ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซุปเปอร์แมน กับพระธุดงค์

    ลำดับตอนที่ #1 :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 33
      0
      27 มี.ค. 57

     

    ซุปเปอร์แมน กับพระธุดงค์

     

     

     

    ตอน ดูหนังดูตัว

     

     

     

     

                ที่นี่คงเป็นโรงหนังชั้นสอง หนึ่งในไม่กี่ที่ ที่ยังคงดำรงกิจการอยู่ในยุคนี้

    โรงหนังชั้นสองมีอะไรมากกว่าที่จะแค่เข้าไปดูหนัง บางคนที่ซื้อตั๋วเข้าไปในโรง ก็ไม่ได้คาดว่าจะเข้าไปดูหนังสักเท่าไหร่ ด้วยราคาที่ประหยัดบางคนจึงแค่อาจจะเข้าไปงีบหลับ เอนหลัง หรือหลบอากาศร้อน ฉันก็เช่นกัน...

                ที่เข้ามาก็รู้สึกอาลัยในความทรงจำบางอย่าง ที่ยากจะสลัดออกจากหัว ในสมองของฉันนี้เป็นก้อนธาตุอะไรก็ไม่ทราบได้ แต่มันสามารถบันทึกเหตุการณ์หลากหลายไว้ได้ ในสมองของฉันนี้มันบันทึกอะไรตามใจมันโดยไม่สนว่าฉันอยากจะจำหรือไม่ ถ้าวิทยาศาสตร์ค้นพบได้ว่า สสารตัวใดที่ทำให้สมองปราดเปรื่อง ในโลกนี้ก็คงเต็มไปด้วยคนฉลาด แต่ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากให้คิดค้นให้ได้ก่อนว่า ทำอย่างไรเราจึงสามารถบังคับให้สมองจำแต่เรื่องที่อยากจะจำ

                ฉันเคยได้ยินจากหนังเรื่องไหนสักเรื่องที่ว่า ราคาค่างวดทั้งมวลร่างกายของคนเรานี้ เมื่อย่อยสลายแล้วขายเป็นธาตุ จะมีราคาแค่สองร้อยกว่าบาทเท่านั้นเอง ร่างกายของคนเราที่ต้องใส่อะไรๆเข้าไปประทังให้รอดทุกวันตั้งแต่เกิดมานี้ เจริญเพิ่มค่าเท่ากับข้าวสารถังหนึ่งเท่านั้นเอง ที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ มันได้คุ้มกับค่าอาหารที่เรากินเข้าไปหรือยังนะ

                ที่บอร์ดหน้าโรงหนังติดป้ายเรื่อง ซุปเปอร์แมน กับหนังไทยอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้ข่าวว่าทำเงินมากอยู่ แต่ออกจากโรงชั้นหนึ่งมานานแล้ว เวลาบ่ายอย่างนี้ลานจอดรถยังคงโล่งอยู่ มีมอเตอร์ไซเก่าๆจอดอยู่สองคัน ทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ ผู้คนไปไหนกันหมด เวลาเขาอยากดูหนังในโรง เขาคงไปดูตามห้างสรรพสินค้า แต่ฉันว่า แค่จะหาความบันเทิงจากหนัง ทำไมต้องเสียเงินเพิ่มสองสามเท่าด้วย และข้อดีของการเลือกโรงชั้นสอง หากเรื่องหนึ่งไม่สนุกสมดังคาด ก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง แค่ต้องนั่งฟังเพลงรอระหว่างเปลี่ยนเรื่องหน่อยก็แค่นั้น บางทีฟิล์มหนังมาช้าก็หลับรอได้เลย กว่าจะได้ดูอีกเรื่อง แต่ที่เซ็งที่สุดก็คือ เวลาที่ฉันเข้าไปดูหนังในตอนที่หนังเริ่มฉายไปกลางเรื่องแล้วนี่แหละ ได้ดูตอนจบก่อนไตเติ้ล ต้องรอดูอีกครึ่งตอนต้นเรื่องอีกรอบถึงจะเข้าใจ รู้ตอนจบก่อนจะรู้ความเป็นมา  แต่หนังบางเรื่องก็ชอบเอาตอนจบมาไว้ต้นเรื่องแล้วเล่าย้อนก็มี ชีวิตคนเราเป็นอย่างนี้บ้างไหม รู้จุดจบก่อนที่จะรู้ความเป็นไป แต่สำหรับหนัง เราจะไม่อยากรู้ตอนจบจนกว่าจะได้รู้ความเป็นไป แต่ยังไงมันก็ถือว่าคุ้ม ไม่มีใครมาไล่หรอกถ้าเราจะนั่งดูหนังทั้งวัน ฉันคิดอย่างนี้แหล่ะ จึงพาลูกๆเข้าดูโรงหนังชั้นสองเสมอมา จนแล้วจนเล่า

                นึกถึงเรื่องชีวิต ฉันรู้ตอนจบว่าจะต้องตายแน่ แต่ที่ฉันไม่รู้แน่คือ ฉันมาอยู่นี่ได้อย่างไร เหตุผลกลใดนำพาให้ฉันมีพลังอันนี้ ไม่เหมือนชาวบ้านเขา เรียกอีกอย่างว่าผิดปรกติ  ดูหนังในโรงก็พอรู้ว่า คลากเคนต์เป็นมนุษย์ต่างดาว ที่ถูกส่งมายังโลกเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ เนื่องเพราะดาวถูกบุกรุก ดาวอะไรสักอย่าง น่าจะชื่อ ดาวคลิปตัน แต่เขามีจุดอ่อนคือ เขาแพ้แร่เขียวๆอย่างหนึ่ง น่าจะเรียก คลิปโตไน ฉันก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน คือแพ้แอลกอฮอล์ชนิดที่เป็นเครื่องดื่ม ไอ้น้ำใสๆกลิ่นฉุนๆนั่น ฉันเลิกมันไม่ได้ เขาจงใจหลีกห่างจากแร่เขียวๆนั่น แต่ฉันยากที่จะห้ามใจไม่เข้าไปหาน้ำเหลืองๆในซุ้มยาดองสีแดงๆนั่น เหมือนมีมนต์ให้ฉันเผลอเดินเข้าไปทุกทีที่เห็น

                ซุปเปอร์แมนในหนังเขาต้องแลกอะไรกับการมีพลังวิเศษอย่างนั้นหรือ การปิดบังสถานะเพื่อปกป้องอันตรายของคนรอบข้างอย่างนั้นเหรอ แน่สิถ้าเราทำตัวเด่นก็เป็นเช่นนั้นเองที่จะต้องมีผู้ปองร้าย นักปราชญ์ราชบัณฑิตท่านใดหนอว่าไว้ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน ทำไมสมองหยักๆของฉันถึงไม่จำเรื่องที่อยากจะจำนะ บทกวีต่างๆ โศลกธรรม ถ้อยคำสุภาษิต หรือชีวิตของฉันถูกกำหนดมาแล้วให้เป็นอย่างนี้ ยีนส์เด่นด้านร่างกาย จึงมียีนส์ด้อยด้านสมอง ใช่สิฉันยังไม่รู้เลยว่าจะเอาความสามารถพิเศษที่มีไปทำอะไร แน่ล่ะที่ว่าพิเศษ ถ้าฉันเป็นนกก็คงไม่พิเศษหรอก แม้แต่ไก่มันมีปีกแต่ก็ไม่ได้ใช้ปีกไว้บิน ฉันไม่มีปีก แต่เหาะได้ คล้ายซุปเปอร์แมนในหนัง แต่ไม่หรอก ฉันไม่เหมือนสักเท่าไหร่ ฉันไม่อยากไปเสนอตัวไปช่วยอะไรใครๆหรอก โลกมันเป็นของมันอย่างนั้นอยู่ ไม่มีฉันสักคนโลกก็ยังเป็นไปอย่างนั้นแหล่ะ ดีเลวปะปน ช่างโลกเถอะ สักวันฉันก็จะตายเหมือนกัน หนีไม่พ้นหรอก อาจจะอายุยืนกว่าเขาหน่อย แต่ก็ไม่พ้นหรอก ฉันไม่ใช่แวมไพร์นี่ จะได้อยู่ยงคงกระพัน

                ฉันมาทำอะไรที่โรงหนังนี่เหรอ โลกหมุนไปถึงไหนแล้ว แต่ทำไมใจของฉันเหมือนถูกตรึงอยู่ที่เดิม ฉันออกจากโรงหนังก็ใกล้ค่ำแล้ว ท้องฟ้าฉาบทาไปด้วยสีส้ม ยังจิตใจของคนให้หดหู่ เป็นเวลาที่นกกากลับรังหลังจากเสาะหาอาหารมาทั้งวัน หน้าโรงหนังมีหม้อแปลงไฟฟ้าอันใหญ่ติดอยู่ที่เสาไฟ สายไฟฟ้าระโยงระยางอยู่เต็มไปด้วยขี้นก  นกกระจอกเหล่านั้นได้ยึดกลุ่มสายไฟฟ้า และสายโทรศัพท์เป็นรังของมันโดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวแก่ใคร ฉันก็คงต้องถึงเวลาแล้วที่จะหาอะไรสักอย่างลงท้อง น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเริ่มหลั่งไหลพรั่งพรูพร้อมลมที่มันดันออกมาดังโครกคราก โดยสัญชาติญาณ และความทรงจำเก่าก็รู้ได้เองว่า ที่ท่าริมแม่น้ำนั้นมีร้านยาดองอยู่หลายเจ้า ฉันเล็งไว้เจ้าหนึ่ง

     

     

     

    ร้านเหล้า

     

                ท้องฟ้าฟากนี้ค่ำมืดแล้ว แต่ท้องฟ้าด้านโน้นยังสว่างอยู่ ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า แต่ว่าฝนทำท่าจะตก ฟ้าร้องครวญครางมาเป็นระยะ  ใจฉันหดหู่ชอบกลเมื่อเวลาพลบค่ำ สายลมก็แรงเหมือนพัดกระชากฉีกใจฉันอยู่หวีดหวิว คนพเนจรจะมีอารมณ์เช่นฉันเหมือนกันทุกคนหรือไม่หนอ คิดถึงใครสักคนที่จะรออยู่เมื่อตอนที่กลับถึงบ้าน แต่ที่ฉันมองหามิใช่บ้านสักหลัง หรือที่ฉันรอก็มิใช่ใครสักคน

                ฉันหวังว่าจะเจอวัดสักวัดก่อนค่ำระหว่างทางเข้าเมืองๆนี้ แต่ใกล้เมืองเข้าทุกทีแล้วก็ยังไม่เจอวัด สามสี่วันมานี้บิณฑบาตไม่ได้ข้าวบ้างเลย น้อยหน่ากับแก้วมังกรนั้นก็ดีนะ ขออนุโมทนากับผู้ให้ทาน แต่ไม่เอื้อกำลังต่อการเดินสักเท่าไหร่ เดินไปไกลกว่านี้อาจจะไม่ไหว คล้ายๆจะเป็นลม หิวน้ำ แต่เงินที่โยมถวายจะเก็บไว้ให้ลูกสาวที่อยู่ในเมืองข้างหน้านี้ ลมก็เย็นดีอยู่หรอกนะ แต่อย่าเลย ฝนเอ๋ย อย่าพึ่งตกตอนนี้นะ วันนี้ตากแดดกล้ามาทั้งวัน คงไม่ดีแน่ถ้าจะเปียกฝนตอนนี้ ฉันไม่ใช่ซุปเปอร์แมน

                ผู้คนกำลังพรูออกจากโรงหนัง แต่บางคนกำลังรอเวลาที่จะเข้าไป บางคนกำลังรอรถกลับบ้าน แต่บางคนพึ่งจะแต่งหน้าเพื่อไปทำงาน พระหลายรูปในวัดคงกำลังทำวัตร-สวดมนต์ แต่ฉันกำลังเดิน นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้ดูหนัง พระดูหนังได้ แต่ไม่ใช่ในโรง แต่ก่อนฉันเป็นเด็กเคยคิดว่า เป็นพระห้ามดูหนัง เพราะหลวงพี่ที่วัดห้ามเณรน้อยดู บอกว่าผิดศีลเณร ๑ใน๑๐ข้อ แต่ฉันพึ่งรู้ว่ามันไม่ผิดศีลพระ พระมีศีล ๒๒๗ข้อ แต่ไม่มีข้อห้ามดูหนังหรือการละเล่นใดๆ แต่เณรมีศีลน้อยกว่าห้ามดูหนัง มหรสพ เล่นดนตรี ฟังเพลง ทาแป้ง ฉีดน้ำหอม ใช้เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือนี่เขาห้ามพระ-เณรใช้กันหรือเปล่านะ ถ้าพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ จะทรงตรัสห้ามหรือไม่ พระวินัยของพระจะต้องมีเท่าไหร่สำหรับคนในยุคนี้เพื่อที่จะปฏิบัติออกจากการพ้นทุกข์ ฉันไม่สงสัยหรอกถ้ามีคนบอกว่าต้องเป็นพันข้อ

                หนังฉายเรื่องซุปเปอร์แมน อะไรทำให้ซุปเปอร์แมนบินได้หนอ ต้องเรียกเหาะสิถึงจะถูก เพราะถ้าบินก็ต้องมีปีกเหมือนเครื่องบินไง ถ้าฉันเหาะได้อย่างซุปเปอร์แมนฉันจะทำอะไรดี สำหรับพระก็คงไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามเอาไว้ไม่ให้แสดงฤทธิ์เพราะเป็นการโอ้อวด ช่างมันเถอะ นี่ฉันคิดอะไรนี่ สังขารหนอความปรุงแต่ง ฉันหยุดเธอไม่ได้เลย ฉัน

    เบื่อเธอ และเหนื่อยที่จะตามดูเธอแล้ว แต่ก็ไม่เคยจะหยุดเธอได้ทันเลย อะไรทำให้ซุปเปอร์แมนเหาะได้หนอ ราคาค่าตัวของซุปเปอร์แมนนั้นควรมีค่าเท่าไหร่ เขากินอะไรเป็นอาหาร เป็นอาหารมื้อละหมื่นหรือเปล่าที่จะทำให้เขามีความสามารถพิเศษเช่นนั้น เขามีความทุกข์หรือไม่หนอ เขาน่าจะมีนะ ถ้าเขายังมีความรัก

                ร้านยาดองเริ่มมีลูกค้าแล้ว ถ้าเป็นแต่ก่อน เราก็คงไม่แน่ อาจแวะเข้าไปอุดหนุนสักแบนสองแบน แต่จะว่าไปแม้เดี๋ยวนี้ก็เถอะ ถ้าไม่มีผ้าเหลืองห่มกายอยู่ล่ะก็ ก็คงต้องเอาสักเป๊กให้พอคลายหายเมื่อยล้า โอ้ผ้ากาสายะอันทรงความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อไหร่กำลังศีลของเราถึงจะพึ่งตัวเองได้ ตอนนี้ยังต้องพึ่งผ้าเหลืองอยู่เลย ฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นลมจริงๆ เพราะกลิ่นฉุนของยาดองนั่นเพราะสีแดงของแสงไฟสลัว เพราะแม่ค้าสาวที่ชายตามองมา หรือเพราะที่เราฝืนกำลังเดินมาไกลเกินไป วัดอยู่ไหน ฉันไม่เคยคิดถึงประตูวัดเท่าครั้งนี้ ท้องฟ้ามืดเร็วเหลือเกิน ขาฉันสั่น ฉันรู้สึกเหมือนกำลังล้มลง...

     

                ถึงร้านยาดองแล้ว มีคนถีบสามล้อแก่ๆนั่งอยู่ที่ซุ้ม เห็นหลวงพี่รูปหนึ่งกำลังเดินมาแต่ไกล ฉันสั่งไอ้ที่แรงที่สุดไปกั๊กหนึ่ง แม่ค้าตักม้ากระทืบโรงมาให้ พระธุดคงค์องค์นี้จะไปไหนนะ ค่ำแล้วทำไมยังไม่กลับวัด ระหว่างสงสัยก็รินเหล้าลงแก้ว จิ้มองุ่นดองกับพริกเกลือใส่ปากไปคำหนึ่ง ยกเหล้ากระดกหมดในครั้งเดียว วางแก้วลงไม่ทันถึงโต๊ะหลวงพี่ก็ทำท่าจะล้มลง

                ไม่มีใครทันได้พูดอะไร ฉันกลับพบว่าตัวเองพาหลวงพี่มาที่วัดแห่งหนึ่งแล้ว หลวงพี่เป็นลม ฉันว่ากลิ่นกายของท่านใช้ได้เลยทีเดียว น่าจะไม่ได้สรงน้ำมาหลายวันแล้ว วางหลวงพี่ลงที่แคร่ไม้ใต้ร่มโพธิ์แห่งหนึ่ง คิดว่าจะช่วยท่านอย่างไรดี คงทำได้แค่นี้แหละ พามาส่งที่วัด แม้จะไม่ใช่วัดที่ท่านอยากจะไปก็เถอะ ท่านจะเดินไปไหนหนอ ท่านคงมีจุดหมายสักอย่างที่ต้องมาเดินแบบนี้ แต่เรายังไม่มีจุดหมายอะไรสักอย่างเลย แม้จะเหาะได้ก็เถอะ อย่างไรวันนี้ก็ยังดี ได้ช่วยพระองค์หนึ่งไม่ให้ต้องโดนรถทับหัวตายอยู่ข้างถนน มรณะสิ ต้องใช้คำว่ามรณภาพ ไม่ใช่เหรอ หรือสวรรคตนะ ไม่แน่ใจซะแล้ว ความจำเรานี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ หลวงพี่จะฟื้นแล้ว ไม่ได้การ ลาก่อนนะหลวงพี่ ขอพรให้ผมด้วยนะ อาตมา เอ้ย โยมไปล่ะ

     

                นานแค่ไหนนะที่เราเป็นลม ที่ไม่เคยเป็นก็ได้เป็น ฉันนึกเห็นภาพของแม่ที่เป็นลมในร้านก๋วยเตี๋ยว ฉันไม่เข้าใจอาการแบบนี้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ความรู้สึกผิดกลับพัดวูบเข้ามาในหัวใจ ฉันช่วยอะไรแม่ได้ไม่มากเลย เพราะฉันไม่รู้จะทำอะไรในร้านก๋วยเตี๋ยวเรือตอนเที่ยงที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนนั่น แล้วใครกันพาฉันมาไว้ที่นี่ แน่นอนว่าเป็นวัด แต่ว่านี่มันวัดไหนกัน

                ตรวจดูบริขารก็พบว่าไม่มีอะไรสูญหาย ทั้งๆที่ไม่มีอะไรจะให้หายโทรศัพท์ก็ยังอยู่ในย่าม แต่ฉันพบว่า มีโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งหล่นอยู่ที่พื้น...

               

     

    จุดเริ่มต้น

     

                หลังจากส่งหลวงพี่ที่วัดฉันก็กลับมาร้านยาดองโดยปราศจากร่องรอยแห่งความสงสัย ตาแก่ถีบสามล้อจากไปแล้ว ลูกค้าที่มาใหม่ยังอยู่ในเครื่องแบบเสื้อกั๊กสีเขียวอ่อนของวินมอเตอร์ไซด์นั่งอยู่สองราย แม่ค้ามองฉันแวบหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ฉันจ่ายเงินแล้วพักก้นลงตรงที่เดิม รู้ว่าหลังจากนี้คงจะต้องเดินไปไหนมาไหนเหมือนปุถุชน ก็ใช่สิ ฉันมันปุถุชนนี่ ฉันเกิดความสงสัยระหว่างรินเหล้าลงแก้วว่า ปุถุชนแปลว่าอะไรวะ กระดกแก้วแล้วหูก็แว่วยินเสียงโทรศัพท์ มือฉันป่ายเปะปะล้วงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ แต่กลับได้ยินเสียงของแม่ค้ายาดองที่กล่าวคำว่า ฮัลโหล โทรศัพท์ของฉันหล่นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ใจนึกย้อนทบทวน ในโรงหนัง หรือว่า...ที่วัด...หรือระหว่างทาง

                ด้วยสัญชาติญาณฉันก็ล้วงหาเศษเหรียญบาทเพื่อโทรเข้าเบอร์ตัวเองจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ หยอดเหรียญแล้วกดเบอร์ หัวใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆ เพราะจากกรณีนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะได้คืน แม้มันราคาไม่มากก็จริง แต่ของฟรีใครก็ต้องการ ฉันเคยทำหล่นลืมไว้บนรถแท็กซี่ แต่เพียงสองสามนาทีที่นึกขึ้นได้ ฉันโทรเข้าไปในเครื่องของตนเองกับโดนตัดสายไปเสียดื้อๆ ก่อนที่จะปิดเครื่องตัดสัญญาณไป เกิดอะไรขึ้นในเมืองแห่งพุทธศาสนาเมืองนี้

               “เจริญพร...” นั่นคือเสียงที่เล็ดลอดมาจากก้านโทรศัพท์ในตู้สาธารณะ

     

     

                  เขาคนนั้นโทรมาบอกว่าเป็นเจ้าของโทรศัพท์ ฉันก็ว่าจะเก็บเอาไว้ให้ แต่เขาบอกว่าถ้าผ่านไปเดี๋ยวจะมาเอา ฉันก็บอกว่าขอให้รีบหน่อยเพราะอาตมาเป็นพระจาริกธุดงค์ ไม่ได้อยู่ที่ไหนนานนัก แต่จะเดินไปเรื่อยๆ แต่จนถึงวันนี้เป็นวันที่สามเขาก็ยังไม่มาเอา แบตเตอรี่ก็ใกล้ที่จะหมดแล้ว ดีที่ฉันมาเยี่ยมลูกสาวที่ซอยลาดพร้าว 64 จึงยังไม่ได้เดินทางไปไกล ฉันถามเขาว่าโยมใช่ไหมที่พาฉันไปที่วัด เขาอึกอักนิดหน่อยจึงตอบว่าใช่ ฉันจึงเจริญพรขอบคุณเขาไปและบอกว่า ทำความดีนี่ก็เป็นบุญนะ ให้ผลเป็นความสุขเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก ถึงแม้เราจะไม่มีเงินไปทำบุญมากๆที่วัด แต่การช่วยเหลือคนอื่นนี้ก็เป็นบุญเหมือนกัน อย่าว่าแต่ช่วยพระ แค่ให้เศษอาหารกับหมาแมวจรจัดนี้ก็เป็นบุญแล้ว สังเกตได้จากความอิ่มเอมสุขในใจนั่นแหล่ะ เป็นบุญที่ให้ผลในปัจจุบัน ระหว่างนึกอะไรเพลินๆอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ที่ฉันเก็บได้ก็พลันดังขึ้น

     

                วันที่แดดแผดกล้า เที่ยงวันที่ไม่มีเมฆ ความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่เหมือนจะส่องมาฆ่าเชื้อโรคทั้งปวง หลังจากวันที่ไปดูหนังฉันก็แฮงค์อยู่สองวัน คิดได้ว่าต้องไปเอาโทรศัพท์กับหลวงพี่ท่านนัดให้ไปเอาที่วัดอะไรสักอย่างที่ลาดพร้าว ฉันยังไม่ได้ไปเอาเพราะอายท่านกลัวจะได้กลิ่นเหล้า แต่ท่านพูดคุยธรรมมะเข้าใจง่ายดี ฉันก็ไม่มีอะไรจะไปถวายท่านที่เก็บโทรศัพท์ไว้ให้ บาตรพระฉันก็ไม่เคยใส่ จะวางตัวอย่างไรถูก แต่วันนี้คงต้องตัดสินใจไปเอาแล้ว ท่านบอกว่าจะเดินธุดงค์ไปที่ภาคเหนือ สลัดความหนักอึ้งในหัวทิ้ง แล้วลุกเดินโซเซจากที่นอนไปเข้าห้องน้ำ จากหน้าตู้เสื้อผ้า ถึงหน้าห้องพัก จากหน้าปากซอย ถึงหน้าวัดสามัคคีธรรม

     

    ประจันหน้า

                กราบนมัสการครับหลวงพ่อ

                เจริญพรคุณโยม หนักไหมเมื่อคืน

                เอ่อ ครับ...(ดมดูสารรูปตัวเอง-ยิ้มแห้งๆ) นิดหน่อยครับ

                รีบมาเอาก็ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวแบตจะหมดเสียก่อน อาตมาไม่มีที่ชาร์ต

                ครับหลวงพ่อ กราบขอบพระคุณมากนะครับ

                ไม่เป็นไรหรอก โยมช่วยอาตมาก่อน อาตมาถือว่าตอบแทนนะ ว่าแต่โยมคนเดียวช่วยอาตมาอย่างไร แบกไหวเหรอ

                เอ่อ อ๋อ ไหวครับ มีคนอื่นช่วยด้วยครับ (เอาแล้วกู โกหกพระ)

                อืม ถ้าไม่ได้โยมช่วย ดูท่าน่าจะแย่นะ ว่าแต่จะรีบไปไหนหรือเปล่า

                ไม่รีบครับ ไม่ได้ทำงาน

                อ้าว เป็นอะไร ว่างงานเหรอ

                ครับ กำลังหางานอยู่ครับ

                แล้วใช้จ่ายอะไร ยังไง

                ก็ ขายของเก่ากินน่ะครับ

                เช่นอะไรเหรอ ของเก่า

                ก็ส่วนมากจะเป็น พระเครื่อง เครื่องรางอะไรอย่างนี้ครับ

                อืม ได้ดีไหม

                ส่วนใหญ่จะขาดทุนน่ะครับ

                ขอให้ได้งานไวๆนะ

                ขอบคุณครับหลวงพ่อ เอ่อ หลวงพ่อครับ คือว่าผมอยากจะถามอะไรสักอย่างน่ะครับ

                ว่ามาสิ

                คือว่า อะไรที่ทำให้คนเราเหาะได้ครับ

                หือ...อะไรนะ เหาะได้ คนเราเนี่ยนะ

                ครับ

                ...ฉันไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้มาน่ะ ถ้าเป็นด้านอิทธิฤทธิ์อะไรนี่ โยมอยากรู้ไปทำไมเหรอ หรือโยมเหาะได้

                เปล่าครับ แค่อยากรู้ ไปดูมาในหนัง (อีกแล้วกู)

                ฉันได้ศึกษามาว่าพระพุทธองค์ไม่ทรงสนับสนุนชมเชยด้านฤทธิ์เท่าไหร่นะ เพราะไม่สามารถช่วยคนให้พ้นทุกข์ได้จริง

                สมมุติว่าถ้าเราช่วยคนที่กำลังจะถูกรถชนต์ให้เขารอดอย่างนี้ล่ะครับ

                ก็ดีน่ะสิ เหมือนที่โยมช่วยฉันน่ะหรือ?

                เปล่าครับ แค่สมมุติครับ (ตายล่ะวา)

                การช่วยชีวิตคนนั้นดีนะ ดีมากด้วย แต่เราไม่สามารถช่วยคนได้ทุกคนหรอก เพราะทุกคนย่อมมีกรรมเป็นของๆตน จะช่วยได้ก็เพียงยืดชีวิตของเขาไปหน่อย แต่ถึงอย่างไรเสีย ก็ยังไม่สามารถพ้นกรรมไปได้ กรรมที่เกิดขึ้นพร้อมกับร่างกายเรานี้แหล่ะ พระพุทธองค์จึงทรงสรรเสริญการสั่งสอนพระธรรม เพราะธรรมมะนั้นช่วยให้คนพ้นกรรมได้ เรียกการสั่งสอนที่ทำให้คนฟังพ้นกรรมได้นี้ว่า “อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์”

                แค่ฟังเหรอครับ

                ใช่ ก็การฟังนั้นต้องนำไปสู่การปฏิบัติด้วยนะ เพราะปาฏิหาริย์ก็คือ ทำให้คนที่ได้ฟังอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้พ้นไปจากความทุกข์ๆไง

                ครับ แต่ถ้าทำอย่างนั้นได้ก็คงมีบุญบารมีมากนะครับ

                ใช่ คิดว่ามีแต่พระพุทธเจ้านั่นแหล่ะ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้นศาสนาอื่นก็มีปรากฏนะ แต่ อนุศาสนีปากิหาริย์นั้นมีแต่ในศาสนาพุทธเท่านั้น

                สมมุติว่าผมเหาะได้จริงๆ แบบไม่มีสาเหตุนี้จะเกิดจากอะไรครับหลวงพ่อ

                อันนั้นนอกเหนือความรู้อาตมาที่จะตอบได้นะ บางเรื่องพระพุทธองค์ก็ไม่ทรงตอบนะ

                พระพุทธองค์รู้ไหมครับ

                รู้สิ ไม่อย่างนั้นจะได้ชื่อว่าเป็น “โลกะวิทู” ผู้รู้แจ้งโลกเหรอ? และยังทรงเป็นครูผู้สอนของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลายอีกด้วย ไม่เคยได้ยินเหรอ

                คุ้นๆหูอยู่ครับหลวงพี่

                แล้วถ้าโยมเหาะได้จริงๆแล้ว โยมจะเอาการเหาะไปใช้ทำอะไร?

                ก็ยังไม่แน่ใจครับ ยังไม่รู้เลย

                ช่วยคนสิเหมือนในหนังไง ซุปเปอร์แมน

     

                “...”

     

                เอาเถอะ ถ้าเป็นไปได้จริง ความสามารถนั้นคงไม่อาจจะได้มาโดยเปล่าๆ โดยที่เราจะทำเฉยอยู่ได้จริงไหม

                ต้องทำอะไรสักอย่างเหรอครับ

                ใช่ ถึงแม้เราไม่ทำ ความสามารถของเรามันจะทำของมันเอง ทุกอย่างย่อมต้องมีเหตุผล พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องเหตุและผล

                เรื่องกรรมเหรอครับ

                นั่นแหล่ะ กรรมคือการกระทำ ผลของมันเราเรียกว่า วิบาก แม้เราสืบหาต้นเหตุไม่ได้ว่ามันมาอย่างไร แต่เราก็พออนุมานได้จากวิบาก เหมือนเราไม่สามารถรู้ได้ว่าต้นไม้นี้คือต้นอะไร เราก็ดูจากลูกของมัน พอเข้าใจไหม

                ดูลูกจะรู้จักพ่อแม่หรือเปล่าครับ

                ประมาณนั้น

                แล้วคนที่ลำบากมีตั้งมากมาย ผมจะเริ่มต้นเลือกช่วยอย่างไรครับ เริ่มที่ใครดี

                ถามใจตัวเองดูสิ ก็ช่วยได้เท่าที่ช่วย พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงช่วยคนทุกคน ขึ้นอยู่กับกรรมของเขาด้วย ท่านเลือกแล้วจึงช่วย

                อย่างนั้นผมก็จะลองเลือกเฉพาะคนที่ผมสมควรจะช่วย และพอที่จะช่วยได้ทางร่างกายก็แล้วกัน

                สาธุ โปรดช่วยด้วยเหตุผลของประโยชน์ส่วนร่วม เพื่อสังคม และประเทศ อย่าช่วยด้วยความโลภและหวังผล เพราะฉะนั้นจะเป็นการหาประโยชน์จากพรอันวิเศษที่พระเจ้ามอบให้ท่านมา และพระองค์จะไม่ทรงโปรดอย่างแน่นอน

                น้อมรับพระธรรมครับ โปรดให้ปัญญาแก่ข้าพเจ้า และปวงชน

                อาตมาก็จะทำอย่างเต็มความสามารถ ช่วยในด้านจิตวิญญาณส่วนโยมก็ช่วยให้ด้าน ความปลอดภัยด้านร่างกาย แต่ก็อย่าหวังอะไรจากการทำ เพราะสรรพสิ่ง ล้วนไม่สามารถอยู่ในความควบคุมของเราได้อย่างเบ็ดเสร็จเลย

                ผมจะพยายามครับ รบกวนหลวงพ่อนานแล้ว ขอกราบนมัสการลาหลวงพ่อนะครับ

                เรียกหลวงพี่ก็ได้โยม ดูโยมก็อายุพอๆกับอาตมา เจริญพรนะโยม ขอให้โชคดี

                ขอบคุณหลวงพี่ครับ

                สาธุๆ ขออนุโมทนา

     

     

    สงสัย

     

                หลังจากโยมคนนั้นลากลับไป ฉันก็เกิดความสงสัยระลึกถึงวันที่เป็นลมขึ้นมาว่า ตอนนั้นเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตอนที่จะเป็นลม ก่อนที่ตัวจะหล่นถึงพื้น ได้มีลมอะไรมาหอบเราไป และไม่ได้รู้สึกถึงการกระทบกระแทก ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเพียงเสี้ยววินาทีที่กระพริบตาแล้วตื่นขึ้นมาพบโลกใหม่อะไรอย่างนั้นเลย เมื่อได้คุยกับโยมวันนี้แล้วยิ่งส่งเสริมความสงสัยให้ยิ่งมั่นใจในสัมผัสที่ได้รับ มันชัดเจนเกินกว่าที่จะใช่สัมผัสที่หก แต่มันก็เลือนลางเกินกว่าที่จะเป็นความจริง ถ้าโยมคนนั้นเหาะได้จริงมันก็ต้องมีเหตุผลของเขา และมีเหตุผลร่วมกันกับการได้มาพบกับเรา และพูดคุย แต่ก่อนที่ความสงสัยจะได้หายไปเองนั้น ฉันก็พบว่าได้เดินเข้าไปในห้างเพื่อหาซื้ออะไรบางอย่าง อาจจะเป็นแผ่นหนังเกี่ยวกับเมืองที่ชื่อ สมอลวิลล์ หรือเรื่องราวของซุปเปอร์ฮีโร่ที่ชื่อ ซุปเปอร์แมน...

     

    กระจ่าง

     

                หลังจากได้พบพูดคุยกับหลวงพี่ ฉันก็ได้มีความตระหนักสำนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาว่า มันต้องมีอะไรสักอย่างดลบันดาลให้อำนาจการเหาะนี้มาให้เราเพื่อหวังให้เราทำอะไรสักอย่างเพื่อโลก เพื่อสังคม เหมือนกับได้ติดสินบนเราเพื่อประโยชน์อะไรสักอย่างที่เรายังไม่รู้ ใครกันที่ปลูกต้นไม้อันให้ผลดกนี้ทิ้งไว้ให้กับเราถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง แต่เรายังจำมันไม่ได้ ก่อนที่ฉันจะเดินเข้าร้านยาดองวันนี้ ฉันพบว่าได้เข้ามาในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เพื่อค้นหาโหลดไฟล์อะไรสักอย่าง อาจจะเป็นธรรมมะ หรือพระพุทธประวัติ หรืออะไรสักอย่างเกี่ยวกับการสงเคราะห์โลกเก็บเอาไว้ฟัง...

     

               

     

     

    จบตอน ดูหนังดูตัว

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×