ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF) ‘CHANGE’ -2- เคลือบแคลง up 01.06.2015

    ลำดับตอนที่ #7 : (SF) ‘CHANGE’ - 2 - เคลือบแคลง

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 58


    © themy butter

    -2-

    เคลือบแคลง

     

     

     


    “มุก ตื่น มุกกกกกก” แรงเขย่าและเสียงเล็ก ๆ ที่ดังอยู่ข้างหูช่างน่ารำคาญเหลือเกินในความคิดของคนที่กำลังมีความสุขกับการนอน พลิกตัวหนีก็แล้ว เอาผ้าห่มมาคลุมโปงก็แล้วแต่ผู้ก่อกวนก็ยังคงไม่ละความพยายาม


    “.. เราไม่ใช่..มุก. มัน..อยู่.อีกห้อง” เสียงอู้อี้ที่พึมพำกับหมอนใบใหญ่จนจับใจความไม่ได้ แต่หากคนฟังได้ยินเต็มประโยคก้อยคงไม่ได้นอนสบายบนเตียงอย่างตอนนี้แน่


    “ไอ้ขี้เซา!!  ตื่นได้แล้ว” เมื่ออีกคนจงใจตะโกนใส่หูก็ทำให้นอนต่อไม่ได้อีกต่อไป


    “โอย...ตื่นแล้ว ๆ ปลุกอะไรแต่เช้าวะ” คนขี้เซาจำต้องแงะตัวเองออกจากที่นอนด้วยความยากลำบาก ตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะพบว่าบนเตียงไม่ได้มีเพียงตนและดาว แต่ยังมีอีกหนึ่งคนที่กำลังขย่มเตียงช่วย พี่สาวอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อร่วมมือกันก่อกวนความสงบของเธอ


    “เช้าอะไรวะมุก จะแปดโมงอยู่แล้วเนี่ย”


     “มุกอะไรอีก” หลังจากทวนชื่อที่ถูกเรียกสติก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง ลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วเพ่งมองใบหน้าใสของอีกคนเพื่อเตือนตนเองให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน และตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่


    “ตื่น ๆ ...... มุกตื่นแล้ว” หนูน้อยปรบมือแปะ ๆ ดีอกดีใจที่ตนเองทำงานสำเร็จ ก้อยอดมองอย่างค้อนเคืองไม่ได้ เห็นเมื่อวานมองดาวอย่างคนแปลกหน้า แต่ไหงเช้านี้ถึงได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยไปเสียได้


    “นี่นอนจนลืมชื่อตัวเองเลยเหรอ” และเสียงบ่นพึมพำนั้นก็คงไม่พ้นหูคนฟังไปได้


    “จะบ้าไง ใครจะลืมชื่อตัวเอง” พูดพลางบิดปากหาวหวอดใหญ่ แสร้งบิดขี้เกียจเพื่อเลี่ยงหลบการสบตากับอีกคนที่เอาแต่จ้องหน้าเธอเขม็ง แล้วก็พบเป้าหมายใหม่ที่นั่งตาแป๋วอยู่ใกล้ ๆ จึงเอื้อมมือไปคว้าตัวเด็กหญิงแก้มยุ้ยขึ้นมานั่งบนตักแล้วลงโทษด้วยการหอมแก้มฟอดใหญ่


    “มานี่เลยตัวแสบ” เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจ กลายเป็นสงครามย่อม ๆ ระหว่างพี่สาวคนใหม่กับเด็กตัวป้อม คนที่กลายเป็นส่วนเกินโดยไม่ตั้งใจมองทั้งคู่อย่างเหนื่อยหน่าย


    “นี่ สองคน จะเลิกเล่นได้ยัง รีบนะเนี่ยถึงมาปลุก.... เดี๋ยวไปรับพี่ ๆ เค้าไม่ทันนะเว้ยมุก”


    “ฮะ? รับใครนะ” เลิกหยอกน้องมีนชั่วคราวแต่ยังกอดไว้ไม่ยอมปล่อย มองหน้าดาวอย่างไม่เข้าใจ  


    “พี่มุกกับพี่กัสไง เดี๋ยวเค้าจะมาถึงกันแล้ว”


    “มุก.....มุกไหน” เสียงพึมพำหลุดรอดจากริมฝีปากเพียงแผ่วเบา ใจหายวาบเพียงได้ยินชื่อพี่สาวฝาแฝด โดยที่ไม่ทันได้พิจารณาบริบทแวดล้อมในประโยคของดาว คนมีความผิดโดนสะกิดนิดเดียวก็ถึงกับหนาวสันหลัง เมื่อคืนเรื่องส่วนสูงก็ทำเอาหัวใจเกือบวายไปครั้งหนึ่งแล้ว


    “พี่มุกกับพี่กัสลูกลุงปานน่ะ เราคุยกันไว้เมื่อคืนก่อนจะนอนแกลืมไปเหรอ”


    “โอ๊ย!!! ทำไมต้องให้พูดอะไรซ้ำซากด้วยเนี่ย” ดาวบ่นอุบ ผละไปจากเตียงหน้ายุ่งเมื่อเพื่อนไม่ได้ดั่งใจ


    “อ....อ่อ เหรอ” หลังจากโล่งอกที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็นั่งหน้ามึนอยู่บนเตียง เพราะเมื่อคืนเธอจำได้ที่ไหนว่าคุยอะไรไว้บ้าง ดาวเล่นพูดตอนใกล้จะหลับก็ตอบรับส่ง ๆ ไปอย่างนั้น อาการอ่อนเพลียจากการเดินทางทำให้ค่ำคืนแรกในสถานที่แปลกใหม่ไม่น่าอึดอัดอย่างที่เป็นกังวล พอหัวถึงหมอนตาก็เหมือนจะปิดลงทันที ถ้าเป็นคืนต่อ ๆ ไปก็ไม่แน่ใจว่าจะหลับลงหรือเปล่ากับการที่มีดาวนอนอยู่ข้าง ๆ


    “นี่แกไม่ได้ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหมเมื่อคืน” ดาวหันมาเท้าสะเอวมองอย่างเอาเรื่อง อีกครั้งที่รู้สึกหายใจไม่ทั่วเพราะรู้ว่าเป็นต้นเหตุให้ดาวอารมณ์เสีย


    “ฟัง แต่จำไม่ได้” ก้มหน้าพูดกับเด็กน้อยบนตักงึมงำ ไม่อยากสบตาวาวโรจน์ด้วยโทสะของคนที่ตนคิดไม่ซื่อ


    “เอาเข้าไป” ดาวถอนหายใจแรง กลอกตาไปมา ใจหนึ่งก็นึกรำคาญ อีกใจก็อดแปลกใจไม่ได้ที่มุกดูหงอให้เธอเกินไป ปกติคงได้เถียงคอเป็นเอ็น ไม่มีทางหรอกที่จะยอมกันง่าย ๆ แบบนี้


    “พี่มุกไปอาบน้ำก่อนนะคะ อยู่กับพี่ดาวก่อนนะ” ท่าทางเซื่องซึมกับน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจที่กระซิบกับน้องมีนทำให้ดาวแยกแยะอารมณ์ไม่ออก ไม่รู้ว่าจะโกรธต่อดีหรือจะขำดี เลยกลายเป็นว่าตอนนี้เธอปั้นสีหน้าไม่ค่อยจะถูก


    “ไปด้วย” เจ้าตัวป้อมที่เปลี่ยนข้างกะทันหันยกมือขึ้นเกาะพี่สาวคนใหม่เอาไว้ไม่ยอมปล่อย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่ดาว แม้จะมีท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้างก็ตาม


    “น้องมีน มามะ เดี๋ยวพาไปดูการ์ตูนข้างล่าง ให้พี่มุกอาบน้ำก่อนนะคนเก่ง” ดาวเดินมาหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ เพื่อกล่อมน้องน้อยให้ยอมปล่อยมือจากเพื่อนสนิท เจ้าตัวเล็กมองหน้าคนที่โตกว่าทั้งคู่สลับกันอย่างช่างใจ


    “แป๊บเดียว เดี๋ยวพี่มุกก็ตามเรามาแล้ว เชื่อพี่ดาวนะคะ” ขณะที่ดาวกำลังคะยั้นคะยอก้อยก็พยักหน้าให้แทนคำสัญญา เด็กน้อยจึงปล่อยให้ก้อยเป็นอิสระยอมทำตามที่ดาวร้องขอแต่โดยดี


    “น่าหมั่นไส้ ทีกับเรานะตั้งนานกว่าจะยอมเล่นด้วย กับพี่มุกไม่ถึงวันเกาะแจเชียว”  อาศัยจังหวะที่พี่น้องกำลังหยอกล้อกันอยู่บนเตียงปลีกตัวออกมาเงียบ ๆ  แก้มยุ้ย ๆ ของเจ้าตัวเล็กถูกหยิกเหมือนกำลังมันเขี้ยว เห็นแล้วแทบลืมความรู้สึกก่อนหน้าไปจนสิ้น แล้วอดยิ้มตามไปกับภาพความน่ารักนั้นไปด้วยไม่ได้

     

     

     


     

     

     

    สายลมฤดูร้อนในเวลาเช้าตรู่ไม่ได้พัดพาความอบอ้าวมาเยือนเช่นทุกที กลิ่นโกโก้ร้อนกรุ่นอยู่ในแก้วตรงหน้าปะปนกับกลิ่นกาแฟเข้มข้นของสมาชิกคนอื่นรอบโต๊ะ ทว่าสายตากลับมีไว้มองแค่คนคนเดียว คนที่แม้เหนื่อยแสนเหนื่อยกับการเดินทางแต่ก็ไม่ยอมปล่อยภาพบรรยากาศสวยงามของเมืองเหนือให้คลาดสายตา เสี้ยวหน้าที่มองเห็นจากด้านข้างประดับด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่สายตามองผ่านเลนส์กล้องเพื่อเก็บบันทึกภาพความทรงจำเหล่านั้นเอาไว้ในเมมโมรี่การ์ดของกล้องตัวโปรด


    ระเบียงที่ยกสูงจากพื้นเกือบสิบเมตรบวกกับทำเลของห้องอาหารที่ตั้งอยู่บนที่สูงทำให้ทัศนียภาพในการมองเห็นกว้างไกล และทั่วถึง  ผมยาวที่เกล้าไว้บนศีรษะอย่างลวก ๆ เป็นปอยหลุดลุ่ยหยอกล้อกับลมเอื่อย ๆ  ร่างโปร่งบางที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาแต่กลับดูดีมากมายเมื่อมารวมกันอยู่บนตัวของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใจที่กำลังจดจ่ออยู่กับกล้องถ่ายรูปทำให้ไม่รู้สึกตัวแม้จะถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมานาน


    แสงแดดอ่อน ๆ ที่ตกกระทบกับร่างนั้นทำให้องค์ประกอบของภาพที่มองผ่านสายตาชื่นชมยิ่งดูสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก เจ้าของดวงตากลมโตแฝงแววซุกซนคู่นั้นนั่งเท้าคางอมยิ้มมองอยู่ไม่ห่างกัน กระทั่งโกโก้ในแก้วคลายความร้อนจนเกือบเย็นชืด


    “มุก”


    “.....”


    “มุก”


    “หือ?” ถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้ตัว ก่อนหันขวับไปมองคนเรียกสีหน้าเหรอหรา


    “ไม่หิวเหรอ โกโก้เย็นหมดแล้วนั่นน่ะ” รวมไปถึงแซนวิช อาหารเช้าอย่างง่าย ๆ ที่ทางรีสอร์ทเตรียมไว้ให้ก็แหว่งไปเพียงนิดเดียว


    “ทำไม วิวมันสวยจนละสายตาไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ” พี่สาวต่างสายเลือดเอ่ยทักทั้งขยับตัวมามองตามสายตาของมุก ใบหน้าที่ค่อนไปทางฝั่งตะวันตกมีแววรู้เท่าทัน


    “ก็สวยน่ะสิ ไม่งั้นเพื่อนพี่เพลงจะลุกขึ้นไปถ่ายรูปกันเหรอ” แต่คนที่เอาตัวรอดเก่งก็ยังไม่ยอมจนมุม แม้หลักฐานทั้งหมดจะมัดตัวจนดิ้นไม่หลุดก็ตาม


    “รวมไปถึงคนนั้นด้วยใช่ป่ะ?” พยักพเยิดไปที่บุคคลเป้าหมายด้วยรอยยิ้มล้อเลียน


    “จะกินพี่เค้าแทนข้าวเช้าเลยไหมล่ะ” ยิ่งพูดยิ่งแทงใจดำ นึกอยู่แล้วว่าพฤติกรรมของเธอคงไม่ลอดพ้นสายตาคมกริบของสาวลูกครึ่งหัวใจไทยคนนี้ไปได้ โชคดีที่ไม่เสียงนี้เป็นเพียงเสียงกระซิบที่ได้ยินกันแค่สองคน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่รู้จะทนมองหน้าพี่ ๆ ร่วมทริปอย่างไรไหว


    “พูดอะไรของพี่เนี่ย” รู้ว่าเป็นคนตรงไปตรงมา เพียงแต่ครั้งนี้ออกจะตรงเกินไปสักนิด


    “ก็พูดอย่างที่เห็น ตาเยิ้มเลยนะแก ไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอ”


    “ไม่ขนาดนั้นมั้ง” มือยกขึ้นลูบท้ายทอย พูดอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงเพราะความขัดเขิน


    “นี่ถ้าก้อยมันมาด้วยนะ สนุกล่ะงานนี้”


    “ดีแล้วล่ะที่มันไม่มา” มุกสวนกลับไปทันควัน เพราะหากก้อยมาด้วยกันคนที่จะเละเป็นโจ๊กก็คือเธอ เพราะเพลงกับน้องสาวฝาแฝดเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยยิ่งกว่าเธอผู้มีสายเลือดเดียวกันเสียอีก


    “เขินล่ะสิ.... ไม่กล้าบอกเค้าใช่ป่ะ เดี๋ยวพี่บอกให้เอาไหมว่าแกชอบพี่เค้ามากกกกกกก” ใบหน้าขาวจัดยื่นเข้ามาใกล้ แกล้งลากเสียงยาวล้อเลียนเธออีกหน


    “พอเลย เลิกล้อได้แล้ว” คนเอาแต่ใจกอดอกหน้าคว่ำ สื่อว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี คนเป็นพี่ลุกขึ้นเต็มความสูงกว่าร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรตามอย่างชาวตะวันตก ก่อนโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูมุกเบา ๆ


    “คิดจะปีนเกลียวมันต้องกล้า ๆ หน่อยดิวะ”


    ทิ้งท้ายด้วยการยีผมยาวสลวยของคนอ่อนกว่าจนยุ่งเหยิง แม้จะรู้ตัวอยู่แล้วก็ยังหลบไม่พ้น ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังของร่างสูงโปร่งไปอย่างค้อนเคือง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรจะติดต่อกลับไปหาน้องสาวฝาแฝดที่เธอโยนปัญหาใหญ่ไปให้


    สมาร์ทโฟนที่วางอยู่ข้างถ้วยเครื่องดื่มสีเข้มจึงถูกหยิบขึ้นมาใช้งาน


    Mooky_P : ตอนนี้เราถึงเชียงใหม่แล้วนะ


    Mooky_P : เป็นยังไงบ้าง คืนแรกของแกกับดาว


     

     

     


     

     

    เห็นข้อความกำกวมที่พี่สาวฝาแฝดทิ้งไว้ในไลน์ตั้งแต่เช้าก็ทำให้คิ้วขมวดชิดกันอย่างหงุดหงิด เป็นคนก่อปัญหาไว้แท้ ๆ ยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีก รัวนิ้วตอบไปเร็ว ๆ อย่างมีอารมณ์


    PraewPailin : มีความสุขเจียนตายเลยล่ะ


    PraewPailin : พอใจยัง!


    ส่งข้อความนั้นเสร็จก็เก็บโทรศัพท์เครื่องของมุกไว้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้คนที่นั่งข้างกันทันเห็นข้อความที่ทั้งคู่คุยโต้ตอบกัน


    “.....”


    และคนในความคิดก็ไม่ได้ทันสังเกตอะไรอย่างที่นึกกลัว เพียงแต่พฤติกรรมแปลก ๆ ที่ดาวกำลังทำอยู่ทำให้ก้อยต้องเป็นฝ่ายตั้งข้อสงสัยเสียเอง เมื่อครู่ยังส่งเสียงหัวเราะลั่นรถระหว่างที่คุยกับพี่มุกพี่กัสอยู่เลย แต่อยู่ ๆ ก็เงียบไปเฉย ๆ แล้วยื่นหน้ามาทำจมูกฟุดฟิดใกล้ ๆ จนก้อยต้องเอนตัวหลบ ก้มมองคนตัวเล็กกว่าด้วยรอยยิ้มเอ็นดูระคนขบขัน


    “เป็นอะไรอะดาว”


    “แกเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเหรอ” แม้จะตกใจอยู่บ้างแต่อารมณ์อยากแกล้งมันมีมากกว่าเมื่อเห็นตาใส ๆ มองเธออย่างขอคำตอบ อีกทั้งยังผ่านสถานการณ์เสี่ยง ๆ มาหลายครั้งหลายคราวจึงรับมือกับมันได้ดีขึ้น


    “ใช่ เพิ่งเปลี่ยน แกเป็นหมาเหรอถึงได้จมูกดีนัก”


    “ไม่ใช่เว้ย”


    “งั้นก็ดมซะให้พอเลยนะ” แม้ดาวจะปฏิเสธเสียงแข็งแต่ก้อยกลับคว้าไหล่เล็กเอาไว้แล้วออกแรงกระตุกเพียงนิด เท่านั้นคนที่ไม่ทันตั้งตัวก็ตกมาอยู่ในอ้อมกอดของเธอกลาย ๆ  ใบหน้าอ่อนเยาว์ซุกซบอยู่บริเวณซอกคอพอดิบพอดี


    วินาทีที่ตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นพร้อมกับกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย วูบหนึ่งดาวกลับรู้สึกว่าคนคนนี้เหมือนไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอคนเดิม ความรู้สึกประหลาดที่แล่นวาบเข้าสู่ความคิดทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมองอีกคนเพื่อย้ำความมั่นใจให้กับตนเอง และพบว่าอีกฝ่ายก็มองเธออยู่แล้วพอดี


    “เป็นไง หืม? หอมพอไหม?”


    ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่มุกมองเธอด้วยแววตาอ่อนหวานเช่นนี้ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือว่าเธอไม่เคยสังเกตกันแน่ ความอ่อนโยนที่แผ่มาจากดวงตาคู่โตก่อความรู้สึกประหลาดให้แล่นพล่านไปทั่วร่าง แม้แต่ใบหน้าก็เหมือนจะเห่อร้อนขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน อาการแบบนี้ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด


    “ไม่เห็นหอมเลย” ดาวกำลังโกหกคำโตขณะที่ดันตัวให้ออกห่างจากอีกคน เพราะเธอกำลังรู้สึกตรงกันข้าม น้ำหอมกลิ่นใหม่ของเพื่อนสนิทคงมีเวทมนตร์ มันทำให้เธอเคลิ้มไปโดยไม่รู้ตัว และมันไม่ควรจะเกิดขึ้น


    “เหรอ จริงอะ”


                ก้อยจับคอเสื้อของตนขึ้นมาสูดกลิ่นอย่างเสียความมั่นใจ รู้ว่าดาวแกล้งตอบไปอย่างนั้นแต่ก็อดคิดไม่ได้อยู่ดี


                “เด็ก ๆ แวะกินข้าวกันก่อนนะ พี่มุกกับพี่กัสยังไม่ได้กินอะไรมาเลย” เสียงทุ้มของพ่อเรียกความสนใจจากทุกคน รวมไปถึงก้อยที่ปล่อยเรื่องกลิ่นน้ำหอมไว้ข้างหลัง


                “ได้ค่ะ/ค่ะพ่อ” ก้อยกับดาวรับคำพร้อมกัน


                “ให้ไวเลยค่ะน้าพล นังมุกมันหิวจนกระเพาะจะละทุกอยู่แล้วค่ะ ท้องร้องดังน่ารำคาญมากบอกเลย” เสียงห้าวที่พยายามดัดให้หวานยังไงก็ไม่หวานดังใจ กำลังบ่นน้องสาวร่างอวบกระปอดกระแปด จริตในน้ำเสียงบวกกับท่าทางของกัสเรียกเสียงหัวเราะให้ทุกคนในรถได้อย่างเคย เว้นก็แต่คนที่ถูกว่า


                “อยากกินร้องเท้าแทนข้าวใช่ไหมนังแองกัส”


                “เก็บไว้แทะเองเหอะมึง”


                รถแล่นมาจอดที่หน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟร้านหนึ่ง ขัดจังหวะสงครามน้ำลายย่อม ๆ ระหว่างสองพี่น้องที่กำลังดำเนินอยู่ และก่อนที่ผู้โดยสารทั้งคันรถจะหัวเราะจนท้องแข็งตายไปเสียก่อน


                เพียงไม่นานเย็นตาโฟทะเลชามโตก็ถูกยกมาวางต่อหน้า ขนาดคนที่กินข้าวเช้ามาแล้วอย่างก้อยและดาวยังอดที่จะกลืนน้ำลายตามไม่ได้ เหลือบไปเห็นเครื่องปรุงที่วางอยู่กลางโต๊ะ ก้อยทำท่าจะเอื้อมมือไปหยิบเมื่อเห็นพี่ ๆ ของดาวตักมาปรุงแล้วชิมอย่างถึงรสถึงชาติ แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้เพราะมุกไม่ชอบกินอาหารรสจัด แม่ค้ายกมาเสิร์ฟยังไงมุกก็กินทั้งอย่างนั้น ไม่ค่อยปรุงเพิ่ม


                มองแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจและนึกตำหนิพี่สาวฝาแฝดในใจอยู่คนเดียว


                “มองทำไมคะหนู จะปรุงบ้างเหรออะเดี๋ยวพี่ตักให้” เห็นเด็กตาโตมองมาตาปริบ ๆ ก็อยากแสดงน้ำใจตามประสาสาวงาม (?) รักเด็ก


                “เดี๋ยวววววววววววว!!


                แต่ก่อนที่พริกในช้อนจะหล่นลงไปในชามเย็นตาโฟของก้อย ตะเกียบจากมือที่สามก็ยื่นมาห้ามทัพไว้ได้ทันท่วงที


    “ถ้าไม่อยากเห็นคนร้องไห้ก็อย่าเลยค่ะพี่กัส”


    “ทำไมอะ”


    “มุกมันกินเผ็ดไม่ได้”


    “จริงเหรอหนูมุก”


    “ค่ะ” จริงก็ได้


    ก้อยพยักหน้ารับเนือย ๆ ก้มมองชามเย็นตาโฟของตนอย่างสุดเซ็ง


    “สาระแน แส่ไม่เข้าเรื่อง” สาวอวบได้ทีกระแนะกระแหนพี่ชายหัวใจสาวด้วยคำเจ็บแสบ


                “เก็บปากไว้กินข้าวเถอะอิหมู” ซึ่งคนเป็นพี่ก็ไม่ยอมให้ว่าอยู่ฝ่ายเดียว


    กุ้งในชามถูกตักเข้าปากเคี้ยวอย่างเชื่องช้า ใช่ว่าเย็นตาโฟที่นี่จะไม่อร่อย แต่คนเคยชินกับรสชาติเผ็ดร้อนให้มากินอาหารที่รสอ่อนกว่า มันไม่คุ้นปากเลยไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าที่ควร ในใจก็พร่ำโทษแต่ตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากครั้งแล้วครั้งเล่า กลับไปจะหาทางเอาคืนให้หนัก... แต่จะวิธีไหนนั้นก็ยังนึกไม่ออก เพราะเท่าที่ผ่านมาก็ไม่เคยแก้เผ็ดมุกได้สำเร็จสักที


    “อื๋อ..” แต่เมื่อก้มลงมองชามของตนอีกครั้งก็ต้องพบกับความประหลาดใจเมื่อกุ้งตัวโตที่นอนอยู่ในถ้วยอันตรธานหายอย่างไร้ร่องรอย ก่อนจะรู้ที่มาเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของคนข้าง ๆ


    “ขอนะ” หัวขโมยเคี้ยวกุ้งเต็มปากเต็มคำพร้อมส่งยิ้มจนตาปิดมาให้ ดูมีความสุขจนน่าหมั่นไส้ แถมยังเตรียมปกป้องชามของตนเองไว้อย่างดี


    ก้อยเม้มปากแน่น หรี่ตามองแล้วแอบคาดโทษไว้ในใจ ท่ามกลางความเคลือบแคลงของดาวที่ไม่นึกว่าเพื่อนสนิทจะยอมแพ้ง่าย ๆ อย่างผิดวิสัย....


    ...ฝากไว้ก่อนเถอะดาว...

     



     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×