ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลัง Short fic #JJP #Jinson

    ลำดับตอนที่ #4 : (OS) Jinson : ห้าเหตุผลที่คุณยังโสด

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 61



    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ jackson jinyoung

    Couple: Jinyoung x Jackson

    Type: One-shot Fiction

    Style: Romantic

    Status: Finished


    #5เหตุผลที่คุณยังโสด 

     อย่าลืมส่งฟีดแบ็คเป็นกำลังใจกันนะคะ เราเปิดแท็กแล้ว #ฟิคบตน มาเล่นกันเราเหงา555555



    ทางซ้ายก็นั่งเป็นคู่ ทางขวาก็แทบจะนั่งตักกันละ

     

    รำคาญโว้ย

     

    ทำอะไรไม่เกรงใจคนโสดเลย พวกชั่ว...

     

    ผมถอนหายใจออกมาเพื่อระบายอารมณ์ร้อนๆของคนพาล เออครับ ผมมันพาล ใช่ซี่ ผมมันคนไม่มีคู่จิตใจมันก็ไม่สวยงามเหมือนพวกมีความรักร้อกกกก

     

    ว้อยยยย พูดแล้วมันขึ้น

     

    ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ลืมตาดูโลกมา ผมสงสัยมาตลอดว่าการมีความรักมันดีตรงไหน เวลาเพื่อนทะเลาะกับแฟนแล้วมาร้องไห้ ผมนี่ตัวเสี้ยมให้เลิกเลย ถ้าผมรู้ซึ้งถึงสัจจะธรรมอีกนิดว่าพอพวกมันดีกันแล้วผมจะหมาขนาดนี้ ผมจะไม่เสียเวลานั่งฟังมันร้องไห้เลย ให้ตายสิ

     

    แล้วทำไมผมยังไม่มีแฟนวะ

     

    นั่นสิ ผมว่าหน้าตาผมก็ไม่ได้ขี้เหร่ นิสัยก็ไม่ได้แย่ไม่งั้นเพื่อนไม่คบหรอก อันที่จริงก็มีคนมาชมว่าหล่อบ้างแหละน่ารักบ้างแหละ แต่ไม่ยักจีบ พอผมจะจีบใครมันก็ไม่ทันได้เริ่ม เพราะเขาดันสละโสดตัดหน้าผมไปเสียอย่างนั้น

     

    สงสัยไม่มีดวงเรื่องมั้ง ผมเลยต้องโสดมาตลอดยี่สิบปีแบบนี้

     

     

    ห้าเหตุผลที่คุณยังโสด

     

    ผมกวาดตาไปยังหน้าจอที่ปรากฏบทความจากเวปไซต์ฮาวทูกุ๊กกิ๊กข้างๆเป็นโฆษณาเวปหาคู่นัดเดทที่ผมกดปิดไม่ให้บังทัศนียภาพในการอ่านบทความของผม

     

    ผมจริงจังมาก บอกเลย

     

    เหตุผลที่หนึ่ง คุณเก่งเกินไป

     

    เหรอวะ

     

    การใช้ชีวิตตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมานั้นให้ตัวเองยังมีชีวิตรอดได้นี่ถือว่าเก่งไหมวะ
    หรือเขาจะหมายถึงการเรียน ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมนี่ระดับทอปคลาสเลยนะครับ ไม่อยากจะโม้

     

    ผมล้อเล่น จริงๆแม้ผมจะอยู่ในมหาลัยและคณะที่โอเคมากๆแต่ผมมันก็แค่คนหัวกลางๆ เรียนระดับมีนคณะอ่ะ ไม่ท็อป แต่ไม่รั้งท้าย แบบนี้น่ะ เรียกว่าฉลาดมั้ย

     

    แต่เพื่อความแฟร์ ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าผมฉลาดละกัน

     

    แต่ฉลาดไม่ได้หมายความว่าเก่งนี่หว่า แล้วอีบทความนี่ก็ไม่อธิบายอะไรเลย มีแต่โฆษณาจิ๋มกระป๋อง ขึ้นมาอยู่ได้ โว้ย

     

    “มึง มึงว่ากูเก่งป่ะ”
    ในเมื่อหาคำตอบไม่ได้ผมก็คงต้องพึ่งพาเพื่อนยามยากของผม จินยอง ว่าที่หมออนาคตไกล คนฉลาดอย่างมันช่วยผมได้แน่

     

    จินยองเลยหน้าจากมือถือตัวเองมามองหน้าผมงงๆ

     

    “อะไรของมึงอีก”

    น่ะ ถามนิดถามหน่อยทำเป็นรำคาญ

     

    “มึงว่าคนแบบกูเก่งเกินไปป่ะ”

    “ก็เก่ง”

    ...

    “โดยเฉพาะสร้างปัญหาเนี่ย ที่หนึ่งเลย”

     

    อ้าว ทำไมสุดท้ายมันวกมาด่ากันได้ละครับ จินยองส่ายหน้าอย่างระอาแล้ทำท่าจะกลับไปสนใจมือถือของมันต่อ นี่เพื่อนต้องการความเห็นนะโว้ย ช่วยกูทีสิวะ

     

    “มึง เอาดีๆ คือในนี้เขาบอกว่ากูเก่งไปอ่ะ เลยโสด”

     

    ผมยื่นมือถือไปให้คนหน้ามึนที่หันมาสนใจบทความในจอมือถือผมแทน ก่อนจะมองหน้าผมแล้วเม้มริมฝีปากแน่น

    มันกำลังกลั้นขำสินะ กลั้นจนจมูกบานหมดแล้วโว้ย

     

    “อย่าขำกูเซ่”

    “โทษๆ ฮึกๆฮ่าๆๆๆ”

    โว้ย ไอเพื่อนชั่ว นอกจากไม่ช่วยแล้วยังทำเหมือนเรื่องที่ผมทำนี่ไร้สาระอีก

     

    “ไม่คุยกับมึงแล้ว จะกลับบ้าน” พูดจบผมก็คว้าข้าวของบนโต๊ะแต่อีกฝ่ายทำหน้าเหวอๆแล้วดึงแขนผมไว้ก่อน

    “หูย แค่นี้ก็โกรธ”

    ...

    “อ่ะๆ ไม่แกล้งละ คือ ไอ้ที่เขาบอกว่าเก่งเนี่ย น่าจะหมายถึงทำอะไรได้เองโดยที่ไม่ต้องมีคนมาอยู่ข้างๆป่ะ”

     

    ผมคิดตามคำพูดของนักตีความบทความในเวปกระปุกจำเป็นแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ ในชีวิตผมก็ทำอะไรมาเยอะ แต่อะไรจะมาตัดสินว่าผมทำสิ่งต่างๆได้เก่งล่ะ

     

     “มึงหมายถึงทำอะไรคนเดียวได้ ไม่ต้องพึ่งใครใช่มั้ย”

    “อือ”

     

    จินยองพยักหน้าแล้วหันไปสนใจมือถืออีกครั้ง ปล่อยให้ผมนั่งนึกหาคำตอบให้ตัวเองเงียบๆ

    อันที่จริง ผมว่าผมก็ทำอะไรคนเดียวได้ดีนะ แต่ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำหรอก

     

    “แจ็คสันไปเป็นเพื่อนกูซื้อของหน่อย”
    “มึง กินข้าวเป็นเพื่อนกูที ไม่อยากนั่งคนเดียว”
    “มึงหม่าม้ามึงไปฮ่องกงใช่ป่ะ งั้นกูไปนอนเล่นบ้านมึงนะ”


    ผมจะเอาเวลาไหนไปอยู่คนเดียวได้ครับ ก็ไอ้คนตรงหน้ามันเอาตัวเองมาสุงสิงกับผมตลอดเลยเนี่ย จนผมไม่แน่ใจแล้วว่าถ้าวันนึงต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ผมจะทำได้ดีอย่างปากว่าหรือเปล่า เพราะผมห่างหายจากการใช้ชีวิตแบบขาดที่พึ่งมาหลายปีแล้ว สาเหตุก็มาจากไอ้หน้ามึนที่เอาแต่สนใจมือถือนั่นล่ะ

     

    แน่ะ ยังมาลอยหน้าลอยตาอีก มันน่านัก

     

    เหตุผลที่สอง คุณน่ะมาตรฐานสูง

    เหรอวะ

    ผมนั่งนึกย้อนๆดูว่าอย่างผมเนี่ยเรียกว่ามาตรฐานสูงได้มั้ย

    อาจจะได้มั้ง ไม่งั้นเวลาชอบใครคงไม่โดนคสบไปแดกตัดหน้าทุกครั้งแบบนี้ อีกนิดแจ็คสันจะผันตัวเป็นนกเต็มเวลาแล้ว เพราะไม่มีครั้งไหนที่ผมตั้งใจจริงจังกับใครแล้วไม่นก

    “มึงว่าคนนั้นโอเคป่ะ”

    “ไหน”

    “ซ้ายมือ ขาวๆ น่ารักๆ”

    “น่ารักไป ไม่เหมาะกับมึงหรอก”

     

    “จินยอง น้องจีซูยิ้มให้กูด้วย”

    “แค่ยิ้มมั้ย เขาก็ยิ้มให้ทุกคนอ่ะ”

    “เหรอ”

    “น่ะ เห็นป่ะ ไม่ยิ้มละ ไม่มองหน้ามึงด้วย”

    “นกอีกแล้วเหรอวะ”

     

    “มึง กูได้ไลน์ดาวนิเทศมาว่ะ”

    “เขามีผัวแล้ว”

    “อ้าวเหรอ แหม่ มึงนี่รู้ทุกเรื่อง ขี้เสือกเหลือเกินจินยอง”

     

    “มึงว่ากูควรจีบซานะมั้ย”

    “อย่าเลย สงสารน้อง”

    “อ้าว กูเพื่อนมึงนะ”

    “เออ ถึงบอกว่าอย่างมึงไม่เหมาะกับเขาหรอก”

    “แล้วเหมาะกับใคร”

    “ไม่รู้โว้ย อยู่โสดๆไปละกันมึง”

    นั่นแหละครับ

     

    ผมว่ามาตรฐานผมไม่สูงหรอก

     

    คนตรงหน้าผมต่างหากที่ตั้งมาตรฐานผมไว้ต่ำเรี่ยพื้นเลย

     

    ถ้าจะมีใครสักคนที่ผมสนใจ เวลาหันไปถามความเห็นไอ้หน้ามึนมันก็ชอบตอบแบบตัดกำลังใจผมตลอดจนปอดแหกตามมันไปทุกที บางที ที่ผมโสดอาจจะเพราะไอ้คนตรงหน้านี่ต่างหาก

     

    แต่ก็แปลก ผมเชื่อที่มันพูดตลอดเลย

     

    “มองหน้ากูทำไม”

    “มองไม่ได้เหรอ”

    แล้วมันก็เสมองไปทางอื่นด้วยสีหน้าเหมือนรำคาญผมเต็มทน น่าแปลกที่ผมเผลอยิ้มที่แกล้งกวนตีนมันได้อีกครั้ง โรคจิตรึเปล่าแต่ผมชอบเวลามันทำท่าหงุดหงิดใส่

     

    อันที่จริงมีอีกอย่างที่ผมชอบแกล้งมัน

     

    “มีคนน่ารักอยู่ใกล้ๆก็ต้องมองป่ะวะ”

    ครับ

    ผมชอบตอนจินยองมันเขิน

    หน้ามันตลกดี เห็นแล้วอารมณ์ดี

     

     

    เหตุผลที่สาม คุณมีโลกส่วนตัวสูงเกินไป

     

    อ่า อันนี้สิน่าสนใจ

    ในบรรดาที่อ่านมา อันนี้น่าจะเข้าท่าที่สุดแล้วล่ะ

     

    ผมเชื่อว่าทุกคนมันมีพื้นที่ส่วนตัวที่น้อยคนจะเข้ามาได้เพียงแต่สำหรับบางคน พื้นที่นั้นมันกว้างและกินพื้นที่มากจนแทบไม่เหลือที่ให้คนนอกยืนเลยน่ะสิ

     

    ผมชอบใช้เวลาเสาร์อาทิตย์นอนเล่นเกมในห้อง บางทีก็มีจินยองมานอนเล่นเป็นเพื่อนบ้าง บางทีก็ไปนอนเล่นที่หอมันบ้าง เพราะจินยองมันเอาแต่อ่านหนังสือทำนู้นทำนี่ก๊อกๆแก๊กไป ไม่ได้มาสนใจผมเท่าไหร่ แต่อยู่กับมันแล้วอุ่นใจ ดีกว่าอยู่หอเหงาๆ

     

    บางทีผมก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวผมมาก จะไปไหนมาไหนทำอะไร ผมคิดมาดีแล้ว ไม่ได้ต้องการให้ใครมายุ่งหรือคิดแทน ถ้าผมอยากได้ความเห็น ผมจะบอกและถามเอง

     

    อ้อ ยกเว้นจินยอง มันเตือนผมได้ถูกที่ถูกเวลาทุกที เลยไม่รู้จะโกรธมันได้ยังไง

     

    จะว่าไปแม้นิสัยผมจะเข้ากับคนได้ง่ายและเพื่อนเยอะ แต่น้อยคนนักจะเข้าถึงตัวตนผมจริงๆ

    ในชีวิตผมก็สนใจอยู่ไม่กี่เรื่อง นอกจากตัวเองกับครอบครัว(ซึ่งก็ไม่ได้ดูสนอกสนใจเท่าที่ควร แย่ชะมัด) ผมแทบไม่ได้ใส่ใจคนอื่นจริงๆจังๆเลย

    ชักสงสารว่าที่แฟนผมแล้วล่ะ

     

    “สี่โมงแล้ว กูกลับหอดีกว่า”

    จินยองละสายตาจากจอมามองผมที่เอาแต่นั่งเหม่อ มันเริ่มเก็บของบนโต๊ะโดยไม่รอคำตอบรับจากผม

     

    “รีบกลับไปอ่านหนังสือเหรอ”

     

    “รู้ได้ไง”

     

    “ก็มึงเคยบอกว่าจันทร์นี้มีควิซ”

     

    “อ่อ”

    จินยองพยักหน้ารับ แต่จากที่รู้จักกันมา ผมว่ามันยังมีอีกเรื่องที่ต้องเตือน

     

    “อย่านอนดึกนะมึง เดี๋ยวก็ป่วยอีก”

    “รู้แล้วน่า บ่นเป็นพ่อเลย”

     

    น่ะ มาว่าผมอีก

     

    มันจะรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่เข้ามาอยู่ในโลกของแจ็คสันได้ขนาดนี้

     

    คิดแล้วก็ตลก นึกถึงโลกส่วนตัวของตัวเองแท้ๆ ดันมีคำว่าจินยองเต็มไปหมด

     

     

    เหตุผลที่สี่ คุณชอบการอยู่คนเดียว

     

    ข้อนี้ผมขอเถียง ไม่จริงเลยสักนิด

     

    ผมกวาดสายตามองบทความที่ดูค้างไว้เมื่อวาน

     

    มัวแต่วุ่นวายจนลืมอ่านให้จบเลยแฮะ กว่าจะได้เปิดอีกทีก็ตอนเตรียมตัวเข้านอนแบบนี้ ถึงจะดึกไปหน่อย แต่ไหนๆก็นอนไม่หลับ แอบมาเล่นมือถือคิดเรื่องไร้สาระต่อก็ดีเหมือนกัน

     

    “ใครมันจะชอบอยู่คนเดียว”

    ผมบ่นกับตัวเองในความมืด มีเพียงแสงสว่างจากจอที่ส่องมาเท่านั้น ผมอดขำกับความตลกของบทความนี้ไม่ได้ ถ้าชอบอยู่คนเดียวเขาคงไม่มาหาบทความหาเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงโสดหรอกมั้ง

     

    แต่จะว่าไปแล้ว ผมเองก็แค่สงสัยว่าทำไมถึงโสด ไม่ได้อยากมีแฟนจริงๆจังๆนี่หว่า

     

    ใช่ครับ ผมไม่เคยรู้สึกขาดจนต้องดิ้นรนหาคนมาเป็นแฟนเลย หรือจริงๆแล้ว ผมจะชอบการอยู่คนเดียวอย่างที่บทความมันบอกวะ

     

    แต่จะดิ้นรนตามหาคนมาเป็นแฟนทำไมในเมื่อชีวิตผมก็มีความสุขดี ไม่เคยเหงา ผมมีครอบครัวที่น่ารักคอยให้กำลังใจ ถ้านั่นยังไม่พอ ผมก็มีจินยองไง

     

    ถ้าผมเบื่อ ก็แค่คุยกับมัน

     

    ถ้าผมเหงา ก็แค่ไปนอนเล่นหอมัน ไปแกล้งให้มันรำคาญเล่น สนุกจะตาย

     

    หรือถ้าผมมีปัญหา ต้องการคนมารับฟังผมจริงๆ

     

    จินยองก็ยังเป็นคนนั้นอยู่ดี

     

    ผมจะมีแฟนทำไม มีจินยองทั้งคน

     

    จินยองอีกแล้ว...

     

     อีบทความผี ทำไมมันดึงผมไปนึกถึงหน้าเพื่อนผมตลอดเลยวะ

     

     

    เหตุผลสุดท้าย...เพราะคุณน่ะ มีคนอยู่ในใจอยู่แล้ว

    ....

    จินยอง

    หน้าแม่งลอยมาเลย

     

    ผมปล่อยให้ตัวเองจมกับความเงียบรอบตัวไปสักพัก เพราะในบรรดาทุกข้อที่อ่านมา ข้อนี้นี่แหละที่สะดุดใจผมที่สุด จะว่าไป ไอ้สี่ข้อที่ผ่านมาเนี่ย ทำให้ผมคิดอะไรได้เยอะเลย

     

    ผมไม่ได้เก่งเกินไปจนโสด ผมน่ะ แค่มีจินยองอยู่แล้วต่างหาก

     

    ผมไม่ได้มาตรฐานสูง แต่เพราะผมมีคนน่ารักแบบนั้นอยู่ตรงหน้า ผมก็เลยไม่ค่อยว่างมองคนอื่น

     

    ผมไม่ได้โลกส่วนตัวสูง แต่โลกของผมไม่ว่าง เพราะมีไอ้หน้ามึนนั่งอยู่ด้วยแล้ว

     

    และผมไม่ได้ชอบอยู่คนเดียว

     

    ผมชอบอยู่กับจินยองต่างหาก

    ผมว่ามันนั่นแหละเหตุผลที่ผมยังโสด

     

     

    “ฮัลโหล”

    เสียงงัวเงียจากปลายสายกำลังทำผมใจสั่น

    “จินยอง นอนแล้วเหรอ”

    “งือออ”

    เสียงตอบกลับแบบคนขี้งอแง กำลังทำผมยิ้ม

    “กูว่ากูรู้เหตุผลที่กูโสดแล้ว”

    “อือ เพราะอะไรอ่ะ”

    “เพราะมึง”

    ....

    “แต่ตอนนี้ไม่อยากโสดแล้วนะ”

    ...

    “อยากคบกับมึง”

     

    AAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAAA

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×