ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลัง Short fic #JJP #Jinson

    ลำดับตอนที่ #24 : (SF) NiorB: Call me by his name(1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 787
      33
      24 พ.ย. 61

                   Call me by his name



    Couple: Jinyoung x JB 

    Position: NiorB

    Status: Unfinished

    Rate: PG-18




             Chapter 1: Jett





                   Call me by his name






                    “รถติดเป็นชั่วโมงเลย รอนานมั้ย”

    เจ้าของห้องเพียงส่งยิ้มให้คนมาใหม่เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร บีปิดประตูห้องและเดินมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดทำงาน ถ้าให้เดาคงเพิ่งมาถึงที่นี่ก่อนเขาได้ไม่นานนัก คนมาใหม่โดนคว้าตัวเข้าไปกอดพร้อมกดจูบอย่างอ่อนโยนเป็นการทักทายแบบทุกครั้ง ส่วนบีก็รับสัมผัสนั้นอย่างคุ้นชินอย่างทุกครั้งเช่นกัน

                    “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะเจต ยังปวดหัวอยู่เหรอ”

                    “อือ วันนี้นั่งรถทั้งวันเลย”

                    คนถูกถามบ่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดอีกคนนิ่งๆ บีกระชับอ้อมกอดของตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็นห่วงแต่ก็ไม่นานนักเจตก็เป็นฝ่ายผละและเปลี่ยนเป็นสนใจของที่เขาหิ้วติดมือมาแทน

    การเดทกับเจตนั้นเรียบง่าย

                    แค่การนัดเจอกันที่คอนโดของใครสักคน มีอาหารจากร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าประจำติดไม้ติดมือไปบ้าง ใช้เวลาในช่วงมื้อเย็นหลังเลิกงานเพื่ออยู่ด้วยกัน ถามไถ่เรื่องราวของกันและกันในช่วงที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ยิ้มและพยักหน้ารับและพยายามจะสนใจเรื่องของอีกฝ่ายแม้มันจะน่าเบื่อมากๆก็ตาม

                    เดี๋ยว นี่เขาใช้คำว่าเบื่อเหรอ

                    เรื่องของเจตไม่น่าเบื่อเสียหน่อย ก็แค่ไกลตัวไปหน่อยเพราะเขาเป็นศิลปินที่ทำงานด้านอาร์ตเวิร์คที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ในขณะที่เจตทำงานด้านธุรกิจการเงิน เรื่องตัวเลขสำหรับบีมันเลยดูน่าเบื่อไปหน่อย

                    แต่เจตก็ไม่ใช่ผู้ชายน่าเบื่อ ออกจะร้ายกาจเสียด้วยซ้ำ เพราะอีกคนรู้ว่าเขาไม่ชอบเรื่องพวกนี้ก็เปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องอื่นให้เสมอ แต่ก็นั่นแหละ โลกของพวกเขามันไม่ค่อยเหมือนกัน รสนิยมก็ต่างกัน

                    แต่พวกเขาก็หาจุดลงตัวจนคบกันมาได้นานถึงสองปี

                    “ไม่เจอหน้าคุณตั้งหลายวัน มีใครมาแอบจีบแฟนผมรึเปล่าเนี่ย”

                    “ใครจะมาจีบล่ะ หน้าดุขนาดนี้”

                    “อาจจะมีคนชอบของแปลกแบบผมก็ได้นี่”

                    “เจต!

                    เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มจนตาหยีของอีกคนสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้เหมือนทุกครั้ง บีผลักไหล่คนรักก่อนจะเปลี่ยนเป็นจัดจานอาหารแทน บทสนทนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆตั้งแต่เรื่องเล็กๆไปจนถึงเรื่องสำคัญอย่างงานของเจตที่มีแนวโน้มต้องเดินทางไปต่างประเทศ

                    “สามเดือนเลยเหรอ”

    บีเคยโดนคนรอบข้างถามเสมอว่าทำไมพวกเขาถึงได้มีความสัมพันธ์ที่เพอร์เฟ็คนัก เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่เจตจะทำให้บีต้องมานั่งทุกข์ใจร้องไห้หรือทะเลาะกันจนต้องมาปรับความเข้าใจกันเลย

                    บีกับเจตคบกันและคุยกันด้วยเหตุผลเสมอ

                     “อือ ผมพยายามเลี่ยงแล้วแต่คราวนี้มันสำคัญจริงๆ ไปด้วยกันมั้ย ถือว่าไปพักร้อน”

                    “ไปนอนเบื่อรอคุณทำงานน่ะสิ ไม่ไปหรอกแค่สามเดือนเอง”

                    บีเขี่ยอาหารในจานเล่น ช่วงสามเดือนที่เจตไม่อยู่เขาต้องเหงาแน่ๆ

                     “ไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่นอกใจคุณหรอก”

                    “คนน่าเบื่อแบบคุณไม่มีอะไรให้บีต้องห่วงหรอก”

                    เสียงหัวเราะของเจตช่วยผ่อนคลายความกังวลได้เยอะ อันที่จริงสิ่งที่เขาห่วงไม่ใช่เรื่องอีกคนจะนอกใจเพราะเขารู้ว่าเจตไม่ใช่คนแบบนั้น เขากับเจตเป็นเพื่อนกันมานานก่อนจะเปลี่ยนมาคบหากัน บีรู้ดีว่าตัวเองกำลังรับมือกับอะไร  

                    “เราหมั้นกันดีมั้ยบี”

                    “หือ?

                    “หมั้นกัน”

                    “เราคุยเรื่องนี้กันไปแล้วนี่”

                    “ผมรู้ว่าคุณไม่พร้อม แต่ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจเรื่องที่ผมไปทำงานต่างประเทศ ถ้าเราหมั้นกัน-”

                    “เจต”

                    เจ้าของชื่อมองมือที่เอื้อมมากุมเขาก่อนจะเปลี่ยนเป็นสบตาของอีกคนแทน คนรักของเขามองมาด้วยแววตาจริงจังและรอยยิ้มน่ารักเหมือนทุกครั้ง

                    “แค่สามเดือนเอง เราไม่เป็นไรหรอก”

                   

     

     

     

                    Call me by his name

     

     

     

                   

     

                    “เจต”

                    เสียงฝีเท้าสม่ำเสมอหยุดลงพร้อมน้ำเสียงใสเอ่ยเรียกชื่อที่แสนคุ้นเคย คนเรียกเดินมาหยุดหลังเจ้าของชื่อที่ใส่หูฟังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ตรงระเบียงคอนโดโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างซึ่งก็น่าแปลกใจไม่น้อยเพราะปกติเจตเป็นคนที่มักสนใจสิ่งรอบข้างเสมอ

                    “เจตสายแล้วนะ เดี๋ยวก็ขึ้นเครื่องไม่ทันหรอก”

                    ไม่มีคำตอบกลับมา มีเพียงเสียงอู้อี้ของดนตรีที่ทะลุหูฟังออกมาและการเคาะเท้าตามจังหวะดนตรีทำรู้ว่าคนตรงหน้าคงไม่ได้ยิน ดวงตาเรียวดุของผู้มาใหม่มองหน้าคนที่มีสมาธิกับการรดน้ำต้นไม้จนไม่สนใจเขาก่อนจะเอาคางไปเกยไหล่ของคนตรงหน้าอย่างอ้อนๆพร้อมรอยยิ้ม

                    “"What the f-!

                    หือ เจตสบถ?

                    คนโดนกอดรีบดึงหูฟังออกจากหูและหันไปมองเจ้าของใบหน้าที่อิงไหล่เขาอยู่ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ชายหนุ่มในชุดลำลองง่ายๆกับใบหน้าที่เขาไม่คุ้นเคยเท่าไหร่กำลังมองตรงมาที่เขา ดวงตากลมโตกว่าสบกับแววตาตกอกตกใจของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเหลอหลาก่อนจะนิ่งไปเหมือนกำลังประมวลผล

                    “เจต”

                    เจต?

                    “ทำไมเจตไม่ใส่แว่นล่ะ”

                    คิ้วสวยเลิกขึ้นเป็นเชิงถามก่อนที่เจ้าตัวจะเกยคางลงกับแขนเขาอีกครั้งโดยไม่ละสายตาออกไป แขนสองข้างกอดเอวเขาไว้โดยไม่คิดจะปล่อยมีแต่คนโดนกอดเท่านั้นที่พยายามประมวลผลสถานการณ์ตอนนี้

                    “ไม่ได้ชื่อเจต”

                    “หือ? เล่นอะไรเนี่ย?

                    เสียงนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่โดนถามไม่ตอบเอาแต่จ้องหน้าเขานิ่ง ดวงตาชั้นเดียวแต่กลับโตเหมือนลูกแมวมองกลับมาที่เขาไม่เหมือนทุกครั้งจนคนถูกมองแปลกใจ อาจเพราะอีกฝ่ายไม่มีแว่นตาโตๆมาบังด้วยล่ะมั้ง

                    “คุณโกรธอะไรหรือเปล่าเนี่ย”

    เพราะเท่าที่เขานึกออก เขาก็ไม่น่าจะทำให้อีกคนงอนนี่

     “เจตยอมใส่คอนแทคตามที่บีบอกด้วย หรือว่าโกรธเพราะเรื่องนี้”

    ปกติบีไม่ค่อยได้เล่นอะไรหวานๆแบบนี้นัก แต่บรรยากาศบางอย่างรอบตัวของคนตรงหน้าที่ทำให้ดูไม่จริงจังจนเกร็งเหมือนทุกครั้งเลยทำให้ผ่อนคลายตามไปด้วย เขาเลยกล้าจะเล่น

                    ถ้าเป็นปกติคงโดนสายตาดุๆมองมาแล้ว

                    “บี?

                    “ว่าไงเจต”

                    เจ้าของชื่อขานรับพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้จนอีกฝ่ายทำหน้าไม่ถูกได้แต่ดันตัวเองออกจากกอด จนอีกคนต้องดึงให้เผชิญหน้ากันตรงๆ แต่มือก็ยังคงตั้งค้างไว้ที่เอวอีกฝ่ายอยู่ดี เจตจ้องหน้าเขานิ่งโดยไม่เอ่ยอะไรส่วนเขาก็ได้แต่ส่งยิ้มไปให้

     “ปกติผมไม่ชอบให้คนมาเรียกเจตหรอกนะ”

    คนตรงหน้าเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน รอยยิ้มมุมปากที่บีไม่เคยชินส่งให้คนตรงหน้าดูไม่คุ้นเหมือนเคยจนเริ่มรู้สึกแปลกๆ

    “แต่ถ้าบีอยากเรียกแบบนั้น

    “..”

    “ผมเป็นเจตให้ก็ได้”

     

     

     

     

     

     

    Call Me By His Name

     

     

     

     

                    “เปลี่ยนใจ?

                    “อือ เจตเปลี่ยนใจแล้ว”

                    คำตอบสั้นๆของคนตรงหน้าทำให้บีแทบหัวเราะออกมา อย่างเจตน่ะเหรอจู่ๆจะเปลี่ยนใจไม่ไปทำงานทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ดูตื่นเต้นจะตาย ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากไปอย่างนั้นอย่างนี้แต่จากที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยังไม่คบกันจนตอนนี้ เจตคือคนที่รักงานของตัวเองยิ่งกว่าอะไร การได้ไปทำโปรเจคใหญ่ๆแบบนี้เองมันก็เข้าทางไม่ใช่เหรอ

                    “ไม่ต้องมาอำเลยเจต ตกเครื่องใช่มั้ยเนี่ยถึงได้มาพูดล้อเล่นแบบนี้”

                    “ไม่นี่ เจตก็แค่อยากอยู่กับบีที่นี่”

                    “อยู่กับบี?

                    “ใช่ ไปเดทกันดีกว่า ไหนๆบีก็อุตส่าห์มาแล้ว”

    คนโดนชวนเดทมองท่าทางแปลกๆของอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมแปลกๆของคนตรงหน้าเสียเท่าไหร่เพราะเจตไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยไม่วางแผนล่วงหน้าแบบนี้ คนที่เดินไปก่อนเมื่อเห็นว่าคนรักไม่ยอมเดินตามมาจึงหันกลับมาลาก ขอย้ำว่าลาก จนบีต้องยอมเดินตามคนที่จู่ๆก็เอาแต่ใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น

    “มือเจตร้อนจัง ไม่สบายหรือเปล่า”

    ต้องใช่แน่ๆ นี่คงกำลังอารมณ์ไม่ดีที่ป่วยจนไม่ได้ไปทำงานเลยทำตัวแปลกๆแบบนี้

    คนโดนทักหันกลับมาหา บีใช้โอกาสนั้นแตะมือลงบนหน้าผากของอีกคนเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าคนรักของตัวเองไม่ได้ป่วยแต่ไม่ทันได้แตะก็โดนมืออีกข้างของเจตมาคว้าไว้ก่อน

    “อย่าเล่นหัว ไม่ชอบ”

    ตลก

    ปกติปล่อยให้ลูบหัวยังเคยเลยกะอีแค่แตะหน้าผากจะมาถือสาอะไร

    “หาเรื่องเหรอเจต”

    “ไม่ได้หาเรื่อง ไม่ชอบจริงๆ”

    แววตาจริงจังส่งมาให้เขา ไม่ชินกับหน้าตอนไม่ใส่แว่นของเจตเลยแฮะ มันทำให้คนตรงหน้าดูดุขึ้น ดูร้ายๆไม่ใช่คนสุขุมนุ่มลึกแต่ดูเป็นหนุ่มเจ้าสำราญมากกว่า

    โหงวเฮ้งเจ้าชู้กว่าเดิมด้วย ไม่ดีเลย

    “ปกติไม่เห็นเจตจะถือ-”

    “โอเคๆ อย่าเสียเวลาเถียงกันเลย ไปหาอะไรกินดีกว่า”

    คนโดนตัดบทได้แต่ทำหน้าเหวอปล่อยให้อีกคนเดินไปที่รถโดยไม่รอ ก่อนจะถอนหายใจแล้วยอมทำตามแฟนหนุ่มที่ทำตัวแปลกๆอย่างเสียไม่ได้ บีไม่ชินกับการทำอะไรตามอารมณ์ของเจตเลยเพราะปกติคนตรงหน้ามักจะใช้เหตุผลประกอบการกระทำเสมอ และนั่นทำให้บีรู้ว่าอีกคนจะทำอะไรต่อ

    แต่พอทำตามใจตัวเองแบบนี้ บีก็ตั้งรับไม่ถูกเลยนอกจากยอมทำตาม

    “บีขับ”

    ไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่ๆ

    ปกติเจตยอมให้เขาขับที่ไหน โดยเฉพาะรถที่เจ้าตัวหวงนักหวงหนาซึ่งเขาก็ไม่โทษอีกฝ่ายหรอกที่ไม่กล้าเอาลูกรักคันงามมาเสี่ยงกับเขาเพราะบีก็ขับรถห่วยจริงๆนั่นแหละ แต่ไม่ทันได้เถียงไอ้คนสั่งก็เข้าไปประจำที่นั่งข้างคนขับแล้ว บีได้แต่ยอมทำตามที่อีกคนขออีกครั้งแม้จะไม่เข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้าแม้แต่นิด

    สิบห้านาทีแล้วที่รถแล่นออกจากลานคอนโดแต่เจตยังไม่ดุเขาเรื่องขับรถเลย แค่หันมาหาบ้างตอนที่เขาเผลอเหยียบเบรคผิดจังหวะ บีพยายามทำหน้ากลบเกลื่อนความผิดแต่พออีกคนจับได้ก็ได้แต่เตรียมใจฟังอีกคนดุ

    “ใจเย็นๆ ค่อยขับไป”

    ผิดคาดอีกแล้ว

    ถึงแม้จะสงสัยแต่ตอนนี้เขาก็วุ่นวายกับการขับรถจนไม่มีเวลาเอาสมาธิมานั่งคิดเรื่องของคนที่นั่งข้างๆ ห้องโดยสารเงียบกว่าทุกครั้ง แต่บีก็ไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา

    แค่รถไม่ชนก็ดีเท่าไหร่แล้ว

    “เราคบกันมากี่ปีแล้วนะบี”

    “สองปีไง”

    “สองปีเหรอ...แล้วคบกับเจตน่าเบื่อมั้ย”

    คำถามประหลาดกับสีหน้าทะเล้นของคนถามที่มองเขาทำให้บีเสียสมาธิไปครู่หนึ่ง ไม่ชินกับความแพรวพราวแบบนี้เลย แค่ถอดแว่นคนเราจะเปลี่ยนบุคลิกได้ขนาดนี้เลยรึไง

    “ถ้าเบื่อจะคบกันถึงตอนนี้เหรอเจต”

    “นั่นสินะ”

    “เจตถามทำไม วันนี้ทำตัวแปลกๆนะ”

    “ทำไม ไม่ชอบเหรอ”

    ชอบ

    คำตอบวิ่งเข้ามาในหัวแทบทันทีจนเหมือนไม่ได้คิด ยอมรับเลยว่าถึงคนข้างๆจะทำตัวแปลกๆแต่มันก็แค่ไม่ชินเท่านั้น เอาเข้าจริงเจตตอนวางตัวสบายๆ ยิ้มร้ายๆ กวนประสาทนิดๆก็มีเสน่ห์ไม่น้อยเลย

    “แค่ไม่ชิน”

    “เดี๋ยวก็ชิน เจตจะทำให้บีชินเองโอเคมั้ย”

    ไม่พูดเปล่ามือร้อนๆยังยกมาจิ้มแก้มเขาเบาๆเป็นการแกล้ง ทำเอาคนที่ไม่ชินกับการสกินชิพอย่างเขาตกใจจนรถส่าย

    “เจตต้องทำงานจนบ้าไปแล้วแน่ๆ”

     “อาจจะบ้าเพราะบีก็ได้ งานมันจะมามีผลกับเจตเท่าบีได้ยังไง”

    บ้าจริงๆด้วย

     

     

     

     

     

    Call me by his name

     

     

     

     

    คาเฟ่แมว?

    ทั้งๆที่วันนี้มีเรื่องให้ประหลาดใจมาทั้งวันตั้งแต่ที่อีกคนบ่นจะกินเนื้อย่าง ไหนจะที่ชวนไปเดินเล่นที่นู่นที่นี่ไปเรื่อยทั้งที่ปกติอยู่ติดบ้านจะตาย 

    อยู่ๆ คนที่ไม่ถูกโรคกับสิ่งมีชีวิตอย่างเจตกลับพาเขามาเล่นที่คาเฟ่แมว จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไง

    “เจ้าแมวโง่”

    แล้วดูทำตัวเข้าสิ มีอย่างที่ไหนมานั่งชี้หน้าเรียกแมวสก็อตติชน่ารักๆพวกนั้นว่าแมวโง่ บีมองไปรอบๆร้านให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินคำพูดของเจตที่เอาแต่เล่นเพราะไม่อยากให้เหล่าคนรักแมวต้องมาถล่มโต๊ะของพวกเขา

     เจตเคยบอกเขาว่าไม่ชอบแมว ไม่สิ ไม่ชอบเลี้ยงสัตว์ทุกชนิดมากกว่า เจตบอกว่าเจ้าตัวขนปุยพวกนั้นก็ไม่ค่อยถูกกับเจตเหมือนกันซึ่งก็จริง หลายต่อหลายครั้งที่เขาพยายามพาแมวมาเล่นกับเจตสุดท้ายก็โดนข่วนกลับมาจนมือลาย พอเป็นแบบนั้นเขาเลยพลอยอดเลี้ยงไปด้วย

    แล้วเหตุการณ์ตรงหน้าคืออะไร

    เจตกำลังบีบหัวแมวด้วยความหมั่นเขี้ยว แถมเจ้าลูกแมวขนแตกก็ดูจะชอบด้วย

    “เล่นกับน้องเบาๆ”

    “แมวโง่ดูดิ แฟนเจตโคตรขี้บ่น”

    คนโดนบ่นนั่งลงข้างๆคนรักของตนก่อนจะใช้ของเล่นล่อแมวจากอีกคนมาไว้บนตักตัวเอง แมวขนฟูตัวอ้วนเองก็คงสัมผัสได้ว่าเขามีอันตรายน้อยกว่าอีกคนเยอะเลยรีบมุดตักเขาใหญ่จนขนติดเต็มกางเกงไปหมด

    “บีชอบแมวมั้ย”

    “ชอบสิ เจตลืมเหรอว่าสมัยเรียนบีเลี้ยงแมวตั้งหลายตัว”

    คนฟังพยักหน้าตาม ดวงตาคู่สวยมองแมวบนตักนิ่งๆก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นสบตาเขาต่อ เหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป เปลี่ยนเป็นสนใจแมวบนตักต่อจนบีเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาเอง

    “บีรู้ว่าเจตไม่ชอบแมวแต่ก็ยังมาที่นี่”

    คนพูดเอนศีรษะซบกับไหล่ของอีกคน จนคนที่นั่งข้างๆเผลอเกร็งจนรู้สึกได้ บีเผลอขมวดคิ้วกับอาการตลกๆนั่นก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คนที่กำลังมองหน้าเขาด้วยหน้าตาเหลอหลาแบบนั้น

    อาจเพราะปกติบีไม่ใช่คนขี้อ้อน คนตรงหน้าเลยไม่ชินมั้ง

    “ขอบคุณนะ”

    เอ่ยจบริมฝีปากแดงสดของคนพูดก็กดลงบนไหล่ส่งความร้อนผ่านเสื้อยืดสีเข้มไปยังผิวอีกคน ดวงตาเรียวสบเข้ากับดวงตาพราวระยับของอีกฝ่าย เพิ่งรู้ว่าพวกเขาไม่ได้มาทำอะไรโรแมนติกแบบนี้มานานแล้ว นานจนแทบจำครั้งสุดท้ายที่ใจเต้นไม่ได้ด้วยซ้ำ

    นานจนลืมไปแล้วว่าอาการเขินมันเกิดขึ้นง่ายแค่นี้เอง

    “จูบเองเขินเองเฉยเลยบี”

    “ไม่ได้เขิน”

    “ไม่เขินแล้วหลบตาทำไม มองหน้าผมสิ”

    บีเลี่ยงไปสนใจแมวบนตักแทนที่จะทำตามที่คนรักสั่ง เรื่องอะไรจะยอมสบตาให้เขินกว่าเดิมล่ะ มันเสียฟอร์มไม่รู้รึไง แค่คิดว่าเมื่อกี้เพิ่งทำเรื่องน่าอายลงไปก็ขายหน้าจะแย่แล้ว

    คบกันมาสองปี เคยมาทำอะไรเลี่ยนๆแบบนี้ซะที่ไหน

    “บี อย่าหลบตาสิ-“

     “น้องตื่นแล้ว หิวมั้ยตัวเล็ก“

    “หึ น่ารักแบบนี้นี่เองถึงได้เป็นแฟนเจต”

    คำชมไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้คนที่เอาแต่สนใจลูกแมวถึงกับเบิกตามองเขา คิ้วคู่สวยขมวดเป็นปมจนคนโดนมองสงสัยว่าเขาพูดอะไรผิด

    “น่ารักอะไรล่ะ ไม่ใส่แว่นแล้วตาเพี้ยนเหรอ”

    เสียงนุ่มเถียงออกมาจนคนฟังเผลอหัวเราะ ท่าทางดื้อๆของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เหมาะกับคำว่าน่ารักเข้าไปใหญ่ แล้วแบบนี้ยังจะเถียงอีกทำไม

    น่ารักก็คือน่ารัก น่ารักกว่าแมวโง่ที่อุ้มอยู่อีก

    “หยุดยิ้มแปลกๆแบบนั้นเลยเจต”

    บีไม่ชอบรอยยิ้มนั่นเลย ทั้งรอยยิ้มทั้งสายตาที่มองเขานิ่งแบบคาดเดาไม่ออก มันไม่ใช่การมองนิ่งๆเหมือนทุกครั้ง ดวงตาคู่นั้นแฝงความขี้เล่น แถมยังให้ความรู้สึกแปลกๆเหมือนจะโดนจับกินเสียตลอดเวลา ซึ่งปกติ เจตไม่ใช่คนที่ใช้สายตาแบบนั้นพร่ำเพรื่อเสียหน่อย

    แปลก แปลกไปหมด

    แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดี ดีไปหมดเหมือนกัน

    “เจต”

    “ว่าไง”

    “วันนี้มันดีมากเลย บีดีใจที่เรามาที่นี่ด้วยกันนะ”

    ดวงตาสองคู่สบกันอีกครั้งและนิ่งค้างเหมือนถูกสะกดไว้ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ใจเต้นจนหน้าร้อนไปหมดแบบนี้ ตื่นเต้นจนลืมจังหวะหายใจ พอพยายามควบคุมลมหายใจก็เผลอละสายตาจากดวงตาคู่สวยนั้นมามองปากอีกฝ่ายแทน

    จูบกันก็ออกจะบ่อย ทำไมครั้งนี้ถึงคิดหนักล่ะบี

    ไม่ใช่จูบแรกสักหน่อย

    เหมือนอีกคนจะรับรู้ความคิดของเขาจึงเอื้อมมือมาประครองแก้มให้เงยหน้าเพื่อสบตากัน นิ้วอุ่นๆไล้เบาๆที่แก้มเขา การกระทำแค่เล็กน้อยนั่นทำเอาลมหายใจสะดุดไปหมด

    ทั้งๆที่มันก็แค่อีกจูบหนึ่งของพวกเขาแต่ทำไมมันถึงได้ตื่นเต้นขนาดนี้

    ลมหายใจร้อนๆเป่ารดหน้าทุกครั้งที่ใกล้กันมากขึ้น

    ระยะห่างลดน้อยลงทีละนิด เช่นเดียวกับลมหายใจที่ผิดจังหวะยิ่งกว่าเดิม

    บีหลับตาลง เพราะเขาคงสู้สายตาอีกคนไม่ไหว

    สัมผัสอ่อนนุ่มแตะลงที่ริมฝีปากและนิ่งค้างอยู่แบบนั้นเหมือนต่างฝ่ายต่างรอให้อีกคนเป็นฝ่ายนำ จังหวะสะเปะสะปะต่างไปจากทุกครั้งที่จูบกัน แต่มันกลับรู้สึกวาบหวามกว่าทุกทีเหมือนอีกฝ่ายไม่อยากละริมฝีปากออกไปแม้มันจะไม่ได้จังหวะก็ตาม

    บีใช้เวลาเพียงครู่เดียวเพื่อปรับวิธีการจูให้ทันความแปลกใหม่ของคนตรงหน้า แล้วเขาก็เผลอจูบอีกคนหนักขึ้นยิ่งกว่าเดิม

    รสจูบรุนแรงผ่อนหนักผ่อนเบารุกล้ำกันมากขึ้นจนเขารับรู้ถึงอะไรบางอย่าง

    บุหรี่

    แม้จะเล็กน้อยแค่เจืออยู่ในรสสัมผัส แต่เขาก็รู้สึกได้ ใจหนึ่งก็อยากถอนริมฝีปากเพื่อถามอีกคนเสียตอนนั้น แต่สัมผัสที่กำลังเป็นไปอย่างได้จังหวะทำให้เขาลืมความคิดนั้นไปเสียหมด

    รวดเร็ว อ่อนหวาน แต่ไม่คุ้นเคย

    ตอนนั้นเองที่บีรู้ว่า เขาไม่รู้จักคนที่ตรงหน้าเลยสักนิด

    ไม่ใช่เจต

    แต่ถ้าคนที่เขาจูบอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เจต แล้วบีกำลังจูบกับใคร

     

     

     

     

     

    Call me by his name

     

     

     

     

     _________________________________________________________________________

    เปิดเรื่องไว้อีกแล้ว เครดิตพล็อตจากพี่เฟรนแต่ล่าสุดคือเอามายำเละแล้วขอโทษด้วยค่ะ5555555

    คิดว่าคงพอเดาออกแล้วว่าเรื่องประมาณไหน ตอนหน้ามาเฉลยแน่นอนเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เน้นความลึกลับอะไรค่ะ ฟิครักทั่วไปนี่แหละ ความยาวที่คาดไว้คือไม่เกินห้าตอน แต่ไม่สัญญาว่าจะจบเมื่อไหร่เพราะเวลาน้อยเหลือเกิน 

    ส่งฟีดแบ็คได้ที่ #ฟิคบตน เช่นเคย ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×