คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 (เมื่อถึงบ้าน...ข่าวร้ายมาเยือน)
“ อะไรนะคะพ่อ จะให้หนูแต่งงานเหรอคะ” เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอก็ได้ยินข่าวร้ายเลยเหรอเนี่ย
นั่นสิ!
ทำไมเมื่อวานบิดาถึงไม่ได้ไปรับเธอที่กรุงเทพฯ ให้ลุงเสริมไปรับแทนทั้งที่เธอตั้งหน้าตั้งตาคอยบิดาว่าจะมารับเธอกลับ เพราะวันรับปริญญาของเธอนั้นบิดาก็ไม่ได้ไป ท่านบอกว่าไม่ว่างมีงานสำคัญด่วนมาก เธอก็เข้าใจ....
และก็บอกว่าอีกวันกลับบิดาจะไปรับแน่นอน แต่เมื่อรถจอดหน้าหอพักกลับพบว่าบิดาเธอไม่ได้มาด้วย ท่านบอกอีกว่าติดงานไปรับด้วยไม่ได้....เธอน้อยใจท่านมาก แต่ก็เข้าใจท่าน
แต่นี่มันอะไรกัน เมื่อเธอมาถึงบ้านกลับพบว่าบิดาจะให้เธอแต่งงาน แต่งกับใครก็ไม่รู้หน้าก็ไม่เคยเจอนิสัยจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ไม่เคยรู้จักมักคุ้นและที่สำคัญคือ....เราไม่ได้รักกัน เราจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง....
“ ใช่ลูก อัญฟังพ่อนะ ธุรกิจของเรากำลังย่ำแย่พ่อไปขอกู้เงินจากเขา แต่เขาบอกว่าต้องมีข้อแลกเปลี่ยน โดยการที่เขาขอแต่งงานกับลูก” คุณสุนทรเว้นวรรคนิดหนึ่ง แล้วหันไปมองลูกสาว
พูดเสียงอ่อนลง
“ คุณสกรรจ์เขาเป็นคนดีนะลูก พ่อติดต่อธุรกิจกับเขามานาน พ่อมั่นใจว่าเขาจะดูแลหนูได้ และพ่อก็เห็นว่าถ้าลูกแต่งงานกับเขาไปลูกก็จะสบายไปทั้งชาติ เขาก็ไม่มีอะไรเสียหายเลยด้วยซ้ำและที่สำคัญเขาบอกว่าเขาชอบหนู”
‘ชอบเหรอ’ ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หญิงสาวคิดแย้งในใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น เด็กอมมือยังไม่เชื่อเลย เธอเพิ่งได้ยินชื่อผู้ชายคนนี้ก็วันนี้เองและในห้องนั่งเล่นแห่งนี้ด้วย คุยก็ไม่เคยคุยกันสักคำเขาจะมาชอบเธอได้ยังไง
ยิ่งฟังก็ยิ่งน้อยใจ....นี่พ่อเชื่อเขาขนาดนี้เลยเหรอ
.......พ่อต้องการเงินมากขนาดยกลูกสาวให้เขาเชียวเหรอ....
พ่อไม่นึกถึงจิตใจของเธอเลยว่าเธอจะรู้สึกยังไง การแต่งงานกับใครสักคนหนึ่งมันต้องเริ่มจากความรักสิ ถ้าไม่มีความรักแล้วจะอยู่กันได้ยังไง เมื่อเกิดความผิดพลาดแล้วเราจะรู้จักคำว่าให้อภัยกันเหรอ ดีไม่ดีต่างฝ่ายก็ต่างโทษกัน.....ทะเลาะกันและสุดท้ายก็....อย่ากัน
....เธอไม่อยากให้ชีวิตคู่ต้องจบลงแบบนั้น....มันเศร้ามาก
หญิงสาวเงยหน้ามองบิดาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อที่พ่อของเธอต้องการเงินมากว่าจิตใจของเธอ
“ เขาชอบหนูเหรอคะ เขาชอบตั้งแต่เมื่อไหร่คะพ่อ พ่อจะไปรู้ใจจริงของเขาได้ยังไงหนูยังไม่เคยเจอเขาเลยด้วยซ้ำ แล้วเขาหล่ะ เขาเคยเจอหนูสักกี่ครั้งกันคะ พูดก็ไม่เคยพูดด้วย เขาจะมาชอบหนูได้ยังไง พ่อวัดความดีของเขาโดยการดูแค่เรื่องธุรกิจเหรอคะ ที่เขาดีกับเราก็เพราะว่าตัวเขาเองก็ได้ผลประโยชน์เหมือนกัน ก็เหมือนกับตอนนี้ไงคะที่เขาให้พ่อกู้เงินก็เพื่อต้องการตัวหนูเป็นข้อแลกเปลี่ยน นี่เหรอคะที่เรียกว่าคนดี”
หญิงสาวน้ำตาซึมร้องไห้ออกมา นี่พ่อของเธอไม่เป็นห่วงเธอเลยสักนิด ห่วงแต่ธุรกิจของตัวเองเท่านั้น ถึงไม่มีรีสอร์ทหญิงสาวก็เชื่อว่าเธอสามารถหาเลี้ยงตัวเองและพ่อได้
ใช่...ถึงแม้รีสอร์ทนี้จะเป็นสิ่งที่เธอรักมากเช่นกัน แต่ถ้ามันจะล้มละลายหรือตกเป็นของคนอื่นเธอก็ต้องยอมรับ แต่ไม่ใช่มาขายศักดิ์ศรีเพื่อเอาเงินมาลงทุนอย่างนี้
“ หนูไม่ยอมแต่งค่ะ ทำไมคะพ่อ หนูก็เรียนจบแล้ว หนูสามารถทำงานเลี้ยงพ่อได้ ถึงไม่มีรีสอร์ทนี้หนูก็เชื่อว่าเราสองคนพ่อลูกไม่อดตายค่ะ”
เธอปฏิเสธเรื่องแต่งงานและขอร้องอ้อนวอนบิดา
คุณสุนทรเดินออกไป แล้วหยุดเพื่อกล่าวย้ำกับหญิงสาวเรื่องการแต่งงาน
“ ต้องแต่ง! เตรียมตัวไว้นะอีกสองอาทิตย์ คุณสกรรจ์เขาจะมารับตัวลูกไปอยู่ด้วย ”
จากนั้นท่านจึงรีบเดินเข้าห้องทันที
ท่านกลัวว่าจะเห็นน้ำตาของลูกมากกว่านี้.......ซึ่งมันทรมานจิตใจมาก
หญิงสาวยินดังนั้น...เธอตะโกนไล่หลังบิดาไปว่า
“ ไม่! หนูไม่แต่ง พ่อไม่มีสิทธิบังคับหนู ฮือๆๆ” เสียงอ่อนลงรำพึงกับตนเอง “ได้ยินมั๊ย พ่อไม่มีสิทธิมาบังคับหนู ”
หญิงสาวร้องไห้จนตัวโค้งงอ.....ทรุดตัวลง มองบิดาเดินหายเข้าไปในห้อง น้ำตาพร่ามัวราวกับทำนบพัง
............................................................................................................
.........เมื่อเข้ามาในห้องท่านทรุดตัวนั่งร้องไห้น้ำตาซึมกับพื้น..........
บัดนี้ไม่เหลือคราบเสี่ยสุนทรผู้มั่งคั่งสักนิด ท่านกำมือแน่นจนสั่นกับความเลวร้ายที่ตนเองได้กระทำ
คุณสุนทรเองก็เจ็บปวดใจไม่แพ้ลูกเหมือนกัน ยิ่งเมื่อเห็นแววตาเจ็บช้ำของลูก ตัดพ้อเหมือนกับว่าท่านเองไม่รักลูกแล้ว ต้องการผลักไสไล่ส่งให้ไปอยู่กับคนอื่น....แต่ที่จริงแล้วเปล่าเลย ท่านต้องการให้ลูกมีที่อยู่ต่างหากเพราะตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว รถคันที่ให้เสริมไปรับอัญจิดาหลังจากรับปริญญาก็กำลังจะถูกยึดในวันพรุ่งนี้ ส่วนรีสอร์ทถ้าหาเงินไปคืนไม่ได้ภายในอาทิตย์นี้เสี่ยวิบูลย์เจ้าของบ่อนที่ท่านไปเล่นจะส่งลูกน้องมายึดทันที........นั่นก็เท่ากับว่าท่านและลูกจะไม่มีที่อยู่อย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว ต้องร่อนเร่พเนจร ท่านจะมองดูลูกต้องเป็นแบบนั้นได้ยังไง....ท่านจะปล่อยให้ลูกต้องอยู่แบบตกระกำลำบากได้ยังไง
ท่านเป็นพ่อนะ! ต้องช่วยลูกได้สิ
ลูกเคยอยู่อย่างสบาย ไม่มีเรื่องเดือดร้อน ท่านไม่ยอมให้ลูกลำบากแน่ๆ
ยิ่งคิดก็ยิ่งร้องไห้เมื่อนึกถึงอดีตตอนมีเงินใช้อย่างไม่ขาดมือ.....มันทำให้ท่านหลงในตนเอง
......และตกอยู่ในความประมาท......
ท่านไม่น่าเล่นการพนันเลยจริงๆ ตอนนั้นมีเงินมาก มีจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร พอดีมีเพื่อนมาชวนไปเข้าบ่อน ก็คิดซะว่าไปลองสักหน่อยแล้วกัน
..........คงไม่เป็นไรหรอก.........ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆ
ตอนที่เริ่มเล่นใหม่ๆ ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นสิ่งไม่ดีแต่ก็ยังเล่น โดยเริ่มจากเล่นทีละนิดแล้วมันก็ค่อยๆซึมซับเข้าไปจนกลายเป็นถอนตัวไม่ขึ้น ผีพนันเข้าสิงจนยากจะเยียวยาได้ กระทั่งเอาโฉนดที่ดินของรีสอร์ทไปจำนองได้มาหลายล้าน ก็นำไปเข้าบ่อนจนหมดเกลี้ยง แรกๆก็ได้เงินมากอยู่เมื่อยิ่งเล่นก็ยิ่งได้เพิ่มมากขึ้น เมื่อได้มากเข้าผู้คนก็เชียร์ให้เล่นต่อ จนเล่นเสียจึงขอแก้มือเรื่อยมา....จนกระทั่งหมดตัว
ตอนนี้แทบไม่มีอะไรเหลือแล้ว แม้แต่ที่ที่จะซุกหัวนอน.....เรื่องนี้ท่านยังไม่กล้าบอกกับอัญจิดาเพราะกลัวกลัวว่าลูกสาวจะเสียใจในการกระทำอันประมาทของท่าน ที่ต้องพลอยทำให้ลูกเดือดร้อนไปด้วย
ท่านรู้ว่าหญิงสาวรักรีสอร์ทแห่งนี้มาก เธอมักจะพูดบ่อยๆว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะกลับมาบริหารรีสอร์ทให้เป็นที่ประทับใจของลูกค้าและมีชื่อเสียงให้ได้ เธอจะได้มีชีวิตที่สดชื่นตื่นมาก็เห็นทะเล....ก่อนนอนก็เห็นทะเลให้สมกับความที่เธอจากที่แห่งนี้ไปถึงเจ็ดปีทีเดียว
......แต่สุดท้ายท่านก็เป็นคนทำลายความฝันของลูกให้พังลงในพริบตา........
ท่านมันชั่ว....ท่านมันเลว
คุณสุนทรกำหมัดชกตัวเองอย่างเจ็บช้ำใจ
....แถมยังแต่งเรื่องโกหกลูกขึ้นมาอีก บังคับให้ลูกต้องฝืนใจตัวเองไปแต่งงานกับคนอื่น...
อันที่จริงท่านกับ ‘สกรรจ์ อัครนันทิภาคย์’ ไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำไปและไม่เคยทำธุรกิจร่วมกันด้วย แต่เมื่อตอนท่านต้องการเงินมาใช้หนี้ ท่านก็บังเอิญมารู้จักชายหนุ่มพอดีเหมือนกับฟ้ากำหนด วันนั้นจำได้ว่ากำลังนั่งกินเหล้าแล้วลุกเดินถือขวดเหล้าลงไปยังทะเล
ใช่! ท่านคิดจะเดินลงไปทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย!!!
แต่ก็มีมือของชายหนุ่มคนหนึ่งมาห้ามเสียก่อน ไม่อย่างนั้นอัญจิดาก็คงลำบากกว่านี้หลายเท่านัก
ชายหนุ่มผู้นั้นพาท่านมานั่งยังเก้าอี้ผ้าใบริมชายหาด แล้วถามว่าทำไมถึงทำอย่างนี้
“ ทำไมน้าถึงทำอย่างนี้หล่ะครับ น้าไม่นึกถึงคนข้างหลังบ้างเหรอ ว่าเธอจะรู้สักอย่างไรจะลำบากสักแค่ไหน กลับมาบ้านพ่อก็ไม่อยู่แถมยังมีหนี้สินล้นพ้นตัว เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆจะเผชิญหน้ากับปัญหาที่น้าก่อไว้ได้ยังไง”
....ใช่! ทำไมท่านจึงคิดจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวนะ ป่านนี้ถ้าท่านตายไปแล้วลูกจะอยู่ยังไง....
นั่นคือคำพูดของชายหนุ่มที่เตือนสติเขา
ท่านฉุกคิดว่าชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าท่านมีลูกสาว....แต่ก็ช่างเถอะอาจจะบังเอิญพูดเดามาก็ได้
“ ถ้าน้ามีอะไรจะให้ผมช่วยไม่ว่าเรื่องเงินหรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ โทรหาผมได้ทุกเมื่อ นี่นามบัตรผมครับ”
ชายหนุ่มตรงหน้ายื่นนามบัตรส่งมาให้
ท่านรับไว้แล้วเก็บใส่กระเป๋า พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ
แล้วชายหนุ่มก็เดินจากไป
..
จนกระทั่งเมื่อวานเสี่ยวิบูลย์มาส่งคนมาเร่งเงินจ่ายหนี้และให้เวลาหนึ่งอาทิตย์หากไม่มีจ่าย จะทำการยึดทันที
ท่านจึงตัดสินใจโทรไปหาชายหนุ่มผู้นั้นที่ช่วยเตือนสติและรับปากว่าจะช่วยเหลือท่านไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่
....รู้สึกหมดหนทางจริงๆ จากนั้นจึงไปหาชายหนุ่มตามนัดที่บ้าน..
ท่านนั่งรอเจ้าของบ้านด้วยความกังวลใจ เพราะเงินที่จะขอยืมมันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
“ ผมอยากจะยืมเงินคุณสักสิบล้าน เพื่อเอามาไถรีสอร์ทคืน รีสอร์ทแห่งนั้นเป็นสิ่งที่ลูกสาวของผมรักมาก ผมไม่อยากให้แกต้องเสียใจที่มารับรู้ว่าของรักของแกกำลังจะหลุดลอยไปอยู่กับคนอื่นและคนที่ทำให้มันหลุดลอยไป ก็คือพ่อที่แสนเลวคนนี้...” คุณสุนทรยกมือขึ้นลูบหน้า ที่ตอนนี้เหมือนเป็นคนละคนกับเสี่ยสุนทรที่มั่งคั่งในห้าหกเดือนที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
ชายหนุ่มนิ่งนั่งฟังคนตรงหน้าพูดพร้อมทั้งนึกสมเพชในใจ
ผู้ชายคนนี้น่ะเหรอคือเสี่ย “สุนทร เมธาสิทธิ์” ที่ในอดีตใครๆก็ต่างนับถือ
น่าสมเพชจริงๆ!!! ชายหนุ่มแสแยะยิ้มที่มุมปาก
“ เรื่องเงินน่ะได้ครับ แต่เราต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันสักหน่อยเพื่อความยุติธรรมของผมว่าเงินที่น้ายืมผมไปจะไม่สูญเปล่าเพราะมันก็เป็นจำนวนเงินมากอยู่ ข้อแลกเปลี่ยนนั้นก็คือผมขอแต่งงานกับลูกสาวของน้า”
คุณสุนทรผงะหน้าซีด มองหน้าชายหนุ่มอย่างตกใจ
มันเหมือนกับนำตัวลูกไปขายชัดๆ !!! ท่านจึงกล่าวแย้งว่า
“ แต่คุณกับลูกสาวผมไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยกันมาก่อนเลยนะครับ”
ชายหนุ่มจึงกล่าวต่อว่า
“ ลูกสาวคุณอาจจะไม่เคยรู้จักผม แต่ผมรู้จักเธอและที่สำคัญผมก็รู้สึกชอบเธอด้วย ผมขอรับรองว่าจะดูแลเธออย่างดี”
ชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ท่าทางสบายๆผิดกับผู้ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขากล่าวขึ้น
“ เอ่อ..คือ”
คุณสุนทรอึกอักนั่งเหงื่อตก แล้วเขาจะบอกอัญจิดาว่าอย่างไรหล่ะ ยายอัญไม่ยอมแน่ๆ
“ ถ้าน้าตกลงวันมะรืนผมจะส่งคนไปไถ่ถอนรีสอร์ทคืนทันที และอีกสองอาทิตย์ก็จะมีงานแต่งงานเกิดขึ้นโดยระหว่างนี้ผมจะเข้าไปทำความรู้จักกับอัญจิดาเอง น้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ชายหนุ่มมองดูผู้สูงวัยตรงหน้า
“ผมให้เวลาน้าคิดหนึ่งคืน พรุ่งนี้โทรมาบอกผมด้วยนะครับ”
เขาพูดด้วยสีหน้าท่าทางสบายๆ
“ครับ” ท่านตอบรับ ทั้งที่ในใจรู้สึกร้อนรุ่มกับเรื่องนี้อย่างมาก ยายอัญต้องเสียใจอย่างมากแน่นอน
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ท่านกล่าวลาชายหนุ่ม
สกรรจ์ลุกขึ้นยืนและผายมือให้
“ เชิญครับ ผมหวังว่าคำตอบพรุ่งนี้จะเป็นข่าวดี”
ชายหนุ่มผู้อ่อนวัยมองตามผู้อาวุโสกว่าอย่างมีชัยชนะ
ฮึ!ในที่สุดคนที่โกงคนอื่นก็ต้องได้รับผลกรรม
ท่านไม่เคยร้องไห้เสียใจอย่างหนักแบบนี้เลย......ตั้งแต่มารดาของอัญจิดาจากไป
คุณสุนทรยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา
ยังไงท่านก็ต้องบังคับให้ลูกแต่งงานกับคุณสกรรจ์ให้ได้ เพื่อความสบายของลูก ส่วนท่านจะเป็นยังไงก็ช่างแต่ลูกต้องไม่ลำบาก
คุณสุนทรเดินไปยังหัวเตียงหยิบรูปถ่ายท่าน ภรรยาและลูกสาวที่ถ่ายคู่กันขึ้นมา เมื่อมองดูคนในรูปถ่ายน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูอีกครั้ง
‘ดวงแก้ว เธออย่าโกรธพี่เลยนะ พี่ต้องบังคับลูกให้แต่งงานจริงๆ’
คุณสุนทรเช็ดน้ำตาที่หยดลงมาบนรูปแล้วเอารูปแนบกับอกหลับตาไว้
.................................................................................................................................
ความคิดเห็น