คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [1 Shot] In The Rain [ก้อย x ดาว] {END}
IN The RaiN
[ก้อย x ดาว]
ลมวูบหนึ่งพัดมาปะทะใบหน้า พาเอาความเหน็บหนาวมาสู่หัวใจที่แห้งผาก ในความวุ่นวายของเวลาพลบค่ำใจกลางกรุงเทพมหานคร ฟ้าเริ่มมืดครึ้มอย่างน่ากลัวเพราะพายุใหญ่กำลังตั้งเค้า ความรู้สึกนั้นชะลอฝีเท้าที่เร่งรีบให้ช้าลง จนกระทั่งหยุดนิ่งอยู่กับที่ เพื่อพิจารณาความอ้างว้างที่จู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหันว่าเกิดจากสาเหตุใด ปล่อยให้สายลมพัดผ่านเข้ามาทิ่มแทงความรู้สึก
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอยู่ ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ฟ้าคำรามลั่นอยู่ไม่ไกล เงยหน้าขึ้นมองฟ้ารับเอากลิ่นอายของเม็ดฝนที่กำลังจะสาดซัดลงมาในไม่ช้า เกิดเปลี่ยนความคิดเมื่อเห็นสภาพอากาศ ตัดสินใจหมุนตัวกลับไปในทิศทางเดิม สวนทางกับผู้คนมากมายบนทางเท้าเพื่อเดินตามความรู้สึกของตนเอง
เหลือบมองไปยังถนนฝั่งตรงข้าม เห็นร้านกาแฟเล็ก ๆ แสงไฟสีนวลสร้างบรรยากาศให้อบอุ่นขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายด้านนอก เท้าก้าวเร็วกว่าความคิดพาร่างมุ่งตรงไปยังจุดหมายที่อยู่ต่อหน้า ประตูกระจกถูกผลักเข้าไปอย่างเงียบ ๆ ในร้านมีลูกค้าอยู่เพียงโต๊ะเดียว พนักงานเสิร์ฟให้การต้อนรับอย่างเป็นมิตร เธอยิ้มตอบพอเป็นพิธีพลางกวาดตามองทั่วร้าน จนพบมุมที่ถูกใจ มุมที่ห่างไกลจากโต๊ะอื่น ๆ และเป็นส่วนตัวที่สุด
ความเหน็ดเหนื่อยมาสะสมมาทั้งวันพลันหายไปเมื่อหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ โดยมีความรู้สึกอื่นถาโถมเข้าแทนที่ กลิ่นกาแฟและขนมหวานอบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ชวนให้รำลึกถึงคืนวันเก่า ๆ
ยกมือขึ้นเท้าคางมองสำรวจร้านเพื่อฆ่าเวลา สะดุดสายตาที่นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่บนผนังสีครีม เข็มนาฬิกาหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับ... นั่งจ้องมันอยู่นานพร้อมกับความคิดที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย
เค้กแสนอร่อยกับโกโก้ร้อน ๆ ของโปรดของคนในห้วงคำนึง... ริมฝีปากจิ้มลิ้มเปื้อนรอยยิ้มขณะเคี้ยวขนมหวาน นัยน์ตายิ้มเป็นประกายแวววาวเมื่อเจ้าตัวกำลังมีความสุข เสียงออดอ้อนขอเค้กชิ้นโปรดยังก้องอยู่ในหู เหมือนใครคนนั้นมานั่งอยู่ตรงหน้า
อดีตที่งดงามกลับบีบรัดหัวใจให้เจ็บปวดเมื่อกลายมาเป็นความทรงจำ
“โกโกร้อนกับบลูเบอรี่ชีสเค้กที่สั่งได้แล้วค่ะ” ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงหวาน ๆ ของพนักงานเสิร์ฟ ยื่นมือไปรับแล้วยิ้มขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะ”
ปกติไม่คิดจะสั่งเมนูนี้มากิน แต่วันนี้ต่างออกไป กลิ่นโกโก้หอมกรุ่นลอยขึ้นมาแตะจมูก... กลิ่นอายของอดีตยิ่งแจ่มชัด..
ก้มมองสมาร์ทโฟนที่ส่งเสียงเตือนน่ารำคาญอยู่บนโต๊ะแล้วกดปิดเสียงเพื่อไม่ให้มันมารบกวนความสงบ หันมาละเลียดเค้กชิ้นเล็กสลับกับจิบโกโก้ร้อนเพื่อฆ่าเวลา
ฟ้าแลบแปลบอยู่ด้านนอกพร้อมกับฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา หยดน้ำเกาะบนกระจกจนเกิดฝ้าขุ่นจากละลองฝน ในห้วงคำนึงไม่ได้ใส่ใจภาพพร่าเบลอที่มองเห็น มันกำลังล่องลอยออกไปในที่ไกลแสนไกล
สภาพอากาศอันเลวร้าย ส่งให้ความคิดถึงยิ่งทวีคูณ
ตั้งแต่จบมัธยมปลายก็ไม่ได้ข่าวคราวของกันและกันอีกเลย อยากเจอ... แต่ไม่รู้ว่าจะหาเธอได้ที่ไหน ไม่ได้ขอให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แค่อยากรู้ว่าตอนนี้สบายดีอยู่ไหม ยังมีปัญหากับแม่อยู่หรือเปล่า... เท่านั้นเอง
มั้ง...
จนวันนี้ก็ยังรักและเป็นห่วงคนที่จากลา ที่ผ่านมาไม่เคยโกรธกับการตัดสินใจของอีกฝ่าย เหตุผลมากมายที่กดดันให้ต้องเลือก แม้ว่าทางออกของปัญหานั้นคือจุดจบของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ก็ตาม.. .
ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความไปหาเพื่อนอีกคนที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกันเมื่อสามปีก่อน
Koi : แอล ฉันมีเรื่องอยากจะถามหน่อย 19:13
ELLE : มิน่าฝนถึงได้ตกวันนี้แกทักไลน์ฉันมา 19:16
ELLE : มีอะไรว่ามาเลย 19:16
เสียงอึกทึกในภายในสถานบันเทิงประกอบกับแสงไฟหลากสีที่วูบไหวไปมา ไม่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นไปกับมันเลยสักนิด เจ้าของดวงตาคมเท้าคางมองเพื่อน ๆ ที่มาเลี้ยงฉลองกันเนื่องในโอกาสที่โปรเจกต์สำคัญผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนกำลังสนุกแต่เธอกลับเบื่อหน่ายอย่างที่สุด เหลือบตามองสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะเรื่อย ๆ เผื่อจะมีอะไรดูฆ่าเวลา
ELLE : ก้อย แกว่างไหม 23:26
ดวงตาลุกวาวในความมืด ประกายแห่งความหวังจุดอยู่กลางหน่อยตาดำขลับ รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความจากไลน์ที่เพื่อนเก่าส่งถึง มือสั่นเทาแทบระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหว... หวังว่าจะมีข่าวสำคัญจากแอล..
ELLE : ฉันมีเรื่องจะบอก..... 23:26
......ว่ามาสิ สำหรับแกฉันคุยได้ตลอดแหละ....
“เด็กไม่ดี หนีพ่อมาเที่ยวเหรอ” ข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ยังไม่ทันได้ส่งไป น้ำเสียงกวนประสาทของใครบางคนดึงสายตาของเธอออกไปจากโทรศัพท์ หันไปมองก็พบกับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งยืนยักคิ้วให้ด้วยท่าทางกวนประสาท เกือบจะเอ่ยปากต่อว่าหากไม่ติดว่าใบหน้านั้นคุ้นตาเหลือเกิน คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่ไหน แต่ยังนึกไม่ออกในทันที
ความหมายในคำพูดเหมือนอีกฝ่ายรู้จักเธอเป็นอย่างดียิ่งทำให้ข้องใจ
“.....”
“พี่หนึ่งไง”
หนึ่งไหนวะ?
เห็นสีหน้าฉงนของเธอเขาคงทนไม่ไหวจึงเฉลยออกมาในที่สุด
“เฮ่ย นี่จำพี่ชายตัวเองไม่ได้เหรอก้อย พี่หนึ่งลูกลุงนัทของแกไง” ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้ เพราะผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากครั้งล่าสุดที่เจอกันมาก
“มาไงเนี่ย.. ไม่เจอกันตั้งนาน กลับจากอังกฤษแล้วเหรอ”
“กลับแล้วสิ อยู่ทำไมอะ เรียนจบแล้วนี่”
“อ้าว ทำไมไม่ไปหาที่บ้านบ้างอะ เจอกันทั้งทีดันเจอกันในผับเนี่ยนะ”
“กะว่าจะไปเสาร์นี้เนี่ยแหละ แต่เราเจอกันซะก่อนไง”
“ให้มันจริงเหอะ... แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ”
“เปล่า มากับน้อง”
“อย่ามาตลก พี่เป็นคนลูกคนเดียว”
“น้องรักน่ะ” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี
”แฟนว่างั้น”
“อื้อ มานี่สิ เดี๋ยวพาไปแนะนำให้รู้จัก” คนเป็นพี่กวักมือเรียกแล้วเดินนำไปยังโต๊ะของตน เธอจึงขยับตัวลงจากก้าวอี้แล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย ถือว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ เรืองหนึ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนอันน่าเบื่อหน่าย
“นั่นไง อยู่ตรงนั้นน่ะ เห็นป่ะ?”
เขาชี้ชวนให้ดูด้วยท่าทางกระตือรือร้น เหมือนเด็กที่อยากอวดผลงานชิ้นเอกของตน
“ดาวคะ นี่ก้อยน้องสาวพี่”
คำพูดหวานหยดของคนเป็นพี่อาจทำให้รู้สึกระคายหูจนอยากอาเจียน... หากในประโยคนั้นไม่มีชื่อที่แสนคุ้นเคย
“........................................”
ที่เหมือนกันไม่ใช่แค่ชื่อ แต่เป็นทั้งหมดที่ประกอบขึ้นมาเป็นเธอ.....
เธอคนที่อยู่ในความทรงจำตลอดมา
เสียงอึกทึกที่อยู่รายรอบกลับเงียบงัน แม้แต่เสียงลมหายใจของตนยังไม่ได้ยิน มีคำถามมากมายที่ตะโกนก้องซ้ำไปซ้ำมา แต่มันกลับดังเพียงแค่ในความคิด...
ราวกับมีใครสักคนเอาค้อนมาทุบหัวแรง ๆ ไม่รู้สึกเจ็บในทันที แต่ตัวชาจนขยับไม่ได้ ใจหวิว ๆ เหมือนคนใกล้ขาดอากาศ ภาพาที่อยู่รอบข้างพร่าเบลอไปหมด ที่ชัดเจนคงจะมีแต่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังจ้องมองมาอย่างตื่นตะลึง แต่ก็เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก่อนที่ดวงตาเรียวเล็กจะหลุบต่ำ
ขอบคุณที่ดวงตาคู่นั้นไม่มองมานานกว่านี้ ขอบคุณความแสงไฟสลัวที่ช่วยอำพรางใบหน้าซีดขาวและความรู้สึกย่ำแย่ของเธอเอาไว้
“ก้อย.. นี่น้องดาว แฟนพี่เอง”
ลืมนึกไปว่าทุกชีวิตยังคงเดินต่อไปตราบใดที่เข็มนาฬิกายังไม่หยุดหมุน... และคนที่ฝืนเดินทวนเข็มนาฬิกาก็ไม่แปลกหากจะพบเจอแต่ความเจ็บปวด
ไม่มีใครอยากหยุดอยู่กับที่ ต้องเดินต่อไปเพื่อพบเจอสิ่งที่ดีกว่า.... ไม่ผิดที่เธอจะมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต
“ก้อย ได้ยินไหม ยังอยู่ป่ะเนี่ย” เสียงทุ้มห้าวเรียกสติให้กลับคืนมา อย่างน้อยก็ควรพูดอะไรออกมาสักอย่างเพื่อให้สถานการณ์ดำเนินไปอย่างปกติ
“ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอ... สบายดีนะ” พยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้ดูประชดประชัน โทรศัพท์ที่อยู่ในมือถูกกำไว้แน่นจนชื้นเหงื่อ
“สบายดี ก้อยล่ะ”
“สบายดีเหมือนกัน” ตอบคำถามเสียงขื่นแล้วแค่นยิ้มให้กับบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความห่างเหิน
“สองคนนี้รู้จักกันเหรอ? เป็นไปได้ไง” คนที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่ได้แต่หันมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความงุนงง รอให้ใครสักคนอธิบายอะไรให้ชัดเจนกว่านี้
“เราเป็นเพื่อนกันสมัยมัธยมน่ะพี่หนึ่ง เคยเรียนห้องเดียวกัน” และเคยสนิทกันมาก
คำตอบของทุกคำถามปรากฏอยู่ต่อหน้าในนาทีนี้ มือที่โอบไหล่บอบบางอยู่นั้นคงจะดูแลเธอได้ดีกว่า
ดีกว่าคนคนเดิมที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ไม่มีกำลังพอจะปกป้องดูแลใคร.... แม้แต่ (ความรู้สึก) ตัวเอง
ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าเธออยู่ที่ไหน ทำอะไร และเป็นของใคร... แล้วยังจะต้องการอะไรอีก...
พ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ระบายความรวดร้าวที่จุกอยู่กลางอก ขอบตาเริ่มร้อนผะผ่าว หากไม่รีบไปอีกไม่นานน้ำตาคงไหลออกมาประจานความอ่อนแอต่อหน้าทั้งคู่ และจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นโดยเด็ดขาด
“ไปก่อนนะ ต้องไปที่อื่นต่ออะ เพื่อนรออยู่” หมุนตัวหันหลังกลับทันทีที่พูดจบ ได้ยินแต่เสียงเรียกของหนึ่งตามหลังมา
“ทำไมไปไวนักล่ะ ไม่เจอกันตั้งนานอยู่คุยกันก่อนสิ”
“วันนี้รีบ ไว้เจอกันวันหลังแล้วกัน”
ไม่ได้กลับไปหาเพื่อนอย่างที่บอกเอาไว้ แต่เลือกที่จะเดินออกมาจากในนั้นแทน เบียดเสียดกับผู้คนที่แออัดยัดเยียดอย่างคนไร้วิญญาณ
ใบหน้าก้มต่ำไปตลอดทางที่เดินมา พอกันทีกับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
เรื่องที่จะให้กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมมันก็แค่คำโกหกที่เอาไว้หลอกตัวเองไปวัน ๆ เท่านั้น... พอเอาเข้าจริง ๆ มันก็ทำไม่ได้อย่างที่ปากพูด
ที่เคยห่วงก็คงไม่ต้องห่วงแล้ว
ELLE : เห็นแกถามถึงดาวเมื่อเดือนก่อน 23:26
ELLE : ฉันรู้แล้วนะว่าดาวอยู่ไหน 23:26
ฉันก็รู้แล้วเหมือนกันแอล
ELLE : ดาวมันไปเรียนอังกฤษ 23:27
ELLE : ก้อย แกยังอยู่ป่ะวะ อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ 23:28
ELLE : เอาเถอะ ยังไงแกก็ต้องรู้อยู่ดี ตอนนี้ดาวมันกลับไทยแล้วนะ 23:30
ELLE : มันมีแฟนแล้วเว้ย มันกลับมากับแฟน 23:32
ฉันรู้จักแฟนเค้าดีทีเดียวเลยล่ะ
ELLE : เฮ่ย! อย่าเงียบดิ แกโอเคนะก้อย 23:47
Koi : ไม่เป็นไร 00:58
Koi : ฉันโอเค 01:01
หยดน้ำหยดหนึ่งหล่นลงบนหน้าจอสมาร์ทโฟน มือปาดมันออกไปอย่างลวก ๆ แล้วเก็บไว้ในกระเป๋าตามเดิม
เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิทแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจ ถ้ามัวแต่ติดอยู่ในวังวนเดิม ๆ โดยไม่ปล่อยวาง ก็คงไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ได้สักที
แต่ก็แปลก... วันนี้ฝนไม่ตกแท้ ๆ แต่ทำไมแก้มมันถึงได้เปียกก็ไม่รู้...
-Fin-
ชื่อเรื่องฝน แต่ไม่ค่อยเกี่ยวกับฝน... มันยังไงกันหว่า อิอิ
ความคิดเห็น