คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พลัง และ ผู้หญิง
แน่นอนล่ะ แบรนดอนเป็นคนที่ตื่นเช้า แต่ด้วยเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อคืนเค้าจึงต้องตื่นหลังเวลาประมาณสิบห้านาที
“บ้าจัง...ชั้นตื่นสาย” แบรนดอนพูดขณะที่กำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
อาหารเมื่อนั้นคือ เบคอน ไข่ดาวเหมือนเดิมและจำเจ
“อย่าเครียดเลยคุณหนู...” เสนาธิการประจำบ้านนี้อยู่ข้างๆแบรนดอนพูด
“เออ ใช่ วันนี้วันเสาร์.........วันเกิดชั้น” เค้าพูดและนึกคำเมื่อคืนที่คนมีปีกพูดออกมา
....ปีหน้างั้นหรอ......
สาเหตุที่เค้าเชื่อพวกนี้เพราะว่าเค้าเจอขนนกที่ตกอยู่ข้างเตียงอันใหญ่ของเค้านั้นเองและประกอบไปด้วยแรงลมของคนมีปีกที่พัดกระน่ำในห้องนั้นจึงทำให้ห้องของแบรนดอนเลอะเทอะไปหมด...
“แล้วชั้นต้องรับคุณพ่อกับคุณแม่เวลาเท่าใด...” แบรนดอนพูด และเค้าก้อลุกขึ้นจากโต๊ะรับประทานอาหารและบอกกับเสนาธิการว่า “ไม่ดีกว่า...ชั้นไม่ไป การบ้านเยอะ เชิญ อัลเฟรดไปเถอะ”
“แต่คุณหนู..นานๆ พ่อแม่ของคุณจะกลับจากบ้านซักทีนะครับ” อัลเฟรดพูดเหมือนแบรนดอนไม่สมควรทำตัวแบบนี้
“...........ยังไงชั้นก็ไม่ไป...เพราะชั้นจะทำงาน และอีกอย่างจะไปซื้อของที่ห้างด้วย......และอีกอย่าง
ชั้นจะไปปร้องคาราโอเกะกับเพื่อน” แบรนดอนพูดอย่างรวดเร็ว และเดินไปชั้นบนพลางคิดในใจว่า ‘และอีกอย่าง ชั้นไม่มีเพื่อน นี่นา’
แต่อย่างไรก็ตามเค้าก็จะไม่โกหกในข้อแรกที่เค้าบอกอัลเฟรดไป เค้าขับรถออกจากบ้าน..และแน่นอนนี่เป็นการละเมิดกฎหมายอย่างเห็นได้ชัด เพราะการที่แบรนดอนอายุไม่ครบตามกำหนดของการขับรถ และประกอบด้วยยังไม่มีใบขับขี่อีก นี่ล่ะคือเหตุผลทำไมผิดกฏหมาย
แต่ไม่ต้องหวงฝีมือการขับรถของเค้าดีพอสมควร
เมื่อคืนเป็นจริงงั้นเรอะ เค้าทบทวนตัวเองอีกครั้ง บ้าน่าในโลกนี่จะมีคนที่มีปีกได้ไง ยกเว้นพวกเทวดา หรือไม่ก็อาจจะเป็นพวกโรคจิตก็ได้กระมัง ความคิดของเค้าเริ่มไต่ระดับ ยิ่งคิดยิ่งบ้า..
คาลเอลงั้นเรอะชื่อยังกะ....หนังฝรั่งเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว
แน่ละ ระยะทางของห้างและบ้านของแบรนดอนชั่งไกลประมาณแปดกิโลบวกกับสภาพจราจรย่ำแย่ทางรถ จึงทำให้แบรนดอนคิดอะไรได้ตั้งมากมายพอที่จะหาว่าตัวเองเป็นคนบ้า
ในที่สุดแบรนดอนก็มาถึงห้างฯ
เอาละ เราบอกอัดเฟรดว่าจะ....อ่ะ.... จู่ๆ เสียงของคนมากมายพุ่งเข้าหูแบรนดอน ท่ามกลางห้างฯ
นี่ๆ ชั้นว่านะ วางระเบิดที่ห้างฯน่าจะมัน.. .. เสียงของผู้ชายใส่เสื้อสีแดง ไม่สิ เค้าไม่ได้ขยับปากด้วยซ้ำ แต่ทำไมแบรนดอนถึงได้ยิน..
แบรนดอนต้องคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วแน่ๆ..และแน่นอนเค้าหาที่สงบได้ในร้านแมคโนเนลหน้าห้าง
แต่เค้ายังไม่ยินเสียงของ...ไม่สิมันอาจจะเป็นความคิดในหัวของคน...แต่.....มันเป็นความคิดด้สนชั่วทั้งนั้น...
กูจะตบอีนี้ให้ หน้าแหกเลย เดินชนกูไม่ขอโทษ..อีดอก... ความคิดผู้หญิงท่าทางแรดๆและมันเป็นไปตามนั้น ผู้หญิงทั้งสองตบกันในร้านแมคโนเนล แบรนดอนลุกขึ้นเค้าเริ่มปวดหัว...แต่เค้าก็ไม่ปวดหัวเพียงแต่อาจปรับสภาพไม่ได้เท่านั้นเอง
โอย อีสัด
โอย อีดอก
โอย น่าขโมยว่ะ....
โอ๊ย อีนี้ น่าเย็ดให้หีบานว่ะ.......
โอ้ว สวยจังแฮะ
น่าข่มขืนจังเลยน้องสาว..
และเค้ามาคิดดูอีกทีว่า ทำไม เค้าไม่ได้ยินเสียงภายในอัลเฟรด...................................
นิ่งไปชั่วนึง...................
เพราะจับได้แต่ความชั่วเท่านั้นงั้นเรอะ น่าสนแฮะ พลังนี่
เค้าเดินไปร้านซีเอ็ดบุ๊ค แต่แล้วก็ชนกลับสาวอายุราวคราวเดียวกับแบรนดอนขึ้น
“Oh I’m sorry” เธอคนนั้นพูด......
“ผมไม่ได้เป็นชาวต่างชาติครับ” แบรนดอนพูดพลางยิ้ม และเค้าไม่ได้ยินเสียงภายในจิตใจของเธอเลยยกเว้นคนรอบข้างในร้านซีเอ็ดฯ
ดูหมือนเธอก็คงเป็นลูกครึ่งเช่นเดียวกันจะสังเกตสำเนียงภาษาอังกฤษของเธอและผมดำตาสีฟ้าซึ่งมันเป็นเสน่ห์ของลูกครึ่งอยู่แล้ว...
“คุณชื่ออะไรค่ะ...” เธอคนนั้นพูด
แบรนดอนจะตอบแต่ถูกขัดว่า “โอย ชั้นแย่จังในการแนะนำตัวในหน้าร้อยสิบสองของหนังสือแนะนำตัวต้องบอกชื่อตัวเองก่อนนี่นา”เธอหยุดไปพักนึกแล้วพูดว่า
“เคท เบิดส์วอนธ์” ...... “แล้วคุณล่ะ”
“แบรนดอน เราธ์”
“ตายแล้วลูกครึ่งเหมือนชั้นเลย!” เคทโพลงออกมา
และแน่นอนแบรนดอนต้องได้ยินสิ่งจากภายในผู้คนโพลงออกมาอย่างยิ่งใหญ่
อีนี่รู้จักว่า ร้านหนังสือมั้ยว่ะ
เกรงใจกันบ้างสิอีดอก
อีเหี้ยแหกปากทำไมว่ะ
และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้และกระซิบว่า
“ในหน้าแรกของการเข้าห้อง(ขาย)สมุดจะต้องเงียบไปไว้ก่อน บ้าจังชั้นลืมไปได้ไง”
แบรนดอนรู้แล้วว่าเธอเป็นคนใสซื่อมาก มากจนเซ่อเลยก็ว่าได้และอีกอย่างดูเหมือนเธอบ้าหนังสือยิ่งนัก........
รูปร่างของเธอเพียวเหมือนนางแบบ ผมสีดำสลวย และมีนัยย์ตาสีฟ้าจะถูกบดบังด้วยแว่นอันหนาเตอะ เธอจะดูดีมากถ้าเธอถอดแว่น
ถึงแม้เธอจะพะวงกับหนังสือในร้านซีเอ๊ดฯ เพราะดูท่าทางเธอบ้าหนังสือเอามากๆแต่ แบรนดอนยังช่วยเธอแบกหนังสือที่จะซื้อ
“ว่าแต่ เคท บ้านเธออยู่ไหนหรอ เดี๋ยวชั้นไปส่งเพราะว่าเธอแบกอย่างนี้คงหนักแน่เลย” แบรนดอนพูดและยิ้มอย่างมีเมตตา
“อ๋อได้สิได้” เธอเว้นช่วงเพราะการจ่ายเงินแกร้านหนังหนังสือและ เดินออกมานอกร้านหนังสือเพื่อเจอแบรนดอน
แบรนดอนได้ยินเสียงจิตชั่วที่พรั่งพรู่ออกมาจาก ประชาชนทั่วไป แต่เค้ารับสภาพจิตได้อย่างดีเยี่ยมอาจเป็นเพราะ เค้าถูกปองร้ายตลอดเวลาคลุกเคล้ากับความเหงาของเค้าที่มีอยู่เสมอ
ทั้งสองเดินมาถึงลานจอดรถโดยมีแบรนดอนถือหนังสือเต็มมือเค้าไปหมด
“ตายแล้ว ชั้นนี่ไร้มารยาทจริงๆ ต้องให้เธอแบกหนังสือไว้” เคทพูดและแย่งหนังสือจากแบรนดอน แบรนดอนกับพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก นั้นไงรถผม เบนซ์เปิดประทุนสีแดง....”
“คุณจะขับมันไปเองหรอ.”เสียงเคทแสดงความรู้สึกไม่ไว้ใจแบรนดอนว่าจะขับรถได้จริงๆหรือเปล่า
“คุณรู้หรอว่าผมอายุเท่าไร..” แบรนดอนพูดอย่างรู้ทัน เคท นั้นอาจเป็นเพราเสียงจิตชั่วภายในใจ
และแน่นอนความยังพบอีกว่า ความสามารถอันประหลาดนี้ยังจับความไม่แน่นอนของจิตใจได้ด้วย
“แหม ทำไมชั้นก็ไม่รู้ ชั้นอยู่โรงเรียนเดียวกับเธอนั้นแหละ” เคทพูดพร้อมกับเสียงแบรนดอนเปิดประตูรถอันแสนแพง...
“ว้าย ชั้นนึกว่าเธอพูดเล่นซะอีก...นี่เธอมีรถแพงอย่างนี้จริงๆหรอ” เคทพูดและวางหนังสือไว้เบาะหลังของรถ
แบรนดอนเปิดประตูตามมารยาทของผู้ดีที่มักจะทำกัน
“เชิญครับ” แบรนดอนพูดและโค้งให้
เธอเข้าไปนั่งในเบาะข้างคนขับและแบรนดอนก็วิ่งอ้อมรถไปนั่ง ที่คนขับราวยังกะเป็นคนขับรถ
“คุณไว้ใจคนง่ายจังนะ” แบรนดอนเปรยและสตารท์รถพร้อมกลับใส่เกียร์ R จึงทำให้รถถ่อยหลัง
เค้าขับรถแบบผู้เชี่ยวชาญและที่สำคัญแบรนดอนเปิดแอร์ได้อย่างรวดมากจนเคทมองไม่ทัน
“คุณทำอย่างนั้นได้ไงอ่ะ มือคุณเร็วมาก” เธอกะจะตอบแบรนดอนว่าเธอไว้ใจเค้าได้อย่างไร แต่กลับต้องตะลึงในความเร็วในการเปิดแอร์และสตารท์รถ
“อะไร ผมทำอะไร” แบรนดอนยังทำน้ำเสียงหัวเราะใส่เคทอย่างนิดหน่อย ...แต่เคทกลับตัดบทด้วยการบอกเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไว้ใจเค้า
“ชั้นรู้สึกว่าเธอโปร่งใส ไม่ๆไม่ได้หมายถึงวิญญาณ แต่ว่า..ชั้นรู้สึกว่าเธออบอุ่นราวกับเทพบุตร”
สายตาเหม่อลอยภายในกรอบแว่นกับถูกปลุกด้วยเสียงของแบรนดอนที่นุ่มลึก
“ดูเหมือนเธออ่านหนังสือมากไป...” แบรนดอนพูดและดูเหมือนว่าเค้ายังเชื่ออยู่นิด อาจเป็นเพราะไม่มีใครเคยชมเค้า และแน่นอนเค้าเพอเฟคจนคำชมเหมือน........คำพูดธรรมดาสำหรับแบรนดอน
แบรนดอนได้ขับรถออกจากห้างประกอบกับคำบ่นเล็กๆน้อยๆของเคท
“บ้าน่า” เธอพูดและมองวิวรอบข้างของถนนอันเต็มไปด้วยควันฟุ่ง
“บ้านเธออยู่ไหนอ่ะ..”
“เบเวอรี่ฮิว ไทยแลนด์ 10/50 ชื่อบ้าน The Angle”
“อยู่หมู่บ้านเดียวกับผมเลยนะครับ และอีกอย่าง ผมรู้สึกคุ้นเคยบ้านนั้นจัง” แบรนดอนพูดและยังยิ้มกริ่ม ทั้งๆที่หัวเค้าจะระเบิดเพราะจิตชั่วของมนุษย์พรุ่งมาอย่างรุนแรง
“นี่ผมจอดหน้าบ้านคุณแล้วนะ” แบรนดอนปลุกเคทโดยการพูดเสียงดังแบบพอให้คนๆนึงตื่น
“ตายแล้ว..ชั้นไร้มารยาทจังเลย” เคทพูดและเก็บแว่นกระเท่เร่ที่ยังคาหูเธออยู่
บรรยากาศในเวลานั้นยามเย็นพอประมาณ เพราะรถติดเหลือหลายประกอบกับอุบัติเหตุที่เกิดในถนน มันเป็นอุบัติเหตุที่แปลกมาก
เธอหันกลับไปเอาหนังสือในขณะที่ประตูหน้าบ้านเธอเปิดอยู่
“ให้ผมไปส่งคุณไหม”
“คุณดีกับชั้นมากเลย รู้ไหมชั้นแทบไม่มีเพื่อนเลยนะ... ขอบใจนะ”
แววตาเธอเศร้าพอกับแบรนดอนและเธอสบสายตาแบรนดอนผ่านแว่นอันหนาเตอะ
โดยหวังว่าสายตาน้ำเงินคู่นั้นจะวิงวอนไม่ให้เธอจากไป
เธอเปิดประตูเอง หล่อนออกไป และปิดประตูด้วยตัวเธอเองพร้อมกับ ถอดแว่นอันหนานั้นทิ้งมันไป เธอเดินเค้าไปบ้านอันใหญ่โต และหันกลับมา ดวงตาสีฟ้าประกายสบตากับแบรนดอน
ผมสีหมึกปลิ้วตามลม และแบรนดอนพึ่งสังเกตการแต่งตัวของเธอมันชั่งเค้ากับบ้านหลังนี้เหลือเกิน ประกอบด้วยสภาพอากาศยามอัสดงแห่งความรัก จึงทำให้ลูกครึ่งอย่างแบรนดอนตกหลุมรักเธออย่างเต็มที่ และพร้อมกับความรู้สึกที่พรั่งพรู่ออกมมา ว่า เธอชั่งสวยเหลือเกินบรรยาย
ความคิดเห็น