ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF) ‘CHANGE’ -2- เคลือบแคลง up 01.06.2015

    ลำดับตอนที่ #1 : [1 Shot] How does it feel [เบลล์ x ฝน] {End}

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 57


    [1 Shot] How does it feel [เบลล์ x ฝน]

     

     

     

     

    ลำคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ ดวงตาเรียวเล็กหรี่ปรือเมื่อความง่วงยังคงครอบงำ แต่จำต้องตื่นเพราะเสียงหัวเราะของสมาชิกอีกคนในห้อง มาเที่ยวทะเลแท้ ๆ แต่วันนี้เจ้าตัวแสบกลับไม่ยอมก้าวออกจากบ้านพัก ทั้งที่ปกติต้องวิ่งหน้าตั้งลงทะเลก่อนใครเพื่อน

                    มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาเบา ๆ เพื่อปรับภาพที่พร่าเบลอให้ชัดเจนขึ้น เสียงหัวเราะของเจ้าเด็กแสบหยุดลงพร้อมกับที่เธอยันตัวลุกขึ้นนั่งบนโซฟา มีเสียงจากภาพยนตร์คอมเมดี้ดังอยู่อย่างต่อเนื่อง


                    “ตื่นแล้วเหรอพี่ฝน” เสียงนุ่มเอ่ยถามอย่างร่าเริง เหมือนไม่รู้ว่าตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอตื่น รอยยิ้มบาง ๆ ยังค้างอยู่บนใบหน้า


                    “อือ.... หิวน้ำอะ” พูดออกมาตามที่รู้สึก แต่เสียงเล็ก ๆ นั้นกลับกลายเป็นเสียงออดอ้อนโดยไม่ตั้งใจ... แต่มันก็เป็นไปแล้ว เดือดร้อนถึงคนเป็นน้องต้องรีบกุลีกุจอหยิบขวดน้ำใกล้มือมาให้พี่สาวหน้าเด็ก คนเพิ่งตื่นก็คว้ามันมากระดกดื่มหลายอึกโดยไม่ทันได้มองเลยด้วยซ้ำ


                    “โหย.... อดอยากปากแห้งมาจากไหนเนี่ย” เอ่ยแซวอย่างสนุกปาก แต่อีกคนก็ไม่ได้สนใจเพราะยังเรียกสติกลับมาได้ไม่สมบูรณ์


                    “เลอะหมดแล้ว กี่ขวบแล้วพี่น่ะ” ทิชชู่ถูกดึงออกมาซับน้ำที่ไหลซึมจากมุมปากเพราะความรีบร้อน โดยฝีมือของใครอีกคนที่ไม่ใช่เธอ สายตาที่มองมาอย่างเอ็นดูเหมือนเธอเป็นเด็กน้อยทำให้รู้สึกหงุดหงิด ประกายตาล้อเลียนนั่นก็ชวนให้อยากเอานิ้วจิ้มให้ตาบอดนัก

    แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกอื่นแอบจับจองพื้นที่อยู่ในมุมเล็ก ๆ ... ความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก

                    “พอแล้ว”

                    ดันมือของผู้หวังดีออกเบา ๆ พร้อมกับขับไล่ความรู้สึกประหลาดออกไปจากหัว

    รอยยิ้มค่อย ๆ เลือนหายไปจากใบหน้าเรียวของคนอ่อนกว่า แววตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนเธอนึกสงสัย

                    “มีอะไรหรือเปล่าเบลล์?”

                    “พี่ฝนว่าเมื่อกี๊มันคุ้น ๆ ไหม?” ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันจากคนเป็นน้องยิ่งทำให้เธอข้องใจ

                    “ยังไง?  ไม่เข้าใจ”  กอดขวดน้ำไว้แนบอกแล้วหันมามองคนบนโซฟาฝั่งตรงข้ามอย่างจริงจัง

                    “ก็ มันเหมือนในฮอร์โมนส์ตอนที่เราสองคนเล่นด้วยกันไง” พูดแล้วก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว แต่คนที่นึกภาพตามกลับขำไม่ออก ข้างในมันวูบวาบแปลก ๆ เมื่อนึกถึงฉากนั้น ทำได้เพียงหัวเราะแห้ง ๆ ออกไปพอให้คนชวนคุยไม่เสียความรู้สึก

                    “พี่ว่าเหมือนป่ะ?” ยังคะยั้นคะยอจะเอาคำตอบให้ได้ โดยไม่สนใจเลยว่าอีกคนกำลังมีสีหน้าอย่างไร

                    “ไม่รู้สิ เหมือนมั้ง” ตอบส่ง ๆ ไปอย่างนั้นเพื่อตัดบท แต่คนหน้าทะเล้นก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่าย ๆ กระโดดจากโซฟาอีกฝั่งมานั่งชิดกันกับเธอ วาดแขนขึ้นโอบไหล่แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ จนปลายจมูกเฉียดกับแก้มใสไปนิดเดียว เล่นเอาเธอแทบสะดุ้ง

                    “ทำไมถึงได้พูดจาเย็นชากับแฟนอย่างนั้นล่ะคะ ฮื้ม?” เสียงนุ่มที่จงใจดัดให้หวานกว่าปกติกำลังกระซิบอยู่ข้างหูประกอบกับลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดผิวบาง ส่งผลให้อุณหภูมิบนใบหน้าพุ่งสูงจนรู้สึกได้เลยว่ามันกำลังเห่อร้อนและแดงก่ำ รู้อยู่หรอกว่าแกล้งแหย่เล่นไปอย่างนั้น แต่บางทีมันก็อันตรายต่อความรู้สึกของเธอจนเกินไป

                    “ถอยไปเลย ที่นี่ไม่มีแฟนคลับ ไม่ต้องมาเซอร์วิสอะไรตอนนี้” ใช้ข้อศอกดันร่างของอีกฝ่ายให้ออกไปห่าง ๆ พร้อมถือโอกาสเบี่ยงตัวหลบจากการเล่นถึงเนื้อถึงตัวของคนเป็นน้อง

                    “โถ่... ก็เราเป็นแฟนกันจริง ๆ นี่นา กอดแค่นี้ไม่ได้หรือไง” แกล้งทำท่ากระเง้ากระงอดเหมือนกำลังงอนเธอจริง ๆ จะว่าน่ารักก็น่ารักแต่ความน่าหมั่นไส้ก็มีไม่น้อยไปกว่ากัน

                    “ไอ้บ้า!! เลิกเล่นได้แล้ว ดูหนังไปเลยไป” ทำท่าจะลุกหนีหากไม่ข้อมือเล็กไม่ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน

                    “เดี๋ยวสิ” พูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ จ้องมองด้วยสีหน้านิ่งเรียบและแววตาที่เธออ่านไม่ออก เห็นแล้วรู้สึกหวั่น ๆ จนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวแสบจะเล่นพิเรนทร์อะไรกับเธออีก

                    “ม.. มีอะไรเบลล์” เสียงที่เอ่ยถามออกไปทั้งแผ่วเบาและสั่นไหว เผลอกลั้นหายใจรอคำตอบที่ไม่รู้จะหลุดออกมาจากริมฝีปากสีอ่อน

                    “เปล่า ไม่มีอะไร แค่จะขอขวดน้ำคืนน่ะ” พอจบประโยคขวดน้ำในมือของเธอก็ถูกเจ้าของของมันดึงกลับไปอย่างช้า ๆ ถ่วงเวลาเพื่อแกล้งกัน เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั้นแล้วนึกอยากจะเตะไอ้คนขี้แกล้งซักป๊าบ โทษฐานที่ทำให้เธอหัวใจแทบวาย

                    “เอาคืนไปเลยไป” ยัดขวดน้ำเจ้าปัญหาใส่มือของอีกคนอย่างกระแทกกระทั้น และแทนที่จะสลดแต่กลับหัวเราะร่วนชอบอกชอบใจ ซ้ำยังยกน้ำขวดนั้นกระดกขึ้นดื่มต่อหน้าเธอแล้วยักคิ้วให้เหมือนกำลังเยาะเย้ย

    เผลอมองตามริมฝีปากที่สัมผัสกับปากขวดแล้วก็ต้องเบือนหน้าหนี เมื่อฉากที่เคยเห็นซ้ำ ๆ ในซีรีย์เรื่องดังที่ตนและอีกคนร่วมแสดงวนเวียนเข้ามาในหัว ฉากรักหวานซึ้งที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจของตัวละครในเรื่อง ความอบอุ่นจากริมฝีปากที่สัมผัสแผ่วบนปลายจมูกและเรียวปากบางยังทิ้งร่องรอยเอาไว้  จนบัดนี้ก็ไม่เคยจางไปจากความรู้สึก...

    หัวใจที่เคยเต้นโครมครามในครั้งนั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง ลิ้นเล็กเลียริมฝีปากแก้อาการประหม่า หากคนตรงหน้ารู้จักสังเกตสักนิดคงเข้าใจว่านั่นคือพฤติกรรมที่แสดงออกเสมอเมื่ออยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดหรือสูญเสียความมั่นใจ

    ยังจำดวงตาดำขลับที่ทอดมองมาอย่างห่วงใยนั้นได้ดี สายตาคู่เดิมยามที่เว้าวอนร้องขอก็น่าสงสารจนเธอแทบทนมองไม่ไหว ตอนที่เข้าฉากร่วมกัน ความรู้สึกที่ถูกส่งมาจากอีกคนเรียกน้ำตาของเธอให้ไหลออกมาอย่างง่ายดาย และทุกอย่างยังชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

    ไม่เคยรู้มาก่อนเลยเจ้าตัวแสบจะแสดงความรู้สึกผ่านทางสายตาได้เก่งจนน่าทึ่ง ทุกคำชื่นชมที่ได้รับจากแฟนคลับผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คเธอรู้ดีว่าไม่มีอะไรเกินจริงเลย

    เหมือนเป็นอีกคนที่เพิ่งค้นเจอ... และมันทำให้เธอมองน้องสาวคนเดิมด้วยสายตาที่ต่างออกไป มีความรู้สึกบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในใจอย่างช้า ๆ

    “ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พูดออกไปเร็ว ๆ แล้วลุกไปจากตรงนั้นเพื่อหยุดความคิดที่เต็มไปด้วยความสับสน ไม่อยากเห็นดวงตาที่ทรงอิทธิพลคู่นั้นให้ใจเธอยิ่งสั่น


     

     

     

     

     

     

                   

                    พระจันทร์ดวงใหญ่สาดแสงไปทั่วทั้งหาด ทำให้มองทุกอย่างได้ชัดเจนราวกับเวลากลางวัน เห็นแค่ด้านหลังก็รู้แล้วว่าคนที่เอนหลังอยู่บนเก้าอี้นอนตรงระเบียงคือใคร ค่ำคืนสุดท้ายของทริปหัวหินกลับเข้าสู่สภาวะเงียบสงบอีกครั้งในเวลาตีสองเศษ หลังจากส่งท้ายด้วยปาร์ตี้เล็ก ๆ ริมหาด คนอื่น ๆ คงหลับกันหมดแล้วด้วยความอ่อนเพลีย จะเหลือก็แต่เธอและคนเบื้องหน้า

    แค่หนีเข้าไปอาบน้ำไม่นานออกมาอีกทีเจ้าตัวดีก็หายจ้อย อุตส่าห์ตามหาซะทั่วบ้าน ที่แท้ก็หนีมาอยู่นี่เอง

                    “ยังไม่นอนอีกเหรอ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วนะ”  ก้าวไปนั่งหมิ่น ๆ บนราวระเบียงกอดอกมองเด็กแสบตรงหน้าที่กำลังนอนนิ่งมองฟ้าด้วยสายตาเลื่อนลอย เมื่อเย็นซ่าไปเยอะเห็นทีตอนนี้คงหมดแรงจนสิ้นฤทธิ์

    ดวงตากลมเหลือบมองตามเสียงเรียกเหมือนไม่อยากขยับตัว

                    “เป็นอะไรไป?” เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย อาการเนือย ๆ อย่างนี้เธอไม่ค่อยได้เห็นจากคนตรงหน้าเท่าไหร่

                    “ใกล้เปิดเทอมแล้วสิ เบลล์ยังไม่อยากกลับเลยอะ” แทนที่จะตอบคำถามกลับพูดไปอีกอย่างเหมือนรำพึงกับตนเองมากกว่าจะพูดกับเธอ

                    “ทำไมล่ะ?”

                    “ไม่รู้สิ บอกไม่ถูก... เข้ามหาลัยไม่รู้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง” คำพูดของเบลล์แต่ละประโยคดูสะเปะสะปะไปคนละเรื่อง เหมือนรู้สึกยังไงก็พูดออกไปโดยไม่ผ่านการเรียบเรียงมาก่อน คนฟังได้ยินอย่างนั้นก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นกังวลเรื่องอะไรอยู่ รอยยิ้มเล็ก ๆ แต้มบนมุมปากด้วยความเอ็นดูระคนขบขัน

                    “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ชีวิตมหาลัยสนุกจะตาย”

                    “ยังไม่อยากให้เปิดเทอมเลย” คำพูดของเธอไม่ได้ทำให้อีกคนคลายกังวล ร่างเล็กเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้า มือข้างหนึ่งเท้ากับพนักเก้าอี้นอนแล้วโน้มตัวลงไปจ้องใบหน้าเรียวใกล้ ๆ ก่อนยีผมดกดำจนยุ่งเหยิง

                    “โถ่เอ๊ยเบลล์ มากลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้”  ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เพื่อปลอบน้อง เธอเข้าใจถึงความรู้สึกของเบลล์ดี เพราะเธอเองก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว ถึงจะตื่นเต้นดีใจแค่ไหนกับการได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่ยังอดเป็นกังวลอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ เป็นธรรมดาของคนที่อยู่ในช่วงผลัดวัย

                    “ใครว่ากลัว ไม่ได้กลัวซักหน่อย” ดวงตาที่เห็นใต้แสงจันทร์วาววับด้วยความไม่พอใจ อารมณ์เด็ก ๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกขบขันจนต้องกลั้นหัวเราะ

                    “ปากแข็ง รู้สึกอะไรก็ยอมรับมาตรง ๆ เถอะ” นิ้วเล็ก ๆ จิ้มหน้าผากมนอย่างมันเขี้ยว

                    “ได้เหรอ?” คำถามที่มาพร้อมกับสีหน้าจริงจังทำให้เธอไม่เข้าใจ เหมือนกำลังคุยกันคนละเรื่อง

                    “หมายถึงอะไร?”

                    “บอกออกไปตรง ๆ ได้ด้วยเหรอ?”

    ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนกำลังเว้าวอนขอคำตอบจากเธอ แววตาที่เธอเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ไม่กล้ามองหน้าอีกคนตรง ๆ ดวงตาคู่ใสหลุบต่ำอย่างตกประหม่า เผลอเลียริมฝีปากของตนเร็ว ๆ พร้อมกับอาการหายใจติดขัด

    “พูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ”

    “บางทีพี่อาจจะเข้าใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้” มืออุ่นเลื่อนมาสัมผัสเรียวแขนขาว คนถูกสัมผัสรู้สึกถึงความร้อนวูบวาบที่แผ่ซ่านไปทั้งตัว เธอพลาดเองที่เผลอเลื่อนสายตาขึ้นสบกันอีกครั้ง แค่อยากจะชักมือกลับยังทำไม่ได้เพราะถูกอำนาจของสายตาคู่นั้นตรึงเธอไว้

    “......”

    “ในซีรีย์ ตอนที่เราสองคน...... ” ไม่ต้องพูดให้เต็มประโยคแค่ประกายตาแวววาวที่หยอกล้อกับแสงจันทร์ ก็ทำให้เธอเข้าใจความหมายที่อีกคนต้องการสื่อได้เป็นอย่างดี พยายามหลีกเลี่ยงที่จะคุยกันเรื่องนี้มาโดยตลอด.... เห็นทีวันนี้คงหนีไม่พ้น

    “ทำไมเหรอ?” เสียงที่พยายามกดให้ต่ำเพื่อข่มความเขินอาย ใบหน้าที่อยู่ใต้เงามืดของพระจันทร์ตอนนี้คงสุกปลั่งเป็นลูกมะเขือเทศ ยังดีที่ความมืดช่วยอำพรางสีหน้าของเธอเอาไว้

    “อย่าบอกนะว่าพี่ฝนไม่รู้สึกอะไรเลย” ยากเหลือเกินที่จะห้ามหัวใจไม่ให้เต้นระรัวเมื่ออยู่ใกล้กันในลักษณะนี้ อยากจะโกหกว่าเธอลืมเรื่องนั้นไปแล้ว แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับดวงตาคู่นั้นอย่างราบคาบ เมื่อไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดีจึงได้แต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น

                    ในความมืดสายตาของเบลล์ราวกับจะมองทะลุเข้าไปถึงความรู้สึกที่แอบซ่อนไว้ หากทอดเวลานานออกไปเกรงว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ความในใจของเธอจนหมดเปลือก

    เสียงคลื่นลมทะเลยามค่ำคืนที่ซัดสาดเข้าหาฝั่งอยู่ ๆ ก็เงียบหายไป ได้ยินเพียงเสียงหัวใจของเธอเองที่ดังกว่าทุกสรรพสำเนียงรอบกาย

    แรงกระตุกจากคนบนเก้าอี้ดึงให้เธอเสียหลักทรุดลงไปบนตักอุ่นอย่างพอดิบพอดี เป็นความจงใจไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรืออุบัติเหตุ
    ใด ๆ

    “ไม่เชื่อหรอก” คำพูดที่เปล่งออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจทำให้คนฟังนึกฉุน กำลังจะขยับปากโต้ตอบแต่ท้ายที่สุดก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะมันขัดแย้งกับความรู้สึก

    “เบลล์ จะทำอะไร” ทำท่าจะกระโดดลงจากตักเมื่ออีกคนขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรง ทำให้ระยะห่างระหว่างใบหน้าของทั้งคู่ลดลงเรื่อย ๆ เพราะถูกล็อคเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของคนเอาแต่ใจเลยหนีไปไหนไม่ได้ อีกใจหนึ่งก็หวั่นว่าจะถูกเจ้าเด็กแสบแกล้งอำเล่นเหมือนทุกครั้ง ทว่าแววตาของเบลล์ไม่ได้บอกว่ากำลังล้อเล่น....

    ควรจะทำยังไงดี ?

    “แค่อยากรู้ว่าเป็นเหมือนกันไหม” เสียงกระซิบหวานหูที่ใกล้จนลมหายใจรินรดกัน ถึงขนาดนี้แล้วคงทำอะไรไม่ได้นอกจากยินยอมทำความต้องการของอีกคนและเสียงเรียกร้องจากข้างใน

    ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ต่างจากครั้งนั้น ทว่ารสสัมผัสนั้นลึกซึ้งยิ่งกว่า ด้วยเป็นความต้องการจริง ๆ จากทั้งคู่ไม่ใช่แค่เล่นไปตามบทอย่างที่แล้วมา จากความลังเลเปลี่ยนเป็นความอ่อนหวานเมื่อคนบนตักตอบสนองด้วยความเต็มใจ จุมพิตเพียงผะแผ่วไม่ได้ร้อนแรงจนแผดเผา แต่ก็สามารถทำให้หัวใจพองโตจนคับอก

    กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวของคนบนตักทำให้อยากสัมผัสอีกฝ่ายมากกว่านี้ มือซุกซนเริ่มป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณชายเสื้อ พร้อมกับริมฝีปากนุ่มที่เคลื่อนลงมาจนถึงซอกคอขาว นั่นทำให้คนเป็นพี่คืนสติหลังจากเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนโยนเมื่อครู่

    “เบลล์... พอแล้ว”  รีบตะครุบมือนั้นเอาไว้พร้อมกับเอ่ยปากห้ามเสียงสั่น ก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เบลล์เงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ได้ตอบโต้อะไร สองมือวางนิ่งอยู่บนเอวเล็ก โน้มใบหน้าเข้าหาเหมือนยังไม่อิ่มในรสสัมผัส พอทำท่าจะถอยหนีก็ทนสายตาออดอ้อนนั้นได้ไม่นาน

    เปลือกตาปิดลงเพื่อเปิดให้หัวใจค้นหาคำตอบที่ติดค้างในความรู้สึกมานาน ตำตอบที่ไม่ต้องการคำอธิบายใด ๆ ก็เข้าใจได้เอง

     ที่ตรงนี้ไม่มีกล้อง ไม่มีผู้กำกับ ไม่มีใครคอยจับจ้อง มีเพียงคนสองคนที่หัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน

     









    ขอบคุณภาพปลากรอบฟิคจาก  
    twitter : https://twitter.com/JpYaikae






    ที่มาไม่รู้รู้แต่ที่ไป จบแบบงง ๆ ปะติดปะต่ออะไรไม่ได้ค่อยสำหรับฟิค เบลล์ฝนเรื่องแรก

    ยังไงก็ขอโอกาสแก้ตัวในเรื่องถัดไปนะคะ ฮี่ ๆ 



     



     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×