ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Angel

    ลำดับตอนที่ #2 : พลัง และ ผู้หญิง

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 49


     

    แน่นอนล่ะ แบรนดอนเป็นคนที่ตื่นเช้า แต่ด้วยเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อคืนเค้าจึงต้องตื่นหลังเวลาประมาณสิบห้านาที

    บ้าจัง...ชั้นตื่นสาย แบรนดอนพูดขณะที่กำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

    อาหารเมื่อนั้นคือ เบคอน ไข่ดาวเหมือนเดิมและจำเจ

    อย่าเครียดเลยคุณหนู... เสนาธิการประจำบ้านนี้อยู่ข้างๆแบรนดอนพูด

    เออ ใช่ วันนี้วันเสาร์.........วันเกิดชั้น เค้าพูดและนึกคำเมื่อคืนที่คนมีปีกพูดออกมา

    ....ปีหน้างั้นหรอ......

    สาเหตุที่เค้าเชื่อพวกนี้เพราะว่าเค้าเจอขนนกที่ตกอยู่ข้างเตียงอันใหญ่ของเค้านั้นเองและประกอบไปด้วยแรงลมของคนมีปีกที่พัดกระน่ำในห้องนั้นจึงทำให้ห้องของแบรนดอนเลอะเทอะไปหมด...

    แล้วชั้นต้องรับคุณพ่อกับคุณแม่เวลาเท่าใด... แบรนดอนพูด และเค้าก้อลุกขึ้นจากโต๊ะรับประทานอาหารและบอกกับเสนาธิการว่า ไม่ดีกว่า...ชั้นไม่ไป การบ้านเยอะ เชิญ อัลเฟรดไปเถอะ

    แต่คุณหนู..นานๆ พ่อแม่ของคุณจะกลับจากบ้านซักทีนะครับ อัลเฟรดพูดเหมือนแบรนดอนไม่สมควรทำตัวแบบนี้

    ...........ยังไงชั้นก็ไม่ไป...เพราะชั้นจะทำงาน และอีกอย่างจะไปซื้อของที่ห้างด้วย......และอีกอย่าง

    ชั้นจะไปปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน แบรนดอนพูดอย่างรวดเร็ว และเดินไปชั้นบนพลางคิดในใจว่า  และอีกอย่าง ชั้นไม่มีเพื่อน นี่นา

    แต่อย่างไรก็ตามเค้าก็จะไม่โกหกในข้อแรกที่เค้าบอกอัลเฟรดไป เค้าขับรถออกจากบ้าน..และแน่นอนนี่เป็นการละเมิดกฎหมายอย่างเห็นได้ชัด เพราะการที่แบรนดอนอายุไม่ครบตามกำหนดของการขับรถ และประกอบด้วยยังไม่มีใบขับขี่อีก นี่ล่ะคือเหตุผลทำไมผิดกฏหมาย

    แต่ไม่ต้องหวงฝีมือการขับรถของเค้าดีพอสมควร

    เมื่อคืนเป็นจริงงั้นเรอะ เค้าทบทวนตัวเองอีกครั้ง บ้าน่าในโลกนี่จะมีคนที่มีปีกได้ไง ยกเว้นพวกเทวดา หรือไม่ก็อาจจะเป็นพวกโรคจิตก็ได้กระมัง ความคิดของเค้าเริ่มไต่ระดับ ยิ่งคิดยิ่งบ้า..

    คาลเอลงั้นเรอะชื่อยังกะ....หนังฝรั่งเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว

     แน่ละ ระยะทางของห้างและบ้านของแบรนดอนชั่งไกลประมาณแปดกิโลบวกกับสภาพจราจรย่ำแย่ทางรถ จึงทำให้แบรนดอนคิดอะไรได้ตั้งมากมายพอที่จะหาว่าตัวเองเป็นคนบ้า

    ในที่สุดแบรนดอนก็มาถึงห้างฯ

     

     

    เอาละ เราบอกอัดเฟรดว่าจะ....อ่ะ.... จู่ๆ เสียงของคนมากมายพุ่งเข้าหูแบรนดอน ท่ามกลางห้างฯ

    นี่ๆ ชั้นว่านะ วางระเบิดที่ห้างฯน่าจะมัน.. .. เสียงของผู้ชายใส่เสื้อสีแดง ไม่สิ เค้าไม่ได้ขยับปากด้วยซ้ำ แต่ทำไมแบรนดอนถึงได้ยิน..

    แบรนดอนต้องคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วแน่ๆ..และแน่นอนเค้าหาที่สงบได้ในร้านแมคโนเนลหน้าห้าง

    แต่เค้ายังไม่ยินเสียงของ...ไม่สิมันอาจจะเป็นความคิดในหัวของคน...แต่.....มันเป็นความคิดด้สนชั่วทั้งนั้น...

    กูจะตบอีนี้ให้ หน้าแหกเลย เดินชนกูไม่ขอโทษ..อีดอก... ความคิดผู้หญิงท่าทางแรดๆและมันเป็นไปตามนั้น ผู้หญิงทั้งสองตบกันในร้านแมคโนเนล แบรนดอนลุกขึ้นเค้าเริ่มปวดหัว...แต่เค้าก็ไม่ปวดหัวเพียงแต่อาจปรับสภาพไม่ได้เท่านั้นเอง

    โอย อีสัด

    โอย อีดอก

    โอย น่าขโมยว่ะ....

    โอ๊ย อีนี้ น่าเย็ดให้หีบานว่ะ.......

    โอ้ว สวยจังแฮะ

    น่าข่มขืนจังเลยน้องสาว..

     และเค้ามาคิดดูอีกทีว่า ทำไม เค้าไม่ได้ยินเสียงภายในอัลเฟรด...................................

    นิ่งไปชั่วนึง...................

    เพราะจับได้แต่ความชั่วเท่านั้นงั้นเรอะ น่าสนแฮะ พลังนี่

    เค้าเดินไปร้านซีเอ็ดบุ๊ค แต่แล้วก็ชนกลับสาวอายุราวคราวเดียวกับแบรนดอนขึ้น

    “Oh I’m sorry” เธอคนนั้นพูด......

    ผมไม่ได้เป็นชาวต่างชาติครับ แบรนดอนพูดพลางยิ้ม และเค้าไม่ได้ยินเสียงภายในจิตใจของเธอเลยยกเว้นคนรอบข้างในร้านซีเอ็ดฯ

    ดูหมือนเธอก็คงเป็นลูกครึ่งเช่นเดียวกันจะสังเกตสำเนียงภาษาอังกฤษของเธอและผมดำตาสีฟ้าซึ่งมันเป็นเสน่ห์ของลูกครึ่งอยู่แล้ว...

    คุณชื่ออะไรค่ะ... เธอคนนั้นพูด

    แบรนดอนจะตอบแต่ถูกขัดว่า โอย ชั้นแย่จังในการแนะนำตัวในหน้าร้อยสิบสองของหนังสือแนะนำตัวต้องบอกชื่อตัวเองก่อนนี่นาเธอหยุดไปพักนึกแล้วพูดว่า

    เคท เบิดส์วอนธ์ ...... แล้วคุณล่ะ

    แบรนดอน เราธ์

    ตายแล้วลูกครึ่งเหมือนชั้นเลย!” เคทโพลงออกมา

    และแน่นอนแบรนดอนต้องได้ยินสิ่งจากภายในผู้คนโพลงออกมาอย่างยิ่งใหญ่

    อีนี่รู้จักว่า ร้านหนังสือมั้ยว่ะ

    เกรงใจกันบ้างสิอีดอก

    อีเหี้ยแหกปากทำไมว่ะ

    และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้และกระซิบว่า

    ในหน้าแรกของการเข้าห้อง(ขาย)สมุดจะต้องเงียบไปไว้ก่อน บ้าจังชั้นลืมไปได้ไง

    แบรนดอนรู้แล้วว่าเธอเป็นคนใสซื่อมาก มากจนเซ่อเลยก็ว่าได้และอีกอย่างดูเหมือนเธอบ้าหนังสือยิ่งนัก........

    รูปร่างของเธอเพียวเหมือนนางแบบ ผมสีดำสลวย และมีนัยย์ตาสีฟ้าจะถูกบดบังด้วยแว่นอันหนาเตอะ  เธอจะดูดีมากถ้าเธอถอดแว่น

     

    ถึงแม้เธอจะพะวงกับหนังสือในร้านซีเอ๊ดฯ เพราะดูท่าทางเธอบ้าหนังสือเอามากๆแต่ แบรนดอนยังช่วยเธอแบกหนังสือที่จะซื้อ

    ว่าแต่ เคท บ้านเธออยู่ไหนหรอ เดี๋ยวชั้นไปส่งเพราะว่าเธอแบกอย่างนี้คงหนักแน่เลย แบรนดอนพูดและยิ้มอย่างมีเมตตา

    อ๋อได้สิได้ เธอเว้นช่วงเพราะการจ่ายเงินแกร้านหนังหนังสือและ เดินออกมานอกร้านหนังสือเพื่อเจอแบรนดอน

    แบรนดอนได้ยินเสียงจิตชั่วที่พรั่งพรู่ออกมาจาก ประชาชนทั่วไป แต่เค้ารับสภาพจิตได้อย่างดีเยี่ยมอาจเป็นเพราะ เค้าถูกปองร้ายตลอดเวลาคลุกเคล้ากับความเหงาของเค้าที่มีอยู่เสมอ

    ทั้งสองเดินมาถึงลานจอดรถโดยมีแบรนดอนถือหนังสือเต็มมือเค้าไปหมด

    ตายแล้ว ชั้นนี่ไร้มารยาทจริงๆ ต้องให้เธอแบกหนังสือไว้ เคทพูดและแย่งหนังสือจากแบรนดอน แบรนดอนกับพูดว่า ไม่เป็นไรหรอก นั้นไงรถผม เบนซ์เปิดประทุนสีแดง....

    คุณจะขับมันไปเองหรอ.เสียงเคทแสดงความรู้สึกไม่ไว้ใจแบรนดอนว่าจะขับรถได้จริงๆหรือเปล่า

    คุณรู้หรอว่าผมอายุเท่าไร.. แบรนดอนพูดอย่างรู้ทัน เคท นั้นอาจเป็นเพราเสียงจิตชั่วภายในใจ

    และแน่นอนความยังพบอีกว่า ความสามารถอันประหลาดนี้ยังจับความไม่แน่นอนของจิตใจได้ด้วย

    แหม ทำไมชั้นก็ไม่รู้ ชั้นอยู่โรงเรียนเดียวกับเธอนั้นแหละ เคทพูดพร้อมกับเสียงแบรนดอนเปิดประตูรถอันแสนแพง...

    ว้าย ชั้นนึกว่าเธอพูดเล่นซะอีก...นี่เธอมีรถแพงอย่างนี้จริงๆหรอ เคทพูดและวางหนังสือไว้เบาะหลังของรถ

    แบรนดอนเปิดประตูตามมารยาทของผู้ดีที่มักจะทำกัน

    เชิญครับ แบรนดอนพูดและโค้งให้

    เธอเข้าไปนั่งในเบาะข้างคนขับและแบรนดอนก็วิ่งอ้อมรถไปนั่ง ที่คนขับราวยังกะเป็นคนขับรถ

    คุณไว้ใจคนง่ายจังนะ แบรนดอนเปรยและสตารท์รถพร้อมกลับใส่เกียร์ R จึงทำให้รถถ่อยหลัง

    เค้าขับรถแบบผู้เชี่ยวชาญและที่สำคัญแบรนดอนเปิดแอร์ได้อย่างรวดมากจนเคทมองไม่ทัน

    คุณทำอย่างนั้นได้ไงอ่ะ มือคุณเร็วมาก เธอกะจะตอบแบรนดอนว่าเธอไว้ใจเค้าได้อย่างไร แต่กลับต้องตะลึงในความเร็วในการเปิดแอร์และสตารท์รถ

    อะไร ผมทำอะไร แบรนดอนยังทำน้ำเสียงหัวเราะใส่เคทอย่างนิดหน่อย ...แต่เคทกลับตัดบทด้วยการบอกเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไว้ใจเค้า

    ชั้นรู้สึกว่าเธอโปร่งใส ไม่ๆไม่ได้หมายถึงวิญญาณ แต่ว่า..ชั้นรู้สึกว่าเธออบอุ่นราวกับเทพบุตร

    สายตาเหม่อลอยภายในกรอบแว่นกับถูกปลุกด้วยเสียงของแบรนดอนที่นุ่มลึก

    ดูเหมือนเธออ่านหนังสือมากไป... แบรนดอนพูดและดูเหมือนว่าเค้ายังเชื่ออยู่นิด อาจเป็นเพราะไม่มีใครเคยชมเค้า และแน่นอนเค้าเพอเฟคจนคำชมเหมือน........คำพูดธรรมดาสำหรับแบรนดอน

    แบรนดอนได้ขับรถออกจากห้างประกอบกับคำบ่นเล็กๆน้อยๆของเคท

    บ้าน่า เธอพูดและมองวิวรอบข้างของถนนอันเต็มไปด้วยควันฟุ่ง

    บ้านเธออยู่ไหนอ่ะ..

    เบเวอรี่ฮิว ไทยแลนด์ 10/50 ชื่อบ้าน The Angle”

    อยู่หมู่บ้านเดียวกับผมเลยนะครับ และอีกอย่าง ผมรู้สึกคุ้นเคยบ้านนั้นจัง แบรนดอนพูดและยังยิ้มกริ่ม ทั้งๆที่หัวเค้าจะระเบิดเพราะจิตชั่วของมนุษย์พรุ่งมาอย่างรุนแรง

     

    นี่ผมจอดหน้าบ้านคุณแล้วนะ แบรนดอนปลุกเคทโดยการพูดเสียงดังแบบพอให้คนๆนึงตื่น

    ตายแล้ว..ชั้นไร้มารยาทจังเลย เคทพูดและเก็บแว่นกระเท่เร่ที่ยังคาหูเธออยู่

    บรรยากาศในเวลานั้นยามเย็นพอประมาณ เพราะรถติดเหลือหลายประกอบกับอุบัติเหตุที่เกิดในถนน มันเป็นอุบัติเหตุที่แปลกมาก

    เธอหันกลับไปเอาหนังสือในขณะที่ประตูหน้าบ้านเธอเปิดอยู่

    ให้ผมไปส่งคุณไหม

    คุณดีกับชั้นมากเลย รู้ไหมชั้นแทบไม่มีเพื่อนเลยนะ... ขอบใจนะ

    แววตาเธอเศร้าพอกับแบรนดอนและเธอสบสายตาแบรนดอนผ่านแว่นอันหนาเตอะ

    โดยหวังว่าสายตาน้ำเงินคู่นั้นจะวิงวอนไม่ให้เธอจากไป

    เธอเปิดประตูเอง หล่อนออกไป และปิดประตูด้วยตัวเธอเองพร้อมกับ ถอดแว่นอันหนานั้นทิ้งมันไป เธอเดินเค้าไปบ้านอันใหญ่โต และหันกลับมา ดวงตาสีฟ้าประกายสบตากับแบรนดอน

    ผมสีหมึกปลิ้วตามลม และแบรนดอนพึ่งสังเกตการแต่งตัวของเธอมันชั่งเค้ากับบ้านหลังนี้เหลือเกิน ประกอบด้วยสภาพอากาศยามอัสดงแห่งความรัก จึงทำให้ลูกครึ่งอย่างแบรนดอนตกหลุมรักเธออย่างเต็มที่ และพร้อมกับความรู้สึกที่พรั่งพรู่ออกมมา ว่า เธอชั่งสวยเหลือเกินบรรยาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×