ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Hostage จองจำหัวใจ {โน่ริท}

    ลำดับตอนที่ #6 : พี่โตโน่

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 54



    ++แจ้งข่าวก่อนค่ะ++

    ตอนที่ 4 ของไรเตอร์โดนแบนนะึคะ มันเป็น Nc - -*
    ไรเตอร์ไม่โทษคนไร้เดียงสาแล้วกดแบนหรอกนะแต่ว่า
    ถ้าไม่ชอบจะเข้ามาอ่านทำไมกัน เสียความรู้สึกมาก ตอนนี้
    แจ้งปลดแบนไปแล้วแต่ก็คงต้องลบทิ้งทั้งตอน เพราะฉะนั้น
    ใครที่ยังไม่ได้อ่านทิ้งเมลไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะส่งไปให้แต่ว่า
    หากไรเตอร์หาวิธีอื่นได้จะรีบมาแก้ไขทันที รับทราบนะคะ ^^
    รักรีดเดอร์ทุกคนจุ๊บๆ >3<



    -------------------------------------------------------------------------------------------------



    "ไม่ได้นะคะ ๆ ตอนนี้ยังกลับไม่ได้ คนไข้ควรได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอนะคะ นี่ก็เพิ่งชักไปยังไม่ได้สติเลย จะให้ปล่อยกลับบ้านได้ยังไงกันคะ"


    นางพยาบาลสาวเข้ามาช่วยปรามชายหนุ่มที่อารมณ์คุกรุ่นเต็มที่  นี่ก็อยู่โรงพยาบาลมาตั้งคืนนึงแล้ว หากเขามัวชักช้าอยู่อย่างนี้ล่ะก็ มีหวังได้เดือดร้อนเป็นแน่  ภาคินยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะให้เรืองริทกลับบ้านไปกับตน


    "แต่คนไข้เป็นโรคหอบหืดของเด็กชนิดรุนแรงเลยนี่คะ ไม่ทราบว่ารู้หรือเปล่า หากไม่ได้รับการรักษาจะเกิดอันตรายได้นะคะ" นางพยาบาลยังคงต้องการที่จะให้เด็กหนุ่มพักรักษาตัวอีกสักระยะหนึ่ง โดยยกเหตุผลมาประกอบ ร่างสูงเลิกคิ้วสูง ไม่คิดมาก่อนว่าเรืองริทจะเป็นหอบหืด


    "เป็นไปได้ไง ... ผมก็ไม่เคยเห็นว่าเขาจะหอบ"



    "คืออย่างนี้นะคะ ดิฉันได้สอบถามคุณเรืองริทแล้ว เขาเคยเป็นหอบหืดชนิดรุนแรงของเด็กน่ะค่ะ แต่ก็ไม่แสดงอาการมาหลายปีแล้ว น่าจะถือว่าหายแล้ว แต่ว่า..หากเกิดความเครียดมากๆก็สามารถจะกลับมาเป็นได้อีกนะคะ"



    "งั้นผมขอแค่ยาก็พอ ที่บ้านเขาก็มีหมอประจำตัวอยู่แล้ว ตอนนี้ผมรีบและมีธุระด่วนต้องไปทำ คุณพยาบาลคงไม่ขัดใช่ไหมครับ" สายตาคมทอดมองนางพยาบาลสาวด้วยหางตาจนเธอต้องลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดหวั่น 


    "คะ..ค่ะ"


    ร่างสูงจัดการอุ้มเชลยตัวเล็กขึ้นแนบอกเพื่อพาไปขึ้นรถ ริทได้แต่นอนนิ่งให้เขาอุ้มไปอย่างนั้นโดยไม่ได้ขัดขืนจนโตโน่อดที่จะแปลกใจไม่ได้ ทันทีที่ก้าวขึ้นรถเขาก็นำเชือกมามัดมือมัดเท้าเรืองริทให้อยู่นิ่งๆพลางทอดมองใบหน้าหวานที่เสมองไปทางอื่นและยอมนั่งเฉยๆโดยไม่คัดค้านอย่างแปลกใจ



    รถยนต์รีบบึ่งออกจากตัวเมืองอย่างรีบเร่งเพื่อกลับเข้าที่พักให้เร็วที่สุด เขาไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ แน่นอนว่านรินทร์จะต้องส่งคนออกตามหาคุณหนูเรืองริทกันให้วุ่นอยู่เป็นแน่



    ทันทีที่รถจอดสนิทเทียบชายหาดสีขาวสะอาด โจรหนุ่มร่างสูงก็อุ้มพาร่างบอบบางของเชลยหน้าหวานเข้าบ้านพักหลังเดิมซึ่งมีลูกน้องสองคนที่นั่งตั้งหน้าตั้งตารออยู่ที่ห้องรับแขก  ภาคินอุ้มริทผ่านหน้าลูกน้องขึ้นไปยังชั้นสองแล้ววางลงบนเตียง

    สายตายังคงจับจ้องดวงหน้าหวานที่ทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จาจนผิดสังเกตุอยู่บนเตียง  ถุงยาสีขาวถูกโยนอย่างไม่เกรงใจไปตรงหน้าของริทร่างบางเหลือบตามองภาคินราวกับจะถามว่ามีอะไร


    "อย่าลืมกินยาด้วย  เป็นหอบหืดไม่ใช่หรือไง" โตโน่ปรับโทนเสียงนุ่มพูดกับเรืองริท แต่ใบหน้าหวานกลับเมินหน้าไปอีกทาง


    "ไม่กิน !"


    "นายว่าไงนะ " คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น ทั้งที่เขาพยายามสะกดกลั้นที่จะไม่ทำอะไรคนตรงหน้าแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าเชลยหน้าหวานคงจะโกรธ เกลียดเขาเข้ากระดูกดำไปเสียแล้ว


    "บอกว่าไม่กินไง"  ริทสะบัดหน้ากลับมา แววตาดุเดือดจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมเหมือนจะเอาเรื่อง ภาคินสูดหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วถามอย่างใจเย็น


    "ทำไม ไม่กิน ?"


    "ให้ริททรมานตายอย่างนี้ดีกว่า จะได้สะใจคุณไง" แววตาหวานมองคนตัวสูงอย่างตัดพ้อพร้อมกับสรรพนามเรียกที่ดูห่างเหินกว่าเดิม ภาคินเดินมาหาร่างเล็กที่น้ำตาร่วงเผลาะลงใบหน้า มือหนาเอื้อมไปจับไหล่ที่สั่นสะท้านของอีกฝ่ายไว้  อยากจะพูดปลอบใจคนตรงหน้าแต่ปากมันหนักเกินกว่าจะพูดมันออกมาได้สุดท้ายภาคินก็ต้องยอมผละตัวแล้ววางฟอร์มเหมือนเดิม


    "ฉัน..."


    "................."


    "กินยาด้วย ยังไงนายก็ต้องกิน" ภาคินปรายตามองอีกฝ่ายที่นั่งก้มน้ำนิ่งปล่อยให้หยดน้ำตาร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง


    "ทำไมริทต้องเชื่อคุณ ยังไงริทก็จะตายอยู่แล้ว ริทไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรคุณหนิ ! "


    "ถ้านายไม่ยอมกิน ฉันจะป้อนด้วยปาก หรือจะเอาไง !" โตโน่เริ่มกระชากเสียงถามบ้างเมื่อเห็นความดื้อรั้นของคนตัวเล็ก


    "....................."



    "กินเข้าไปสิ นายต้องกินให้ฉันดูทุกครั้ง" ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง สายตาคมจ้องมองเชลยหน้าหวานเขม็งเพื่อจะให้ริทยอมกินยาเข้าไป


    "ไม่มีน้ำ ! " ริทตวัดเสียงใส่อย่างโกรธๆแต่ก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขามาก 


    "หึ.." ภาคินลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเงียบๆก่อนจะเดินกลับมาพร้อมน้ำเปล่า หนึ่งแก้วก่อนจะส่งให้กับริทที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับ  ร่างบางแกะยาออกจากซองแล้วกระดกกินพร้อมกับน้ำ ดวงตากลมยังคงเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่มองเขากินยา อยู่เป็นระยะๆ


    "ก็แค่นั้น.."


    "เสร็จธุระแล้ว ก็ไปสิ" เรืองริทพูดกึ่งไล่ให้คนร่างสูงออกไปจากห้อง โตโน่มองใบหน้าหวานนิ่งอย่างครุ่นคิดก่อนจะเดินไปหยิบโซ่เส้นยาวขึ้นมาล็อคขาของริทเอาไว้เสียงโซ่เส้นหนาดังกร๊องแกร๊งทันทีที่สัมผัสพื้นผิวกระเบื้อง

    ภาคินเงยหน้ามองปฏิกิริยาของริทแต่กลับผิดคาดเมื่อเห็นร่างเล็กนั่งนิ่งยอมให้เขาล็อคขาเอาไว้ได้



    "เดี๋ยวนี้ไม่โวยวายแล้วเหรอ...หึ หรือกลัวโดนเหมือนเมื่อก่อน"


    "โวยวายไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา  คุณจะปล่อยริทเหรอ" ดวงตากลมโตทอดมองหน้าของโตโน่ด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมอง เหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆแววตาตัดพ้อ ว่างเปล่า เจ็บปวด ถูกถ่ายทอดออกมาจากนัยน์ตาหวาน


    เจ็บ....นายกำลังเจ็บปวดเหมือนกับฉันที่ผ่านมาใช่หรือเปล่า


    หมับ



    เรืองริทเบิกตาโพลงอย่างตกใจที่ร่างสูงคว้าเขาเข้าไปในอ้อมกอดแกร่ง ความอบอุ่นทั้งหมดแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายจากชายหนุ่ม ใบหน้าคมซุกข้างไหล่ของริทนิ่งพลางลูบเรือนผมนิ่มของเขาแผ่วเบา


    ริมฝีปากบางอ้าค้างอย่างงุนงงในการกระทำของโจรหนุ่ม เพียงไม่นานภาคินก็ผละตัวออก สบตาเขานิ่งแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆมือบางยกขึ้นสัมผัสกับไหล่ตัวเองเบาๆความรู้สึกอบอุ่นที่สัมผัสไปเมื่อครู่ไม่ไม่จางหายไป


    .

    .

    .


    "ริท ! " นรินทร์โผล่งชื่อลูกชายตัวเล็กอย่างตกใจเมื่อมองภาพถ่ายในมือหลายใบที่ถูกส่งมาให้เขา


    แต่ละภาพเป็นภาพของริททั้งหมด ดูจากสภาพลูกชายในรูปถ่ายแล้วฝ่ายนั้นคงจะต้องการแก้แค้นอะไรเขาสักอย่างแน่ๆไม่มีใครที่จะพาใครไปทำอะไรแบบนี้ โดยไม่มีเหตุผลหรอก...


    ชายชราหมวดคิ้วอย่างหนักใจ กี่วันมาแล้วที่เขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงเรืองริท
    คุณหนูตัวเล็กที่เขาเฝ้าเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม



    "แล้วนี่ยังไม่ได้เบาะแสอะไรอีกเหรอ ! " ชายสูงอายุตะหวาดถามอารมณ์เสียเมื่อเห็นสีหน้าลูกน้องทั้งหลายที่ยืนเหงื่อซึม


    "ข่ะ..ครับ  เรากำลังสืบฐานข้อมูลอยู่ครับ"  บุรุษคนหนึ่งใจกล้าตอบคำถามนั้นออกไป นรินทร์หันใบหน้ามาจ้องมองเขาเขม็ง


    "หาบ้าอะไร ! ลูกชายฉันโดนมันทำร้ายปางตายแล้ว ยังหาตัวไม่พบอีก"


    "ทางเราพยายามเต็มทีแล้วนะครับ"


    "ไปหาตัวให้พบ ! ไป " บุรุษหนุ่มทั้งหลายรีบวิ่งออกจากห้องเพื่อทำตามคำสั่ง ทิ้งเพียงชายสูงอายุที่กำลังนั่งกุมขมับอย่างเครียดๆ


    "พ่อควรทำยังไงดี...ริท"


    นรินทร์ได้แต่ครุ่นคิดก่อนจะกด SMS ส่งไปหาโจรกรรมหนุ่มที่จับตัวลูกชายเขาไป เพียงไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขารีบกดรับสายอย่างร้อนใจ


    "ฮัลโหล  แกอยู่ไหน อย่าทำอะไรลูกชายฉันนะ! "


    "หึ...แค่นั้นมันยังน้อยไป " ปลายสายหัวเราะกลับเสียงห้วน


    "โอเค ฉันยอมแกแล้ว แกจะเอาเงินเท่าไหร่ก็เอาไป แต่ขอตัวลูกชายฉันคืนเถอะ ริทยังอ่อนต่อโลกมาก" นรินทร์เปลี่ยนโทนเสียงเชิงขอร้อง ตอนนี้ชีวิตของเรืองริทสำคัญมากที่สุด เงินทองของนอกกายไม่ใช่สิ่งจำเป็นหากต้องแลกกับตัวลูกชายคนเดียวของเขา


    "อ่อนต่อโลกเหรอ...ไม่หรอก ตอนนี้ฉันสอนให้เขาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วล่ะ" น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของโจรหนุ่มให้หัวใจคนเป็นพ่อชาวาบ


    "ว่ะ..ว่าไงนะ"


    "หึหึ บอกแล้วว่าฉันยังไม่ต้องการเงินตอนนี้ ฉันแค่มาแก้แค้นแทนแม่เท่านั้นแหละ !"


    "แม่...? แม่แกเกี่ยวอะไรด้วย เดี๋ยวสิ !"


    ตรู๊ดดๆ ตรู๊ดๆๆ


    "โธเว้ย ย! "


    .

    .

    .

    ชามข้าวต้มร้อนๆถูกวางลงบนโต๊ะไม้สีเข้ม กลิ่นหอยฉุยของมันส่งผลให้กะเพาะของคนตัวเล็กร้องออกมาโครกครากอย่างห้ามไม่ได้ร่างสูงจ้องมองร่างตรงหน้าพร้อมยกยิ้มมุมปากกับปฏิกิริยาตอบรับจากริท  มือหนาผลักจานข้าวต้มให้ร่างบางที่กำลังกลืนน้ำลายมองหน้าเขาอย่างหวาดหวั่น


    "กินซะสิ  จะได้กินยา" ดวงตากลมโตช้อนมองหน้าภาคินที่ทอดเสียงนุ่ม ใจจริงๆแล้วก็อยากจะทำตัวต่อต้านชายร่างอยู่เหมือนกันแต่กะเพาะเจ้ากรรมกลับส่งเสียงดังไม่หยุดราวกับว่ามันต้องการลิ้มรสชาติของข้าวต้มกุ้งตรงหน้าเต็มที่


    "........" เรืองริทไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบคว้าชามข้าวต้มเข้ามาตักกินด้วยความไวแสง ส่งผลให้ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วลิ้นจนร่างบางต้องผละออก ร้องเสียงหลง


    "อ่ะ โอ้ยย ๆ "


    "จะรีบกินอะไรนักหนา ! " ภาคินเองก็เผลอตะหวาดอีกฝ่ายอย่างร้อนใจ  ร่างสูงลุกไปรินน้ำเย็นมาให้คนตัวเล็กที่แลบลิ้นน้ำตาไหลพรากๆอย่างปวดแสบ ปวดร้อนเรืองริทรับน้ำเปล่ามาดื่มแต่ยังคงรู้สึกร้อนๆในปากไม่หาย



    "เป็นไง ... ทำไมไม่เป่าให้มันดีๆก่อน" โตโน่พูดเชิงตำหนิ ก่อนจะตักข้าวต้มในจานขึ้นมาเป่าแล้วเอาไปจ่อริมฝีปากบาง ดวงตากลมยังคงจ้องดวงตาเขาราวกับจะเอ่ยถาม


    "อ้าปากสิ" ริทดูลังเลใจเล็กน้อยแต่พอเห็นสีหน้าดุดันของอีกฝ่ายก็รีบอ้าปากรับข้าวต้มเข้าปากทันทีด้วยความหิว


    และไม่นานชามข้าวต้มก็หมดเกลี้ยงด้วยฝีมือของเรืองริท  ร่างสูงทิ้งชามเปล่าไว้ที่อ่างล้างจานแล้วเดินกลับมาหาริทที่นั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มปรายตามองถุงยาสีขาวที่วางอยู่ข้างๆแล้วมองใบหน้าหวานราวกับจะออกคำสั่ง เรืองริททนนั่งนิ่งอยู่ได้ไม่นานก็ต้องจำใจหยิบยาในซองขึ้นมากินต่อหน้าภาคิน



    "คุณ ? "


    "อะไร"


    "ริทเบื่อ ขอไปเดินเล่นแถวๆชายหาดหน่อยได้มั้ย" น้ำเสียงหวานพูดแกมข้อร้อง สายตาเว้าวอนถูกส่งให้คนร่างสูง ภาคินได้แต่ยืนนิ่งเงียบ จนริทต้องเขย่าร่างของเขาเป็นการเตือนสติเบาๆ


    "นะ นะ "


    "อืม..." โตโน่ครางตอบรับในลำคออย่างวางฟอร์มแต่นั่นก็ทำให้ริทใจชื้น ยิ้มออกมาได้นิดนึง


    "ขอบคุณนะ"


    "แต่ฉันจะไปด้วย"


    "อืม"



    ร่างทั้งสองร่างเดินทอดน่องตามชายหาดที่เงียบสงบ ยิ่งเวลาเช้าๆแสงแดดอ่อนๆที่ส่องมานั้นเพิ่มความอบอุ่นให้อุณหภูมิได้ไม่น้อย เรืองริทสูดกลิ่นอายของทะเลเข้าจนเต็มปอด ทั้งที่อยู่ที่นี่มาก็หลายวันเพิ่งจะได้เห็นทะเลสวยงามเต็มๆตาก็ครั้งแรก


    ขาเรียวยาวก้าวไปตามทรายนุ่มละเอียดช้าๆ รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าหนักๆที่เดินตามหลังเขามาแต่ริทกลับรู้สึกปลงกับชีวิตตัวเองเหลือเกิน ไม่รู้ว่าอีกกี่วันกี่เดือน หรืออีกกี่ปี เขาถึงจะออกจากที่นี่ได้


    ดวงหน้าหวานเอี้ยวตัวกลับไปด้านหลังจนคนตัวสูงที่เดินตามมากระชั้นชิดถึงกับผงะกับร่างที่เกือบจะแนบชิดกัน เรืองริทยืนตัวเซเล็กน้อย ใจนึกไปถึงเรื่องที่จะถามชายตรงหน้า


    "เอ่อ..ถ้าริทเรียกชื่อคุณจะได้ไหม" คนตัวเล็กเอ่ยเสียงเบาสวนทางกับหัวใจที่อยู่ดีๆเต้นถี่รัวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด


    "ก็เรียกไปสิ" ภาคินพูดน้ำเสียงราบเรียบพลางแสร้งมองไปอีกทาง


    "เอ่อ...โ ต..โ"


    "ฉันเป็นพี่นาย" ใบหน้าคมหันใบหน้ากลับมา ดวงตาทอดมองสีหน้าหวาดหวั่นของอีกคนหนึ่ง


    "ง่ะ...งั้น พี่ โ. ตโ น่.. "  ร่างสูงอมยิ้มเล็กน้อย  ไม่เคยมีใครที่เรียกชื่อเล่นของเขาแบบนี้ คำว่าพี่ทำให้เขาหวนนึกถึงน้องชายของตัวเอง...ถ้าหากไม่มาเกิดเรื่องขึ้นเขาก็คงได้อยู่กับแม่กับน้องชายไปแล้ว 


    "พี่โตโน่.."


    "อะไร ! " ภาคินเผลอตะหวาดใส่คนตัวเล็กอีกครั้งเพราะกลัวเสียหน้า ใบหน้าหวานจึงม่อยลงไปทันตาส่งผลให้ภาคินหยุดชะงักแล้วเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน



    "มีอะไรเหรอ"



    "ก็..ริทเรียกพี่ว่าพี่โตโน่แล้ว พี่ก็เรียกว่าริท...ได้มั้ย"



    "........"


                                                        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×