ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลัง Short fic #JJP #Jinson

    ลำดับตอนที่ #25 : (SF) NiorB: Call me by his name(2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 524
      41
      24 พ.ย. 61

     Call me by his name(2)



    Couple: Jinyoung x JB 

    Position: NiorB

    Status: Unfinished

    Rate: PG-18




    Chapter 2: Jin





    Call me by his name



    สองนาทีสี่สิบวิ

    นั่นคือเวลาที่จินช้ากว่าเจต

    แค่สองนาทีสี่สิบวิเท่านั้นที่เขาลืมตาบนโลกช้ากว่าทำให้ได้ตำแหน่งแฝดผู้น้องมาครอง เจตบอกจินว่าเรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันก็แค่คำปลอบใจง่ายๆที่เขาได้รับจากพี่ชายฝาแฝดมาตลอดยี่สิบสี่ปีเท่านั้น

    เจตกับจินเติบโตมาข้างๆกัน ผ่านเรื่องราวในชีวิตที่หล่อหลอมนิสัยใจคอและมุมมองเหมือนๆกัน พูดง่ายๆว่าถูกเลี้ยงมาให้เป็นคู่หูกันเหมือนแฝดทั่วๆไปนั่นแหละ

    ดังนั้นเขาจึงเขารู้ดีที่สุดว่าเจตน่ะ ไม่ได้เร็วกว่าเขาแค่สองนาทีสี่สิบวิหรอก

    “วันนี้ทำไมกลับมาช้าล่ะบี”

    เจตเร็วกว่าจินไปสองปีต่างหาก

    “จิน?

                “อะไรกัน บีจำแฟนตัวเองไม่ได้แบบนี้ผมน้อยใจรู้มัย”

                คนโดนกล่าวหาขมวดคิ้วมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับดวงตาคมที่เต็มไปด้วยแผนการของคนที่ยืนรอเขาอยู่ที่ล็อบบี้คอนโดอย่างพิจารณา

     บีค่อนข้างมั่นใจว่าคนตรงหน้าเป็นใคร แต่พอเห็นว่าอีกคนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวกับแว่นสายตาแบบที่เขาคุ้นเคยก็ได้แต่ถอนหายใจ

                “เจต”

                บีมองรอยยิ้มของอีกฝ่ายที่กว้างขึ้นอย่างหมั่นไส้ ร่างสูงเดินมาหยุดตรงหน้าเขาและคว้าเอาถุงพลาสติกบรรจุของสดในมือไปถือโดยไม่ขอ ส่วนบีเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะรู้ว่าเถียงไปคนตรงหน้าก็ไม่ยอมฟังหรอก

                “ไปซื้อของมาเหรอ?

                คนถามดูไม่สนใจจะเอาคำตอบจากเขาเสียเท่าไหร่ มือที่เคยถือถุงพลาสติกถูกกุมและดึงให้เดินตามไปที่ลิฟต์ บีมองการกระทำนั้นเงียบๆเหมือนทุกครั้งปล่อยให้คนข้างๆจัดแจงกดปุ่มลิฟต์อย่างรู้หน้าที่ และใช้ช่วงเวลานั้นก้มมองมือที่ยังกุมเขาไว้อย่างพิจารณาแทน

                ทำไมบีจะจำความอบอุ่นของมือที่กุมเขาตอนนี้ไม่ได้

                “ทีหลังจะไปซื้อของก็บอกสิ จะได้ไปด้วยกัน”

                “ทำไม จะไปด้วยหรือไง”

                “ไปสิ เจตจะปล่อยให้บีไปเดินห้างคนเดียวได้ไง”

    เด็กโง่

                จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เลิกทำนิสัยเดิมๆอีก

                “เจตตัวจริงไม่ว่างมาทำอะไรแบบนี้หรอก ชวนทีไรก็โดนเบี้ยวตลอด”

                คนพูดแตะคีย์การ์ดและเปิดประตูเข้าไปในคอนโดของตัวเองโดยมีอีกคนเดินตามเข้ามา สองปีที่คบกับเจตทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแฟนตัวเองนิสัยเป็นยังไง ถึงอย่างนั้นก็ยังคงยอมเล่นตามเกมของเด็กตรงหน้าเหมือนที่ทำมาตลอดในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา

                “น้อยใจเหรอ”

                “เปล่า”

                เสียงหัวเราะน้อยๆพร้อมร่างกายของอีกคนที่โถมตัวมากอดเขาจากด้านหลังทำเอาคนพูดสะดุ้งก่อนจะผ่อนคลายลงและเปลี่ยนเป็นจับข้อมือที่ประสานอยู่ตรงหน้าท้องเขาแทน

    บีคิดมาตลอดว่าสักวันหนึ่งเขาจะเบื่อและเลิกเล่นอะไรบ้าๆแบบนี้

    “ไม่เห็นต้องน้อยใจเลย ผมก็อยู่ตรงนี้แล้วไง”

    แต่พอเอาเข้าจริง เขาก็เผลอสนุกตามเจ้าเด็กบ้านี่ทุกที

                “ปล่อยเลย”

                “ขอสองนาที”

                คนกอดต่อรองก่อนจะซบหน้าลงกับหลังของเขาโดยไม่รอคำตอบจนบีได้แต่ถอนหายใจปล่อยให้อีกคนทำตามใจตัวเองไปเรื่อย ก็แค่กอดเอง ทำไมเขาจะให้ไม่ได้ คนตรงหน้าต้องการมากกว่ากอดด้วยซ้ำไม่งั้นคงไม่มาตามวอแวเขาขนาดนี้

                แค่กอดสองนาที แลกกับการที่อีกฝ่ายจะเลิกทำหน้าเป็นแมวโดนทิ้งก็คุ้มอยู่หรอก

                บีปล่อยให้อีกคนกอดเงียบๆโดยที่ไม่ได้มาใส่ใจจะนับเวลาเพราะรู้ว้าอีกฝ่ายได้กอดจนพอใจก็คงปล่อยเขาเอง เหมือนที่คิดว่าถ้าวันหนึ่งเด็กตรงหน้าเบื่อเขาแล้ว ก็คงจะเลิกใส่แว่นใส่เชิ้ตมาอ้างตัวว่าเป็นเจตสักที

                แต่นี่ก็สามเดือนแล้วตั้งแต่ที่เจอกัน

                ทำไมไม่เบื่อสักทีก็ไม่รู้

                “ตัวบีหอมจัง”

                เสียงพึมพำพร้อมลมหายใจอุ่นๆที่รดคอทำเอาคนโดนชมถึงกับหน้าร้อน ถึงอย่างนั้นอีกคนก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยให้เขาหนีไปไหน ยังคงกอดเขาไว้และพยายามจะกดจมูกลงมาใกล้ๆเขาเรื่อยๆ

                อาจเป็นเพราะร่างกายของบีปฏิเสธความคุ้นเคยพวกนี้ไม่ได้ เลยยอมปล่อยให้อีกคนทำตามใจไปเรื่อยแบบนั้น

                “พอแล้วจิน”

                “บอกแล้วไงว่าไม่ใช่จิน จินจะมากอดบีแบบนี้ได้ไง”

    คนฟังได้แต่เงียบเพราะเขารู้ดีว่าความจริงคืออะไร แม้คนตรงหน้าจะดันทุรังจะเป็นเจตให้ได้แต่โลกนี้ไม่มีอะไรเหมือนกัน ถึงหน้าตาของคนที่เขากอดอยู่ตอนนี้จะเหมือนกับเจตมาก แต่บีก็รู้ว่าสัมผัสของคนทั้งคู่ต่างกันแค่ไหน

    คนตรงหน้าไม่ใช่เจต

    แต่เป็นจิน น้องชายฝาแฝดที่เจตชอบบ่นให้ฟังต่างหาก

    น้องชายตัวแสบที่คอยหาเรื่องกวนประสาทพี่ชายฝาแฝดตัวเองโดยการแกล้งมาวุ่นวายกับเขา ตอนที่เจตบอกว่าตัวเองมีฝาแฝด บีพยายามจินตนาการภาพเจตในเวอร์ชั่นต่างๆแต่พอมาเจอเข้าจริงๆกลับไม่เหมือนที่คิดไว้สักอย่าง

    ตอนแรกๆบีโดนเด็กบ้านี่ป่นหัวตั้งหลายครั้งเพราะตามเกมอีกฝ่ายไม่ทัน แต่ตอนนี้เขาไม่พลาดแล้วเพราะนอกจากหน้าตา จินก็ไม่มีอะไรเหมือนเจตเลย

                เจตไม่อ้อน หรือถ้าอ้อนก็คงไม่ใช่เอาหน้ามาคลอเคลียเป็นแมวแบบนี้

                “นายนี่โคตรดื้อเลย”

                “ดื้อกับบีคนเดียวนั่นแหละ”

                ให้ตายสิ ทำตัวแบบนี้แล้วยังมีหน้ามาอ้างตัวเป็นเจต ถ้าขืนเจตพูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้คงเผลอหัวเราะใส่แน่ๆ เพราะเจตน่ะมีวิธีพูดที่ทำให้เขินได้คลาสสิกว่านี้เยอะ ประมาณว่าผมไม่เป็นแบบนี้กับใครหรอกนะ ไม่ใช่พูดมาโต้งๆจนหมดความโรแมนติก ไม่เหลืออะไรให้คิดต่อแบบนี้

                เด็กโง่

                “ไม่เล่นแล้ว หิว”

                คำบ่นสั้นๆกับน้ำเสียงงอแงทำให้เจ้าของอ้อมกอดฝังจมูกลงสูดกลิ่นหอมสะอาดจากไหล่อีกคนให้เต็มปอดอีกครั้งก่อนจะยอมปล่อยให้ไปจัดการกับของสดที่ซื้อมาแต่โดยดี ส่วนตัวเองก็แค่ยืนมองท่าทางน่ารักของอีกคนอยู่เงียบๆ

                ปกติเขาไม่ชอบการเป็นตัวแทนของเจตเลย จนกระทั้งสามเดือนที่ผ่านมา

                สามเดือนก่อน จินกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนหลังบ้านทั้งๆที่เพิ่งลงเครื่องได้ไม่กี่ชั่วโมง อาจเพราะร่างกายเขายังปรับเวลาไม่ได้หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาหลายปี พอกลับมาประเทศไทยที่มีเวลาห่างกันสิบสองชั่วโมงเลยปรับตัวไม่ทัน ได้แต่หาอะไรทำแก้เซ็งไปเรื่อย

                นั่นเป็นครั้งแรกที่บีปรากฏตัวตรงหน้าเขา

                ยิ้มให้เขา กอดเขา

                และเรียกเขาว่าเจต

    จินไม่ชอบเป็นตัวแทนของใคร โดยเฉพาะเจต ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบให้ใครมาเรียกเขาด้วยชื่อของอีกคน

                ตอนแรกจินก็แค่คิดว่าคงสนุกดีถ้าไอ้เจตมันรู้ว่าเขาแกล้งสวมรอยเป็นมัน เขาจะพาแฟนมันไปเดทในที่ห่วยๆ กะให้งอนไอ้เจตจนไม่คุยกันไปสักสามวันเจ็ดวัน

                ก็แค่จะทำตัวเป็นไอ้แฝดนรกเหมือนทุกครั้ง แต่พอได้ทำจริงๆดันผิดแผนซะงั้น

    เพราะพอคนตรงหน้าเรียกเขาว่าเจต อยู่ดีๆจินก็รู้สึกว่าการเป็นเจตก็ไม่ได้แย่นัก

                เพราะเจตได้มองบีใกล้ๆแบบนี้

                ได้กอด ได้หอม

                “ผมรักบีนะ”

                ได้พูดคำว่ารักทุกครั้งที่อยากพูด

                “เงียบไปเลย”

                แต่จินไม่ใช่เจต เลยไม่ได้คำว่ารักจากบีกลับมาเหมือนที่เจตได้

                ไม่เห็นเป็นไร บีรักเจตน่ะถูกแล้ว เขาก็แค่มาทำหน้าที่แทนเจตตอนที่มันเอาแต่บ้างานก็เท่านั้น เขาก็แค่ไม่อยากให้อีกคนต้องมานั่งน้อยใจกับความไม่ได้เรื่องของพี่ชายฝาแฝดตัวเอง เพราะคนตรงหน้าสมควรได้รับความสนใจของเจตมากกว่างานพวกนั้นตั้งเยอะ

                ถ้าเขาเป็นเจต เขาจะไม่ปล่อยให้บีต้องมาน้อยใจแบบนี้

    ถ้าเขาเป็นเจต...

    “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าบึ้งแบบนั้น”

    “เปล่า”

    “จิน”

    “บอกว่าอย่าเรียกว่าจิน”

    “เห้อ ไม่เหนื่อยรึไง”

    ไม่เหนื่อยหรอก

    เพราะถ้าเขาเป็นเจต แม้จะแค่ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็จะได้ทำทุกอย่างที่ใจอยากทำ ถึงแม้คนตรงหน้าจะบอกเขาว่าจินไม่มีวันแทนเจตได้ แต่จินก็ยังดื้อจะทำตัวบ้าๆต่อไป

    อาจเพราะลึกๆแล้ว จินรู้ดีว่าถ้าวันหนึ่งเขามาหาคนตรงหน้าในฐานะจิน

    บีคงไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เท่านี้เหมือนกัน

    “นายมันบ้าสุดๆไปเลย”

                ใช่ เขามันบ้าสุดๆไปเลย

     

     

     

     

     

                Call me by his name

     

               

     

     

     

                เจตเฟซไทม์กับบีทุกวันเพื่อบอกว่าคิดถึงเขามากแค่ไหน

                แต่ก็ไม่ยอมกลับมาเสียที

                ทั้งๆที่เจ้าตัวบอกว่างานมีระยะเวลาแค่สามเดือน แต่นี่ก็ครบสามเดือนแล้ว เจตก็ยังไม่กลับมา ถึงบีจะเข้าใจเหตุผลในแง่ความก้าวหน้าทางอาชีพของคนรัก มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจที่อีกคนผิดสัญญาอยู่ดี

                เขาไม่อยากเป็นคนงี่เง่า เพราะเจตก็เข้าใจเขาในทุกเรื่องเหมือนกัน

                เราคบกันด้วยเหตุผล ท่องไว้สิ

                “พี่บี เย็นนี้ไปงานวันเกิดพี่มาร์คมั้ย”

                “ไป แจ็คจะติดรถไปด้วยมั้ย”

                มาร์คกับเขาก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันจะเบี้ยวนัดมีหวังโดนพี่มันน้อยใจแน่ อีกอย่างของฟรีแบบนั้นใครจะพลาดบ้าง ถึงจะงอนแฟนตัวเองอยู่ก็ใช่เรื่องที่จะต้องมานั่งอมทุกข์รอเจตมาง้อนี่นา

    อันที่จริงช่วงสามเดือนที่ผ่านมาบีมีเรื่องให้ปวดหัวมากกว่าการมานั่งห่วงเจตอีก

                “ไม่เป็นไรพี่ รบกวนแฟนพี่เปล่าๆ”

                “เจตอ่ะนะ? เจตไม่ได้ไปหรอก”

                “อ้าว วันก่อนผมถามเขายังบอกจะมาอยู่เลย”

    บีได้แค่ยิ้มรับคำรุ่นน้องก่อนจะแสร้งสนใจเอกสารตรงหน้า เกือบเผลอหลุดปากบอกน้องมันไปแล้วว่าแฟนตัวจริงของเขายังทำงานอยู่ญี่ปุ่น จะมาได้ยังไง

    แต่น้องมันไม่ได้หมายถึงเจต

    น้องกำลังพูดถึงคนที่ทำตัวเป็นเจตต่างหาก

    “ไปตกลงกันตอนไหน”

    “ก็ตอนเขามารอรับพี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไง”

                บีพยักหน้าพยายามไม่แสดงออกทางสีหน้าว่าตัวเองกำลังกังวลแค่ไหนที่อีกคนเริ่มมามีบทบาทในฐานะของเจตมากขึ้นยิ่งกว่าเจ้าตัวที่คบกันมาสองปีด้วยซ้ำ

                เจตมีกลุ่มเพื่อนของเจต และบีก็มีโลกของบี พวกเขาไม่เคยก้าวผ่านเข้ามาในโลกของแต่ละคนเพราะรู้ว่าอีกคนคงไม่เอ็นจอยเท่าไหร่ แค่รู้จักคนรอบๆตัวเอาไว้บ้างแต่ไม่ถึงกับมานั่งคุยกันจนสนิทพอจะชวนไปงานวันเกิดกันได้

                ดูเหมือนจินจะทำหน้าที่เป็นเจตดีเกินไปแล้วมั้ง

                “เจตติดประชุมด่วน คงไปไม่ได้แล้วล่ะ ขอโทษแทนเจตด้วยนะ”

                “ไม่เป็นไรพี่ แต่พี่อย่าเบี้ยวละกัน”

                รุ่นน้องย้ำกับเขาอีกครั้งด้วยหน้าตาจริงจัง ส่วนบีก็แค่พยักเพยิดหน้าไล่ให้อีกฝ่ายไปทำงาน เขาเลือกที่จะปฏิเสธคำเชิญแทนเจตเพื่อตัดปัญหาเพราะแค่นี้ก็น่าห่วงจะแย่แล้ว

                สองเดือนที่รู้จักกัน บีไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าจินรู้สึกกับเขายังไง

                จินสนใจเขา

                แต่ไม่รู้ว่าเพราะชอบตัวตนเขา หรือเพราะเขาเป็นแฟนเจตกันแน่

                มันไม่สำคัญหรอก เพราะสุดท้ายจินก็คือจิน  และฐานะเดียวที่บีจะให้เด็กนั่นได้คือความเป็นน้องชายคนหนึ่งก็เท่านั้น ถึงแม้หลายๆครั้งที่บีจะเผลอใจอ่อนกับดวงตาเศร้าๆเหมือนเด็กขาดความรักของอีกคนจนปล่อยให้มันล้ำเส้นมาบ้าง แต่เขาก็กลับมาตั้งหลักและแสดงออกชัดเจนเสมอว่าเขารู้สึกยังไง

                จินก็แค่น้องคนหนึ่ง

                ถึงจะสวมรอยเป็นเจตหลอกตาใครต่อใครไม่ให้เป็นที่สงสัยได้ บีก็ยังมองอีกคนเป็นจินอยู่ดี

                บีเคยขอให้จินเลิกเล่นอะไรแบบนั้น เพราะการแกล้งเขามันไม่เห็นน่าสนุก ยังไงซะเจตก็ไม่ได้มาสนใจความเป็นอยู่ของบีมากพอจะทำให้เด็กขี้อิจฉาอย่างจินสะใจได้ แต่เจ้าตัวก็ไม่เห็นจะฟัง

     ขนาดสัญญาไว้แล้วว่าถ้าเลิกก็จะยอมเล่นด้วยเหมือนเดิม จินยังไม่ยอม ดันทุรังจะเป็นเจตให้ได้

    บีไม่เข้าใจว่าจินจะอยากเป็นเจตไปทำไม เพราะไม่ว่าอีกคนจะมาในลุคไหน ในสายตาบีจินก็ยังเป็นจินเหมือนเดิม

                “จนกว่าเจตจะกลับมา”

                นั่นคือเดดไลน์ที่จินบอกไว้ เขาเลยได้แต่ปล่อยให้อีกคนทำตามใจตัวเองไปเรื่อย

                พอเจตกลับมาทุกอย่างก็คงจบ

                อย่างน้อยจินก็สัญญาแบบนั้น

               

     

     

     

     

     

                Call me by his name

     

     

     

     

     

     

                “ผมจะไปด้วย”

                “อย่าดื้อได้ไหม”

                “บีนั่นแหละดื้อ ผมจะปล่อยให้บีไปคนเดียวได้ไง ถ้าเมาแล้วใครจะดูแล”

                “ไม่ใช่เด็กแล้วนะไม่เห็นจะต้องมาตามเฝ้าเลย มีงานก็ทำไปสิ”

                คนโดนไล่เท้าเอวมองอีกคนที่เอาแต่เถียง ดูท่าคงไม่ยอมให้ไปง่ายๆแน่ จริงๆเขาก็รู้ว่าอีกคนไม่ใช่เด็กๆที่ต้องมาคอยห่วง บีแก่กว่าเขาด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้น พอเขามานั่งนึกว่านี่ก็ครบสามเดือนแล้ว ไอ้เจตจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ และจินก็คงไม่มีโอกาสได้ดูแลคนตรงหน้าอีก

                แค่คิดจินก็ทนไม่ได้แล้ว

                “บี”

                “...”

    “ให้ผมไปด้วยนะ”

                น้ำเสียงอ้อนๆผิดวิสัยทำเอาคนที่ตั้งใจจะมาใช้ไม้แข็งถึงกับไปไม่ถูก เขารับมือกับความดื้อของจินมาหลายครั้งซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเหนื่อยสุดๆเพราะคนตรงหน้าชอบเอาชนะ แถมเก่งมากด้วย บางทีก็แกล้งตีเนียนไปบ้าง บางทีก็ต้องยอมแลกบ้าง แต่ไปๆมาๆก็ดูจะเข้าทางอีกคนไปเสียหมด

                แล้วดูตอนนี้สิ มาทำหน้าจริงจังใส่ แล้วยังขอร้องดีๆอีก

                “นะ ผมไม่กวนบีหรอก ก็แค่เป็นห่วงเอง”

                เด็กดื้อยอมเป็นเด็กดีแล้ว ตามหลักแล้วเขาก็ต้องตามใจใช่มั้ย

                ไม่ใช่สิ อย่าไปหลงกลเด็กมันง่ายๆสิบี

                “ไม่เห็นมีอะไรน่าห่วงเลย เพื่อนๆกันทั้งนั้น”

                “ผมรู้ แต่ผมห่วงไปแล้วนี่”

                โอย ให้ตายสิบีเอ้ย อย่าไปมองหน้าหงึๆของน้องมันเด็ดขาด ตอนเถียงกันแรกๆยังรับมือง่ายกว่าการมาทนอำนาจเด็กโดนทิ้งเยอะเลย

                “ไว้ถ้าไม่ไหวจะโทรให้นายไปรับ โอเคมั้ย”

                คนชอบคิดว่าบีเป็นคนใจแข็ง

                จริงๆแล้วเขาไม่ได้ใจแข็ง แค่ไม่ค่อยสนใจใครมากกว่า คิดอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ได้มานั่งใส่ใจว่าใครจะมองเขายังไงหรือรู้สึกยังไงกับการกระทำของเขา

                “อือ ดูแลตัวเองด้วยนะ”

                แต่ถ้าเขาใส่ใจ เหมือนที่เขากำลังสนใจเด็กดื้อตรงหน้า

    “อย่าให้ใครมาบีบแก้ม อย่าให้คนเมามาทำรุ่มร่ามใส่โดยเฉพาะแจ็ค มองหน้าก็รู้ว่าตอนเมาคงมาวุ่นวายกับบีไม่หยุดแน่ๆ”

    พอโดนอ้อนเข้าหน่อย

     “เข้าใจมั้ยบี”

    คนอย่างบีก็ยอมใจแข็งกับลูกอ้อนได้ไม่นานหรอก

    “อันที่จริง ได้นายไปช่วยกันแจ็คก็ดีเหมือนกัน”

                คำตอบเบาๆเหมือนไม่อยากให้ได้ยินของคนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทำให้ลูกแมวดื้อๆผงาดกลับมาสู่โหมดเสือร้ายอีกครั้ง รอยยิ้มมุมปากประดับใบหน้าจนคนที่เผลอตกปากรับคำแทบจะถอนคำพูดเสียเดี๋ยวนั้น

                โดนเด็กมันหลอกจนได้

               

               

     

     

     

     

     

     

     

    Call me by his name

     

     

     

     

    ถ้าเจตเป็นสีขาว จินก็เป็นสีดำ

    ความแตกต่างมันเริ่มชัดเจนตอนที่พวกเขาเริ่มขึ้นมัธยม ตอนนั้นเดินนำหน้าเขาเสมอ ตั้งแต่เรื่องๆเล็กน้อยอย่างเตะบอลได้ดีกว่า วิ่งได้เร็วกว่า เรียนเก่งกว่า ได้รับคำชมมากกว่า พูดง่ายๆคือในทุกการแข่งขัน จินคือผู้แพ้เสมอ

    แต่จินก็ไม่เคยนึกใส่ใจ

    เขาปล่อยให้เจตเดินนำไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที จินก็กลายเป็นแฝดที่ไม่เอาไหนของไอ้เจตซะแล้ว

                จินไม่ได้โกรธหรือเกลียดไอ้เจตมันหรอก ยังไงซะมันก็คือคู่หูของเขาเสมอ เขาก็แค่เกลียดการโดนเอาไปเปรียบเทียบกันก็เท่านั้น จินเลยตัดสินใจเลิกยืนข้างเจตและเปลี่ยนไปยืนตรงอื่น ที่ๆแตกต่างจากคนอย่างเจตจนคนเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้

                แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ จินก็เป็นได้แค่ไอ้เจตเวอร์ชั่นไม่เอาไหนอยู่ดี

                จินจ่อมวนบุหรี่เข้ากับริมฝีปากอย่างคล่องมือ รสชาติที่คุ้นเคยแผ่ซ่านไปทั่วหลังห่างหายมานานหลายสัปดาห์ ภาพแมสเซจล่าสุดที่เจตส่งมาให้เขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง

                เจตขอให้เขาไปรับที่สนามบินวันมะรืนนี้ เพราะอยากกลับมาเซอร์ไพรส์แฟนตัวเอง

                เวลาของจินหมดแล้ว

    “ไหนบอกเลิกบุหรี่แล้วไง”

    จินหลุดออกจากภวังค์ความคิด เปลี่ยนมาสนใจใบหน้าแดงๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ของอีกคนแทน มวนบุหรี่ที่ขอจากแจ็คมาเมื้อกี้ถูกขยี้ทิ้งกับกระบะทรายทันที เพราะบีไม่ชอบบุหรี่ มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นดึงแว่นสายตาปลอมๆแบบเดียวกับของเจตออกและสอดมันลงในกระเป๋ากางเกงอย่างไม่ใส่ใจนัก

    อยู่ๆเขาก็ไม่อยากเป็นเจตขึ้นมา

     “ทำไมหนีออกมาล่ะ ไหนบอกจะช่วยห้ามแจ็คไม่ให้มายุ่ง”

    จินมองคนขี้บ่นที่เดินมาหยุดตรงหน้าเขา บีไม่ได้เมาถึงกับครองสติไม่ได้แต่ก็คงดื่มไปไม่น้อย ถึงอย่างนั้นก็ยังวางตัวได้ดีสมกับที่อวดไว้ว่าดูแลตัวเองได้นั่นแหละ

     “ทิ้งให้นั่งคนเดียวตั้งนาน นิสัยไม่ดี”

    ดวงตาเยิ้มๆกับท่าทางงอแงนี่ต่างหากที่น่าห่วง

    “บีนั่งกับพวกพี่มาร์คไม่ใช่เหรอ ผมยืนมองอยู่”

    “จิน”

    นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาถึงงานที่เสียงนุ่นๆนั่นเรียกชื่อ ดวงตาเรียวดุพยายามลืมขึ้นอย่างสุดความสามารถก่อนที่อีกคนจะเซจนเขาต้องจับไหล่กว้างๆนั้นไว้ไม่ให้ล้ม

    “ว่าไงบี”

    จินสอดมือเข้าโอบเอวและเอาแขนของบีพาดมาที่ไหล่ของเขาเพื่อจะพยุงอีกคนได้ถนัดขึ้น

    “ง่วงแล้ว”

    เสียงงึมงำตามด้วยการหาวแบบไม่ปิดปากจนเขาเสียดายลุคที่อุตส่าห์สร้างมาแทนคนตรงหน้า จินได้แต่มองภาพนั้นอย่างอดทนไม่ให้เผลอทำอะไรมากไปกว่าการกอดอีกคนไว้

    เพราะเขาทำได้แค่นั้น

                “กลับบ้านมั้ย”

                “กลับไม่ได้ ต้องรอมาร์คเป่าเค้กก่อน” บีส่ายหน้าก่อนจะซบศีรษะลงกับไหล่เขา จินพาคนที่เริ่มงอแงไปที่โซฟาตรงมุมด้านนอกร้านเพื่อให้อีกคนได้นั่งพัก เสียงเพลงบีทหนักดังลอดจากด้านใน เดาว่าคนอื่นๆคงแย่งไมค์กันร้องคาราโอเกะอยู่แน่ๆ

                “จิน”

                เสียงนุ่มเรียกชื่อเขาอีกแล้ว ถึงเขาจะพยายามไม่ให้ตัวเองหลงดีใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ร่างกายเขาก็ไม่ฟังอยู่ดี ใจเขาเต้นไปแล้ว รู้สึกดีแล้ว

                รู้สึกแย่ไปแล้วด้วย

                “เป็นอะไรรึเปล่า”

                ใบหน้าแดงๆขยับมาใกล้จนได้กลิ่นเหล้าผ่านลมหายใจอีกฝ่าย ตาปรือๆพยายามมองหน้าเขาแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น

                “ไม่ได้เป็นอะไร”

                ก็แค่เศร้ากับความจริงที่ว่า ไม่ว่าจินจะรู้สึกดีกับคนตรงหน้ามากแค่ไหน

    เขาก็แย่งบีมาจากเจตไม่ได้

                แต่จินเลือกที่จะเงียบไว้ไม่เอ่ยออกไป มันไม่ใช่เรื่องที่บีจะต้องมารับรู้ความคิดแย่ๆแบบพวกขี้แพ้ของเขา ปล่อยให้อีกคนเข้าใจว่าที่เขาทำไปทั้งหมดเพื่อต้องการแกล้งไอ้เจตต่อไปเรื่อยๆก็คงไม่เป็นไร

                คะแนนสงสารไม่ช่วยให้บีรักเขาขึ้นมาเสียหน่อย

                “จินบอกว่าชอบสูบบุหรี่ตอนเครียด งั้นถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วสูบทำไมล่ะ”

                คำถามยืดยาวแต่คนถามใกล้จะหลับเต็มที จินเอนตัวกับพนักโซฟาแล้วดึงอีกคนให้เอนตามลงมา ท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนทำให้อีกคนสบายขึ้นไม่ต้องมานั่งคุดคู้ให้เมื่อยและอาจเผลอหลับไป

                เขาจะได้ไม่ต้องตอบคำถามนั้น

                “เหม็นบุหรี่”

                เสียงพึมพำกับไหล่ขณะที่ตัวเองเอาแต่ไถหน้าไปมาเพื่อหาท่าสบาย ใบหน้าร้อนๆยังคงซบเขาอยู่แบบนั้นไม่ได้หนีไปไหนทั้งที่ไม่ชอบ

     บีคงจะง่วงมากจริงๆ

                “ทีหลังอย่าสูบนะ”

                “สั่งเหรอ”

                “ไม่ได้สั่ง ขอดีๆ”

                จินยกมือขึ้นลูบศีรษะคนที่พูดเบาๆแทนคำตอบ ไม่รู้ว่าบีจะเสียเวลาห้ามเขาไปทำไมในเมื่ออีกไม่กี่วันเจตก็กลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นบีก็คงไม่ต้องมาบ่นเรื่องนี้อีกเพราะเจตไม่สูบบุหรี่

                ขนาดเรื่องแค่นี้ เจตก็ยังดีกว่าเขาเลย

                “บีโชคดีรู้มั้ย

    “...”

    “โชคดีที่เจตมันเจอบีก่อนผม”

                “บ่นอะไร”

                มือที่ลูบผมอีกคนอยู่ชะงักก่อนจะก้มลงมองตาเยิ้มๆที่เงยขึ้นสบเขากลับ รู้เรื่องอะไรกับเขาบ้างมั้ยเนี่ย รู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าเขากำลังดราม่าแทบตายแค่คิดว่าตัวเองจะต้องยอมปล่อยให้คนตรงหน้ากลับไปหาคนที่เหมาะสมกว่า

                ทำไมไม่เป็นคนอื่นวะ

                ถ้าเป็นคนที่อยู่ไกลกว่านี้ เขาอาจจะกล้าสู้ก็ได้ แต่นี่เป็นไอ้เจต

                มนุษย์คนเดียวบนโลกที่จินไม่เคยเอาชนะได้

                “ทำไมชอบเอาตัวเองไปเทียบกับเจตอยู่เรื่อยเลย”

                เสียงงัวเงียเอ่ยถามออกมาหลังจากที่พอจะเดาได้ว่าอีกคนกำลังกังวลเรื่องอะไร หลายต่อหลายครั้งที่บีอยากถามแต่ก็ไม่ได้จังหวะเหมาะๆเสียที

                “ไม่ได้ชอบ แต่พอมีคนที่ดีกว่าให้เทียบ มันก็อดไม่ได้มั้ง”

                คนที่ดีกว่า? หมายถึงเจตน่ะเหรอ?

    “จินก็คือจิน มีคนเดียวบนโลกไม่ใช่เหรอ”

    และเป็นคนที่ดีพร้อมคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่นให้รู้สึกแย่ด้วย

                เท่าที่รู้จักกันมาในช่วงสองเดือน บีมองว่าคนข้างๆเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเจตเลย ดีกรีนักเรียนนอกเครดิตดี มีบริษัทเรียกตัวไปทำงานตั้งแต่จบใหม่ๆแบบนี้ ถึงจะเป็นสายงานคนละด้านกับเจตแต่มันก็ไม่ได้ดูแย่กว่าตรงไหน นิสัยของจินอาจจะดูห่ามๆไปบ้าง แต่มันก็ตามนิสัยของผู้ชายแบบจิน ไม่ได้แย่อะไรสักหน่อย

                “คนอื่นอาจจะเอาจินไปเทียบกับเจต แต่จินไม่เห็นต้องเอาตัวเองไปเทียบกับเจตเลยนี่”

                ไม่มีใครพูดอะไรต่อเหมือนจินกำลังเวลากับคำพูดปลอบใจพวกนั้นในขณะที่คนพูดก็หันไปสนใจอาการง่วงของตัวเองต่อ เสียงเพลงจากห้องคาราโอเกะของร้านเบาลง ทุกคนคงเหนื่อยแล้วเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงฟังเฉยๆแล้ว บีฝืนใจดันตัวเองออกจากหมอนกิตติมาศักดิ์อย่างเสียดาย

                “กลับเข้าข้างในกัน ตอนนายไม่อยู่ ปาร์ตี้ไม่สนุกเลย”

    คนไหล่กว้างเอ่ยชวนพลางเหยียดตัวไปมาเหมือนลูกแมว ก่อนจะดึงให้จินลุกตาม

     “ขอใส่แว่นก่อน”

                จินหยิบแว่นออกจากกระเป๋ากางเกงเตรียมเปลี่ยนลุคตัวเองให้คล้ายแฝดผู้พี่ แต่ไม่ทันจะได้ทำอย่างใจคิดก็ถูกมือเรียวคว้าไว้เสียก่อน

                “ไม่ต้อง”

                บีพูดด้วยใบหน้าจริงจัง ใจของจินเผลอเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ทั้งๆที่มันก็แค่คำสั่ง

                อาจเพราะลึกๆจินหวังว่าเขาสามารถยืนอยู่ข้างบีได้โดยไม่ต้องเป็นเจตแล้ว

     แค่บีอนุญาตเขา

                บอกเขาให้เลิกทำสวมรอยเป็นเจตตอนนี้ แค่บีพูดออกมา จินจะยอมทำตามและไม่เถียงเหมือนทุกครั้ง

                “คนอื่นจับไม่ได้หรอก”

                แต่เขาคงคิดมากไปเอง

                



              Call me by his name




    --------------------------------------------------------------

    คุณเจตจะมาทวงคืนคุณบีแล้ววววววววว ใครงงก็ขอโทษด้วยนะ ขี้เกียจแก้แล้วอ่ะ555555555

    ฟีดแบ็ค>>>>>> #ฟิคบตน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×