ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF COLLECT ll FTIsland ll B.A.P.

    ลำดับตอนที่ #1 : ✖ FTIsland ✖ Sakura Drops

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 55


    Sakura Drops



    Photobucket



     
     




    PART : One Shot 
    Rating : Guess :D
    BGM : Sakura Drops - Utada Hikaru
    Note : SongFic =)




    เวลาเที่ยงคืนในกรุงโซล ดวงไฟสีแสบสันส่องแสงสว่างตามหน้าที่ของมัน
    เป็นช่วงเวลาหลับใหลของหลายคน และยังเป็นช่วงเวลาเริงร่าของอีกหลายๆคน
    ร่างบางชะโงกหน้าผ่านระเบียงเหล็กของคอนโดชั้นที่ 37 มองดูการเคลื่อนไหวของแสงไฟและรถราอย่างเหม่อลอย
    แม้ว่าจะดึกดื่นแค่ไหนสำหรับคนที่ต้องตื่นไปเรียนต่อในวันพรุ่งนี้ แต่เขาก็ไม่อาจข่มตาหลับไปได้
    เพราะภาพของเรื่องราวเก่าๆที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่ขาดสาย…
    เสียงร้องจากโทรศัพท์สีขาวสะอาดแย่งความสนใจจากพื้นถนนเบื้องล่าง
    หลังจากคุยธุระเสร็จแล้ว เขาก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะกับการออกไปข้างนอก
    การโทรมาชวนไปไนต์คลับในเวลาแบบนี้ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทจริงๆคงเสียมารยาท 
    และเพราะเป็นช่วงที่เขาไม่สามารถจัดการกับสิ่งที่อยู่ในหัวตัวเองได้เลย จึงเลือกที่จะไม่ปฏิเสธ


    “ทางนี้ !” 


    เสียงเรียกดังมาจากมุมหนึ่งของไนต์คลับ
    โอ วอนบินยังคงถูกรายล้อมไว้ด้วยหญิงสาวมากมายเช่นเคย
    หลายครั้งที่เขาถามตัวเองในใจ ว่าเมื่อไหร่ไอ้เพื่อนคนนี้จะหยุดอยู่ที่ใครซักคน
    แต่ทำได้เพียงหัวเราะเยาะความคิดงี่เง่าของตัวเอง แล้วก็ตอบคำถามนั้นว่าไม่มีทาง

    “ทำไมถึงเรียกมาดึกๆล่ะ ?” 

    เอ่ยถามหลังจากนั่งลงและรับเครื่องดื่มที่อีกฝ่ายส่งมาให้

    “ก็แค่เบื่อๆ แล้วอีกอย่างพวกนั้นก็กลับกันไปหมดแล้ว”

    อีกฝ่ายตอบกลับมาเรียบง่าย เขาเข้าใจดีกับการเรียกเพื่อนๆ ว่า 
    ‘พวกนั้น’ แต่เมื่อมองไปรอบกายของคนตรงหน้าแล้ว 
    ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘ เพื่อน’ อย่างเขาเลยนี่นา...

    “อ้อ” 

    ถึงอย่างนั้นก็พยักหน้าแล้วยกแก้วขึ้นจรดปากเงียบๆ
    ดวงตาสีน้ำตาลราวลูกแก้วกวาดมองไปทั่วไนต์คลับ 
    ดึกขนาดนี้ แต่ผู้คนมากมายยังคงร่ายรำอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
    สลัดความทุกข์ทั้งปวงผ่านการขยับทุกส่วนบนร่างกายไปตามจังหวะของเสียงเพลง
    ที่นี่.. อาจถูกมองว่าเป็นแหล่งมอมเมา
    แต่จริงๆแล้ว แหล่งมอมเมาแห่งนี้เปรียบเหมือนที่ล้างทุกข์ 
    มันคือ โบสถ์มืด

    “เดี๋ยวมานะ”

    แล้วคนที่โทรเรียกเขามา ก็หายไปกลางฟลอกับสาวๆที่รายล้อมเมื่อครู่
    อาจจะมีบางคนในกลุ่มนั้นมองมาที่เขาอย่างสนใจ 
    หากแต่ไม่ได้รับความสนใจจากเขากลับก็เท่านั้น...

    เครื่องดื่มอีกแก้วถูกส่งมาจากมือของบาเทนเดอร์หลังได้รับคำสั่ง..
    กำลังจะเทมันลงคออีกครั้งหากไม่มีเสียงหนึ่งเรียกไว้

    “มาคนเดียวเหรอครับ ?”

    ชายหนุ่มผิวขาวราวน้ำนม แสงสว่างเปล่งประกายออกมาจากร่างนั้นในทุกๆอิริยาบถ
    กำลังคลี่ยิ้มหวานส่งมาให้เขา

    “เปล่า ผมมากับเพื่อน”

    ตอบไปตามมารยาท อันที่จริงถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของเขาด้วยซ้ำ 
    เพราะสนใจคนคนนี้เป็นพิเศษหรอกนะ

    “แล้วเพื่อนคุณไปไหนซะล่ะ ?”

    มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายก็สนใจเขาเหมือนกันจึงถามต่อ และถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม

    “นั่นไง”

    ฮงกีตวัดสายตาไปที่กลางฟลอโดยไม่เจาะเป้าหมาย แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจ
    เรื่องของฟลอเต้นรำคงจะจบไปแค่นั้น 
    ถ้าหากลูกแก้วสีน้ำตาลสวยไม่ได้ไปสะดุดเข้ากับภาพของใครคนหนึ่ง
    ใครคนนั้นกำลังกอดรัดกับหญิงสาวร่างเล็กอยู่กลางฟลอ 
    การคุกคามที่ไร้วิธีปฏิเสธซึ่งเขาเองเข้าใจดีเพราะเคยได้รับมัน
    ในวันนี้ กลับกลายเป็นคนอื่นที่ได้รับสิ่งที่เคยเป็นของเขามาก่อน !

    มือเรียวยกแก้วเหล้าขึ้นจรดปากแล้วดื่มทันที

    “เหมือนจะมีเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจนะ”

    ใช่.. มี เยอะแยะเลยด้วย ..
    แต่เขาไม่อาจจะบอกเล่าแก่คนแปลกหน้าให้รับรู้
    เรื่องของเขา กับ ‘จอง ยงฮวา’ มันจบไปนานแล้ว

    “นายมีเรื่องจะพูดแค่นี้เหรอ ?”

    ฤทธิ์เหล้าแก้วที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ทำให้ฮงกีถามออกไปอย่างรำคาญ
    ช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวดแบบนี้ ทั้งๆที่มีคนอยู่ข้างหน้าให้ระบาย แต่เขาก็ไม่อาจทำได้
    ดังนั้น.. วิธีที่ดีที่สุด คือการไล่คนคนนั้นไปให้พ้น
    เพื่อไม่ให้ตัวเองทนความต้องการที่จะระบายความอัดอั้นออกมาไม่ไหว...

    “จริงๆคุณน่าจะรู้นะว่าผมสนใจคุณ ...”

    เป็นประโยคที่ราบเรียบ ไม่มีรอยยิ้มขี้เล่นเกิดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
    มีเพียงนัยน์ตาพราวที่มองมาอย่างชักชวน

    ไหนๆคืนนี้ความหวังสุดท้ายก็สิ้นสุดลงไปแล้ว
    คนที่เขาเฝ้ารอว่าจะกลับมากำลังทำลายความหวังของเขาให้เห็นกันจะจะ

    ถ้าจะสลัดเรื่องทั้งหมดทิ้งไป
    แล้วลองเล่นไปตามเกมของผู้ชายคนนี้คงไม่เสียหายมากหรอก

    “หึ.. จริงๆก็รู้
    แค่รอว่าเมื่อไหร่จะบอก :)”

    ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกัน
    ก่อนที่เหล้าแก้วสุดท้ายจะหมดไป....


    “แฮ่ก....”

    เสียงหอบหายใจหลังจากสองริมฝากที่เกี่ยวพันอยู่ถอนออกจากกัน
    ดวงตาสั่นระริกจ้องมองกันอย่างมีความหมาย
    แม้นี่จะเป็นค่ำคืนแรกของทั้งสองคน 
    แต่จงฮุนกลับรู้สึกว่าเขาต้องการผู้ชายตรงหน้ามากมายเหลือเกิน

    ส่วนฮงกี เขาเองไม่อยากเชื่อ
    ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ จะทำให้ร่างกายของเขาร้อนจนแทบระเบิดได้ขนาดนี้...

    ไม่เว้นเวลาสำหรับการหายใจนานมากนัก
    จงฮุนประกบปากครอบงำริมฝีปากของร่างบางอีกครั้ง
    ทุกครั้งที่ผิวปากเสียดสีกัน ก่อให้เกิดอุณหภูมิที่สูงลิ่วขึ้นในร่างกายของคนทั้งคู่

    มือที่สั่นเทาเพราะความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างไม่สามารถหยุดยั้ง
    เริ่มทึ้งเสื้อผ้าให้ออกจากร่างบางของฮงกีอย่างร้อนรน
    ผิวสัมผัสที่แสนดึงดูดนี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะไปซุกไซร้อยู่กับซอกคอขาว
    ขยี้และขบกัดแสดงความเป็นเจ้าของ
    ก่อนจะลากริมฝีปากเสียดผิวกายของอีกฝ่ายจนร้อนซ่านไปทั่วและขบตรงยอดอกจนร่างบางสะดุ้ง

    “อะ...อ๊า”


    แม้เป็นเพียงการปลุกเร้า
    แต่ร่างกายของฮงกีก็กระเส่าจนต้องครางออกมา
    จงฮุนไม่อยากให้ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนต้องทนกับความต้องการมากไปกว่านี้
    เหมือนๆกับเขา ที่ไม่อยากรอคอยอีกแล้ว
    มือขาวลากซิปลงก่อนจะปัดกางเกงของฮงกีหยุดออกจากตัว
    และทำท่าว่าจะถอดของตัวเองออกเช่นกันหากฮงกีไม่ปรามไว้ก่อน

    เขายั้งมือของจงฮุนไว้
    และใช้ปากของตัวเองกัดซิปแล้วรูดลงตามแนว จนจงฮุนคลี่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

    เขาเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง
    ด้วยการผลักฮงกีให้ล้มลงไปบนเตียง และละเลงจูบไปทั่วร่างที่แสนหอมหวานนี้

    เชว จงฮุน

    ผู้ชายคนนี้ช่างมีอิทธิพลกับร่างกายของเขาเหลือเกิน
    เพียงค่ำคืนเดียวทำให้อยากตอบสนอง
    แม้จะมีภาพของอดีตที่แสนเจ็บปวดลอยเข้ามาให้หัวอยู่ตลอดเวลา
    แต่ทุกสัมผัสทำให้สตินั้นพร่าเลือน...
    และตอบสนองกลับไปทุกครั้ง

    ร่างบางสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้รับการปลุกเร้าบริเวณจุดอ่อน
    การโลมเลียเป็นเวลานานทำให้อารมณ์ของฮงกีพุ่งสูง
    และจิกผมของจงฮุนไว้อย่างลืมตัว

    อีกฝ่ายกลับพึงพอใจ และดำเนินการโลมเลียต่อไปเรื่อยๆ
    จนเริ่มที่จะทดลองช่องทางตรงหน้า

    อีกครั้งที่ร่างกายสั่นสะท้าน
    เมื่อรับรู้ว่าชิ้นส่วนของอีกคนเข้ามาอยู่ในร่างกายของเขาแล้ว
    การขยับเข้าออกเป็นจังหวะนำพาอารมณ์ขึ้นสูงสุด จนร่างหายหลั่งน้ำสีขาวขุ่นออกมา
    เปรอะเปื้อนไปทั่วที่นอน และร่างของตัวเองกับอีกฝ่าย

    หลังจากนั้นไม่นานของเหลวแบบเดียวกัน
    ก็ถูกขับออกมาจากร่างกายของจงฮุน มันถูกละเลงไปทั่วช่องขาของฮงกี
    และไหลซึมเข้าไปข้างในช่องทางอารมณ์จนอีกฝ่ายร้อนวาบ

    “......”

    เสียงหอบหายใจหลังการปฏิบัติรักเสร็จลง
    ลมหายใจร้อนผ่าวของจงฮุนถูกพ่นออกมาข้างๆใบหน้าสวย

    ฮงกีเชยตาขึ้นมองคนที่ทำให้อารมณ์ของเขาร้อนเร่า
    และครอบครองร่างกายของเขาทั้งๆที่รู้จักกันได้เพียงคืนเดียวอย่างสงสัย...
    เขาจะดีกับเราแบบนี้แค่คืนนี้รึเปล่านะ ...

    แล้วหัวใจของฮงกีก็ต้องทำงานไม่เป็นจังหวะอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของจงฮุน

    “ถ้าหากว่าคุณยังไม่มีใคร
    ให้ผมเป็นคนที่อยู่ข้างๆคุณได้ไหม ?”


    สิ้นประโยค หัวใจที่ร้อนรุ่มไปด้วยความสงสัย
    ก็สงบลง และรู้สึกเหมือนมีลมอุ่นๆพัดไปมาในนั้น
    ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดใจ


    “......”

    ยังไม่กล้าเอ่ยตอบออกไป จะถูกมองว่าใจง่ายรึเปล่านะถ้าตอบตกลง ?


    “ยังเร็วเกินไปใช่ไหม ? สำหรับคืนเดียวที่เรารู้จักกัน...
    ผมไม่ใช่คนที่จะติดใจอะไรง่ายๆหรอกนะ.. แต่คุณน่ะ ทำให้ผมติดจนเรียกว่าคลั่งเลย...
    ผมว่านับจากคืนนี้ ผมคงต้องการคุณทุกวันแน่ๆ”

    คำพูดที่แอบแทะโลมเล็กน้อยทำเอาใบหูร้อนวูบ
    ก่อนจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ราวกับคำยั่วยวน...

    “ผมก็รู้สึกดีที่ได้จูบคุณ หรือว่าถูกคุณกอด...
    ใจง่ายใช่ไหม ? แต่ผมยังต้องการมากกว่านั้นอีกนะ... :)”


    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ที่เหมือนเป็นทั้งการตอบรับและยั่วยวน
    ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้


    สำหรับฮงกีแล้ว ความรักนั้นก็เปรียบเหมือนกลีบดอกไม้
    งดงามและร่วงโรยได้ตลอดเวลา...
    ความทรงจำที่แสนเจ็บปวดที่ยงฮวาทิ้งไว้ให้
    ทำให้เขาได้เรียนรู้ แต่มันก็ได้ร่วงลงจากต้นไปแล้ว


    ตอนนี้มีกลีบซากุระดอกไหม้ที่พร้อมผลิบาน…
    หากเพียงเขาใส่ใจดูแลซากุระต้นนี้ให้มากกว่าเดิมสักนิด
    บางที... มันอาจจะกลายเป็นกลีบซากุระที่สวยงามและยั่งยืนก็ได้....


    จงฮุนเริ่มรุกเร้าอีกครั้งเมื่อได้คำตอบที่พอใจ
    ฮงกีเองก็พร้อมที่จะตอบสนอง แต่ก็แอบคิดไปถึงใบหน้าของเพื่อนสนิท
    ที่กลับมาแล้วไม่เจอเขาอยู่ที่โต๊ะ


    โดยไม่รู้เลยว่า วอนบินเอง
    ก็ได้เริ่มต้นปล่อยให้ซากุระดอกใหม่ผลิบานอย่างยั่งยืนกับใครคนหนึ่งจากฟลอเต้นรำในค่ำคืนเดียวกัน


    ดอกไม้ร่วงโรยผลิบาน
    ต่างวนเวียนกันไปอย่างนี้..
    ความรัก เริ่มต้น จบลง...
    เปรียบดังการฉายหนังเรื่องเก่า...



    อยู่ที่เราจะดูแลรักษาดอกไม้นั้นให้ผลิบานอย่างงดงามได้นานแค่ไหนเท่านั้นเอง....



    ----------------------------------------------------------------

    เรื่องแรกที่แต่งเอ็นซี จำได้ว่าตอนนั้นเขินและกังวลมากว่าจะออกมาเป็นยังไง
    จะโดนหาว่าแก่แดดมั้ย ไม่กล้ากลับไปอ่านทวนด้วย พอตอนนี้ก็เริ่มเฉย -/- (เปลี่ยนไปเยอะนะคนเรา)
    เรื่องนี้แต่งเมื่อ 07.AUG.2011 ผ่านไปครบปีเรียบร้อยแล้ว *ฮ่า~


    ขอบคุณที่เข้ามาค่ะ =)
    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×