ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลัง Short fic #JJP #Jinson

    ลำดับตอนที่ #23 : (OS) NiorB: Eyes on Jinyoung

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.21K
      79
      8 เม.ย. 61

        Eyes on Jinyoung



    Couple: Jinyoung x JB

    Rate: PG

    Status: Finished

    Feedback: #ฟิคบตน


    คำเตือน: ฟิคไม่ฟินเท่าโม้เม้นต์จริงของนยองปมวันนี้ค่ะ



    นานแล้วที่จินยองกับแจบอมไม่ได้นอนข้างกัน

    ต่อหน้ากล้อง

    “พี่แจ็คสันไม่อยู่ พี่จินยองจะนอนตรงไหน”

                ตอนยองแจถามขึ้นมาระหว่างที่กำลังตกลงกันเรื่องตำแหน่งที่นอน ทุกสายตามองตรงมาที่เขาเหมือนลุ้นเอาคำตอบในวาระระดับชาตินี้จนเขารู้สึกหมั่นไส้

    เอาจริงๆ ถ้าวันนี้แจ็คสันอยู่ เขาก็คงไปนอนเล่นข้างๆเพื่อนสนิทเหมือนอย่างเคย เวลาแอบนินทาเมมเบอร์มันจะได้สะดวก แต่ตอนนี้แจ็คสันป่วย เขาก็เลยต้องหาทำเลใหม่

                ถามว่าในใจคิดไว้รึยัง แหงล่ะ ข้างแจบอมอยู่แล้ว

                แต่พอมาคิดดูอีกที อย่าดีกว่า เดี๋ยวเสียงาน

                ขนาดวันนี้นั่งข้างกันตอนไซน์ยังลำบากเลย นี่มานอนเป็นเจ้าน่ารักอยู่ข้างๆจินยองต้องเผลอทำตัวเหมือนตอนอยู่ด้วยกันแน่ๆ

                บ้าเอ้ย

                ทำไมต้องมาลำบากเพราะความน่ารักของแจบอมด้วยวะ

     “นอนข้างพี่นี่แหละ”

    หืม?

    "ข้างพี่แจบอม?"

    "อือ ไม่ได้เหรอ"

    “ได้ๆ งั้นพี่จินยองนอนระหว่างพี่มาร์คกับพี่แจบอม-“

    “ไม่ๆ ให้จินยองนอนอีกฝั่ง”

    คราวนี้เมมเบอร์ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะไม่บ่อยนักที่แจบอมจะมาแสดงอาการเจ้ากี้เจ้าการแปลกๆแบบนี้ ปกติเจ้าตัวก็แค่ทำตัวเป็นเด๋อๆไปเรื่อยให้คนชมว่าน่ารักเล่น ไม่มาสนใจดีเทลเล็กน้อยพวกนี้หรอก มีแต่จินยองมากกว่าที่จะมาคอยวางแผนหาทางอยู่กับอีกฝ่าย

    ทำไมอยู่ๆก็สนใจขึ้นมา

    “ตามนั้นละกัน”

    พวกเขาตกลงกันง่ายๆแค่นั้นก่อนจะแยกย้ายไปเตรียมตัว แจบอมหันกลับมาหาเขาและส่งสายตาซื่อๆมาให้เหมือนจะถามว่ามีอะไร แต่จินยองก็แค่มองอีกคนนิ่งๆจนแจบอมเป็นฝ่ายยอมพูดขึ้นมาซะเอง

    “ไม่น่าพานายไปตัดผมเลย”

    ทิ้งระเบิดไว้แล้วก็เดินหนีไป ปล่อยให้เขาลูบผมตัวเองป้อยๆอย่างเสียความมั่นใจ

    อะไรวะ ไหนตอนตัดเสร็จบอกว่าดูดีนักหนาไง

    จินยองได้แต่ถอนหายใจมองตามอีกคนไป ทุกวันนี้เหนื่อยกับความน่ารักของแจบอมไม่พอยังต้องมางงกับท่าทางแปลกๆของพี่มันอีก ทำไมพัคจินยองต้องมารับมือกับอะไรแบบนี้ด้วยนะ

    ทำไงได้ ชอบเขาไปแล้วนี่หว่า

    พอนึกๆดู จินยองก็สังเกตได้ว่าแจบอมมีท่าทางแปลกๆมาตั้งแต่เมื่อตอนแฟนไซน์แล้ว

                ไม่ใช่ความแปลกในทางที่ไม่ดี ก็แค่รู้สึกว่าอีกคนกำลังยิ้มเขินๆให้เขาบ่อยเกินไป แถมยังดูปล่อยตัวสบายๆแปลกด้วย เหมือนลืมว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันแค่สองคน

                เหมือนอยากให้คนรู้ว่าพัคจินยองเป็นของแจบอม

                ก็เป็นจริงๆนั่นแหละ แต่ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเผลอปล่อยตัวตามสบายต่อหน้าคนอื่นขนาดนี้ซะที

                ปกติเขากับแจบอมค่อนข้างวางระยะห่างกันไว้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เผลอทำอะไรแปลกๆต่อหน้าคนอื่น ซึ่งแจบอมก็ทำได้ดีมาตลอด มีบ้างที่จินยองจะเผลอไปแกล้งให้อีกคนตกใจเล่น แต่มันก็ไม่บ่อยนัก ยิ่งวันนี้เขาเอาแต่กังวลกับทรงผมใหม่ของตัวเองจนแทบไม่ได้อะไรกับอีกคน ก็เลยยิ่งแปลกใจตอนที่เห็นความผิดปกติ

                “อะไร”

                “พี่เป็นอะไร”

                “ไม่ได้เป็นอะไรนี่”

    แต่เขาว่ามีและเขาจะหาคำตอบให้ได้

                “เหรอ แน่ใจนะ”

                “แน่ ไปเตรียมตัวได้แล้ว”

                ระวังตัวไว้เลยอิมแจบอม

     

     

               

               

                หนึ่งชั่วโมงสามสิบนาทีกับการที่จินยองต้องพยายามห้ามใจตัวเอง

                “พี่จินยองทำผมลุ้นเกือบตาย”

                คำบ่นแรกมาจากแบมๆ จินยองแค่ยักไหล่ไปให้เพราะเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาของเมมเบอร์ที่มองมาแบบลุ้นกันจนตัวโก่งว่าจินยองจะเผลอทำอะไรแปลกๆไหม

                ทำอย่างกับเขาไม่โปรงั้นแหละ

                “จินยองเนียนกอดแจบอมด้วยอย่านึกว่าไม่เห็น นี่อุตส่าห์นอนกอดยองแจขโมยซีนให้ไม่รู้ทันมั้ย”

                มาร์คเล่าต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดีแค่ไหนที่เจ้าตัวไม่อยู่ไม่งั้นมีหวังโดนโวยวายแน่ๆที่โดนเมมเอบร์นินทาแบบนี้ แต่มันก็เป็นปัญหาเขาอีกแหละที่ต้องมารับมือกับอาการงอแงเหล่านั้น

                ถามว่ารำคาญมั้ย ก็ไม่ ชอบด้วยซ้ำ

                “แต่วันนี้พี่แจบอมยอมพี่จินแปลกๆ นอกจากจะไม่เกร็งแล้วยังทำท่าเขินด้วย”

                “ปกติพี่มันก็เขินมั้ยล่ะคยอม”

                “ไม่ๆ มันไม่เหมือนทุกครั้ง”

                “จริง ไม่ค่อยมองหน้า โกรธอะไรกันหรือเปล่า”

                จินยองยืนฟังและยิ้มรับคำถกเถียงของเหล่าเมมเบอร์ที่ดูกังวลกับสถานการณ์ของเขากับแจบอมเสียเกินหน้าเกินตา แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอธิบายอะไรออกไป จนในที่สุดทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไป และจินยองก็ได้มีโอกาสทบทวนความคิดเงียบๆ

                แจบอมไม่โกรธเขาแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ยอมให้นอนซบง่ายๆแบบนั้น

                ไม่เผลอขยับมาใกล้กัน  ไม่ยิ้มแบบนั้นด้วย

                พูดแล้วก็หมั่นเขี้ยว อยากจับมาฟัดแต่ทำไม่ได้เพราะอยู่หน้ากล้อง

     เกิดเป็นพัคจินยองนี่เหนื่อยชะมัด

                “จินยอง ไม่เปลี่ยนชุดล่ะ”

                จินยองหันไปตามเสียงเรียก แจบอมเปลี่ยนชุดแล้วและกำลังยืนมองเขานิ่ง ดวงตาเรียวเล็กมองกลับมาที่เขาแต่จินยองคิดว่าไหนๆก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้ว เคลียร์กันให้จบไปเลยละกัน

                “ไปเปลี่ยนชุดเร็ว อยากกลับไปนอนแล้ว”

                “ขอคุยก่อนได้มั้ย”

                “คุยอะไร”

                “เรื่องของเรา”

                จินยองมองหน้าอีกคนตรงๆ และใช้มือสองข้างจับไหล่กว้างๆเอาไว้ คนเป็นพี่แค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นส่งยิ้มมาให้เขาอย่างเผลอตัวแบบที่มักจะเผลอทำเวลาเขาไปเล่นด้วย

                นี่ไงล่ะที่ทุกคนบอกว่าแจบอมอ่านง่ายที่สุด ตอนได้ยินคำถามก็แทบจะมองหน้าอีกคนแทนคำตอบไปแล้ว ดีเท่าไหร่ที่กล้องจับไม่ทัน

                อ้อ ลืมไปว่าถึงกล้องจะจับไม่ทัน คนตรงหน้าก็อาการหลุดอยู่ดี หลุดจนเขาต้องตอบแจ็คสันแทน นี่ถ้าโดนเพื่อนงอนจะมาคิดบัญชีกับแจบอมคนแรกเลย

                “ทำไมจู่ๆจะคุยขึ้นมาล่ะ”

                “ก็พี่ทำตัวแปลกๆ”

                “ไปคุยที่หอก็ได้มั้ง”

                “ถ้าคุยที่หอผมทำมากกว่าคุยนะ”

                คราวนี้คนตรงหน้ากลับไม่ยอมเถียง แจบอมอ้าปากค้างก่อนจะถอนหายใจเบาๆเป็นการบอกอ้อมๆว่าเจ้าตัวยอมคุย จินยองเลยลากอีกคนไปตรงมุมหนึ่งของสตูดิโอที่ปลอดคนพอจะคุยกันได้ ปล่อยให้อีกคนบ่นงุ้งงิ้งเบาๆพอให้เขาได้ยิน

                “พูดเหมือนปกติไม่ทำงั้นแหละจินยอง”

                อ่า ก็จริง แต่คนตรงหน้าก็ยอมอยู่ดีจินยองเลยไม่ได้ค้านอะไร แค่หันไปมองหน้าอีกคนตรงๆและเริ่มเปิดประเด็นการสนทนาอย่างที่ตั้งใจแทน

                “ผมอยากคุยให้รู้เรื่องจะได้หายสงสัย วันนี้พี่โกรธอะไรผมรึเปล่า ทำไมทำตัวแปลกๆ”

                “แปลกยังไง”

                “ไม่รู้ น่ารักขึ้นมั้ง”

                “จินยอง!

                “น่ารักขึ้นตั้งแต่ตอนกลางวันละ หันไปมองตาก็มายิ้มเขินใส่ผมใหญ่เลย ลำบากต้องมานั่งอดทนไม่ให้ลากไปจูบหลังเวทีอีก”

    “โอ้ย ไม่คุยแล้ว”

    “ไม่ คุยกันให้จบ เมื่อกี้นี้ก็เหมือนกัน พี่ตั้งใจจะแกล้งผมใช่มั้ย ถึงได้ทำตัวสบายๆแบบนั้น ผมห้ามใจลำบากนะ เกือบกอดไปตั้งหลายทีแล้ว”

    “ก็อยู่เฉยๆนะ มีแต่นายนั่นแหละ แรกๆก็ไม่เห็นจะซนเลยทำไมหลังๆต้องมาซบมาจับด้วย ขี้แกล้ง”

    “ก็พี่น่ารักอ่ะ”

    “หยุดพูดคำนั้นได้มั้ย”

    “เนี่ย ทีพี่น่ารักผมยังบอกตรงๆเลย แล้วพี่อ่ะ ทำไมไม่บอกผมว่าเป็นอะไร”

    “ไม่ได้น่ารัก!”

    “น่ารักสิ! พี่จะมารู้ดีกว่าผมได้ยังไงก็ผมมองอยู่ น่ารักมากๆแบบนี้ผมลำบากใจรู้มั้ย”

    “พอ! นายก็ดูดีจนทำให้ลำบากใจเหมือนกันนั่นแหละ!

                ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องปล่อยให้พวกเขาได้แต่ก้มหน้าก้มตาเขิน ทำไมมันจบลงที่อะไรแบบนี้ล่ะ ทั้งๆที่ดูเผินๆเหมือนจะเถียงกันแต่ถ้านึกย้อนดูมันเหมือนจีบกันอีกแล้ว

                จีบกันมาเจ็ดปีละนะ ทำไมเขายังไม่ชินวะ

                “ดูดี?

                “ทรงผมใหม่นายอ่ะ ไม่น่าพาไปตัดเลย ถ้ารู้ว่าตัดแล้วคนจะมองเยอะขนาดนี้”

                “พี่..”

                “เออ นั่นแหละ ถ้ามันจะแปลกๆก็เพราะเรื่องนี้แหละ”

                จินยองได้แต่นิ่งอึ้งมองคนที่หันรีหันขวางมองลมมองฟ้า มองทุกอย่างยกเว้นหน้าเขาด้วยแววตาอึ้งๆ

                “พี่เขินผมขนาดนี้เลยเหรอ”

                โอย ใจพัคจินยอง

                จะตายตรงนี้แล้ว ถ้าไม่ติดว่ายังอยากเป็นแฟนอิมแจบอมอยู่

                “ไม่ต้องมายิ้ม วันนี้นายแกล้งพี่เยอะมากเลย เอกโยวนั่นด้วย”

                “แต่พี่ก็ทำเองนี่นา”

                “ก็นายสั่งอ่ะ นายขอพี่ก็ต้องทำอยู่แล้ว”

                เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าคำพูดคำจาแบบนั้นน่ารักขนาดไหนเพราะแจบอมคิดว่าตัวเองก็แค่พูดความจริง พูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆก็เท่านั้น แต่บังเอิญคนคิดเป็นคนน่ารัก พอพูดอะไรมันก็เลยดูน่ารักไปหมด

    และจินยองก็นับถือตัวเองมากที่มองเห็นความน่ารักพวกนี้ก่อนคนอื่น

                “สรุปคือพี่เขินผม ไอ้อาการแปลกๆก็มาจากทรงผมของผมเนี่ยนะ”

                “ก็คนมองนายเยอะแล้วรู้สึกแปลก”

                “หึงเหรอ”

                “ไม่ใช่หรอก...อ่า ไม่รู้สิ”

                โอย น่ารักจังโว้ย

                จินยองพยายามสูดหายใจระงับอารมณ์ไม่ให้ดึงคนตรงหน้าไปทำอะไรไม่เหมาะสมกลางสตูดิโอ สงสัยคงต้งอไปเคลียร์ต่อที่หอจริงๆนั่นแหละ และดูท่าจะไม่จบแค่การคุยอย่างที่บอกจริงๆด้วย

                “ผมจะไปเปลี่ยนชุด”

                “อ้าว ไม่คุยให้จบเหรอ”

                จินยองมองใบหน้าเหลอหลาของอีกคนนิ่ง ก่อนจะเดินไปยืนข้างหน้าเพื่อโน้มตัวไปกระซิบข้างหูอีกฝ่าย

                “ไม่คุยแล้ว อยากกลับหอไวๆจะได้คิดบัญชี”

                คำพูดสั้นๆง่ายๆก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทิ้งให้อีกคนยืนนิ่งก้มหน้ามองรองเท้าตัวเองต่อไปอย่างทำตัวไม่ถูก คิดถูกแล้วใช่มั้ยวะที่ยอมรับไปตรงๆ แต่เอาเถอะ คบกันมาขนาดนี้ก็ไม่รู้จะวางท่าไปทำไม

                ทำตัวตามสบายมันก็สนุกดี ถึงจะโดนเมมเบอร์กับพวกแฟนคลับแซวบ่อยๆก็เถอะ

                อาจจะเหมือนที่จินยองบอก เป็นคนน่ารักไม่ได้แย่ แค่ต้องทำใจให้ชินก็เท่านั้น

                “อ้อ พี่แจบอม”

                คนโดนเรียกหันไปตามเสียง คนที่เดินออกไปโผล่หน้ากลับมา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับดวงตาเต็มไปด้วยแผนการดูร้ายการเหมือนเดิมแม้ทรงผมอีกคนจะดูน่ารักขึ้นมากแค่ไหนก็ตาม

    มองหน้าก็เขินอีกแล้ว อะไรวะ

    “ว่าไง”

    คราวนี้แจบอมเลยพยายามมองหน้าอีกคนโดยไม่หลบตา พยายามไม่ยิ้มเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเขินแค่ไหน

                “วันนี้คนจะมองผมเยอะก็จริง”

    มันต้องมีสักครั้งสิที่แจบอมจะเอาชนะพัคจินยองได้บ้าง

                “แต่ผมมองพี่คนเดียวเลยนะ”

                โอเค แจบอมแพ้พัคจินยองราบคาบเลย








    ❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤

    จะชิปคนเป็นแฟนกันทำไมอ่ะ งง

    #ฟิคบตน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×