ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Angel

    ลำดับตอนที่ #3 : ตำนาน หรือ ไม่ใช่ตำนาน

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 49


    ท่านมิคาเอล ..มัตติพระเจ้าทรงประทานคำสั่งมาแก่ท่านแล้วครับ คนมีปีกเปรยออกมาและหมอบกระดาษแห่งกาลเวลาให้

    เนินนานเหลือเกินนะ ตั้งสิบเจ็ดปีแล้ว.....เสียงของคนหนุ่มผมสีทองนัยย์ตาสีฟ้า พูดออกมา และแน่นอนยศเค้าต้องใหญ่หลวงแน่ๆ

    เอาละ.......

    สิ้นคำพูด มิคาเอลผู้รับใช้พระเจ้าได้อ่านคำกลอนที่มีอยู่

    .

    .

    .

    เค้าไม่พูดอะไร.....

    มีอะไรหรือท่าน...... ข้ารับใช้ของมิคาเอลพูดขึ้น

    เฮ่อ..ข้าไม่เข้าใจพระองค์เลย.... มิคาเอลทำหน้าขมวดคิ้วและพูดว่า

    ตาม แอนโทนี้มา โอ้และอย่าลืม แอนโทนีโอด้วย มิคาเอลพูดอย่างนุมนวล

    ได้ครับท่าน แต่ต้องรอเพราะสองคนนั้นกำลังปราบปีศาจอยู่ ข้ารับใช้พูดและเดินออกไป

    ......... มิคาเอลไม่มีอะไรจะพูด

    นั้นอาจเป็นเพราะว่าจิตใจเค้าสับสนต่อพระเจ้ายิ่งนัก

    ทำไมนะ  ทำไมต้องเลือก คาล เอล ทำไมกันนะ...........

     

    สักพักนึง บุรุษ แฝดทั้งสองมายืนอยู่เบื้องหน้ามิคาเอล

    มีทุระเยี่ยงไรท่านมิคาเอล บุรุษผู้เชื่อมต่อกับพระเจ้า.........แฝดคนนึงพูด

    พระสุรเสียงของพระเจ้าได้มาถึงข้าแล้ว เจ้าจงไปตามหาเทวะ ที่นามว่า คาล เอล และก็จงปลุก สปิริตของเค้า ขึ้นมาพร้อมกับพาไปฝึกอะไร เล็กๆน้อยๆ สิ้นเสียงมิคาเอล

    บุรุษทั้งสองก็พูดพร้อมกันว่า

    ที่ไหน .....

    ไม่ไกลนักหรอก อยู่ที่เมืองมนุษย์ เจ้าจงใช้จิตเอาแล้วกัน มิคาเอลเว้นช่วง และพูดอีกต่อไปว่า

    เรื่องนี้เป็นความลับ.... พระเจ้าประสงค์ให้คาล เอลเป็นหนึ่งในเจ็ด องครักษ์ แห่ง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์

    อะไรนะ เทวดาตกสวรรค์รึท่าน..... เสียงของแฝดเหมือนแสร้งตกใจเพราะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องสูงส่งแฝดคู่นั้นเลยไม่สนอะไรนัก

    ข้าไม่รู้เหมือนกัน พระองค์น่าจะเลือก จอน มากกว่าแต่ทำไมนะ ทำไม

    แอนโทนี้แย้งอย่างเรียนร้อยตามฉบับผู้ดี

    เอาเถอะ.....ข้าเชื่อในพระเจ้า และเจ้าข้าหวังว่าเจ้าจงเชื่อในพระเจ้าเช่นกัน...

    สิ้นเสียงของบุรุษนามมิคาเอล

    แฝดคู่นั้นหายไปอย่างรวดเร็ว..

     

    แย่จังรู้สึกชั้นจะรำคาญเสียจากจิตทุกคนแล้วนะเนี่ย

    แน่นอนถึงแม้ว่าจะมีความเก่งกาจเท่าไหนก็ตาม ต้องโรคจิตกับเสียงคนพรั่งพรู่ออกมาเป็นแน่แท้

    ถึงแม้ว่า แบรนดอนจะกลับมาจากบ้านของเคทแล้ว เค้าได้พบกลับพ่อแม่ของเค้าอีกและครั้งและ...

    แฝดสองคนที่หน้าตาเหมือนแทบแยกกันไม่ออก ทั้งสองผมสีบอนทอง นัยย์ตาสีฟ้าประกาย และยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ทั้งสองกำลังสนทนากับพ่อและแม่ของแบรนดอน และแน่นอนทั้งสองทานดินเนอร์โดยไม่รอแบรนดอน

    ใครครับพ่อ..... แบรนดอนพูดและเดินไปหา ลูกค้าหรือคนสำคัญครับ

    พ่อของแบรนดอนไม่พูดอะไรออกมา ด้วยท่าทางที่หยิ่งแบบฉบับฝรั่งนั้นทำให้พ่อลูกคู่นั้นไม่ลงรอยเท่าไรนัก

    เค้าเป็นคนรู้จักตอนสนามบินจ้ะลูกรัก นางเร้าธ์พูด...

    ขอโทษที่เสียมารยาทแบรนดอน ผมชื่อ แอนโทนีโอ และนี้น้องแฝด แอนโทนี

    สิ้นเสียงพูด ทั้งสองยิ้มอย่างเป็นเกียรติให้แบรนดอนแต่แบรนดอนไม่ยิ้มกลับ

    และเค้าก็สงสัยว่าทำไม เค้าไม่ได้ยินจิตชั่วจากสองคนนี่เลย ทำไมกันนะ หรือว่าเค้ามาดีจริงๆ

    อย่างไรก็ตามแบรนดอนก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี..

     

     

     

    มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าไว้ใจเท่าไรนัก เพราะการที่พ่อและแม่ของแบรนดอนนั้นให้ที่พักแกแฝดคู่

    มันเป็นเรื่องที่ประหลาดนัก ทั้งสองไม่มีจิตชั่วเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในตงกันข้าม เค้าได้ยินเสียงจิตใจของพ่อแม่และคนใช้ในบ้านอย่างชัดเจน

    ในค่ำคืนอันบริสุทธิ์ แบรนดอนได้นั่งอยู่ระเบียงหน้าห้องของเค้าเอง แน่ล่ะเค้านอนไม่หลับในช่วงนี้เพราะว่าอาการหลอนประสาทหรือจะเรียกว่าพรสวรรค์นั้นมันทำให้แบรนดอนประสาทหลอนเยี่ยงการดมควั่นบุหรีอย่างเป็นที่สุด ท้องฟ้ายามค่ำคืนชั่งต่างจากกลางวันนัก ในยามกลางวันเป็นเวลาที่เหล่ามนุษย์ปราศจากความกลัวใดๆทั้งสิ้น แต่แบรนดอนกลับรู้สึกว่าในยามกลางคืนนั้นเป็นอะไรที่เงียบสงบที่สุด

    ก๊อกๆๆ  เสียงคนเคาะประตูเรียกร้องให้แบรนดอนตอบรับ

    เข้ามา ผมไม่ได้ล๊อกประตู แบรนดอนกลับเข้ามาในห้อง

    แบรนดอนเห็นฝาแฝด ทั้งสองเข้ามา แบรนดอนไม่ได้ตระหนกอะไรมากนัก เพราะว่าเค้าไม่ได้ยินจิตชั่วออกมาจากฝาแฝดนั้นเลย

    .................................ดูเหมือนว่า จะชินกับพลัง จนเข้ากับมันได้ดีแล้ว............................................

    ว่าไงครับต้องการอะไร แต่แบรนดอนก็ยังไม่ไว้วางใจมากนัก เค้าเดินไปในมุมกว้างของห้องและยิบอะไรสักอย่างที่จะจัดการกับฝาแฝดนั้นได้ แต่เข้ามาคิดดูอีกที่ มันเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะถึงทำร้ายเค้าแต่มันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา และยังเสี่ยงต่อการถูกสงสัยด้วย

    ข้าแต่คาล เอล อัศวินทั้งเจ็ดจากแดนสวรรค์ ข้าขออัญเชิญพลังที่อยู่ในตัวท่านด้วย

    มันเป้นประโยคที่แบรนดอนงงมาก อะไรสวรรค์ อะไร และอะไร ตอนนี้คำตอบในหัวเค้ามากมายนักแต่แบรนดอนเริ่มด้วยคำถามสิ่งนึงก่อน

    แล้ว....อะไร...อะไรสววรค์นะ แล้วจะคุกเข่าทำไม

    แบรนดอนพึ่งรู้ตัวว่า ฝาแฝดนั้นคุกเข่าให้ตนเค้าอ่ำอึ่ง และคิดในใจว่า

    อะไรเนื่ย ชั้นเป็นอะไรไปแล้ว เหตุการณ์ประหลาดมันเริมขึ้นตั้งแต่คนมีปีกแล้วอะไรเนี่ยตกลงชั้นเป็นใครกัน..

    ความสงสัยเริ่มคลอบคุ่มในขณะที่แฝดทั้งสองลุกขึ้น

    ท่าน.......ข้าได้รับสารมาจากท่านมิคาเอล มาหลอบให้ท่าน แอนโทนีโอพูด

    และ แอนโตนีโอขวักสารกลางให้แบรนดอนอ่าน

    อะไร ข้าอ่านไม่ออก แบรนดอพูดและงงกับอักขระอย่างยิ่ง

    อ่ะ ขอประทานอภัย  แอนโทนี้ พูดพลางยืมมือลอยเหนือเอกสาร ทันใดนั้นเอกสารแปรเปลี่ยนเป็นภาษาไทย

    แบรนดอนประหลาดใจ และงงมากว่าเอกสารมันเปลี่ยนได้ไง  แต่แน่นอนเค้ารู้ว่า ตัวเองนั้นเริ่มชินกับสภาพเรื่องแปลกๆที่กำเนิดมาตั้งแต่ ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าอยู่แล้ว

     

    ไหง กระดาษมันว่างอย่างนี้อ่ะ แบรนดอนส่งสัยยิ่งนักว่ากระดาษอย่างนี่มีอะไรดี และจะต้องประเมินแฝดคู่นี้ใหม่ว่าเป็นบ้าหรือเปล่า

    โอ ลืมไปท่านยังเสียความทรงจำอยู่ แอนโทนีโอพูด

    จะว่าไปแล้วสองแฝดนี้ก็ไม่ได้เสียสติสักเท่าไรนัก.....รูปร่างหน้าอันหล่อเหล่า นัยย์ตาสีฟ้า ประกอบกับผมบอนทองอย่างเงางาม

    ไม่ทราบว่า คุณมาจากประเทศไหน แบรนดอนพูด ในขณะที่ แอนโทนี้ ทำมือแปลกๆใส่กระดาษเปล่า

    เดี๋ยวก็รู้เอง..    สิ้นเสียงแอนโทนีโอ พลันเกิดแสงสว่างจ้ากระดาษนั้นสลายเป็นผุยผง

    เกิดควันประกายขึ้นมาเจิดจ้าดังแสงสุริยันยามเช้าตรู่

    แบรนดอนเห็นคนผมบอนตาสีฟ้า แต่นี้ดูเหมือนมีประกายออร่มาจากตัว และ เค้าตะลึงกับปีกด้านหลังของบุรุษผู้นั้น

    แบรนดอนกะจะถามด้วยความสงสัย แต่แน่นอน เสียงคนผู้นั้นกลับชิงพูดก่อน

    ข้า มิคาเอล ตัวแทนจากแดนสวรรค์ ข้ามาเพื่ออัญเชิญเจ้าหลุดพ้อจากมทินมนุษย์และพระเจ้าก็ทรงอภัยโทษให้เจ้าแล้ว แต่เจ้าจักต้องรับภารกิจ อันยิ่งใหญ่โดยการ รับใช้เป็นองครักษ์แห่งดินแดนสวรรค์ สิ้นเสียงบุรุษนามว่ามิคาเอล แบรนดอนก็ตกใจมากอย่างมหาศาลแต่เค้ายังรักษาฟอร์มของเค้าไว้ได้โดยการยืนอยู่เฉยๆ

    เอาล่ะ มีไรถาม ถาม มิคาเอลพูด

    แบรนดอนไม่รักษาฟอร์มอีกแล้ว ความสงสัยอันยิ่งใหญ่ถาถมเข้ามาอย่างชุดยั้งไม่อยู่ราวกับกระแสน้ำจากเขื่อนแตกที่เคลื่อนที่พลังมหาศาลจากจุดนึงไปอีกจุดนึงและพร้อมที่จะพังทลายสิ่งนั้นและมันก็เปรียบได้กลับอารมณ์แบรนดอนในตอนนี้

    พระเจ้ามีจริงหรอ แบรนดอนกระซิบอย่างแผ่วเบา หวังว่าคำตอบนั้นอาจจะไม่จริง

    มีจริง พระเจ้าเป็นคนให้กำเนิดมนุษย์ โดยการใช้เทคโนโลยีกำเนิดจักรวาลโดยการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นมา โดยการสร้างมนุษย์นั้นพระเจ้าเอาพันธุกรรมมาดัดแปลงเป็นผู้ที่มีรูปร่างเหมือนพระเจ้าแต่กลับมีปีกไม่ นั้นคือการทดลองของพระเจ้า และในที่สุดพระเจ้าก็ให้กำเนิดเหล่ามนุษย์มีปีกที่พวกมนุษย์เรียกกันว่าเทวดา

    แบรนดอนตะลึงแต่ยังไม่เชื่อสักเท่าไรนัก

    แล้วซาตานละ ซาตานคืออะไร แบรนดอนพูดดังกว่าเดิมเพราะความอยากรู้

    ซาตาน คือ เทวทูตที่ตกสวรรค์โดยการลงโทษของพระเจ้า และเคียดแค้นพระองค์อย่างกู้คืนไม่ได้จึงทำให้ตนมีร่างกายสีแดงดุจดั่งเพลิง และปีกสีดำดั่งพื้นราตรีเดือนมืด.....

    มิคาเอลเว้นช่วง

    ไหนๆก็พูดแล้วข้าจะเล่าให้หมดเลย มิคาเอลทำหน้าบุ่ยเบ้อย่างเบื่อหน่ายราวกับเล่ามานับพันปี

    อัน ลูซิเฟอร์ บุตรองค์ที่หกแห่งพระเจ้าในสิบสามองค์ ได้ถูกลงโทษเพราะการกระทำอันไม่เหมาะสมกับนางในมนุษย์ ลูซิเฟอร์ได้หลงรักมนุษย์หัวปักหัวปำ ทุกสิ่งทุกอย่างลูซิเฟอร์หาให้นางได้ทั้งหมด ด้วยพลังที่พระเจ้าประทานให้ แต่ด้วยความไม่รู้จักพอของมนุษย์ แปรเปลี่ยนเป็นความละโมภดั่งหนูเฒ่าที่ค่อยขโมยของ

     มิคาเอลทำหน้าดูถูกมนุษย์ยิ่งนัก

    แต่ด้วยความที่ลูซิเฟอร์ได้เป็นลูกแห่งพระเจ้าท่านจึงไม่ได้กล่าวหาอะไรมากนัก และเทวทูตคนสำคัญในสมัยก็ไม่ได้ถือสาอะไรมากจนกระทั้งวันนึง

    มิคาเอล ทำหน้าเย่เก อย่างรับไม่ได้ และเว้นช่วงประมาณห้าวิ และบุรุษผู้นั้นจึงพูดต่อ

    แต่ด้วย ลูซิเฟอร์รักนางจนเกินไป นางเลยขอร้องให้ลูฟิเฟอร์พาไปอยู่นะทรวงสววรค์

    แต่มันขัดกับกฎข้อแรกอย่างสิ้นเชิง กฎข้อนั้นกล่าวไว้ว่าห้ามนำมนุษย์พามาบนดินแดนสวรรค์ในขณะที่มนุษย์ผู้นั้นมีชีวิต

    เดี๋ยวๆ คุณจะบอกว่า แบรนดอนพูดอย่างตะลึงงัน

    ใช่ชั้นจะบอกว่า ลูซิเฟอร์นำนางเข้ามาอย่างเงียบๆ แต่ด้วยความโลภของนางจึงพาครอบครัวทั้งตระกูลของนางมาด้วย

    แต่ด้วยที่พระเจ้ารู้ทัน จึงทำให้ลูซิเฟอร์ถูกจับได้อย่างเต็มตา พระองค์ทรงกริ้วมาก ไล่สาปนางผู้ละโมถ ให้ครอบครัวของนาง อมตะ ไม่มีการแก่การตาย ซ้ำยังหาความสุขทางเพศมิได้ รสชาติอาหารดั่งเหมือนอากาศที่ถูกผ่านท้องไปอย่างไร้รสชาติ มีชีวิตอยู่อย่างอัปปรี ไม่มีเกิด ไม่มีเจ็บ ไม่มีแก่ และแน่นอน มันไม่ตาย.......

    แน่ละ ตระกูลนั้น พนันได้เลยว่าตระกูลโนอาห์ แอนโทนี้พูดบ้าง เพราะการเล่านิทานเยี่ยงนี้มีมานับหลายพันปีแล้ว

    ทุกวันนี้มันใช้ชีวิตอย่างไม่มีสุข และไม่มีทุกข์ เป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุดที่ใครก็ตามไม่อยากสัมผัสเล็กน้อย ...แต่ด้วยความเมตตาของพระองค์ ทุกวันเพ็ญ พวกมันจะร้อนรุมดังไฟเผา ....ด้วยไฟแห่งนรกของพระองค์ เป็นสิ่งเดียวที่พวกมันจะมีความรู้สึก พวกมันกลับชอบ และจะโหยหวนอย่างมีความสุขทุกวันเพ็ญ

    แล้วลูซิเฟอร์ล่ะ แบรนดอนเริ่มคุ้นเคยและอินกับเรื่องเล่านี้มาก

    แน่นอน ลูซิเฟอร์แค้นพระผู้เป็นเจ้าอย่างเป็นที่สุด ลูซิเฟอร์สาบานว่า ข้าแต่พระองค์ ข้าจะเป็นดั่งเงามืดที่คอยแว้งกัดอยู่เสมอ เหมือนดั่งอสรพิษที่ไม่ปล่อยเหยื่อ ข้าจะตามราวี  ให้สวรรค์พินาศย่อยยับ   ตลอดกาลสิ้นเสียงลูซิเฟอร์นั่น ร่างของเค้ากลับแปรเปลี่ยนไปด้วยอำนาจแค้น ร่างกายแดงดุจดั่งเพลิงนรก ตาสีดำสนิดที่แฝงไปด้วยอาฆาตแห่งความรัก ปีกเทพด้านหลัง กลับกลายเป็นปีกสีราตรียามเดือนมืดสงิท เสียงอันหนุ่ม กลับกลายเป็นเสียงหยาบกระด้าง ยามที่ต้องหายใจ กลับมีไฟลนลานออกมา  พระเจ้าเห็นดั่งนั้นจึงเกิดความสงสารว่าลูกตกอำนาจรัก ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าก็ห้ามคนในสวรรค์มีความรักกัน ตั้งแต่นั้นเป็นตนมา

    อ่าว แล้วลูซิเฟอร์ล่ะ แบรนดอนสงสัยเหมือนเด็กถูกกล่อมเล่านิทาน

    มันใช้เล็บจิกหน้าผากมัน เขียนเลขหกเรียงกันสามตัว เพื่อแสดงถึงว่า เค้ายังเป็นลูกของพระเจ้าอยู่

    และได้ สร้างอาวุธชีวภาพขึ้นมาโดยสร้างปีศาจทั้ง 666 ตัวและในหกตัวนั้นมีคมดาบที่ปราบเทวทูตได้อยู่ เราจึงควรระวังยิ่งนัก และทั้งนี่ เจ้าจึงได้รับหน้าที่ๆปราบพวกปีศาจและเทวทูตตกสวรรค์ที่ชั่วร้ายให้หมดไป

    และทำไมถึงต้องเป็นข้าล่ะ แบรนดอนเริ่มงงและหวาดกลัวเล็กน้อย แน่ล่ะความกลัวต้องมีอยู่แล้วเพราะแบรนดอนมิได้เป็นนักรบแม้แต่น้อยนิด

    เรื่องนี้ข้าไม่รู้เป็นพระประสงค์แห่งพระเจ้า... สิ้นเสียงนั้น มิคาเอลได้หายไปในทันที

    แทบจะเรียกว่าเงียบเลยก็ว่าได้ เพราะแฝดคู่นั้นมิไดพูดอะไรเลย และแบรนดอนกำลังครุนคิดอย่างงงงวย

    แล้ว....ชั้นหลักเลี่ยงเรื่องนี้ได้ไหม แบรนดอนพูดกับแฝดอย่างเป็นมิตร

    ถึงท่านจะพยายามเท่าใด สักวันท่านจะวกกลับมาหามันอยู่ดี 

    มัน   ในที่นี่อะไรงั้นหรอเป็นอะไรที่แบรนดอนครุนคิดเป็นที่สุด

    แบรนดอนไม่ได้ถามว่าสู้อย่างไร แต่แบรนดอนกลับถามว่า

    มิคาเอลปิดบังอะไรชั้นมั้ย

    .............

    สองแฝดไม่กล่าวอะไร เพราะอยู่นอกเหนือหน้าที่ของตน

    แล้วชั้นจะสู้อย่างไร

    ในที่สุดแบรนดอนก็ต้องพูดคำๆนี้ออกมา  และมันปรากฎพร้อมกับร้อยยิ้มของแฝดคู่นั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×