ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ::ฮาหัวเกรียน...นักเรียนนายร้อยตำรวจ::

    ลำดับตอนที่ #10 : ตำรวจป่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.31K
      6
      10 ก.พ. 53

    ตำรวจป่า

    การฝึก ตปส.จะมีทั้งหมด 3 ฐานครับ คือฐานวิชาทั่วไป ฐานอาวุธศึกษา และฐานยุทธวิธี 

    นรต.ชั้นปีที่ 1 จะถูกแบ่งออกเป็น 3 กองร้อย วนเรียนแต่ละฐาน ฐานละ 7 วัน...ตอนผมไปฝึก ตปส. ผมได้อยู่ฐานยุทธวิธีก่อน 

    ฐานนี้ก็จะสอนในเรื่องของยุทธวิธีของการรบแบบสงครามกองโจรในรูปแบบต่างๆ เช่นการลาดตระเวน การพราง การสร้างฐาน อะไรประมาณนี้ ผมก็จำไม่ค่อยได้นัก จำได้แต่ว่าวันที่เดินทางไปถึงที่ฐานนี้ก็มีหลุมพราง-สนามเพลาะขุดไว้ให้อยู่แล้ว

    สอบถามครูฝึกได้ความว่าก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์มีหลักสูตร"พิทักษ์สันติ"ของ นักเรียนนายสิบตำรวจนครบาลมาฝึก แล้วน้องๆเหล่านั้นได้ขุดทิ้งไว้

    ผมนึกย้อนไปถึงตอนที่ยังเป็นนักเรียนนารยสิบตำรวจแล้วได้มาเรียนพิทักษ์สันติที่ค่ายนี้ (ค่ายพระรามหก จังหวัดเพชรบุรี) ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ตอนนั้นเรียนแค่ไม่กี่วัน แถมยังไม่ต้องขุดเจาะสนามเพลาะหลุมพรางพวกนี้ด้วย เพราะเข้าไปเรียนในป่าจริงๆ แล้วก็เอาเศษไม้ใบหญ้ามาบังๆล้อมๆไว้พอไม่ให้คนข้างนอกมองเข้ามาในฐานได้เท่านั้นเอง

    เมื่อมาถึงบริเวณฐานยุทธวิธี ผม...ซึ่งถูกจัดตำแหน่งเป็นพลวิทยุประจำหมวดมาตั้งแต่ต้น ก็ต้องอยู่ติด ผบ.หมวดตลอดเวลา ซึ่งตามปกติเวลาจะสร้างฐานระดับกองร้อยแบบนี้ เขาจะให้ บก.กองร้อยอยู่ตรงกลางฐาน บก.หมวดทั้ง 3 อยู่รัศมีห่างออกไปรอบๆ บก.ร้อย แล้วแต่ละหมวดก็จะมีหมู่อีก 3 หมู่ ซึ่งจะต้องตั้งอยู่ห่างจาก บก.หมวดออกไปรอบๆฐาน

    พอนึกภาพออกมั้ยครับ...

    นึกถึงไข่ดาว ... ไอ้ไข่แดงคือ บก.ร้อย ไข่ขาวคือ บก.หมวด ส่วนขอบไหม้ๆเป็นหมู่ปืนเล็ก

    แน่นอนครับว่าถ้าข้าศึกบุกมา หมู่ปืนเล็กตายห่าก่อน ตามมาด้วย บก.หมวด แล้วถึงจะเป็น บก.ร้อย  แต่การณ์มันก็ไม่แน่เสมอไปเพราะถ้าในสถานการณ์จริงข้าศึกตั้งปืน ค. หรือปืนใหญ่แม่นจัด ลงกลางฐานเป๊ะ...ก็หมายถึงลงกลางกบาล ผบ.ร้อย ล่ะครับ

    ผมเป็นพลวิทยุประจำหมวดก็จะอยู่ชั้นกลางๆหน่อย พอเลือกหลุมสวยๆได้ก็กางเตนท์ ขึงราวตากผ้า แล้วก็เลือกต้นไม้งามๆ 2 ต้นมาเป็นเสาโยงเปล

    ตามตำราการรบไม่มีเปลครับ เพราะเราต้องทำตัวให้ต่ำติดพื้นที่สุด คือหมายความว่าเราต้องนอนเตนท์ แต่ด้วยเหตุใดอันนี้ผมก็ไม่ทราบ เตนท์กลายเป็นแค่ห้องเก็บของ เซฟเฮาส์ ตู้เสบียง หรือบ่อนขนาดย่อม พอถึงยามค่ำคืน นรต.ก็จะไปห้อยโหนกันอยู่บนเปล

    เปลสนามที่พวกเราเอาไปไม่ใช่กระจอกนะครับ เปลมุ้งอย่างดี มดหมดสิทธิ์ไต่ ยุงริ้นไรหมดสิทธิ์ตอม

    ทีนี้ปัญหามันก็มีอยู่ว่า...ต้นไม้มันน้อยกว่าคนครับ เราจึงต้องผูกเปล 3 เส้าบ้าง 4 เส้าบ้าง แล้วแต่ภูมิประเทศ บางหมู่ได้ทำเลไม่ค่อยดีมีต้นไม้แค่ 2 ต้น ก็หาทางออกด้วย "คอนโด" ครับ ... จินตนาการเอาเอง

    ศิลปะการผูกเปลเป็นเรื่องที่สอนกันไม่ได้จริงๆ สารพัดเงื่อนที่นำมาใช้ บางเงื่อนก็ไม่น่าเชื่อว่ามันจะรับน้ำหนักคนได้ทั้งคน บางเงื่อนก็เป็นแค่ภาพลวงตา...เหมือนเช่นเงื่อนของผม

    ต้นไม้ที่ผมเลือกเป็นเสาบ้านนั้นเป็นต้นไม้ขนาดเท่าขาช้างซึ่งแข็งแรงทนทาน แผ่ใบหนาทึบตกคลุมอยู่เบื้องบน กันฝนได้เป็นอย่างดี แต่ตรงกลางระหว่างมันเป็นหลุมบุคคลขนาด 3 คนที่ขุดลึกลงไปในดินประมาณความสูงของคนนั่งคุกเข่า ...วัดจากจุดต่ำสุดที่ก้นหลุมถึงจุดที่ผมผูกเปล มันก็ย่อมสูงกว่าพื้นดินปกติถึงเปล...ถูกมั้ยครับ

    แน่นอนว่าถ้าหล่นลงไป มันก็ต้องสาหัสกว่าหล่นพื้นธรรมดา

    แต่ผมก็เลือกทำเลนี้ครับ เพราะหลุมที่ว่านั่นเป็นหลุม บก.หมวดของผมเอง พูดง่ายๆคือพอถูกตีฐานปุ๊บก็โดดจากเปลลงหลุมได้เลยทันที

    ผมผูกเปลเสร็จก่อนตะวันตกดินเล็กน้อย ทานข้าวเย็นด้วยความสบายใจ ช่วงเวลาหลังข้าวเย็นถึง 3 ทุ่มถือเป็นช่วงเวลาพักผ่อน พวกเราจะเดินกันไปหลุมนู้นทีหลุมนี้ที ทักทายเพื่อนตามประสา...ผมก็เช่นกัน

    และแล้ว...พอถึงเวลานอนผมก็ยืนอยู่ปากหลุม รูดซิปเปลมุ้งออก ค่อยๆหย่อนก้นลงปนเปล แล้วหมุนตัวยกเท้าพ้นปากหลุม ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอนหลังลงนอนกับเปลและรูดซิปปิดมุ้งด้วยความสบายใจ และมั่นใจในทำเลที่ตั้งประกอบกับเงื่อนเชือกที่แน่นหนา

    มองไปทางหมู่ปืนเล็ก เพื่อนยังก่อไฟ ชงโอวัลติน นั่งล้อมวงคุยกันเจ๊าะแจ๊ะ ผมยิ้มด้วยความสบายใจเพราะโดยส่วนตัวชอบชีวิตในป่าแบบนี้ แต่ไม่ทันที่จะได้หลับตา ผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังค่อยๆมาจากต้นไม้หัวนอน

    เสียงมันคล้ายๆสัตว์เลื้อยคลานบางอย่างกำลังเคลื่อนที่พาดผ่านพาดพันไปกับต้นไม้ แต่!...

    เปลของผมค่อยๆลดระดับลงทีละนิด...ทีละนิด แล้วก็...

    ตึบ!!

    สาบานได้ครับว่าผมรู้ตัวว่าเปลมันจะหลุด ขณะที่มันกำลังจะ stalled (ภาษานักบิน) ผมก็คว้าซิปที่จะเปิดมุ้งได้พอดี แต่พอแรงจีของโลกเริ่มดึงดูดมันผมก็รู้ตัวว่าสายเสียแล้ว ระหว่างอยู่กลางอากาศผมจึงรีบเกร็งคองอตัวตามสัญชาติญาณ

    แล้วสุดท้ายผมก็กล้ายเป็นก้อนอยู่ก้นหลุม นอนจุก อึก อึก พูดไม่ออกอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เสียงหัวเราะชอบใจของเพื่อนๆที่ได้ยินในตอนนั้นเป็นเสียงที่ทำให้ผมจำจนถึงวันนี้

    พอผมตะเกียกตะกายออกมาจากเปลมุ้งได้ ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เพื่อน 2 คนเดินมาหัวเราะเยาะเย้ยถึงปากหลุม

    เมื่อรวบรวมความอัปยศอดสูทั้งหมด แก้เชือกเปลแล้วหนีไปผูกเป็น 3 เส้ากับเพื่อนที่ต้นไม้ต้นอื่น กะว่าถ้าเปลหลุดอีกคราวนี้เพื่อนที่อยู่ไกลๆคงต้องเสียเวลาเดาก่อนว่าคนที่หล่นลงมาเป็นใคร เพราะต้นไม้กลุ่มนี้มีคนมากกว่า 1 คน

    แต่ครับแต่...หลังจากที่ผมผูกเปลใหม่อย่างแน่นหนาด้วยความช่วยเหลือจากเซียนเงื่อนที่มันเพิ่งจะหยุดหัวเราะ จังหวะที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น พระพิรุณก็ประกาศเจตนารมณ์อันแน่วแน่ที่จะไม่ให้ผมได้นอนเปลในคืนนั้น

    สุดท้าย...ไอ้ความที่อยากจะชิวบนเปล ก็ต้องกลับไปขอแบ่งที่เสบียงในเตนท์ซุกหัวนอนตามตำราครับ...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×