ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : นักเรียนใหม่...หัวใจว้าวุ่น
นักเรียนใหม่หัวใจว้าวุ่น
เป็นธรรมดาของสถานศึกษาทั่วๆไป ที่เมื่อมีนักศึกษาหน้าใหม่เข้าไปจะต้องมีการรับน้อง
สำหรับมหาวิทยาลัยแล้ว ‘นักศึกษาใหม่’ จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรุ่นพี่ มีการรับน้อง รับขวัญ ร้องเพลงเชียร์ ผูกข้อมือข้อตีนกันแล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคณะ แต่ละกลุ่มบุคคล
แต่เนื่องจากการรับน้องที่ผิดเพี้ยนไป เป็นการทรมานน้อง กลั่นแกล้ง ทรมานร่างกายและจิตใจ พักหลังๆมานี้การรับน้องในหลายๆสถาบันจึงเป็นไปในรูปแบบของความสมัครใจและมีกฎเหล็กคือการห้ามแตะเนื้อต้องตัว
นิยามการรับน้องของมหาวิทยาลัย เรียกกันทั่วไปว่าการ “ว้าก”ครับ ผู้ทำหน้าที่ว้ากถูกเรียกทับศัพท์อย่างประหลาดๆว่า “ว้ากเก้อ” ซึ่งแม้แต่ใน dictionary ของ Oxford ก็ไม่มีบัญญัติศัพท์นี้ ไม่รู้ว่าไปหากันมาจากไหน
การว้ากจะดำเนินไปประมาณไม่เกิน 1 เดือน หลังจากนั้น Freshy ก็จะเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างเต็มตัว ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ท่องชื่อพี่ ท่องชื่อเพื่อน ให้เหนื่อยหัวใจ
แต่สำหรับพวกผม...นักเรียนนายร้อยตำรวจ
พวกผมจะถูกขนานนามว่า “นักเรียนใหม่” ห้ามใช้คำว่า “นักเรียนนายร้อยตำรวจ” นำหน้าชื่อเด็ดขาด เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้รับกระบี่สั้น ตราบนั้นสิทธิมีค่าเท่ากับ “ศูนย์” เป็นแค่นักเรียนใหม่ต่ำต้อยด้อยค่าต่ำกว่าหญ้าเพียงดิน
ชีวิตการเป็นนักเรียนใหม่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม คือวันแรกที่เข้ามาสู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และจะไปสิ้นสุดในวันที่ 13 ตุลาคม สิริระยะเวลารวมกว่า 7 เดือน
คิดเอาแล้วกันนะครับ สำหรับเพื่อนๆที่เรียนมหาวิทยาลัย โดนว้ากกันสนุกสนานไม่เกินเดือน แต่พวกผมโดนว้ากกันตลอดระยะเวลาครึ่งปีกว่า
การว้ากของเราจะทำกันทุกวันครับ ตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง จนถึง 4 ทุ่มครึ่ง ว้ากแม่งทั้งวันทั้งคืน จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
นักเรียนใหม่ทำอะไรก็ผิดไปหมด แม้ทำถูกก็ยังไม่ถูกใจพี่ ทุกค่ำคืนจะต้องมีสิ่งที่พวกเราเรียกกันว่า “เรื่องอบรม” ก่อนนอนเสมอ
การอบรมนั้นฟังดูเหมือนจะเป็นการนั่งฟังคำบรรยายธรรมดาๆ แต่สำหรับนักเรียนนายร้อยตำรวจแล้ว มันไม่ใช่แค่นั้นครับ
มันคือการฟังบรรยายประกอบการ “จวก”
คำว่า “จวก” นี่เป็น verb ครับ เป็นอาการทารุณกรรมชนิดหนึ่งในโรงเรียนทหารตำรวจ ผู้เข้าสู่กระบวนการนี้จะต้องมีความผิดหรือมีโทษ และจะต้องถูกอบรมบ่มนิสัยด้วยวิธีการสร้างความเหนื่อยล้าให้กับร่างกาย
โดยท่าทางการจวกนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือประเภทเหนื่อย กับประเภทเจ็บ
ประเภทเหนื่อยก็จะใช้ท่าทางของการกายบริหารธรรมดาๆที่มนุษย์ปกติเขาทำกัน เช่นการดันพื้น การนั่งย่อแล้วพุ่งเท้าไปด้านหลัง การ sit-up เป็นต้น ซึ่งก็จะทำกันตามจำนวนของความผิด ถ้าผิดไม่มากก็อาจจะซัก 50 รอบ แต่ถ้าเป็นความผิดร้ายแรง อย่างต่ำก็อาจจะโดนกันซัก 100 รอบ ... แต่เท่าที่ผมจำได้ ช่วงชีวิตนักเรียนใหม่การดันพื้นคืนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งนั้น กลายเป็นเรื่องธรรมดา ดันครั้งละสิบยี่สิบ บวกไปบวกมาเกินร้อย
ส่วนประเภทเจ็บ จะมีชื่อเรียกเล่นๆในกลุ่มพวกเราว่า “จวกถ่อย” ถ้าถ่อยมากก็จะอัพเกรดเป็น “จวกหมา” ท่าถ่อยนี้หาไม่ได้ในตำราการบริหารร่างกายของ California WOW และ Fitness First แต่ละท่าทางเน้นสร้างความเจ็บปวดให้ร่างกาย แต่ก็ประยุกต์มาจากท่าธรรมดาๆ เช่น ปกติมีการดันพื้น ถ้าจวกถ่อยก็จะกลายเป็นการกำหมัดดันพื้น ((แค่นึกตามก็เจ็บแล้วใช่มั้ยครับ))
หรือถ้าหากว่ามีการตบแผละ คือการที่เราดันพื้นธรรมดาแต่ว่าจังหวะที่ดันตัวขึ้นต้องดันให้ตัวลอยขึ้นฟ้าลักษณะเหมือนกบกระโดด พร้อมกับปรบมือให้เกิดเสียงดัง ซึ่งถือว่าเป็นท่าถ่อยอยู่แล้ว ก็จะมีการประยุกต์เป็นท่า “กำหมัดตบแผละ” ซึ่งสร้างบาดแผลให้กับสันมือทุกครั้งที่ได้มีโอกาสทำ ... ท่าระดับนี้แหล่ะครับ ที่ถือว่าเป็นการ “จวกหมา”
เพื่อนผมคนนึงไปเข้าฟิตเนสราคาแพง เพราะอยากมีหุ่นแบบนักเรียนนายร้อย แต่เข้ามาเป็นปีก็ยังไม่ได้เค้าโครงเลยแม้แต่น้อย ... จะไปได้ได้ยังไงครับ ฟิตเนสไม่มีท่าถ่อย ท่าหมา ...อิอิอิ
อันที่จริงยังมีอีกสารพัดท่าหมาๆ แต่ผมไม่กล้านำมาเล่าให้ฟัง ... เดี๋ยวบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองทราบเข้าจะไม่กล้าส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ พวกผมก็แย่สิครับ ไม่มีน้องๆให้ “ปล่อยของ” กันพอดี
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เมื่อพูดถึงนักเรียนใหม่ ก็จะต้องนึกถึงภาพของเด็กหนุ่มผู้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับวังวนแห่งการจวกที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น โดนกันตั้งแต่ตื่นยันหลับ หลับไปแล้วเผลอๆยังจะโดนปลุกขึ้นมาจวกอีก
นักเรียนใหม่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือไอ้เด็กห่าพวกนี้มันจะงึ่กๆงั่กๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก มองไปทางไหนก็ดูเหมือนว่ามันจะงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตลอดเวลา ชีวิตดำเนินไปตามคำสั่ง ไม่มีสิทธิแม้แต่จะคิดทำอะไรเอง
น้องๆนักเรียนใหม่จะใส่หมวกสีฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของนักเรียนชั้นต่ำสุด พวกนี้จะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่เรียกว่า “กลิ่นนักเรียนใหม่” มันไม่เหม็นเหมือนกลิ่นตัวนะครับ มันจะเหม็นลึกๆ เหม็นคล้ายๆขยะในถุงดำ
ถ้าได้ยืนเสียงวิ่งร้องเพลงมาแต่ไกล แล้วบังเอิญผมไปยืนในตำแหน่งใต้ลมพอดี จะได้กลิ่นนี้โชยมา...ก็จะรู้ทันทีว่านักเรียนใหม่มาแล้ว
ช่วงชีวิตการเป็นนักเรียนใหม่ของผมนั้นสุดจะบรรยายครับ ต้องตื่นแต่เช้าวิ่งออกกำลังกายทุกวัน เสาร์-อาทิตย์เห็นพี่ๆได้กลับบ้านกัน เราก็อยากจะกลับ คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่
ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมาก ก็ถูกสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ทำไม่ดีก็โดนจวกอีก จวกสดยังไม่พอ กลางคืนก็ต้องมาโดนสรุปความผิดที่ถูกนักเรียนปกครองตรวจพบในวันนั้นๆอีก
เดินผ่านกระจกเห็นหน้าตัวเองก็ยิ่งจิตตก ผมสั้นเกรียนเหมือนเณร หน้าผาก โหนกแก้ม T-zone ต้นคอ สีดำคล้ำปนแดงเรื่อไหม้เกรียมจากการตากแดด ข้อศอก หัวเข่าถลอกปอกเปิก ฝ่ามือก็พุพองจากการดันพื้นบนพื้นซีเมนต์ร้อนๆ เนื้อตัวเสื้อผ้ามอมแมมไปหมด
น้ำก็ไม่ค่อยได้อาบ อาบทีก็ไม่เคยได้เกิน 5 ขัน สบู่ยังไม่ทันจะได้ถู
นอนก็ไม่เต็มที่ นัยน์ตาล่องลอยเหมือนซากผีอะไรสักอย่าง
เวลาเรียนก็ไม่รู้เรื่อง ตั้งหน้าตั้งตาหลับเอาแรง เพราะตอนเที่ยงก่อนกินข้าวจะต้องเจอศึกหนัก ต้องวิ่งอ้อมโรงเรียน ห้ามใช้เส้นทางตัดตรง
แล้วคิดดูสิครับ ห้ามใช้ทางตรง แต่ต้องไปถึงลานรวมพลหน้าโรงอาหารก่อนพี่ๆอีก 3 ชั้นปี พี่ๆเลิกเรียนลงตึกมาตั้งแถวเดินทางตรง แต่นักเรียนใหม่ต้องวิ่งอ้อมโรงเรียน แถมยังต้องไปถึงก่อนพี่อีก...มันจะลำบากขนาดไหน
นานๆทีถึงจะวิ่งไปทันสักครั้ง นอกนั้นโดนจวกเละเทะทุกวัน กว่าจะได้กินข้าว พี่ๆก็กินอิ่มกันหมดแล้ว
แถมพอเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารก็ต้องนั่งตัวตรง เท้าเข่าบีบชิดติดกัน วันดีคืนดีโดนสั่งให้เอาหินมาตั้งไว้บนหัวอีก ใครทำตกมีโทษร้ายแรง
การกินก็จะตักเข้าปากแบบชาวบ้านเขาไม่ได้ ต้อง “กินฉาก” จับช้อนตักอาหารเคลื่อนที่เป็นแนวฉากขึ้นๆลงๆ ใส่ปากก็ยังต้องเป็นแนวฉาก ไอ้กับข้าวที่เป็นชิ้นๆไม่เท่าไหร่ น้ำแกงนี่สิครับ ฉากทีก็กระดอนที กินหกก็โดนโทษอีก...เอาเข้าไป
กว่าจะพ้นสภาพนักเรียนใหม่มาได้ เลือดตาแทบกระเด็น ...
ยังครับ ยังไม่จบ เรื่องของนักเรียนใหม่ยังไม่จบแค่นี้ บทนี้ผมมาบอกให้เห็นภาพของนักเรียนใหม่กันก่อน
ความบัดซบของชีวิตนักเรียนใหม่รออยู่แล้วในตอนต่อไปครับ
http://benzcadet.hi5.com
http://benzcadet64.blogspot.com
เป็นธรรมดาของสถานศึกษาทั่วๆไป ที่เมื่อมีนักศึกษาหน้าใหม่เข้าไปจะต้องมีการรับน้อง
สำหรับมหาวิทยาลัยแล้ว ‘นักศึกษาใหม่’ จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรุ่นพี่ มีการรับน้อง รับขวัญ ร้องเพลงเชียร์ ผูกข้อมือข้อตีนกันแล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคณะ แต่ละกลุ่มบุคคล
แต่เนื่องจากการรับน้องที่ผิดเพี้ยนไป เป็นการทรมานน้อง กลั่นแกล้ง ทรมานร่างกายและจิตใจ พักหลังๆมานี้การรับน้องในหลายๆสถาบันจึงเป็นไปในรูปแบบของความสมัครใจและมีกฎเหล็กคือการห้ามแตะเนื้อต้องตัว
นิยามการรับน้องของมหาวิทยาลัย เรียกกันทั่วไปว่าการ “ว้าก”ครับ ผู้ทำหน้าที่ว้ากถูกเรียกทับศัพท์อย่างประหลาดๆว่า “ว้ากเก้อ” ซึ่งแม้แต่ใน dictionary ของ Oxford ก็ไม่มีบัญญัติศัพท์นี้ ไม่รู้ว่าไปหากันมาจากไหน
การว้ากจะดำเนินไปประมาณไม่เกิน 1 เดือน หลังจากนั้น Freshy ก็จะเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างเต็มตัว ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ท่องชื่อพี่ ท่องชื่อเพื่อน ให้เหนื่อยหัวใจ
แต่สำหรับพวกผม...นักเรียนนายร้อยตำรวจ
พวกผมจะถูกขนานนามว่า “นักเรียนใหม่” ห้ามใช้คำว่า “นักเรียนนายร้อยตำรวจ” นำหน้าชื่อเด็ดขาด เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้รับกระบี่สั้น ตราบนั้นสิทธิมีค่าเท่ากับ “ศูนย์” เป็นแค่นักเรียนใหม่ต่ำต้อยด้อยค่าต่ำกว่าหญ้าเพียงดิน
ชีวิตการเป็นนักเรียนใหม่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม คือวันแรกที่เข้ามาสู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และจะไปสิ้นสุดในวันที่ 13 ตุลาคม สิริระยะเวลารวมกว่า 7 เดือน
คิดเอาแล้วกันนะครับ สำหรับเพื่อนๆที่เรียนมหาวิทยาลัย โดนว้ากกันสนุกสนานไม่เกินเดือน แต่พวกผมโดนว้ากกันตลอดระยะเวลาครึ่งปีกว่า
การว้ากของเราจะทำกันทุกวันครับ ตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง จนถึง 4 ทุ่มครึ่ง ว้ากแม่งทั้งวันทั้งคืน จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา
นักเรียนใหม่ทำอะไรก็ผิดไปหมด แม้ทำถูกก็ยังไม่ถูกใจพี่ ทุกค่ำคืนจะต้องมีสิ่งที่พวกเราเรียกกันว่า “เรื่องอบรม” ก่อนนอนเสมอ
การอบรมนั้นฟังดูเหมือนจะเป็นการนั่งฟังคำบรรยายธรรมดาๆ แต่สำหรับนักเรียนนายร้อยตำรวจแล้ว มันไม่ใช่แค่นั้นครับ
มันคือการฟังบรรยายประกอบการ “จวก”
คำว่า “จวก” นี่เป็น verb ครับ เป็นอาการทารุณกรรมชนิดหนึ่งในโรงเรียนทหารตำรวจ ผู้เข้าสู่กระบวนการนี้จะต้องมีความผิดหรือมีโทษ และจะต้องถูกอบรมบ่มนิสัยด้วยวิธีการสร้างความเหนื่อยล้าให้กับร่างกาย
โดยท่าทางการจวกนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือประเภทเหนื่อย กับประเภทเจ็บ
ประเภทเหนื่อยก็จะใช้ท่าทางของการกายบริหารธรรมดาๆที่มนุษย์ปกติเขาทำกัน เช่นการดันพื้น การนั่งย่อแล้วพุ่งเท้าไปด้านหลัง การ sit-up เป็นต้น ซึ่งก็จะทำกันตามจำนวนของความผิด ถ้าผิดไม่มากก็อาจจะซัก 50 รอบ แต่ถ้าเป็นความผิดร้ายแรง อย่างต่ำก็อาจจะโดนกันซัก 100 รอบ ... แต่เท่าที่ผมจำได้ ช่วงชีวิตนักเรียนใหม่การดันพื้นคืนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งนั้น กลายเป็นเรื่องธรรมดา ดันครั้งละสิบยี่สิบ บวกไปบวกมาเกินร้อย
ส่วนประเภทเจ็บ จะมีชื่อเรียกเล่นๆในกลุ่มพวกเราว่า “จวกถ่อย” ถ้าถ่อยมากก็จะอัพเกรดเป็น “จวกหมา” ท่าถ่อยนี้หาไม่ได้ในตำราการบริหารร่างกายของ California WOW และ Fitness First แต่ละท่าทางเน้นสร้างความเจ็บปวดให้ร่างกาย แต่ก็ประยุกต์มาจากท่าธรรมดาๆ เช่น ปกติมีการดันพื้น ถ้าจวกถ่อยก็จะกลายเป็นการกำหมัดดันพื้น ((แค่นึกตามก็เจ็บแล้วใช่มั้ยครับ))
หรือถ้าหากว่ามีการตบแผละ คือการที่เราดันพื้นธรรมดาแต่ว่าจังหวะที่ดันตัวขึ้นต้องดันให้ตัวลอยขึ้นฟ้าลักษณะเหมือนกบกระโดด พร้อมกับปรบมือให้เกิดเสียงดัง ซึ่งถือว่าเป็นท่าถ่อยอยู่แล้ว ก็จะมีการประยุกต์เป็นท่า “กำหมัดตบแผละ” ซึ่งสร้างบาดแผลให้กับสันมือทุกครั้งที่ได้มีโอกาสทำ ... ท่าระดับนี้แหล่ะครับ ที่ถือว่าเป็นการ “จวกหมา”
เพื่อนผมคนนึงไปเข้าฟิตเนสราคาแพง เพราะอยากมีหุ่นแบบนักเรียนนายร้อย แต่เข้ามาเป็นปีก็ยังไม่ได้เค้าโครงเลยแม้แต่น้อย ... จะไปได้ได้ยังไงครับ ฟิตเนสไม่มีท่าถ่อย ท่าหมา ...อิอิอิ
อันที่จริงยังมีอีกสารพัดท่าหมาๆ แต่ผมไม่กล้านำมาเล่าให้ฟัง ... เดี๋ยวบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองทราบเข้าจะไม่กล้าส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ พวกผมก็แย่สิครับ ไม่มีน้องๆให้ “ปล่อยของ” กันพอดี
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เมื่อพูดถึงนักเรียนใหม่ ก็จะต้องนึกถึงภาพของเด็กหนุ่มผู้ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับวังวนแห่งการจวกที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น โดนกันตั้งแต่ตื่นยันหลับ หลับไปแล้วเผลอๆยังจะโดนปลุกขึ้นมาจวกอีก
นักเรียนใหม่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือไอ้เด็กห่าพวกนี้มันจะงึ่กๆงั่กๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก มองไปทางไหนก็ดูเหมือนว่ามันจะงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตลอดเวลา ชีวิตดำเนินไปตามคำสั่ง ไม่มีสิทธิแม้แต่จะคิดทำอะไรเอง
น้องๆนักเรียนใหม่จะใส่หมวกสีฟ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของนักเรียนชั้นต่ำสุด พวกนี้จะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่เรียกว่า “กลิ่นนักเรียนใหม่” มันไม่เหม็นเหมือนกลิ่นตัวนะครับ มันจะเหม็นลึกๆ เหม็นคล้ายๆขยะในถุงดำ
ถ้าได้ยืนเสียงวิ่งร้องเพลงมาแต่ไกล แล้วบังเอิญผมไปยืนในตำแหน่งใต้ลมพอดี จะได้กลิ่นนี้โชยมา...ก็จะรู้ทันทีว่านักเรียนใหม่มาแล้ว
ช่วงชีวิตการเป็นนักเรียนใหม่ของผมนั้นสุดจะบรรยายครับ ต้องตื่นแต่เช้าวิ่งออกกำลังกายทุกวัน เสาร์-อาทิตย์เห็นพี่ๆได้กลับบ้านกัน เราก็อยากจะกลับ คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่
ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมาก ก็ถูกสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ทำไม่ดีก็โดนจวกอีก จวกสดยังไม่พอ กลางคืนก็ต้องมาโดนสรุปความผิดที่ถูกนักเรียนปกครองตรวจพบในวันนั้นๆอีก
เดินผ่านกระจกเห็นหน้าตัวเองก็ยิ่งจิตตก ผมสั้นเกรียนเหมือนเณร หน้าผาก โหนกแก้ม T-zone ต้นคอ สีดำคล้ำปนแดงเรื่อไหม้เกรียมจากการตากแดด ข้อศอก หัวเข่าถลอกปอกเปิก ฝ่ามือก็พุพองจากการดันพื้นบนพื้นซีเมนต์ร้อนๆ เนื้อตัวเสื้อผ้ามอมแมมไปหมด
น้ำก็ไม่ค่อยได้อาบ อาบทีก็ไม่เคยได้เกิน 5 ขัน สบู่ยังไม่ทันจะได้ถู
นอนก็ไม่เต็มที่ นัยน์ตาล่องลอยเหมือนซากผีอะไรสักอย่าง
เวลาเรียนก็ไม่รู้เรื่อง ตั้งหน้าตั้งตาหลับเอาแรง เพราะตอนเที่ยงก่อนกินข้าวจะต้องเจอศึกหนัก ต้องวิ่งอ้อมโรงเรียน ห้ามใช้เส้นทางตัดตรง
แล้วคิดดูสิครับ ห้ามใช้ทางตรง แต่ต้องไปถึงลานรวมพลหน้าโรงอาหารก่อนพี่ๆอีก 3 ชั้นปี พี่ๆเลิกเรียนลงตึกมาตั้งแถวเดินทางตรง แต่นักเรียนใหม่ต้องวิ่งอ้อมโรงเรียน แถมยังต้องไปถึงก่อนพี่อีก...มันจะลำบากขนาดไหน
นานๆทีถึงจะวิ่งไปทันสักครั้ง นอกนั้นโดนจวกเละเทะทุกวัน กว่าจะได้กินข้าว พี่ๆก็กินอิ่มกันหมดแล้ว
แถมพอเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารก็ต้องนั่งตัวตรง เท้าเข่าบีบชิดติดกัน วันดีคืนดีโดนสั่งให้เอาหินมาตั้งไว้บนหัวอีก ใครทำตกมีโทษร้ายแรง
การกินก็จะตักเข้าปากแบบชาวบ้านเขาไม่ได้ ต้อง “กินฉาก” จับช้อนตักอาหารเคลื่อนที่เป็นแนวฉากขึ้นๆลงๆ ใส่ปากก็ยังต้องเป็นแนวฉาก ไอ้กับข้าวที่เป็นชิ้นๆไม่เท่าไหร่ น้ำแกงนี่สิครับ ฉากทีก็กระดอนที กินหกก็โดนโทษอีก...เอาเข้าไป
กว่าจะพ้นสภาพนักเรียนใหม่มาได้ เลือดตาแทบกระเด็น ...
ยังครับ ยังไม่จบ เรื่องของนักเรียนใหม่ยังไม่จบแค่นี้ บทนี้ผมมาบอกให้เห็นภาพของนักเรียนใหม่กันก่อน
ความบัดซบของชีวิตนักเรียนใหม่รออยู่แล้วในตอนต่อไปครับ
http://benzcadet.hi5.com
http://benzcadet64.blogspot.com
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น