ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ... ขุนโจร ... The Warrior of King Nares

    ลำดับตอนที่ #17 : ศึกพะสิมเชียงใหม่...ศึกใหญ่แห่งเอกราช

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 344
      2
      7 ก.พ. 50

    :::ศึกพะสิมเชียงใหม่ศึกใหญ่แห่งเอกราช:::


    พุทธศักราช ๒๑๒๗ เดือนอ้าย จอศก กองทัพพะสิมไพร่พล ๓๐,๐๐๐ นาย ยกเข้ามาถึงกาญจนบุรีแลยึดเมืองไว้โดยไม่สูญเสียกำลัง จากนั้นจึงยกทัพขึ้นไปทางทิศอิสานหมายจะเข้าตีสุพรรณบุรี...


    ...ฝ่ายทางกรุงศรีอยุธยา พระนเรศวรมหาอุปราชทรงบัญชาให้พระยาจักรียกทัพเรือลงมาสกัดกั้น จนเกิดการปะทะกันที่แขวงเมืองสุพรรณบุรีนั้น ฝ่ายกรุงศรีอยุธาเข้าต่อรบจนสุดกำลังตามตีทัพพะสิมแตกไปจนถึงเขาพระยาแมน จึงยกทัพกลับมาตั้งอยู่ในเมืองสุพรรณ...


    ...ฝ่ายพะสิมก็รวมทัพตั้งกำลังใหม่อยู่ ณ เขาพระยาแมนนั้น ขวัญกำลังใจทหารลดน้อยลง อีกทั้งยังถูกกองโจรปล้นตัดชิงเสบียง พระนเรศวรมหาอุปราชทรงให้พระยาสุโขทัยผู้ลงมาราชการอยู่ในกรุงศรีอยุธยาขณะนั้นพอดีนำทหารอาสาเข้าตีทัพพะสิมที่เขาพระยาแมนจนแตกพ่ายถอยทัพกลับหงสาวดีไป...


    ...๑๕ ราตรีต่อมา ทัพพระเจ้าเชียงใหม่มังมหานรธาจึงยกลงมาถึงกำแพงเพชร ไชยะกยอสูและนันทะกยอถ่างคุมทัพหน้า ๑๕
    ,๐๐๐ นายลงมาตั้งที่พรหมบุรี และออกลาดตระเวณหาทัพพะสิม โดยไม่ทราบว่าทัพพะสิมนั้นได้เลิกทัพกลับไปแล้ว...


    ...พระนเรศวรมหาอุปราชาและพระเอกาทศรถอนุชาธิราชทรงยกทัพออกจากกรุงศรีอยุธยาไปตั้งไว้ที่วิเศษไชยชาญ รับสั่งให้ทัพหน้ามีพระราชมนูเป็นนายทัพ ขุนรามเดชะเป็นยกกระบัตร ยกทหารม้า ๕๐๐ นาย แลทหารราบ ๓
    ,๐๐๐ นาย ขึ้นไปขัดตาทัพที่ทุ่งโพธิทอง แลทรงให้กองโจรออกรังควาญกองทัพพม่า ทั้งตัดปล้นเสบียง แลชิงเอาเครื่องศัตราวุธ ทำเอาทัพหน้าเชียงใหม่ระส่ำระสายเป็นอันมาก...


    ...ทางฝ่ายพระอินทราธิปนั้น ลอบยกพลเรื่อยลงมาตามลำน้ำสาละวิน ขึ้นบกที่สบเมยแลเร่งยกทัพเรื่อยลงมาจนถึงแม่ระมาด ตั้งทัพซุ่มอยู่ในป่าใกล้เมืองตากนั้น และส่งกองหน้า ๓๐ นายออกสืบข่าวศึกทางกำแพงเพชร...


    ...ครั้นพอทราบว่า ทัพเชียงใหม่ตั้งมั่นคงอยู่ชากังราวกำแพงเพชร และส่งกองหน้า ๑๕
    ,๐๐๐ นายลงไปถึงพรหมบุรีแล้ว ก็ทรงให้แบ่งพลออก ๓ ใน ๔ และทรงคุมกำลังส่วนมากลอบยกลงไปพรหมบุรีหมายจะสบทบกับทัพกรุงศรีอยุธยา แลให้ขุนพิทักษ์ราชกิจคุมทัพส่วนน้อยคอยลอบก่อกวนทัพเชียงใหม่ที่กำแพงเพชรนั้น...


    ...ทัพพระอินทราธิปลอบยกลงมาพอมองเห็นทัพพม่าที่ตั้งมั่นอยู่พรหมบุรีนั้นก็ซุ่มรออยู่ในป่า ครั้นเมื่อมีหมู่ลาดตระเวณหรือกองเสบียงออกมานอกค่ายก็จับยึดเอาเครื่องศาสตราวุธและเสบียงไว้สิ้น...


    ...๓ วันต่อมา ทัพหน้าเชียงใหม่ยกออกจากค่ายแล้วเคลื่อนลงมาทางทิศทักษิณ เกิดปะทะกับพลลาดตระเวณของขุนรามเดชะ ฝ่ายไทยมีกำลังน้อยจึงล่าถอยกลับเข้าค่ายที่ทุ่งโพธิทอง กองทัพพม่ายกตามมา ไชยกะยอสูเห็นว่าค่ายไทยมีขนาดเล็ก จึงสั่งพลยกเข้าตีหมายจะหักเอาค่ายที่ทุ่งโพธิทองนั้น...


    ...ฝ่ายพระอินทราธิปลอบยกกองโจรสะกดรอยตามมาห่างๆ เห็นข้างหน้ารบกันก็สั่งให้กองทหารเข้าจู่โจมตลบหลัง...


    ...พวกทหารหลวงกรุงศรีอยุธยาก็ไม่รู้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายใดจึงเข้าสัประยุทธ์ตลุมบอนกันเป็นที่สับสน พระอินทราธิปเห็นดังนั้นไม่ได้การจึงทรงเร่งม้าขึ้นหน้า ฝ่ายทหารหลวงเห็นพระอินทราธิปแต่งพระองค์อย่างโจรก็ไม่ทราบ จึงเข้ารุมทำร้ายหมายสกัดกั้น...


    ...พระอินทราธิปเห็นดังนั้นก็ลืมนึกไปว่าแต่งพระองค์พรางพระพักตร์มาอย่างโจร จึงร้องบอก...


    "…
    ข้า!! พระอินทราธิปราชนัดดา ยกทหารลงมาช่วย!!..." ตรัสพลันกวัดพระแสงดาบตีทหารที่เข้าทำร้าย


    ...เหล่าทหารที่เข้ารุมทำร้ายได้ยินดังนั้นก็สองจิตสองใจ ทำท่างุนงงด้วยเพราะมองไม่เห็นพระพักตร์ชัดเจนนัก...


    "
    นี่ทัพใคร!!" พระอินทราธิปร้องบอกเป็นสำเนียงไทยชัดเจน


    "
    ออกพระราชมนูพระเจ้าข้า!" ทหารนายหนึ่งกราบทูล พระอินทราธิปได้ยินดังนั้นก็มองหาพระราชมนูบนเชิงเทิน เห็นพระราชมนูบัญชาการรบอยู่บนเชิงเทินกำแพงค่าย ก็ทรงเร่งม้าควบหาพระราชมนู


    ฝ่ายทหารหลวงที่เข้ามารุมจับทีแรกก็วิ่งตามอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก หนึ่งก็เสมือนคอยคุ้มกันพระองค์ หนึ่งก็เสมือนตามไปดูเชิงว่าจริงเท็จประการใด ครั้นพอฝ่าทัพเข้าไปใกล้กำแพงค่ายแล้ว พระอินทราธิปก็ทรงเปิดผ้าอำพรางพระพักตร์และทรงร้องบอก


    "
    ออกพระราชมนู!! ข้าพระอินทราธิปราชนัดดา ยกพวกไทยใหญ่ลงมาช่วย!!" พระราชมนูเห็นดังนั้นจำได้ว่าเป็นพระอินทราธิป จึงร้องบอกทหาร เหล่าทหารก็บอกต่อเป็นทอดไป ฝ่ายทหารหลวงกับฝ่ายกองโจรก็กลับร่วมกันรบกับฝ่ายเชียงใหม่


    พระอินทราธิปควบม้าเข้าค่าย แล้วรีบเสด็จขึ้นเชิงเทินตรงเข้าหาพระราชมนูทันที พระราชมนูเห็นดังนั้นก็ถวายบังคม พระอินทราธิปโบกพระหัตถ์เชิงปฏิเสธ พลันตรัส


    "
    ทัพเรามีเท่าใด"


    "
    มีพลสามพันกับม้าห้าร้อยพระเจ้าข้า"


    "
    ข้ายกลงมาเพียงเจ็ดร้อย...รบกันตรงๆแบบนี้สู่มิได้ ฝ่ายมันมีเรือนหมื่น" ตรัสเสร็จก็ผินพระพัตร์ไปทางสมรภูมิ ทรงเห็นชัดเจนว่าฝ่ายไทยนั้นกำลังน้อยกว่าหลายเท่า


    "
    ทัพหลวงตั้งอยู่ที่วิเศษชัยชาญ จักให้ม้าเร็วรีบนำความไปแจ้งหรือไม่พระพุทธเจ้าข้า" พระราชมนูกราบทูลแนะนำ


    "
    มิทันดอก! ยังแต่จะทำให้ต้องเสียไพร่พล!" พระอินทราธิปตรัส ทันใดก็ทรงทอดพระเนตรเห็นไชยะกยอสูและนันทะกยอถ่างยืนม้าอยู่หลังทัพ ครั้นแล้วก็เกิดพระราชมานะตรัสบอกพระราชมนู


    "
    ออกพระราชมนู...ท่านจงไปกับข้า!!" สิ้นพระดำรัส พระราชมนูพร้อมเหล่าทหารองครักษ์ รีบขึ้นม้าควบตามพระอินทราธิปออกนอกค่าย


    พระอินทราธิปและพวกพระราชมนูเร่งม้ามุ่งตรงไปทางแม่ทัพเชียงใหม่ หมื่นฤทธิณรงค์ที่ยังรบติดพันอยู่เห็นดังนั้นก็ร้องบอกหมู่กองโจรให้รีบเคลื่อนตามพระอินทราธิปไป พระอินทราธิปเร่งม้าฝ่าหมู่ทหารเชียงใหม่ลึกเข้าไปเรื่อยๆ


    ทางฝ่ายไชยะกยอสูกับนันทะกยอถ่างเห็นดังนั้นก็สั่งทหารกรูเข้าหมายจะจับกุมสกัดกั้น แต่หามีผู้ใดทำอันตรายพระอินทราธิปได้เลย ยังคงทรงนำหมู่ทหารวิ่งลึกเข้าไปในทัพเชียงใหม่เป็นรูปลิ่ม ฝ่ายทหารเชียงใหม่ก็แตกออกเสมือนผลขนุนถูกแหวกอก แม่ทัพเชียงใหม่ทั้งสองเห็นดังนั้นก็เกิดมานะว่าไอ้โจรผู้นี้มันเป็นใครกันหนอ ถึงได้เร่งม้าควบเข้ามาอย่างไม่รู้จักเป็นตาย ครั้นแล้วก็ควบม้าออกมามุ่งตรงเข้าหาพระอินทราธิป


    พระราชมนูเห็นว่าแม่ทัพพม่ามีถึงสอง เกรงพระอินทราธิปเสียเปรียบจึงเร่งม้าขึ้นหน้า ครั้นเมื่อได้ระยะอาวุธ แม่ทัพทั้งสี่ก็เข้าสัประยุทธ์กัน
    บรรดาทหารทั้งสองทัพ เห็นแม่ทัพสู้กันดังนี้ ก็ประพฤติตามประเพณีสงคราม คือเลิกรบกันให้ใช้ฝีมือของแม่ทัพตัดสิน


    พระอินทราธิปเข้าต่อรบกับไชยะกยอสู พระแสงดาบฟาดเข้ากลางอกถูกเอาชุดเกราะ ไชยะกยอสูตกจากหลังม้า ฝ่ายพระราชมนูฟาดทวญเข้าหลังนันทะกยอถ่างตกจากหลังม้าเช่นกัน ทหารไทยพากันโห่เห่


    แม่ทัพไทยทั้งสองโดดลงไปเข้ารบต่อ ฝ่ายพระราชมนูเสียทีถูกฟันเข้าต้นขาเสียจังหวะไป นันทะกยอถ่างโถมตัวหมายจะเข้าทำร้ายซ้ำ พระราชมนูพลิกตัวหลบกวัดทวญตีเข้าหลังนันทะกยอถ่างอีก ฝ่ายพระอินทราธิปโถมแรงเข้าฟันไชยะกยอสูที่ยกดาบขึ้นมาปัดป้องจนดาบนั้นกระเด็นหลุดจากมือไปไกล พระอินทราธิปชี้พระแสงดาบจ่อคอหอย จังหวะเดียวกันกับที่พระราชมนูฟาดทวญเข้ากลางออกนันทะกยอถ่างบาดเจ็บจนหมดสภาพการสู้รบ ฝ่ายทหารไทยโห่เห่ยินดี
    ผิดกับทหารฝ่ายเชียงใหม่ที่สลดในความปราชัยของแม่ทัพ


    พระราชมนูเงื้อทวญหมายจะฟันคอนนันทะกยอถ่าง พระอินทราธิปเห็นดังนั้นก็ร้องบอก


    "
    ช้าก่อน!"


    พระราชมนูได้ยินดังนั้นก็ชะงัก หันหน้ามาสบพระเนตรพระอินทราธิปเชิงฉงน


    "
    อ้ายสองพระยานี้มันหาใช่เจ้าใหญ่นายทัพพม่าไม่ มันก็เป็นมอญเก่าถูกเกณฑ์มาทำศึกเฉกเช่นชาวเชียงใหม่ทั้งหลายทั้งหมดนั้น..." สิ้นพระดำรัส บรรดาทหารเชียงใหม่ต่างจ้องมองมาทางพระอินทราธิป


    "
    เชียงใหม่และกรุงศรีอยุธยาก็ล้วนไทยด้วยกัน...หากจักต้องมาพิฆาตฆ่าฟันกันเองนั้น มันก็ใช่ที่..." ทหารเชียงใหม่มองหน้ากัน เสมือนว่ารับทราบพระดำรัส


    "
    บัดนี้...เป็นประจักษ์แล้วว่าทัพหน้าเชียงใหม่ที่ยกมานั้นปราชัยแก่ทัพของออกพระราชมนู..." พระราชมนูได้ยินดังนั้นก็เข้าใจ พลันดึงเอาทวญคู่กายกลับมาถือไว้อย่างเดิม


    "
    พระยามอญทั้งสอง..." ไชยะกยอสูกับนันทะกยอถ่างพนมมือรับพระดำรัสทั้งที่มิรู้ว่า ชายที่แต่งชุดโจรอยู่เบื้องหน้านั้นคือผู้ใด


    "
    บัดนี้ทัพพะสิมแตกพ่ายยกกลับพุกามประเทศไปแล้ว ผิดตามพระประสงค์เดิมของพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงที่ให้ทัพเชียงใหม่ยกลงมาสมทบ... การสงครามนี้สิ้นสุดแล้วนับแต่ทัพพะสิมแตกพ่ายกลับไป เจ้าทั้งสองจงนำความนี้ไปแจ้งต่อมังมหานรธาแม่ทัพใญ่ของเจ้าเถิด..." สิ้นพระดำรัสพระยามอญทั้งสองยกมือขึ้นถวายบังคม ไชยะกยอสูพนมมือตรัสถามต่อ


    "
    ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้าพ้นกระม่อม กษัตริย์อโยธยาผู้ทรงเมตตาพระองค์นี้มีพระนามตามจารึกว่าอันใดหนอ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งสองจักได้ระลึกไว้ใส่เกล้าใส่กระหม่อม..." พระอินทราธิปได้สดับดังนั้นก็แย้มพระสรวล พลันตรัส


    "
    มิต้องระลึกข้าไว้ในที่สูงสุดของท่านดอก ข้าก็ทำตามโบราณขัตติยราชประเพณี อริราชศัตรูของข้ามีเพียงผู้เดียวคือหงสาวดีหาใช่ชนชาติอื่นไม่...เจ้าจงระลึกถึงข้าไว้ในที่หัวใจของชาวอยุธยาทั้งปวงผู้เป็นอมิตรต่อหงสาวดีเถิด"


    "
    พระพุทธเจ้าข้า" พระยามอญทั้งสองถวายบังคมลา ยกทัพกลับสู่กำแพงเพชรไปโดยดี บรรดาทหารไทยและทหารเชียงใหม่ก็ร้องส่งกันฉันท์มิตรผู้มากรีฑาเล่นกันตามประเพณี หาได้มีบรรยากาศแห่งความโกรธแค้นต่อกันไม่


    ครั้นแล้วทัพพระเจ้าเชียงใหม่มังมหานรธาก็ยกทัพกลับเชียงใหม่นครพิงค์ไป ฝ่ายกรุงศรีอยุธยาก็ยกกลับเข้ากรุงตามเดิม พระอินทราธิปราชนัดดาให้ม้าเร็วไปแจ้งทัพโจรที่กำแพงเพชรให้ยกตามลงมาที่กรุงศรีอยุธยา...


    <><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><> 

    ...สู้พม่าต้านทานอย่างหาญศึก...

    ...ไว้จารึกให้แผ่นดินสิ้นสงสัย...

    ...เอกราชประกาศแล้วใช่แคล้วภัย...

    ...ด้วยผองไทยยังต้องรบให้จบความ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×