ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ::ฮาหัวเกรียน...นักเรียนนายร้อยตำรวจ::

    ลำดับตอนที่ #21 : ล้างกองร้อย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.32K
      6
      13 ส.ค. 53

    ล้างกองร้อย

     

    สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักเรียนนายร้อยตำรวจแตกต่างจากเด็กมหาลัยก็คือการที่พวกเรา นอนรวมกัน

    ถ้าเป็นสมัยโบราณจะนอนเรียงกันเป็นตับๆ เป็นห้องโถงใหญ่ นอนได้เป็นร้อยคน

    แต่ในยุคหลังๆมานี่นักเรียนนายร้อยตำรวจเรานอนกันแบบ อพาร์ทเมนต์ ครับ คือนอนห้องละ 4 คน ในห้องนอน 1 ห้องก็จะมีห้องน้ำในตัว มีระเบียงหลังห้องที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ละคนก็จะมีโต๊ะฝึกฝน(โต๊ะอ่านหนังสือ) ตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า ชั้นหนังสือ เตียงนอน และตู้เก็บรองเท้าส่วนตัว เรียกว่าสาธารณูปโภคค่อนข้างเพียงพอต่อการใช้ชีวิต ใครจะดัดแปลงเอาตู้เย็น เอาทีวี เข้ามาใช้ก็สุดแล้วแต่วิทยายุทธ์

    ด้วยความที่เฟอร์นิเจอร์มันเยอะ ซอกหลืบต่างๆมันก็เยอะตามไปด้วย พวกเราจึงมีเทคนิคมากมายที่จะใช้ ซ่อน ของผิดกฎหมาย ผิดกฎระเบียบต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ บุหรี่ ซีดีกายวิภาค

    แต่ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีเทคนิคแพรวพราวเพียงใด บางครั้งก็ประมาท เก็บของบางอย่างไว้ในลิ้นชัก จนถูกตรวจพบได้ง่าย และก็มีอันต้องเป็นโทษเป็นทัณฑ์กันไปตามระเบียบ

    นายตำรวจจะใช้วิธีการตั้งแต่แสนง่ายคือการเดินตรวจในช่วงเวลาศึกษา ไม่มีใครอยู่บนกองร้อย หรือแม้แต่อาจจะมีการเดินตรวจในช่วงหัวค่ำซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกเราคิดว่า นายตำรวจคงไม่ขึ้นมา ไอ้วิธีการหลังนี่แหล่ะพวกที่นอนชั้นล่างๆจะโดนกัน แต่พวกนอนชั้นบนๆก็จะรอดได้อย่างเนียนๆ เพราะตามสัญชาติญาณของพวกเราเมื่อข้าศึกเหยียบหัวหาด แนวหลังก็จะพร้อมรบโดยอัตโนมัติ

    นานๆทีจึงจะมีวิธีการที่สุดแสนจะโหดร้ายป่าเถื่อนในการตรวจสิ่งของผิดกฎระเบียบครับ เราเรียกการทารุณนั้นว่า ล้างกองร้อย

    วิธีการก็คือการเรียกรวมแถวในเวลาปกติ 3 ทุ่ม แต่มันไม่ปล่อยเราขึ้นนอนตอนปกติ 4 ทุ่มครับ นายตำรวจมันจะชวนคุยไปเรื่อยๆ จนได้ฤกษ์ได้ยาม มันก็จะเรียกนักเรียนขึ้นไปบนกองร้อยทีละห้อง เปิดตู้ เปิดเตียงให้ดูกันจะจะทีละคน

    ผลก็คือ เที่ยวเสม็ด เสร็จทุกราย

    ผู้ที่ รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต ตามอุดมคติตำรวจข้อสุดท้ายเท่านั้นที่จะได้ไปต่อ

     

    การล้างกองร้อยที่ผมสะเทือนใจที่สุดเกิดขึ้นตอนเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืดไม่มีสัญญาณของความซวยใดๆ มีแต่การรวมแถว อบรมวินัย กันตามปกติ เพียงแต่เริ่มรู้สึกว่านักเรียนปกครองเหมือนพยายามที่จะสรรหาเรื่องราวมาพูด มาเล่าให้ฟังเพื่อรอ อะไรบางอย่าง

    และแล้วเมื่อเวลา 4 ทุ่ม 15 นาที ไอ้รูนีย์(นายตำรวจปกครองท่านหนึ่งซึ่งหน้าเหมือนรูนีย์มาก)ก็เดินออกมาจากห้องพักนายตำรวจ นักเรียนปกครองกระจายกำลังกันเข้าปิดล้อมพวกเราเพื่อป้องกันการหลบหนี

    “ตรวจกองร้อย”

    สิ้นเสียงสั้นๆห้วนๆได้ใจความของไอ้รูนีย์วินาทีนั้นผมแทบช็อค เพราะสารพัดเครื่องมือสื่อสารต่างวางไว้ในลิ้นชักแบบง่ายๆโง่ๆ เรียกว่าถ้าตรวจกันก็ไม่รอดแน่นอน

    การตรวจเริ่มจากหมวด 1 ไล่ไปทีละห้อง ห้องละ 4 คน คิดดูสิครับ เมื่อไหร่จะได้นอน

    เพื่อนร่วมห้องผมคนนึงชื่อ บอล ค่อยๆกระเถิบเข้ามาหาผม

    “เฮ้ยเอาไงดี มือถือกู มือถือมึง ไอ้ติ้น ไอ้เบน ครบเลย” ไอ้บอลรวบรวมข้อมูลของกลางของทุกคนในห้อง แล้วมาปรึกษา

    ผมจนปัญญาจริงๆครับ ไม่รู้จะทำไง แววตาสิ้นหวังของผมปะทะเข้ากับแววตารุกรบของไอ้บอล

    “เอางี้นะ เดี๋ยวกูไปเอง”

    ไป?!? ไปไหนวะ?!? ผมงงกับคำพูดของมัน มันจะไปไหน ผมค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ“ไปได้ไงห้องเราอยู่ชั้นสาม”

    “เอาน่าเชื่อกู ของมึงมีไรมั่ง”

    แม้ผมจะไม่ค่อยเชื่อมั่นว่าไอ้บอลจะทำสำเร็จ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรดีไปกว่าการลองเสี่ยงดูสักครั้ง ผมส่งกุญแจลิ้นชักให้มัน พร้อมบอกรายชื่อของผิดระเบียบทั้งปวงที่มีในนั้น

    ไม่ทันไรเพื่อนผมอาศัยจังหวะนักเรียนปกครองที่คุมพวกเราอยู่เผลอ รีบม้วนตัวฝ่าความมืดไปทางหลังกองร้อย ผมได้แต่ภาวนาให้มันทำสำเร็จ

    แม้บันไดด้านหน้าจะยั้วเยี้ยเต็มไปด้วยนักเรียนปกครอง แต่บันไดหลังกองร้อยตอนนี้คงปลอดคน ไอ้บอลคงอาศัยแสงและเงาจากความมืดแอบแทรกซึมขึ้นห้องไปได้

    ไฟห้องนอนบนกองร้อยค่อยๆเปิดห้องแล้วห้องเล่า หมวดแล้วหมวดเล่า ของกลางถูกบรรจุถูกดำนำมาวางหน้าแถวชิ้นแล้วชิ้นเล่า นักเรียนปกครองขี้เล่นเดินไปหยิบแผ่นซีดีต้องห้ามออกมาโชว์ มือถือบ้าง บุหรี่บ้าง ไฟแชคบ้าง ปากก็เยาะเย้ยถากถางสารพัด

    ใจผมก็ได้แต่ห่วงไอ้บอล ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็แสนทรมานใจ มันเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมาน

    ทันใดไอ้บอลก็วิ่งฝ่าความมืดกลับออกมา ตามแขน ตามขาเปื้อนฝุ่นสีขาวเข้ม ท้องแขน หัวเข่าถลอกเลือกซิบๆ

    ผมละความสงสัยในบาดแผลแห่งสงครามไว้ รีบถามไอ้บอลทันที “เป็นไง”

    ไอ้บอลตอบกลับ “เออเอาใส่ไว้ในเป้หมดแล้ว ซ่อนไว้ในตู้หลังกองร้อย” ผมจินตนาการไปถึงกองซากตู้ไม้เก่าๆหลังกองร้อยซึ่งมีอยู่นับสิบใบ ตรงนั้นเป็นจุดอับสัญญาณที่นายตำรวจจะไม่นึกถึง เพราะมันเปรียบเสมือนกองขยะดีๆนี่เอง

    ไอ้บอลเริ่มพลิกแขนพลิกขาดูร่องรอยที่เกิดขึ้นตามตัวของมัน “โดนไรมาวะ” ผมด้วยความสงสัย

    “ท่ออ่ะดิ”

    ท่อ?!? ท่ออะไรของมัน “หลังกองร้อยมีคนเฝ้า กูเลยปีนท่อน้ำขึ้นไป”

    “ท่อน้ำ!! มึงปีนขึ้นปีนลงชั้นสามเนี่ยนะ!

    “เปล่า” ไอ้บอลปฏิเสธ “ไม่ได้ปีนลง กูรูดลง”

    คืนนั้นไอ้บอลก็ได้ทำให้เราทั้งห้องซาบซึ้งกับบาดแผลของมัน ที่แลกมาซึ่ง ความอยู่รอดของพวกเรา

    ท่านผู้อ่านโปรดปรบมือให้ ไอ้บอล ครับ

     

    แต่ไอ้บอลจะเป็นวีรบุรุษตลอดกาลถ้ามันไม่ พลาด เรื่องง่ายๆโง่ๆนี่ซะก่อน

    เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ไอ้บอลกำลังเดินหาเป้ใบเมื่อคืนที่มันใส่ของผิดระเบียบของเราทั้งห้องไว้วีซี่นายตำรวจปกครองท่านหนึ่งก็เดินผ่านมาทางนั้นพอดี

    และเมื่อการล้างกองร้อยเพิ่งผ่านพ้นไปสดๆร้อนๆ

    และเมื่อมีนักเรียนนายร้อยตัวเล็กคนๆนึงกำลังค้นกองขยะ

    และเมื่อตามเนื้อตัวแขนขาของเขาถลอกปอกเปิก

    มันจึงไม่เป็นการยากจนเกินไปนักที่ นายตำรวจคนนึงจะพอตั้งขอสงสัยในความผิดปกตินี้ได้

    เย็นวันนั้นพวกเราทั้งหมดจึงถูกดำเนินคดีพร้อมของกลางที่มากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ

    คือนอกจากจะมีบรรดามือถือ บุหรี่ ไฟแชคตามปกติแล้ว ยังมีเป้อีกใบ แถมด้วยรอยแผลจากการปีนป่ายของไอ้บอล

    ท่านผู้อ่านโปรดปรบมือให้ ไอ้บอล อีกครั้งครับ

       

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×