ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : อย่างถามได้ไหม คำถามนี้
หลังจากวันนั้นได้ผ่านพ้นมาทั้งรัฐและน้ำถึงจะพยายามทำตัวให้สนิทเหมือนเคยมากสักแค่ไหน แต่ทั้งคู่นั้นก็กลับเว้นระยะห่างของทั้งสองฝ่ายด้วยอาจจะเป็นเห็นผลเดียว นั่นก็คือ เขาคิดอะไรกับฝ่ายตรงข้ามกันแน่ ก็ในเมื่อต่างฝ่ายต่างขี้ขลาดที่จะไม่กล้าเผชิญเข้ามาซึ่งกันและกัน แทนที่จะพูดกันและปรับในส่วนที่เข้าใจกันเสียมากกว่าให้ความรู้สึกเหล่านี้กลายเป็นตะกอนในใจของทั้งสองฝ่ายไปในที่สุด
จนวันที่เขาและเธอนั้นต้องลำบากใจที่สุดก็มาถึงจนได้ ในวันนั้นหลังจากที่รัฐและน้ำได้เรียนในวิชาสุดท้ายก่อนพักกลางวันและเตรียมพร้อมที่จะลงไปทานอาหารอยู่พอดี ก็เห็นเพื่อนของเขากำลังนั่งจับกลุ่มกำลังพูดคุยกันอะไรสักอย่าง รัฐเองว่าจะเดินเข้าไปถามแต่ก็คอยแย้งกับน้ำไว้เหมือนเธอนั้นมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่างที่เธอนั้นต้องลำบากใจมากขึ้นกว่าเดิม
รัฐเดินเข้าไปกลางกลุ่มโดยลากน้ำมาด้วยจนได้ รัฐได้ถามขึ้นมากลางวง “เฮ้ย!! มีไรอ่ะ บอกหน่อยดิ พูดถึงเรื่องใคร แล้วมีเรื่องอะไรใหม่ๆที่รัฐตกข่าวบ้าง” รัฐถามไปก็ทำท่าทางอยากจะสนใจ แต่ในหมู่เพื่อนนั้นกลับตกใจและยังทำท่าทางที่ลึกลับ รัฐมองไปรอบๆไม่มีใครที่จะสามารถตอบคำถามเขาได้เลย เขาเองเริ่มรู้สึกสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว
“กำลังคุยเรื่องแกไง” เพื่อนคนหนึ่งในนั้นที่เป็นเหมือนหัวโจกพูดขึ้นกลางวง
“เฮ้ย อย่านะโว้ย” เพื่อนทุกคนที่เหลืออืออึงไม่ให้เพื่อนคนนั้นได้พูดอะไรออกไป
“มีอะไรหรือเปล่า” รัฐถามในท่าทีที่เงียบขึ้น
“เฮ้ย อย่าก็อย่าสิว่ะ” เพื่อนคนที่เหลือพยายามห้ามให้เพื่อนคนนั้นอย่าถามคำถามที่บ้าบิ่นออกไป
“เออนะ เดี่ยวเราก็จะรู้กัน” เพื่อนคนนั้นบอกให้เพื่อนทุกคนใจเย็นๆ เพราะอาจไม่เลวร้ายอย่างที่ทุกคนคิดก็เป็นได้
“มีไรว่ะ” รัฐถามอีกครั้ง
“เออ เราถามไป อย่าโกรธละกัน” เพื่อนคนนั้นพยายามโปรยขึ้นมาก่อน
“เออ..ไม่โกรธ ขอให้บอกมาเถอะ” รัฐพูด
“งั้นได้ เอ็งกับน้ำ เป็นแฟนกันหรือว่ะ” เพื่อนคนนั้นพูดออกมาจนได้ท่ามกลางเสียงอืออึงในหมู่เพื่อนคนอื่นๆดังขึ้นอีกครั้ง
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ทั้งรัฐและน้ำ ได้ยินคำถามนี้อย่างเต็มสองรูหู ทั้งคู่ต่างเงียบและไม่กล้าแม้แต่มองหน้ากันเลย แต่ยังไงทั้งรัฐและน้ำก็ต้องตอบคำถามนี้ไปให้ได้
ในความเงียบนั้น เพื่อนอีกคนในกลุ่มนั้นก็พูดขึ้น “เห็นไหม มันเงียบเป็นผีดิบไปแล้วนั่น”
รัฐรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เขานึกอยู่ภายในใจว่า เขาต้องป้องกันน้ำให้ได้ ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ตราบใดเขาเองยังไม่ชัดเจนในตัวของเขาเองก็ตามที
@@@@@@@@@@@@
รัฐหัวเราะออกมาเสียงดังท่ามกลางความสงสัยว่ารัฐเป็นอะไร “จะบ้าไง หน้าอย่างนี้อ่านะ ฉันจะเอา” รัฐพูดไปก็หัวเราะไป
ผัวะ!! เสียงฝ่ามือของน้ำที่ตบมันลงไปที่หลังกะหม่อมออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด
“โอ๊ย!! อะไรนี่ ที่รัฐพูดมันไม่ถูกหรือไงเล่า” รัฐหันมาพูดกับน้ำ
“ไม่ถูก สวยๆอย่างฉันสิ จะเอาอย่างแกมีรึ จะเป็นไปได้” น้ำพูดพร้อมตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะกลบเกลื่อน
จากการตอบคำถามที่ไร้สาระของเขานั้นสิ้นสุดลงน้ำก็เดินออกมาจากกลุ่มโดยทันที โดยทำทียังไม่เลิกขำกับคำถามนั้นอยู่ โดยมีรัฐนั้นคอยวิ่งตามไปอยู่ไม่ห่าง ก็ในคนเรายังพอมีเงาให้อยู่ข้างกายอยู่ อย่างนั้นน้ำเองจะขาดรัฐไปได้อย่างไร ถึงแม้ทั้งรัฐและน้ำนั้นจะแสดงอาการอย่างนั้นออกไป เพื่อนทุกคนมีความรู้สึกอย่างเดียวกันว่า ทั้งรัฐและน้ำนั้นกำลังโกหกพวกเขาอยู่ และเขายังรู้สึกว่าทั้งรัฐและน้ำนั้นเหมือนแสดงละครให้เขาดู ถึงแม้จะหัวเราะกลบเกลื่อนได้ดังสักเพียงไหน แต่แววตาของคนทั้งคู่กลับเร้นสิ่งเหล่านั้นอย่างเต็มเปี่ยม
พอน้ำเดินห่างออกมาจากที่นั่นสักระยะ น้ำก็หยุดเดิน แล้วรัฐเองก็สงสัยว่าน้ำนั้นเป็นอะไร ดูท่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจแน่ๆ
“น้ำเป็นอะไร ไม่พอใจกับคำถามเมื่อกี้หรอ อย่าไปคิดมากเลยนะ มันก็ถามมาเล่นๆน่ะ” รัฐพยายามพูดให้น้ำนั้นไม่ต้องใส่ใจกับคำถามไร้สาระนั่น
น้ำฉีกยิ้มให้รัฐอย่างฝืนความรู้สึกจนคนที่ได้รับนั้นรู้สึกได้ “ไม่หรอก ขำๆน่ะ รัฐเองก็อย่าไปคิดมากเลย” น้ำพูดเหมือนกับที่รัฐพูดให้น้ำฟัง
“แต่รัฐเองก็แปลกใจนะ ทำไมพวกมันถึงคิดได้ถึงขนาดนั้น” รัฐพูดขึ้นมาลอยๆ
“พอเถอะ ไปยุ่งมากปวดหัวเปล่า” น้ำขัดขึ้นมาทันที
“ได้ดิ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง แล้วว่าแต่น้ำจะไปไหนล่ะ” รัฐถามขึ้น
“ไปกินข้าวดิ ดูดิน้ำเองหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย” น้ำพูด
“ก็ไปกินดิ เดี๋ยวรัฐไปจองโต๊ะก่อนละกันนะ” รัฐพูดจบก็รีบวิ่งลงไปข้างล่างเพื่อไปจองโต๊ะอาหารที่ต้องนั่งทานกันในกลางวันนี้
รัฐและน้ำต่างลงไปข้างล่าง ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆกลุ่มเดิม และพวกเขาเองคงได้คำตอบที่ไม่เหมือนกับที่รัฐและน้ำตอบให้เมื่อเขาได้ยิน พวกเขานั้นไม่แปลกใจทั้งรัฐและน้ำต่างปฏิเสธพัลวันไปอย่างนั้น ก็เพราะทั้งคู่ประสงค์อยากปกป้องซึ่งกันและกันนั่นเอง
........................
เรื่องของผมเป็นอย่างไรบ้าง ดีไม่ดีก็เชิญสับกันได้เลยนะ นะ
จนวันที่เขาและเธอนั้นต้องลำบากใจที่สุดก็มาถึงจนได้ ในวันนั้นหลังจากที่รัฐและน้ำได้เรียนในวิชาสุดท้ายก่อนพักกลางวันและเตรียมพร้อมที่จะลงไปทานอาหารอยู่พอดี ก็เห็นเพื่อนของเขากำลังนั่งจับกลุ่มกำลังพูดคุยกันอะไรสักอย่าง รัฐเองว่าจะเดินเข้าไปถามแต่ก็คอยแย้งกับน้ำไว้เหมือนเธอนั้นมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่างที่เธอนั้นต้องลำบากใจมากขึ้นกว่าเดิม
รัฐเดินเข้าไปกลางกลุ่มโดยลากน้ำมาด้วยจนได้ รัฐได้ถามขึ้นมากลางวง “เฮ้ย!! มีไรอ่ะ บอกหน่อยดิ พูดถึงเรื่องใคร แล้วมีเรื่องอะไรใหม่ๆที่รัฐตกข่าวบ้าง” รัฐถามไปก็ทำท่าทางอยากจะสนใจ แต่ในหมู่เพื่อนนั้นกลับตกใจและยังทำท่าทางที่ลึกลับ รัฐมองไปรอบๆไม่มีใครที่จะสามารถตอบคำถามเขาได้เลย เขาเองเริ่มรู้สึกสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว
“กำลังคุยเรื่องแกไง” เพื่อนคนหนึ่งในนั้นที่เป็นเหมือนหัวโจกพูดขึ้นกลางวง
“เฮ้ย อย่านะโว้ย” เพื่อนทุกคนที่เหลืออืออึงไม่ให้เพื่อนคนนั้นได้พูดอะไรออกไป
“มีอะไรหรือเปล่า” รัฐถามในท่าทีที่เงียบขึ้น
“เฮ้ย อย่าก็อย่าสิว่ะ” เพื่อนคนที่เหลือพยายามห้ามให้เพื่อนคนนั้นอย่าถามคำถามที่บ้าบิ่นออกไป
“เออนะ เดี่ยวเราก็จะรู้กัน” เพื่อนคนนั้นบอกให้เพื่อนทุกคนใจเย็นๆ เพราะอาจไม่เลวร้ายอย่างที่ทุกคนคิดก็เป็นได้
“มีไรว่ะ” รัฐถามอีกครั้ง
“เออ เราถามไป อย่าโกรธละกัน” เพื่อนคนนั้นพยายามโปรยขึ้นมาก่อน
“เออ..ไม่โกรธ ขอให้บอกมาเถอะ” รัฐพูด
“งั้นได้ เอ็งกับน้ำ เป็นแฟนกันหรือว่ะ” เพื่อนคนนั้นพูดออกมาจนได้ท่ามกลางเสียงอืออึงในหมู่เพื่อนคนอื่นๆดังขึ้นอีกครั้ง
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ทั้งรัฐและน้ำ ได้ยินคำถามนี้อย่างเต็มสองรูหู ทั้งคู่ต่างเงียบและไม่กล้าแม้แต่มองหน้ากันเลย แต่ยังไงทั้งรัฐและน้ำก็ต้องตอบคำถามนี้ไปให้ได้
ในความเงียบนั้น เพื่อนอีกคนในกลุ่มนั้นก็พูดขึ้น “เห็นไหม มันเงียบเป็นผีดิบไปแล้วนั่น”
รัฐรู้สึกตัวขึ้นมาทันที เขานึกอยู่ภายในใจว่า เขาต้องป้องกันน้ำให้ได้ ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ตราบใดเขาเองยังไม่ชัดเจนในตัวของเขาเองก็ตามที
@@@@@@@@@@@@
รัฐหัวเราะออกมาเสียงดังท่ามกลางความสงสัยว่ารัฐเป็นอะไร “จะบ้าไง หน้าอย่างนี้อ่านะ ฉันจะเอา” รัฐพูดไปก็หัวเราะไป
ผัวะ!! เสียงฝ่ามือของน้ำที่ตบมันลงไปที่หลังกะหม่อมออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด
“โอ๊ย!! อะไรนี่ ที่รัฐพูดมันไม่ถูกหรือไงเล่า” รัฐหันมาพูดกับน้ำ
“ไม่ถูก สวยๆอย่างฉันสิ จะเอาอย่างแกมีรึ จะเป็นไปได้” น้ำพูดพร้อมตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะกลบเกลื่อน
จากการตอบคำถามที่ไร้สาระของเขานั้นสิ้นสุดลงน้ำก็เดินออกมาจากกลุ่มโดยทันที โดยทำทียังไม่เลิกขำกับคำถามนั้นอยู่ โดยมีรัฐนั้นคอยวิ่งตามไปอยู่ไม่ห่าง ก็ในคนเรายังพอมีเงาให้อยู่ข้างกายอยู่ อย่างนั้นน้ำเองจะขาดรัฐไปได้อย่างไร ถึงแม้ทั้งรัฐและน้ำนั้นจะแสดงอาการอย่างนั้นออกไป เพื่อนทุกคนมีความรู้สึกอย่างเดียวกันว่า ทั้งรัฐและน้ำนั้นกำลังโกหกพวกเขาอยู่ และเขายังรู้สึกว่าทั้งรัฐและน้ำนั้นเหมือนแสดงละครให้เขาดู ถึงแม้จะหัวเราะกลบเกลื่อนได้ดังสักเพียงไหน แต่แววตาของคนทั้งคู่กลับเร้นสิ่งเหล่านั้นอย่างเต็มเปี่ยม
พอน้ำเดินห่างออกมาจากที่นั่นสักระยะ น้ำก็หยุดเดิน แล้วรัฐเองก็สงสัยว่าน้ำนั้นเป็นอะไร ดูท่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจแน่ๆ
“น้ำเป็นอะไร ไม่พอใจกับคำถามเมื่อกี้หรอ อย่าไปคิดมากเลยนะ มันก็ถามมาเล่นๆน่ะ” รัฐพยายามพูดให้น้ำนั้นไม่ต้องใส่ใจกับคำถามไร้สาระนั่น
น้ำฉีกยิ้มให้รัฐอย่างฝืนความรู้สึกจนคนที่ได้รับนั้นรู้สึกได้ “ไม่หรอก ขำๆน่ะ รัฐเองก็อย่าไปคิดมากเลย” น้ำพูดเหมือนกับที่รัฐพูดให้น้ำฟัง
“แต่รัฐเองก็แปลกใจนะ ทำไมพวกมันถึงคิดได้ถึงขนาดนั้น” รัฐพูดขึ้นมาลอยๆ
“พอเถอะ ไปยุ่งมากปวดหัวเปล่า” น้ำขัดขึ้นมาทันที
“ได้ดิ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง แล้วว่าแต่น้ำจะไปไหนล่ะ” รัฐถามขึ้น
“ไปกินข้าวดิ ดูดิน้ำเองหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย” น้ำพูด
“ก็ไปกินดิ เดี๋ยวรัฐไปจองโต๊ะก่อนละกันนะ” รัฐพูดจบก็รีบวิ่งลงไปข้างล่างเพื่อไปจองโต๊ะอาหารที่ต้องนั่งทานกันในกลางวันนี้
รัฐและน้ำต่างลงไปข้างล่าง ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆกลุ่มเดิม และพวกเขาเองคงได้คำตอบที่ไม่เหมือนกับที่รัฐและน้ำตอบให้เมื่อเขาได้ยิน พวกเขานั้นไม่แปลกใจทั้งรัฐและน้ำต่างปฏิเสธพัลวันไปอย่างนั้น ก็เพราะทั้งคู่ประสงค์อยากปกป้องซึ่งกันและกันนั่นเอง
........................
เรื่องของผมเป็นอย่างไรบ้าง ดีไม่ดีก็เชิญสับกันได้เลยนะ นะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น