันจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้าง
“คุณหมอจินยอง”
มีอยู่ข้อดีอยู่ข้อหนึ่งจากสงครามครั้งนี้ และสิ่งนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมรอยยิ้ม
ชายหนุ่มรูปร่างกำยำ เสื้อยืดสีเข้มตัดกับผิวขาวและกางเกงเครื่องแบบทหารดูเข้ากันดีกับท่าทางทะมัดทะแมงของอีกคน รอยยิ้มบางๆ อย่างเป็นมิตร ประกายสว่างเหมือนจี้แผ่นอะลูมิเนียมสลักชื่อที่ห้อยอยู่ตรงคออีกคนยามโดนแสงไม่มีผิด
“จำผมได้มั้ย แจบอมเพื่อนของซายา”
แน่นอนเขาจำได้ ใครจะลืมหน้าคนที่ชอบลงล่ะ
และแน่นอน คำตอบเลี่ยนๆ แบบนั้นไม่ได้หลุดจากปากจินยอง อันที่จริงคือไม่มีอะไรหลุดออกจากปากจินยองเลยเพราะเขามัวตื่นเต้นกับการที่อีกคนจำชื่อเขาได้
คุณหมอจินยอง
.
คุณหมอจินยองๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
.
จินยอง
เขาอยากตายตรงนี้ เพราะชีวิตเขาบรรลุเป้าหมายสูงสุดแล้ว
“คุณ...โอเคหรือเปล่า”
“เอ่อ ครับ ว่าไงครับ”
จินยองรีบเรียกสติกลับมา พยายามเก็บอาการไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ว่าเขาชอบมากแค่ไหน มันไม่คูลหรอกถ้าให้คนที่เราชอบรู้ตัว แจ็คสันบอกอย่างนั้น
“ฉันแกล้งเมินมาร์คตั้งสองเดือนแน่ะ”
จินยองเคยคิดว่ามันปัญญาอ่อน แต่จากที่ได้เห็นภาพติดตาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเขาก็เริ่มแน่ใจแล้วว่าตัวเองคิดถูก
มันได้ผลกับแจ็คสันนี่นา
“คือผมอยากรู้อาการของซายาน่ะครับ แต่ไม่มีโอกาสได้ถามเสียที”
“อ่า เรื่องนั้น”
“ถ้าไม่รบกวนคุณหมอจนเกินไป เราไปหาที่นั่งคุยกันดีๆ ได้มั้ยครับ ผมมีเรื่องจะถามเกี่ยวกับซายาหลายเรื่องเลย”
คำเอ่ยชวนง่ายๆ ของนายทหารหนุ่มไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่สำหรับจินยองมันคือโอกาสแสนล้ำค่าที่เขาไม่เคยได้รับ และพอได้รับ ก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมัน
เมินดีมั้ย เล่นตัวสักนิด
“งั้นไปโรงครัวละกันครับ แถวนั้นมีที่นั่ง”
เล่นตัวให้โง่สิ ชาตินี้เขาอาจมีโอกาสแค่วันนี้ก็ได้
“เยี่ยมเลย”
จินยองมองตามรอยยิ้มนั้นก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำอีกคนไปทางโรงครัวที่อยู่อีกฝ่ายของโรงเรียน
แจบอมเดินตามมาข้างๆ เขา จินยองขอบคุณตัวเองที่วันนี้เขาโกนหนวดมา ไม่งั้นคงได้นั่งทึ้งหัวตัวเองทั้งคืนแน่ๆ ที่ไม่รู้จักเตรียมตัว จินยองเหลือบมองคนข้างตัวนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นก้มหน้ามองตามสายตาของนายทหารหนุ่มข้างตัว
แจบอมกำลังมองจังหวะก้าวเดินของตัวเองเหมือนมันน่าสนใจ
ดังนั้น ตอนนี้จึงมีแค่เสียงรองเท้าคอมแบทกระทบกับพื้นดินเป็นจังหวะแทนที่บทสนทนาที่พวกเขาไม่รู้วิธีเริ่ม
เชื่องช้า สม่ำเสมอ เคียงข้างกัน
ซ้าย ขวา ซ้าย
แปลกดี ที่อยู่ๆ มันก็น่าสนใจสำหรับจินยองเหมือนกัน
“รองเท้าคุณแพงเกินกว่าจะเอามาใส่ในพื้นที่สงครามแบบนี้นะครับ”
และบทสนทนาก็เริ่มต้น โดยแจบอมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน จินยองละสายตาขึ้นมามองคนถามที่กำลังมองมาที่เขา จินยองแค่ยักไหล่และเม้มปากจนรู้สึกได้ถึงลักยิ้มที่ปรากฏขึ้นตรงแก้ม
จะว่ายังไงดี
เขาเรียนหมอด้วยทุนตัวเองได้ ทำไมจะซื้อรองเท้าแบรนด์เนมแพงๆ ใส่ไม่ได้
“ลงทุนครั้งเดียวเพื่อความทนทานของมันน่ะครับ”
แต่จินยองไม่อยากเป็นไอ้หนุ่มขี้โอ่ เลยต้องแถๆ ไปก่อน
แพทย์หนุ่มลอบมองปฏิกิริยาของคู่สนทนาอย่างระมัดระวัง คำตอบเขามันใช่คำตอบที่ถูกหรือเปล่า หรือจริงๆ ควรออกตัวไปเลยว่าบ้านรวยครับ พร้อมเลี้ยงดู อย่ามาลำบากจีบกันกลางสนามรบเลยมันเสียเวลา
ไม่ได้สิ ถ้าพูดแบบนั้นเขาก็จะเป็นพวกมีเงินแต่ไร้อุดมการณ์ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ใช้เงินแก้ปัญหาอะไรเทือกนั้น
ทำไมการตอบคำถามง่ายๆ มันยากกว่าควิซของศาสตราจารย์แม็คเวลล์อีกวะ
“คราวหน้าตอนผมกลับบ้าน คงต้องแวะที่ช็อปดูบ้างแล้วล่ะ ผมว่ารุ่นนี้มันสวยใช้ได้เลย”
“คุณรู้จักแบรนด์นี้? ”
“หน้าผมดูไม่น่ารู้จักเหรอคุณ”
ว้าว จินยองไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโง่และหมดท่าเท่านี้มาก่อน
นอกจากจะประเมินอีกฝ่ายผิดไปมากยังเผลอไปดูถูกนายทหารหนุ่มรูปหล่อบ้านรวยเข้าเสียด้วย ตอนนี้เลยได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ไปให้ทั้งๆ ที่สมองกำลังหัวหมุนกับการหาคำตอบดีๆ ไปแถ เอ่อ..ไปแก้สถานการณ์ตรงหน้า
“ล้อเล่นน่าคุณ”
ฮ่า...
“ตลกร้ายมากๆ เลยคุณทหาร”
แจบอมยิ้มให้เขาด้วยท่าทีสบายๆ เจ้าตัวจะรู้บ้างไหมว่าภายใต้ท่าทางคูลๆ ของเขา ร่างกายกำลังทำลายตัวเองช้าๆ เพราะความงี่เง่าของตัวเอง แค่ไม่กี่นาทีที่อยู่ด้วยกันอารมณ์เขาขึ้นลงจนตีเป็นกราฟคงทะลุทั้งแกนXแกนYแล้ว
“เรียกผมแจบอมก็ได้ ผมก็จะเรียกคุณว่าจินยอง”
จินยองเนื้อเต้นไปกับความใกล้ชิดอีกขั้นที่อีกฝ่ายมอบให้ ทางจิตวิทยาถือว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี และมันมีโอกาสนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่มั่นคงในภายภาคหน้า
แค่คิดเขาก็อยากวิ่งกลับไปโม้ให้แจ็คสันฟังเสียเดี๋ยวนั้น
ความสัมพันธ์ของเขาและแจบอม
“คิดเสียว่าผมเป็นเพื่อนคุณอีกคนละกันนะ”
ความสัมพันธ์ฉันธ์เพื่อน...
“ตกลงมั้ย จินยอง”
พระเจ้าคงเกลียดเขามากจริงๆ
4
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ นี่นาย..ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
“พอได้แล้วแจ็คสัน นายคิดว่าฉันตลกด้วยมั้ย”
จินยองอยากจะเอาถาดเหล็กสำหรับใส่อาหารเช้าตบหัวเพื่อสนิทเขาชะมัด ถ้าไม่ติดว่าทรัพยากรมีน้อยล่ะก็ หมอนี่ไม่ตายดีแน่ๆ เขารู้อยู่แล้วว่าแจ็คสันจะต้องหัวเราะเยาะเขาแบบนี้เลยอดทนไม่เล่าเรื่องนี้ให้อีกคนฟังได้ตั้งนาน
...คืนนึงแน่ะ...
นานมากๆ เพราะจินยองคันยุบยิบอยากลุกมาเล่ามันตลอดเวลาเลย ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการมีความลับกับเพื่อนสนิทมันมีอาการเหมือนโรคภูมิแพ้ขนาดนี้
“โทษที หึๆ โอเคๆ เลิกตาขวางใส่ฉันได้แล้ว มาดื่มฉลองดีกว่า”
แจ็คสันยกแก้วอะลูมิเนียมเก่าๆ ในมือขึ้น
“แด่เฟรนด์โซน”
“Fxck You, Jacks”
“Hahahahaha Sorry, Jinyoung Baby แต่นายคงจืดชืดเกินไปสำหรับวงการทหารจริงๆ”
คำสบประมาทจากปากเพื่อนสนิทยิ่งทำให้จินยองหมดอารมณ์สวาปามอาหารเช้าเย็นชืด ตรงหน้า จืดชืดงั้นเหรอ คำนี้ใช้กับคนอย่างจินยองได้ที่ไหน เขาเป็นถึงหนุ่มฮอตแห่งโรงเรียนแพทย์เลยนะ ถึงเวลาส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการสิงห้องสมุดก็เถอะ
“ฉันไม่ได้จืดชืด นายก็รู้”
แต่ห้องสมุดไม่ได้มีไว้อ่านหนังสืออย่างเดียวเสียหน่อย
“ใช่ ฉันรู้ว่านายมันเสือ และก็ชื่นชมความตั้งใจของนายด้วย”
“...”
“แต่นายทหารนั่นอาจจะไม่ชอบผู้ชายก็ได้ เผลอๆ มีลูกเมียรออยู่ที่บ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้”
แจ็คสันวิเคราะห์เหตุการณ์เป็นฉากๆ จนจินยองเริ่มใจเสีย เขาก็พอรู้แหละว่าไม่ใช่ทุกคนจะรสนิยมแบบเขาแต่ตอนชอบมันไม่มีใครมานั่งนึกหรอกว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง
ตอนนั้นคิดแค่ว่าชอบ
“อย่าเพิ่งหงอยน่าจินยอง เอาเข้าจริงแจบอมน่ารักนะ คนน่ารักแบบนั้นทำให้ฉันมีศรัทธา ลองดูไม่เสียหาย”
แจ็คสันเห็นว่าเพื่อนชะงักไม่ยอมกินข้าวต่อก็เริ่มสงสาร จึงรีบเอ่ยปลอบใจคนตรงหน้าต่อก่อนจะเห็นคนใจสลายตายคาโรงครัว
“ขอบใจที่ไม่ทำลายความหวังฉัน”
“ก็อย่าเพิ่งหวังมากเลย ถึงพวกทหารจะชอบหมอหล่อๆ แบบเรา”
“...”
“แต่เขาก็ชอบเป็นรุกเหมือนกัน เพื่อนรัก”
บางครั้ง จินยองก็เกลียดความตรงไปตรงมาของเพื่อนสนิทเขาเหลือเกิน
เอาเข้าจริงเหตุผลที่ผู้ชายหน้าตาดี (เถียงสิ จินยองรู้ว่าตัวเองหล่อเถอะ) ครองความโสดเอาไว้ได้ในดงผู้ชายใจเปลี่ยวมันก็มีอยู่ไม่กี่เหตุผลเลยจริงๆ และเหตุผลนั้นก็ทำเอาเดทเขาล่มมาแล้วหลายหนจนหมดหวังเรื่องนี้ไปนาน
แต่ตอนเจอแจบอม...
“แมนกว่ามาร์คอีก Surely top”
นั่นคือนิยามจากแจ็คสัน เพื่อนเวร ตัดความหวังเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม ถึงอย่างนั้นจินยองก็ยังเชื่อในสัญชาตญาณเสือโรงเรียนแพทย์ของเขาเหมือนกัน ว่าแจบอมน่ะ ถ้าจะTopให้เขาก็มีแต่ On topเท่านั้นแหละ
“หยุดคิดอะไรลามกแล้วกินข้าวเถอะจินยอง นายมีคนเจ็บอีกเป็นร้อยให้ตรวจ”
ขัดใจทุกเขาทุกเรื่องจริงๆ
“แล้วกามเทพตัวน้อยๆ แผลงฤทธิ์บางรึยัง”
“กามเทพ? ”
จินยองทวนคำพูดแจ็คสัน คุณหมอหนุ่มชี้ไปที่ซายาซึ่งย้ายมาอยู่ที่บ้านพักนอกแคมป์ถัดจากห้องของเขาไปไม่ไกล เด็กหญิงนั่งอยู่ที่เก้าอี้มองเพื่อนๆ กระโดดไปมาอย่างมีความสุขโดยมีพยาบาลอาสาคอยดูห่างๆ
“ซายาไง เพราะซายานายถึงได้เจอแจบอม แถมยังได้คุยกันอีก กามเทพชัดๆ”
อ่า นั่นสินะ
เด็กหกขวบแสนแก่แดดทำให้เขาได้เจอแจบอม แจบอมมาคุยกับเขาก็ครั้งแรกเรื่องซายา
เป็นกามเทพจริงๆ
แต่สงสัยเพราะกามเทพขาเจ็บ เลยทำให้เขาติดอยู่ที่เฟรนด์โซนแบบนี้
จินยองปลอบใจตัวเองว่าแจ็คสันก็แค่แหย่เขาเล่น เขาอุตส่าห์ก้าวเข้าไปในSafe Zoneของอีกคนได้แล้ว ถึงบทสนทนาเมื่อวานจะมีแต่เรื่องของซายา แต่มันก็ไม่น่าอึดอัดเลยสักนิด รอยยิ้มสบายใจจนดวงตาเรียวเล็กนั่นแทบปิดบอกเขาว่า จินยองไม่ได้หมดหวังขนาดนั้น มาถึงขนาดนี้ได้ก็ต้องเจ๋งระดับนึงล่ะวะ
การออกจากเฟรนด์โซนมันคงไม่ยากไปกว่าการรักษาคนแขนขาดจากแรงระเบิดหรอก
แต่การเปลี่ยนรุกให้เป็นรับนี่สิ...มันคงเหมือนการทำให้แขนที่ขาดเพราะแรงระเบิด งอกออกมาใหม่ไม่มีผิด
เห้อ ยอมเป็นรับเสียเองอาจจะง่ายกว่า
5
จินยองจะไม่ยอมเป็นรับ ซายายังรอดจากระเบิดได้ ทำไมจินยองจะจีบทหารหนุ่มมาเป็นภรรยาไม่ได้
โอเค จินยองคงคิดไกลไปหน่อย เอาแค่ออกจากเฟรนด์โซนก่อนละกัน
“ขาของซายาดีขึ้นแล้ว แต่ตราบใดที่มันยังไม่หายดี ผมกลัวมันจะติดเชื้อขึ้นมา แบบนั้นคงแย่แน่ๆ”
จินยองพยายามรักษาภาพลักษณ์คุณหมอผู้จริงจังกับงานได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย นายทหารหนุ่มมาเยี่ยมซายาหลังจากหายหน้าหายตาไปหลายวัน ตอนที่แจ็คสันสะกิดเขาให้หันไปมอง จินยองก็แทบจะทิ้งเข็มเย็บแผลไว้ตรงนั้นแล้วเดินไปกอดชายหนุ่มท่าทางอิดโรยให้เต็มรัก
แจบอมผอมลงแต่ก็ยังคงรูปลักษณ์ของชายหนุ่มร่างกายกำยำไว้ได้ดี สันกรามคมชัดขึ้นมากและดูดุดันกว่าเดิมจนจินยองอยากปราบให้หายดุ คิดแล้วก็มันเขี้ยว ไหล่กว้างๆ นั่นต้องมีพื้นที่ให้สร้างรอยได้อีกมาก เสียงนุ่มๆ นั่นจะต้องเพราะมากแน่ๆ ตอน...
เห้อ อยากได้ชะมัด คนอะไรเซ็กซี่ขนาดนี้
น่ารักมากด้วย โดยเฉพาะตอนที่ยิ้มให้ซายาแบบนั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้เขาแปลกใจเสมอเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งถือปืนไปสู้กับผู้ก่อการร้ายข้างนอกนั่น คนแบบนั้นจะน่ารักขนาดนี้ได้ยังไง แต่เขาไม่ควรเอาของพวกนั้นมาไบแอสคนตรงหน้าหรอก เพราะจินยองเองยังเป็นแพทย์หนุ่มที่มีรสนิยมอยากได้ทหารไหล่กว้างหน้าดุมากินเลย
ของแบบนี้ใช้ใจล้วนๆ
แต่ใจตรงกันหรือเปล่านี่อีกเรื่อง
“จินยอง”
“ครับ”
“ผมขอพาซายาไปเดินเล่นข้างนอกได้มั้ย ผมไม่อยากให้เธอเบื่อ”
แจบอมถามเขาด้วยแววตาใสซื่อที่เจ้าตัวส่งมาอย่างไม่รู้ตัว ทำตัวแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่านะ แบบนี้ตอนอยู่ในหน่วยจะโดนจีบบ้างรึเปล่า
ซายาบอกว่าคนตรงหน้าโสด คนน่ารักแบบนี้จะโสดได้นานสักแค่ไหนกัน
“ว่าไงจินยอง ผมพาเธอไปได้มั้ย”
“ได้..ได้สิครับ แต่ให้ผมไปด้วยดีกว่า เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันดู”
“นี่ผมกวนคุณหรือเปล่า”
“ไม่เลยครับ งานทางนี้แจ็คสันเอาอยู่ ใช่มั้ยแจ็ค”
จินยองตะโกนถามเพื่อนที่วุ่นวายกับการตรวจอาการเด็กผู้ชายอยู่อีกฟากห้อง เพื่อนสนิทมองเขาด้วยใบหน้าเหลอหลาจนจินยองต้องรีบส่งซิกไปให้เพื่อนผู้ไม่เป็นงานเดินตามเกมของเขา
“อ่า ใช่ๆ ตามนั้นเลย”
แจ็คสันยังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไร แต่เพื่อนต้องช่วยเพื่อนจริงมั้ย บางทีคดีนี้อาจลบล้างกับการที่แจ็คแอบใช้ที่นอนนิ่มๆ ของจินยองทำอะไรๆ ไม่เหมาะสมกับมาร์คโดยที่มันไม่มานั่งบ่นเขาจนหูชาก็ได้
หมายถึง ถ้าจินยองรู้น่ะนะ
“งั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวมืดกว่านี้มันอันตราย”
แจบอมเดินตรงไปที่เปลประจำของซายาที่อยู่โซนสตรีเพื่อรับร่างเล็กขึ้นมาขี่หลังอย่างรวดเร็ว ซายาตัวเล็กนิดเดียวเทียบไม่ได้กับถังน้ำมันที่เขาแบกอยู่ทุกวัน รอยยิ้มสดใสนั้นทำให้แจบอมลืมความเหนื่อยล้าที่มีแทบทั้งหมด
เขาดีใจที่ช่วยเด็กน้อยคนนี้ไว้ได้
จินยองรอเขาอยู่ด้านนอกด้วยรอยยิ้ม แจบอมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้ชอบมองหน้าจินยองนัก อาจเพราะเขาไม่ค่อยได้เจออะไรสวยๆ งามๆ มานานล่ะมั้ง สงครามมันกลืนกินตัวตนความเป็นนักเสพศิลปะของแจบอมไปหมดแล้ว แต่จินยองทำให้เขานึกถึงตัวเองตอนนั้น
“พี่หมอจีนยองบอกว่าถ้าซายาหาย เราจะวิ่งแข่งกันล่ะค่ะ”
นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้
“ซายาไม่กลัวแพ้เหรอ คุณหมอขายาวกว่านะ”
แจบอมถามเด็กหญิงที่เกาะหลังเขาอยู่ แต่ตากลับมองไปยังคนที่เดินนำเขาไปก่อน แพทย์หนุ่มในเสื้อยืดสีดำกับชุดหมีสีแดงชาดที่เจ้าตัวถอดส่วนที่เป็นเสื้อออกแล้วผูกแขนเสื้อไว้ตรงเอวแทน ร่างสูงไล่เตะก้อนอิฐจากซากตึกพังที่เกะกะขวางถนนออกให้ตลอดทางด้วยท่าทางทะมัดทะแมง
ก็แปลกดี หน้าตาน่ารัก นึกว่านิสัยจะนุ่มนิ่มน่ารักตามไปด้วย
“ไม่กลัวหรอกค่ะ ซายาวิ่งเร็วน้าพี่ทหาร”
“บอกแล้วไงให้เรียกพี่แจบอม”
“เห้อ ซายาก็บอกแล้วไงว่าชื่อแจนบอนมันเรียกยากเนี่ย”
โอเค แจบอมเถียงเด็กฉลาดไม่เคยได้เลย ไม่สิ เถียงใครได้บ้างชีวิตนี้ ยิ่งมาเป็นทหารที่เอาแต่รับคำสั่งจากผู้บัญชาการยิ่งไม่ได้ใช้ทักษะพวกนี้เลย
เถียงเด็กยังแพ้เลย แย่ชะมัด
“เถียงอะไรกันเสียงดังเชียว”
จินยองวิ่งกลับมาหาเขาหลังจากเห็นว่าทางโล่งไม่มีอะไรต้องระวังแล้ว แพทย์หนุ่มยิ้มจนตาหยีหางตาปรากฏรอยเป็นเส้นๆ เหมือนหนวดแมวเลย
อาจจะไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่มันเหมือนในการ์ตูนน่ะ
คนอะไรไม่รู้ ปลุกจิตวิญญาณแปลกของแจบอมได้ตลอดเลยจริงๆ
“ก็พี่ทหารจะให้เรียกชื่อ แต่ซายาเรียกไม่ได้พี่ทหารก็ดื้อ”
คนโดนหาว่าดื้อหน้าเหวอกับคำกล่าวหานั้น ดื้อเนี่ยนะ คำนั้นมันใช้กับเด็กต่างหากล่ะซายา แต่น้องคงไม่รู้ไม่งั้นคงไม่พูดออกมาโต้งๆ อย่างมั่นใจแบบนั้น
เถียงไม่ได้ด้วย เดี๋ยวน้องงอนอีกจะยุ่ง
“แจบอมดื้อเหรอครับ”
นี่ก็อีกคน แต่คนนี้เขาเถียงได้ เพราะงอนไปเขาก็ง้อได้แน่ๆ
แพทย์หนุ่มมองนายทหารที่ถลึงตาใส่เข้าพร้อมเม้มปากแน่นเป็นเชิงเตือน จินยองแค่ยิ้มพยักหน้ารับเบาๆ เพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าเขายอมแพ้แต่พออีกคนหันไปเขาก็แอบส่งสายตาบอกซายาว่าเห็นด้วยกับคำนั้นสุดๆ
ดื้อ คำนี้เหมาะกับคนน่ารักแบบแจบอมเท่านั้นแหละ
“พี่ไม่ได้ดื้อ พี่แค่อยากให้ซายาเรียกชื่อพี่เฉยๆ”
“แต่ชื่อพี่ทหารเรียกยากนี่นา”
“ฝึกบ่อยๆ จนชินปากไงซายา ลอง- “
คำถกเถียงเจื้อยแจ้วเพิ่มความดังและดูใส่อารมณ์มากขึ้นอย่างไม่มีใครยอมใครจน กรรมการอย่างจินยองต้องเบรคโดยการเอื้อมมือไปปิดปากนายทหารที่ดูจะเข้าใจการกระทำของเขามากกว่า
สัมผัสอุ่นและอ่อนนุ่มจากริมฝีปากอีกคนที่แตะมือเขาอยู่ทำเอาจินยองเผลอเสียสมาธิไปชั่วขณะ
ขอบคุณโรงเรียนแพทย์ที่สอนให้เขารับมือกับความวอกแวกของตัวเองได้ดี สามารถตั้งสติและกลับมาจัดการเรื่องตรงหน้าได้ในไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“งั้นเอางี้มั้ย ซายาก็เรียกพี่ทหารว่าพี่เจบี”
“พี่เจบีเหรอ ซายาเรียกได้ พี่เจบี”
“จบนะครับ”
คำถามสุดท้ายไม่ได้ถามเด็กน้อยที่เกาะเป็นลิงอยู่ที่หลังแข็งแรงแต่เป็นพลรบที่โดนเขาปิดปากอยู่ต่างหาก เจ้าของชื่อพยักหน้าทำให้จินยองยอมละมือออก ชื่อเจบีเป็นโค้ดเนมที่เขาโดนเรียกมาตลอดเพราะชื่อเขามันออกเสียงอยากเกินไปสำหรับชาวต่างชาติ แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกก็คงต้องใช้ชื่อในวงการทหารนั่นแหละ
ไม่ชอบเลยแฮะ
“พี่เจบีหนักมั้ยคะ”
“ไม่หรอก ซายาตัวนิดเดียวเอง”
พวกเขาเดินไปจนสุดทางถึงลำธารขนาดย่อมของเขื่อนชลประทาน แหล่งน้ำสะอาดที่ใกล้แคมป์พยาบาลที่สุดและเสี่ยงน้อยที่สุดด้วย แจบอมกวาดตามองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณก่อนจะค่อยๆ วางซายาลงบนหินก้อนใหญ่ริมน้ำอย่างระมัดระวังโดยมีจินยองช่วย
พวกเขาใช้เวลาที่นั่นอยู่นาน ส่วนมากก็คือหิ้วซายาไปมาและแกล้งให้หัวเราะเสียส่วนใหญ่ แจบอมไม่ค่อยรู้วิธีรับมือกับเด็กเท่าจินยองที่ดูจะใช้เหตุผลแก้ปัญหาได้ดีกว่า ส่วนเขาก็แค่หาเรื่องเล่นกับน้องไปเรื่อยแทน
“บี”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่คนได้ยินก็เผลอกันไปหา ก่อนจะรู้ตัวว่าอีกคนไม่ได้เรียกชื่อเขา แต่กำลังสอนซายาวาดตัวอักษรภาษาอังกฤษบนดินต่างหาก
ไม่มีใครเรียกเขาแบบนั้นมานานแล้ว
จินยองเงยหน้ามาสบตาเขา ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แจบอมแค่ส่ายหน้าก่อนจะวักน้ำมาล้างหน้าล้างตัวต่อ
เสียงทุ้มที่เอ่ยคำว่าบียังคงวนเวียนซ้ำไปมาในหัวไม่ยอมหยุด ก่อนจะทับซ้อนด้วยเสียงของเพื่อนสมัยเด็กที่เคยเรียกเขาว่าบี
คิดถึงบ้านจัง
“หวา พี่จีนยองวาดเสือไม่สวยเลย”
“อ่าว ซายา พูดแบบนี้พี่เสียใจนะ”
“พี่เจบีดูซี่ พี่หมอจีนยองวาดเสือเหมือนแมวเลย”
แจบอมสะบัดมือไล่หยดน้ำออกก่อนจะเดินไปหาซายาที่นั่งตักจินยองอยู่ ในมือของแพทย์หนุ่มมีกิ่งไม่ที่ปลายมีรอยดินเลอะเทอะและน่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวลากมันเพื่อวาดภาพลายเส้นต่างๆ บนพื้นดินแฉะๆ ตรงหน้า
“เหมือนแมวจริงๆ ด้วย”
“ช่าย ไม่น่ากลัวเลย”
“นี่ซายา เสือมันก็เหมือนแมวนั่นแหละ แค่ตัวใหญ่กว่า”
จิตรกรหนึ่งเดียวพยายามเถียง ก็พอรู้ว่าเขาห่วยแตกศิลปะขนาดไหน แต่อย่างน้อยเขาก็เย็บแผลสวยนะเว้ย อีกอย่าง ถ้าเขาเอาดีทางวาดรูปได้คงไม่เสียเวลาเข้าโรงเรียนแพทย์ตั้งหลายปีหรอก
“เหมือนแมวก็ดีแล้วไงซายา พี่ไม่ชอบเสือเพราะมันนิสัยไม่ดี”
จินยองมองคนพูดพยายามคิดว่าอีกคนแฝงความนัยอะไรไว้หรือเปล่าแต่ก็ไม่ มีแต่เขานี่แหละที่แอบเจ็บจึกๆ กับคำว่าไม่ชอบเสือ สงสัยแผนการเอาเสือสยบสิงห์ คงพังแล้วไม่เป็นท่าจริงๆ อย่างที่แจ็คสันว่า
ไม่เป็นไร เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่เสือที่มีเขี้ยวเล็บ
“พี่ชอบแมวมากกว่า”
แมวก็มี จินยองเป็นแมวไปก่อนก็ได้
6
นาฬิกาดิจิตอลที่ข้อมือบอกว่าตอนนี้ตีสองแล้ว
แต่จินยองยังนอนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่เลย
ในหัวเขาตอนนี้มีแต่ใบหน้าขึ้นสีของนายทหารหนุ่มที่มองมาที่เขาก่อนจะหลบตาทันทีที่สบตากัน ส่วนสาเหตุก็มาจากคนไข้คนโปรดของจินยองเอง
“พี่หมอจีนยองก็หน้าเหมือนแมวเลย พี่เจบีชอบมั้ยค้า”
อยากสร้างขาใหม่ให้น้องวิ่งแข่งกับยูเซน โบ้ลต์เดี๋ยวนั้นเลย
แจบอมไม่ได้ตอบอะไร แค่ชวนพวกเขากลับแคมป์ ขากลับจินยองอาสาแบกน้องเองปล่อยให้อีกคนเดินนำลิ่วไปไม่ยอมพูดยอมจา
มองจากเครื่องบินรบบนฟ้ายังรู้ว่าเขิน
“เลิกดิ้นซะที มันเสียงดัง! ” เสียงตะโกนจากเตียงข้างๆ พร้อมหมอนที่ปาเข้าโดนหน้าเขาจังๆ แจ็คพลิกตัวไปอีกทาก่อนจะนิ่งไปเหมือนจมสู่นิทราอีกครั้งทิ้งจินยองไว้ในความมืด
แจ็คสันบอกว่าที่แจบอมเขินเพราะคิดว่าจะได้รุกเขาแน่ๆ ต่างหาก
(เพื่อนเวร)
จินยองกลับมองว่าแค่อีกฝ่ายเขินใส่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ใช่ปัญหา แค่คิดว่าชื่อเขาทำให้อีกคนเขินได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจต่างหากที่พิสูจน์หลายๆ เรื่องได้
แจบอมไม่รังเกียจเขา (ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่รังเกียจเกย์อย่างในไบเบิ้ล)
และแจบอมเขิน ไม่กล้าสบตาแม้แต่ตอนที่เราบอกลากันหน้าแคมป์ยามค่ำคืน บรรยากาศโรแมนติกพวกนั้นยิ่งส่งให้แจบอมทำตัวไม่ถูก ส่วนจินยองก็เอาแต่ยิ้มค้างจนกลับมานอนบ้าแบบนี้
วันนี้ดีจริงๆ ดีจนจินยองคิดว่าที่นี่ไม่ใช่โซนสีแดง แต่เป็นโซนสีชมพูต่างหาก
(ถ้าคนพูดจาลุงๆ แบบนี้มาจีบ ฉันจะบอกว่าตัวเองเกลียดเกย์แล้วต่อยหมอนั่นสักสองหมัด : แจ็คสัน,2018)
7
“พวกนายทำให้ฉันนึกถึงคู่รักร่วมเพศที่ชอบรับเด็กต่างชาติมาเป็นลูกบุญธรรม นึกออกมั้ย? ”
นั่นคือความเห็นของมาร์คที่มีต่อความสัมพันธ์ของเขา แจบอมและซายาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แผลของซายาดีขึ้นก็ยังคงต้องระวังไม่ให้ติดเชื้ออยู่ดี เขาบรรจงหาผ้ามาปิดแผลและเปลี่ยนมันบ่อยเท่าที่ทรัพยากรของที่นี่จะอำนวย
แจบอมมาที่นี่บ่อยอย่างที่ซายาบอกจริงๆ และมันก็ทำให้เขารู้ว่าการออกจากเฟรนด์โซนนั้นยากกว่าวิชาประสาทศาสตร์เสียอีก
“น่ารักชะมัด ครอบครัวแฮปปี้ท่ามกลางสงครามระเบิดลงตูมตามแบบนั้น”
แจ็คสันแสดงความเห็นประกอบก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งข้างๆ มาร์ค ดูเผินๆ สองคนนี้ไม่เหมือนคนรักกันด้วยซ้ำ ท่าทางนิ่งๆ โดยเฉพาะระยะห่างที่แจ็คสันเว้นไว้ไม่ให้มาร์คมาวุ่นวายได้ง่ายๆ น่ายิ่งน่าแปลกใจ
“ดีจังที่มีเด็กมาเป็นข้ออ้างไปจีบเขาแบบนี้ ตอนผมต้องหาเรื่องเจ็บตัวทุกวันจะได้มาเจอแจ็คสัน”
หยิ่งๆ ไปงั้นแหละ ก็เห็นแพ้เขาจะตายไป
“แต่หลังๆ เป็นผมเองที่ทำให้แจ็คสัน- “
“หยุดเลย ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากรับรู้เรื่องบนเตียงของพวกนายนะ”
“นี่รู้มั้ย ฉันพนันกับมาร์คว่าแจบอมเป็นท็อปแน่ๆ แต่ก็ต้องล้มเลิกไปเพราะเราดันพนันข้างเดียวกัน”
คำพูดล้อเลียนของแจ็คสันเรียกเสียงหัวเราะจากมาร์คประสานกัน ทั้งคู่แปะมือกันอย่างสะใจที่แกล้งเขาได้ จนป่านนี้แจ็คสันก็ยังมั่นใจว่าแจบอมไม่มีวันยอมให้ใครเอาเปรียบแน่ๆ
ทหารไม่ชอบเป็นรับ มาร์คบอกแบบนั้น เหมือนที่แจ็คสันเคยพูดไม่มีผิด
“งั้นพวกนายพนันกับฉัน”
แต่จินยองก็คือจินยองผู้ไม่เคยยอมแพ้
“ฉันยอมย้ายไปอยู่กับยองแจเลยถ้าแจบอมเป็นท็อป”
“ว้าว เดิมพันสูงซะด้วย”
แจ็คสันทำท่าทางตื่นเต้นจนโอเวอร์ ส่วนมาร์คก็เอาแต่ยิ้ม แหงล่ะสิ ถ้าเขาย้ายออก แจ็คสันก็ได้ครองห้องคนเดียวแบบนั้นมันสวรรค์ของเจ้าสองคนนี้ชัดๆ แถมยองแจก็ชอบเอาหมามาเล่นในห้อง เขาเลยเลี่ยงไม่ยอมย้ายไปเสียที
“อย่าเสียใจทีหลังละกันนะครับคุณหมอ”
มาร์คทิ้งท้าย ส่วนจินยองก็ได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ
8
“ฉันเป็นหมอที่ล้มเหลวที่สุดในโลก”
แจ็คสันมองเพื่อนสนิทที่เข่าอ่อนบนเก้าอี้นั่งซบหน้ากับมือตัวเองอยู่พักใหญ่ ข้างๆ กันคือเตียงเปลชั่วคราวที่ซายานอนอยู่ เด็กหญิงวัยหกขวบใบหน้าซีดเซียวเพราะพิษไข้ ร่างเล็กขดตัวอยู่ในผ้าห่มเส้นเล็กๆ ก่อนจะนิ่งไปอีกครั้ง แจ็คสันแตะไหล่ของจินยองเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“แผลน้องอาจจะติดเชื้อจากไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องติดเชื้อเพราะพาไปเล่นข้างนอกซะหน่อย”
“ฉันเป็นหมอนะแจ็ค ฉันรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
แจ็คสันเลือกที่จะเงียบ ปล่อยให้จินยองใช้เวลากับการโทษตัวเองเท่าที่ใจต้องการ ถ้าถามความเห็นเขา มันก็เป็นไปได้สูงที่ซายาอาการทรุดลงเพราะการไปเล่นที่ลำธารวันนั้น แต่เขาก็เชื่อด้วยเช่นกันว่า จินยองไม่ใช่คนไม่รอบคอบจนปล่อยให้คนป่วยมีความเสี่ยงไปข้างนอกโดยไม่ระวัง
วันนั้นจินยองนั่งเช็คแผลของซายาตั้งนานสองนานเพื่อให้แน่ใจว่าผ้าพันแผลจะป้องกันเชื้อโรคภายนอกได้ดีพอ แจ็คสันไม่คิดว่าความละเอียดใส่ใจนั้นจะทำร้ายเพื่อนเขาหรอก
แต่ก็นั่นแหละ แจ็คสันห้ามจินยองจากการโทษตัวเองไม่ได้ ได้แค่ปลอบเท่านั้น
ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่จินยองนั่งอยู่ที่เดิม แจ็คสันไปทำหน้าที่ส่วนอื่นๆ กับทีมแพทย์ พวกเขาเลือกที่จะแบ่งงานส่วนของจินยองไปทำ คนในวงการรู้ดีว่าเขากำลังเผชิญกับอะไรและพยายามช่วยจินยองอย่างเต็มที่ จินยองรู้สึกขอบคุณ แต่ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย
“พี่ขอโทษนะซายา”
เขากระซิบบอกน้องน้อยตรงหน้าเสียงแผ่ว ก่อนจะลุกขึ้น เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มานั่งเศร้าแบบนี้ไม่ได้หรอก สิ่งที่เขาทำได้คือกลับไปทำงานของเขาโดยไม่ปล่อยให้ตัวเองพลาดแบบนี้อีก ซายาเป็นเด็กเข้มแข็งและกล้าหาญ น้องจะต้องตื่นมาวิ่งแข่งกับเขาเร็วๆ นี้แน่ๆ
“อย่าลืมสัญญาของเรานะซายา
น้องจะต้องรักษาสัญญา จินยองเชื่อแบบนั้น
(Next>>>>)
ความคิดเห็น