ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF) ‘CHANGE’ -2- เคลือบแคลง up 01.06.2015

    ลำดับตอนที่ #6 : (SF) ‘CHANGE’ - 1 - มัดมือชก

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 58


    -1-

    มัดมือชก

     



     

     

    Koi Littlefinger : มุก! เล่นอะไรของแกเนี่ย ทำไมไม่บอกเพื่อนแกว่าเราไม่ใช่แก


    Mookky_P : ทำอย่างกับเราไม่เคยสลับตัวกันไปโรงเรียนงั้นแหละ


    Koi Littlefinger : มันเหมือนกันที่ไหนเล่า นี่มันเกือบอาทิตย์เลยนะเว้ย


    จริงอยู่ที่ทั้งคู่ใช้ความคล้ายคลึงกันของรูปร่างหน้าตามาเล่นสนุกอยู่บ่อยครั้งและไม่มีใครจับได้หากไม่ใช่คนในครอบครัว แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น


    Mookky_P : เอาน่าน้องรัก นี่เป็นโอกาสดี ๆ ของแกแล้วนะ เร่งทำคะแนนเข้าล่ะ


    Koi Littlefinger : ทำคะแนนบ้าอะไร เมื่อเช้าทำท่าไม่สบายจนลุกไม่ขึ้นนี่แกล้งทำใช่ป่ะ


    Mookky_P : น่า... อย่าทำเหนียม รู้หรอกว่าแอบคิดไม่ซื่อกับเพื่อนเรา สู้เค้านะ จะรอดูผล


    Koi Littlefinger : เราจะบอกดาวเองว่าเราไม่ใช่แก


    Mookky_P : อยากทิ้งโอกาสดี ๆ ก็เชิญเลยก้อย ดีไม่ดีดาวมันอาจจะเชิญแกกลับเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้นะ


    Mookky_P : แหม... พี่อุตส่าห์ปูทางไว้ซะดิบดีแล้วอย่าทำเสียเรื่องสิ ลองทบทวนดูดี ๆ นะ


    Koi Littlefinger : ความจริงคือเมื่อวานแกเพิ่งรู้ว่าพี่สาวสุดที่รักของแกไปทริปเชียงใหม่ด้วย แต่แกดันไปรับปากเพื่อนไว้แล้วเลยให้เรามาเป็นตัวตายตัวแทนใช่ไหมล่ะมุก


    Mookky_P : นั่นคือผลพลอยได้ต่างหากล่ะก้อย ยังไงก็ฝากดูแลเพื่อนเราด้วยนะ ขอบใจมากน้องรัก


    Mookky_P : เอ้อ โทรศัพท์อีกเครื่องของเราอยู่ในกระเป๋าแกแล้วนะ หยิบมาใช้ได้เลยดาวจะได้ไม่สงสัย  เที่ยวสงกรานต์ให้สนุกนะคะ

     

     


     

    “มุก แกทะเลาะกับใครอยู่รึเปล่า” ยังไม่ทันประท้วงกับประโยคสุดท้ายเสียงคนข้าง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจิ้มโทรศัพท์ท่าทางเคร่งเครียด สังเกตได้จากหัวคิ้วที่ขมวดชิดกันอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ขึ้นมาบนรถก็เอาแต่วุ่นอยู่กับเจ้าสมาร์ทโฟนในมืออยู่ท่าเดียว


    “.... เพื่อนน่ะ” เมื่อรู้ตัวว่าถูกมองอยู่ก็รีบปิดหน้าจอแล้วเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างรีบร้อน หวังว่าดาวคงไม่ทันสังเกตว่าโทรศัพท์ที่ใช้อยู่เป็นคนละเครื่องกับพี่สาวฝาแฝดของตน


    “เพื่อนคนไหน นังแอล นังดิว หรือว่าใคร?” สายตาของดาวมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น ทำให้ตัวตายตัวแทนอย่างเธอวางตัวลำบาก


    “คือ....เพื่อนเก่าสมัยม.ต้น แกไม่รู้จักหรอก” บอกปัดไปเท่าที่สมองจะคิดคำตอบได้ในขณะนั้น


    “เห็นเมื่อเช้าแกบ่นว่าไม่ค่อยสบาย แกไหวแน่นะ” ดาวที่เข้าใจไปเองว่าเพื่อนมีปัญหาสุขภาพเอ่ยถามอย่างห่วงใย ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ก้อยรู้สึกผิดและตัดสินใจยากขึ้นไปอีก


    “ไหว ฉันกินยามาแล้วล่ะ ได้พักซักหน่อยก็คงดีขึ้น”


    “โอเค งั้นแกนอนเถอะ ถึงแล้วเดี๋ยวฉันปลุก”


    “อื้อ ขอบใจนะ”


    นั่นคือความเมตตาอย่างที่สุดสำหรับคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ ตอนเห็นหน้าสารถีกิตติมศักดิ์สักครู่ที่ผ่านมาก็เล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกไปครั้งหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าหนุ่มใหญ่ผู้มีรอยยิ้มเอื้ออารีคนนี้เกี่ยวข้องกับดาวอย่างไร และควรเรียกเขาด้วยสรรพนามแบบใด สิ่งแรกที่ทำคือยกมือไหว้อย่างนอบน้อมตามมารยาทที่ผู้น้อยพึงปฏิบัติต่อผู้อาวุโสกว่า  มาเฉลยอีกทีก็ตอนที่ดาวเรียกเขาว่า “พ่อ” หลังจากที่ก้าวขึ้นรถมาไม่ถึงนาที


    แอบโล่งใจที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับแม่ของดาวที่เธอเคยได้ยินกิติศัพท์จากพี่สาวฝาแฝดอยู่เสมอว่าขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดและเจ้าระเบียบอย่างที่สุด  


    นึกเคืองตัวต้นเหตุที่โยนภาระมาให้โดยไม่ทันตั้งตัวและแทบไม่ชี้แจงอะไรเลย นอกจากเรื่องที่ว่าให้ไปเป็นเพื่อนดาวที่บ้านต่างจังหวัดแทนตนที่ป่วยหนักเพราะรับปากดาวเอาไว้แล้วไม่อยากผิดคำพูด.... และคนที่น่าโมโหยิ่งกว่ามุกนั่นก็คือตัวเองที่ไม่ปฏิเสธให้เด็ดขาดทั้งที่เป็นเรื่องง่ายนิดเดียว 


    มุกเคยบอกว่าดาวรู้ว่าตนมีน้องสาวฝาแฝด  แต่คิดว่าดาวคงไม่ทันเฉลียวใจว่าเพื่อนสนิทจะเล่นอะไรแผลง ๆ เช่นการสลับตัวกันแบบนี้ อาจเป็นเพราะดาวไม่เคยได้รู้จักเธอในฐานะของก้อยจริง ๆ จัง ๆ เสียที เพราะการเปลี่ยนตัวที่ผ่านมาก็แนบเนียนเสียจนไม่มีใครผิดสังเกต ไม่ว่าจะเป็นครู หรือเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งแต่ละครั้งที่เจอกันเธอต้องปฏิบัติตัวให้คล้ายคลึงกับมุกมากที่สุด และมันก็เป็นเรื่องสนุกเสียด้วยที่ทำสำเร็จ ....เพียงแต่คราวนี้ต่างออกไป


    นับว่าเป็นการทำความรู้จักเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำแบบนี้แล้วจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีหรือเปล่า หากดาวมองเธอผ่านตัวตนของมุกอย่างเคย


    ทว่า.. โอกาสที่จะได้อยู่ใกล้กันนาน ๆ ก็ไม่ได้มีบ่อยนัก ความคิดอีกฝั่งจึงเอาชนะความกลัวได้อย่างฉิวเฉียด แอบตกลงกับตนเองอยู่ในใจเงียบ ๆ ว่าจะสานต่อแผนของพี่สาวตัวแสบต่อไปจนถึงที่สุด


    เมื่อตัดสินใจได้แล้วเรื่องที่ต้องขบคิดมีน้อยลง จิตใจก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ ก่อนจะผล็อยหลับไป

     

     

     


     

     

     

    กว่าจะถึงจันทบุรีซึ่งเป็นที่หมายเวลาก็ล่วงเข้าสู่ช่วงบ่ายแก่ ๆ เนื่องจากเป็นวันที่หลายคนพร้อมใจกันเดินทางกลับบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด ยานพาหนะบนท้องถนนล้วนบ่ายหน้าออกจากกรุงเทพมหานครแทบทั้งสิ้น ทำให้อีกฟากถนนว่างโล่งเหมือนไม่ใช่เส้นทางเดียวกัน เป็นภาพเดิม ๆ ที่พอรู้สึกตัวระหว่างทางทีไรก็เห็นจนชินตา


    เดินลงจากรถอย่างงัวเงียหลังจากที่ถูกดาวปลุกให้ตื่น ร่มเงาของซุ้มต้นประดู่ที่พ่อของดาวอาศัยเป็นโรงจอดรถชั่วคราว ช่วยบรรเทาความร้อนกลางเดือนเมษายนได้ดีทีเดียว กลิ่นหอมของดอกประดู่สีเหลืองอร่ามที่บานสะพรั่งอยู่เต็มต้นช่วยให้คนที่เพิ่งตื่นจากนิทรารู้สึกสดชื่นขึ้นเป็นกอง ร่างกายกระปรี้กระเปร่าเพราะกลิ่นอายของธรรมชาติที่โอบล้อมอยู่โดยรอบ


    “นั่นน่ะ บ้านพ่อ” ดาวบุ้ยปากไปทางบ้านไม้กึ่งปูนสองชั้นที่ถูกรายล้อมไปด้วยหมู่ไม้นานาพรรณอันเป็นลักษณะเฉพาะของบ้านสวน เดิมทีน่าจะเป็นบ้านไม้ทั้งหลังแต่คงถูกต่อเติมและดัดแปลงเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นจนกลายสภาพเป็นเหมือนปัจจุบัน แอบคาดเดาอยู่ในใจว่าครอบครัวนี้คงมีสมาชิกไม่น้อย


    “อยู่กันกี่คนอะ”  


    “ก็ราว ๆ ห้าหกคน ใช่มั้ยคะพ่อ”


    “ใช่แล้วล่ะลูก ตอนนี้มีย่า ลุงปาน อาวาด อาแมน แล้วก็เด็ก ๆ” หนุ่มใหญ่หันมายิ้มพร้อมอธิบายให้เด็กขี้สงสัยฟัง ระหว่างที่ทั้งหมดช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ขณะเดียวกันคนในบ้านคงรู้ว่ามีแขกมาเยือนถึงได้โผล่หน้าออกมาดู ก่อนที่เด็กผู้หญิงอายุประมาณสามขวบคนหนึ่งวิ่งออกมาต้อนรับก่อนใคร ๆ เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้มาใหม่อย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะคนรักเด็ก


    “น้องมีน ไม่เจอกันตั้งนาน โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย มาให้พี่ดาวอุ้มที” ดาวถึงกับวางกระเป๋าสัมภาระลงกับพื้นแล้วย่อตัวลงอ้าแขนรอเด็กหญิงตัวป้อมที่หยุดยืนต่อหน้า ท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนไม่แน่ใจนั้นเดาได้ไม่ยากเลยว่า น้องมีนคงจะจำ พี่ดาวไม่ได้อย่างแน่นอน


    “ไม่เจอกันไม่กี่เดือน ลืมกันแล้วเหรอ?” พี่สาวตัวเล็กทำหน้าผิดหวัง แต่น้องสาวตัวน้อยก็ยังไม่มีทีท่าจะนึกออกเสียที คนน่ารักสองคนสร้างรอยยิ้มให้กับคนคิดไม่ซื่อจนหุบไม่ลง


    “มากันแล้วเหรอ เข้าบ้านมาแดดร้อน” เสียงของหญิงชราที่คาดว่าน่าจะเป็นย่าของดาวตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน น้ำเสียงปีติยินดีจนปิดไม่มิดเมื่อเห็นหน้าลูกหลานมาเยี่ยมเยียน แม้ผิวกายจะเหี่ยวย่นสังขารจะร่วงโรยตามกาลเวลา ทว่าคุณย่าวัยกว่าเจ็ดสิบปีกลับยังดูแข็งแรงกว่าอายุจริงจนน่าทึ่ง


     พ่อกับดาวแนะนำเธอให้ผู้สูงวัยรู้จัก ซึ่งก็ได้รอยยิ้มเอื้ออารีตอบกลับมา ไม่แปลกใจเลยว่าดาวและพ่อได้แม่พิมพ์รอยยิ้มนั้นมาจากใคร


    ภายในบ้านมีเพียงพัดลมตัวใหญ่หนึ่งตัวเปิดไว้ก็คลายร้อนได้ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ คงเป็นเพราะที่นี่ปลูกต้นไม้ไว้เยอะเลยไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนที่กรุงเทพ ฯ ถึงจะไม่คุ้นเคยแต่รู้สึกได้เลยว่าบ้านสวนของดาวน่าอยู่มากทีเดียว แอบคิดเล่น ๆ ว่าถ้าให้อยู่ตลอดไปเลยก็ยังได้ แต่ไม่รู้ว่าหลานเจ้าของบ้านจะยินดีหรือเปล่า


    นอกจากการต้อนรับที่เป็นมิตรของคุณย่าและเด็กหญิงตัวน้อยแล้วแล้วยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ยืนแอบมองผู้มาเยือนอยู่ไม่ไกล คุณยายเรียกแล้วเรียกอีกก็ยังไม่ยอมออกมาต้อนรับคนคุ้นหน้าแต่ไม่คุ้นเคยอย่างดาวและพ่อ เด็กผู้ชายหลังกำแพงห้องครัวที่ท่าทางขี้อายต่างกับ น้องมีนลิบลับ

     

     

     

     

     

     

    ยืนเท้าสะเอวมองกระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าอยู่กลางเตียงนอนอย่างหัวเสีย เพราะเสื้อผ้าที่อยู่ในนั้นถูกสับเปลี่ยนจากของเดิมจนเกือบหมด และจะเป็นฝีมือใครไม่ได้นอกจากพี่สาวตัวแสบที่คงนอนฝันหวานถึงสงกรานต์ปีนี้อย่างสบายใจเฉิบ โดยมีโน้ตแผ่นเล็ก ๆ แปะไว้ให้ดูต่างหน้า


     เพื่อความแนบเนียน แกเข้าใจเรานะก้อย


     ใช่...เธอเข้าใจแต่ก็ห้ามความโมโหไม่ได้เช่นกัน ดีอย่างที่ไม่เปลี่ยนเอาชุดชั้นในของตนมาใส่แทนด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงตอนเห็นมัน ไหนจะเรื่องที่หลอกให้มาเป็นเพื่อนดาวแทนเจ้าตัวทั้งเทศกาล ทั้งที่ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าแค่สองวัน.... นี่ถ้าคนที่เธอมาด้วยไม่ใช่ดาวคงไม่ยอมขึ้นรถมาด้วยตั้งแต่แรก สำหรับคนคนนี้คือข้อยกเว้น


    “แกทำอะไรของแกอะมุก” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัยดังมาจากห้องน้ำทางด้านหลัง พอหมุนตัวกลับไปมองตั้งท่าจะตอบคำถามนั้นก็แทบสำลักน้ำลาย เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นต้นเหตุให้ลมหายใจสะดุด ดาวที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายอยู่เพียงผืนเดียวขมวดคิ้วมองมาอย่างไม่เข้าใจ จริงอยู่ที่ว่าปิดส่วนที่ควรปิดได้อย่างมิดชิด แต่เรียวขาขาวและช่วงไหล่เปลือยเปล่าที่พ้นจากขอบผ้าผืนนั้นออกมาก็ทำเอาใจเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้า


    กับเพื่อนผู้หญิงคนอื่นเวลาที่ไปค้างด้วยกันใช่ว่าจะไม่เคยเห็นในสภาพนี้ แต่ดาวเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ


    “มุก ตกลงแกทำอะไรของแกอยู่” น้ำเสียงติดรำคาญของดาวปลุกคนคิดไม่ซื่อให้หลุดจากภวังค์ ก้อยกระแอมเบา ๆ เรียกเสียงที่หาไม่เจอกลับคืนมา


    “รื้อของน่ะ อ่า... หาของ” เพราะทนมองภาพดาวในเวลานี้ได้ไม่นานจึงหาที่วางสายตาเสียใหม่ เสียงที่พูดไปก็ใช่ว่าจะมั่นคงนัก


    “เอาซะเต็มเตียงเลยเนอะ” คนพูดเดินผ่านเพื่อนร่วมห้องไปที่กระเป๋าเดินทางบนเตียง มองมันอย่างระอาแล้วส่ายหน้า


    “โทษนะ อาบน้ำเสร็จเดี๋ยวมาเก็บให้” กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำที่มาจากตัวของดาวทำให้เสียงยิ่งสั่น


    “เฮ้ย! ทำไมไม่รีบเก็บล่ะ มันรก” ดาวแย้งพร้อมยึดแขนของคนที่ทำท่าจะชิ่งหนีเอาไว้แน่น


    “ฉันเหนียวตัวจะแย่แล้วดาว ขอไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาเก็บให้” ก้อยแทบจะวิงวอนให้ดาวปล่อยเธอไปเสียที ขืนอยู่นานกว่านี้เกรงว่าอาการจะส่อพิรุธให้ดาวสงสัย


    “ก็ได้”


    เกือบจะโล่งอกอยู่แล้วหากไม่ได้ยินเสียงดาวเรียกไว้อีกครั้ง ซ้ำยังอ้อมมาดักหน้าเธอไว้ไม่ยอมให้ไปไหน


    “เดี๋ยวก่อน”


    “อะไรอีกวะดาว”


     “แกไปทำอะไรมา?” ดวงตาเรียวเล็กหรี่มองอย่างสำรวจตั้งศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนย้อนกลับมาสบตาอย่างเคลือบแคลง ทำให้คนมีชนักติดหลังรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เผลอกลั้นหายใจรอฟังคำพูดประโยคถัดไปอย่างลุ้นระทึก


    “ไม่เจอกันแค่ไม่ถึงเดือน แกสูงกว่าฉันได้ไงอะ” ไม่พูดเปล่ายังขยับเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อเทียบส่วนสูงระหว่างกัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าใจมันเต้นเพราะกลัวความลับแตกหรือเพราะว่ากลิ่นกายหอม ๆ และผิวขาวเนียนที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมกันแน่


    “แกมันไม่มีพัฒนาการเองช่วยไม่ได้..... ไร้สาระว่ะ ไปอาบน้ำดีกว่า” แกล้งทำท่าเอือมระอาแล้วถือโอกาสหนีเข้าห้องน้ำเพื่อหลบไปให้พ้นจากดาว


    แผ่นหลังพิงกับประตูห้องน้ำพลางยกมือขึ้นทาบอก หัวใจยังเต้นระรัวไม่ยอมหยุด แม้ดวงตาจะปิดสนิทแต่ภาพดาวในผ้าขนหนูผืนเดียวยังติดอยู่ในหัว ไม่รู้ว่าจะทนกับสถานการณ์น่าอึดอัดแบบนี้ได้นานอีกกี่วัน หากจบงานนี้โดยที่เธอไม่หัวใจวายตายเสียก่อนก็นับว่าเป็นโชคดีอย่างที่สุด







    วันนึงนั่งดูละครเรื่อง รักนี้เจ้จัดให้ ย้อนหลัง เลยเกิดไอเดีย ขอหยิบยืมเค้าโครงเรื่องบางส่วนมาใช้

    นี่ไม่ใช่พีทกับพอล แต่เป็นน้องมุกกับน้องก้อย








    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×