ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หรือเราเคยรักกัน

    ลำดับตอนที่ #8 : อยากให้รู้กันบ้าง….

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 49


              วันเวลาผ่านพ้นไปถึงแม้จะไม่เท่าไร  แต่รัฐก็รู้สึกว่าเขานั้นต้องกลับบ้านคนเดียวตามลำพังเป็นเวลานานแสนนานเหลือเกินเมื่อใช้หัวใจของเขานั้นอ่านเวลา น้ำเองก็เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป  เธอดูห่างเหินกับรัฐมาขึ้นเรื่อยๆ  และไปรู้จักกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆและเปลี่ยนช่วงเวลามาเรียนอีกด้วย  มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่น้ำถึงจะยอมไปร่วมทำงานกีฬาสีกับเขาด้วยเท่านั้น
     
              ซึ่งการกระทำของน้ำนั้น  รัฐเองก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง  แรกเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไร  หากเวลาที่ผ่านนั้นกลับบ่อยขึ้นและบ่อยขึ้น  เขากลับมีอาการที่หงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งและเขาก็หงุดหงิดมากขึ้นถ้ามากวันไหนเขาเห็นน้ำและเพื่อนชายคนอื่นเดินด้วยกัน
     
              จนมีอยู่วันหนึ่ง  รัฐเองมาโรงเรียนเช้าเหมือนอย่างที่เคยเป็น  แต่น้ำกลับเปลี่ยนเวลามาโรงเรียน  มันไม่ใช่เวลาที่เธอนั้นเคยมา  แต่เป็นเวลาใหม่ที่เขานั้นก็แปลกใจ    ในตอนนั้นรัฐกำลังพูดคุยกับเพื่อนๆกันอย่างสนุกสนาน  จู่ๆรัฐเองเหมือนมีอะไรให้ดลจิตดลใจให้กวาดตาไปมองที่ประตูทางเข้าของโรงเรียน  เขากลับพบว่า  เขาเห็นน้ำเดินมากับเพื่อนผู้ชายอีกครั้ง    ถึงแม้ระยะทางจากที่เขายืนอยู่กับน้ำเดินเข้ามานั้นจะห่างไกลกันสักเพียงใด  แต่รัฐนั้นก็มองพอรู้ว่าน้ำมีความสุขมากที่ได้คุยกับเพื่อนที่มาด้วยกันนี้ 
     
              ขณะในรัฐเองยังคงมองเหม่อกับภาพที่อยู่ตรงข้างหน้าของเขาอยู่นั้น  เป็นช่วงที่ปอนเดินเข้ามาทักทายในยามเช้าเหมือนกับทุกวันพอดี 

                   "ดีรัฐ" ปอนเริ่มกล่าวทักขึ้นมาก่อน
                   "ดีปอน  มาเช้านิ"  รัฐทักกลับไปแบบที่ไม่ได้หันหน้ามาหาเลย
                   "อือ  นี่รัฐ  เชื่อไหมว่าวันนี้ฝนตกหนักแน่เลย"  ปอนพูด
     
              จากสิ่งที่ปอนพูดนั้นทำให้รัฐนั้นละสายตาจากการเพ่งมองดูน้ำมาสนใจกับประโยคชวนคิดของปอนที่ทิ้งเอาไว้  เขาก็ได้ถามกลับ  "ทำไมหรอ  รัฐเองไม่เห็นเข้าใจเลย"
     
              ปอนไม่พูดอะไรเพียงมองไปทางน้ำเหมือนเป็นการตอกย้ำให้รัฐได้รู้ว่านั้นคือน้ำจริง  "ก็วันนี้เจ้าน้ำมันมาเวลาใหม่น่ะสิ  แปลกเปล่าล่ะ"  ปอนพูดในขณะที่น้ำเองก็เดินใกล้เข้ามาเต็มที
     
              เมื่อรัฐเองได้ยินในสิ่งที่ปอนพูดนั้นก็เหมือนเป็นการพูดแทนใจดำของรัฐเสียมากกว่า  และน้ำนั้นก็เดินใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว  เขานั้นไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนที่น่าจะเผชิญในตอนนี้  เพราะเขานั้นกลัวว่าเขานั้นจะแสดงท่าทางที่น่าเกลียดและน้ำรู้แล้วอาจทำให้ความรู้สึกของน้ำที่มีต่อรัฐนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเพื่อนรักก็อาจเป็นคนคุ้นเคยเพียงแค่นั้น

                   เขาหันหน้ามาหาปอนพร้อมทั้งกล่าวฝากไว้สั้นๆแก่ปอนเอาไว้  "ปอนเดี่ยวรัฐขอตัวก่อนละกัน" 
                   "อ้าว!! ไปไหนล่ะ  เฮ้ย!"  ปอนพยายามเรียกรัฐ  แต่รัฐนั้นก็พยายามที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าใบเดิมแล้วก็เดินลิ่วไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าเขานั้นกำลังหนีอะไรกันแน่
                   ในขณะที่ปอนกำลังเรียกรัฐอยู่นั้นก็เป็นช่วงเดียวกับที่น้ำนั้นเดินเข้ามาหาปอนพอดี  "ดี  ปอน"  น้ำกล่าวทักปอนขึ้นมาก่อน
                   "เออ  ดี"  ปอนกล่าวทักกลับไป
                   "เออปอนแล้วเจ้ารัฐล่ะไปไหน"  น้ำกล่าวถาม
                   "เพิ่งไปเมื่อกี้เนี่ย  ไม่รู้ไปไหน"  ปอนตอบ
                   "อ้าว  มันเป็นอะไรเปล่า"  น้ำถามต่อ
                   "ไม่รู้สิ  แต่ฉันเห็นท่าทางมันหงุดหงิดน่าดูนะ"  ปอนตอบไปตามตรง
                   "อะไร  นี่ช่วงเช้าอยู่เลยจะมาหงุดหงิดอะไรอีกล่ะ"  น้ำกล่าว
                   "สงสัยมันหึงแก  ที่แกเดินมาโรงเรียนกับคนอื่นล่ะมั้ง"  ปอนพูดแบบลอยหน้าลอยตาโดยไม่ได้ตั้งใจให้น้ำกลับเก็บไปคิดแต่อย่างใด
                   "บ้ารึไง  พูดอะไรเลอะเทอะจริง"  น้ำพูดเพื่อกลบบางสิ่งบางอย่าง
     
              หลังจากที่ปอนกล่าวขึ้นมาเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ปอนนั้นจะเดินไปซื้อของที่สหกรณ์เธอนั่นก็ค่อยๆเดินมายังซุ้มที่เธอนั่งอยู่เป็นประจำ  เธอเก็บคำที่ปอนนั้นพูดออกมาจากปากอย่างไม่ได้รู้สมรู้สาอะไร  แต่น้ำนั้นกลับมาให้ความสำคัญถึงหัวใจของเพื่อนเธอบ้างแล้ว  เธอมองไปตามเศษฝุ่นรัฐนั้นเพิ่งเหยียบย้ำมันลงไปได้ไม่นาน  แล้วก็คนึงถึงสาเหตุที่รัฐมีท่าทีที่แปลกไปไม่เหมือนกับทุกเช้าที่รัฐมักมีรอยยิ้มให้แก่เขา
     
    @@@@@@@@@@

              รัฐ  หลังจากที่เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อน  แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งเดินหนีห่างจากตัวเองเสียมากกว่า   เขาไม่รู้และไม่อยากรู้กับความรู้สึกของตัวเองนั้นเป็นอย่างไร  เขาเดินตรงดิ่งขึ้นไปบนอาคารชั้นสองของอาคารหลังหนึ่ง  ในเวลานั่นเหมือนทำให้เขานั้นได้อยู่เพียงลำพังสักพัก
     
              เขานั่งพักตรงที่ระเบียงยาวอยู่สักพักก็ถอนหายใจออกมาเหือกใหญ่พอดู  เขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ  ทุกสิ่งก็สงบให้เขานั้นได้สร้างคำถามในใจขึ้นมา  และรอปากเขาที่คัดสรรมาจากใจเท่านั้นที่ตอบคำถามเหล่า   "เราหนีทำไม"  คำถามนี้ดังก้องขึ้นมาเป็นคำถามแรก   คำถามง่ายๆที่ใครต่อใครต่างก็ตอบได้  แต่รัฐนั้นกลับตอบมันไม่ได้   สักพักคำถามต่อมาก็ผุดขึ้นมาอย่างติดๆอย่างที่เขานั้นยังไม่ตอบคำถามแรกไปเลย  "น้ำคือใคร   ในความคิด"  มันเป็นคำถามที่มีคนสร้างก็คือเขาเองแท้ๆ  แต่เขานั้นกลับไม่กล้าตอบมันออกมาเท่านั้น  "เราคิดไรกับเพื่อนคนนี้กันแน่"  มันยังไม่พอเท่านั้น  คำถามที่สองยังไม่ทันที่จะคิดหาคำตอบที่เหมาะสมได้  คำถามที่สามก็ผุดตามมาไม่ต่างอะไรกับเงาตามตัว  คำถามนี้เป็นคำถามที่ถามบ่อย  ถามหลายครั้งวนไปวนมา  เพื่อให้ใจของเจ้าของคำถามนั้นได้ตอบมัน  เขาไม่กล้าที่ที่จะตอบคำถามนี้ออกมา  แต่กลับระบายคำถามนี้ได้หยดสั่งให้ถามด้วยการใช้หัวของเขาโขกกับระเบียง  และบ่นออกมาด้วยเสียงดังว่า "เรามันเลว…เรามันเลวจริงๆ"  เขาพูดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นอยู่เรื่อย
     
              จากสิ่งที่รัฐทำในที่ตรงนั้น  เขาทำมันลงไปเพราะคิดแต่ว่ามีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น  หากแต่มีน้ำ  ซึ่งเดินตามมาอย่างเงียบๆเพื่อซุ้มดูอาการของรัฐ  และเพื่อตรวจสอบกับคำพูดพร่อยๆของปอนไปในตัวด้วย  เธอเห็นอาการของรัฐที่กระทำต่อระเบียงก็แปลกใจแต่ไม่กล้าที่จะคิดต่อ  แต่เธอนั้นก็ไม่อยากไปถาม  เพียงแต่เธอนั้นเดินหันหลังกลับลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมตัวเข้าแถวเสียดีกว่าที่จะเห็นรัฐทำอย่างนี้แล้วเธอเองนั่นแหละจะเป็นคนที่ทำให้รัฐต้องเผลอพูดอะไรออกมา  และทำให้ตัวเธอนั้นก็ตกใจ 
     
              ในวันนั้นทั้งน้ำและรัฐไม่ได้พูดคุยกันเลย  จนกระทั่งช่วงกลางวันของวันนั้นเอง  จู่ๆรัฐก็ขอตัวที่จะไม่ทานข้าวกลางวันและเดินแยกออกไปจากกลุ่ม   น้ำรู้ว่ามันผิดสังเกตเลยขอตัวไม่ทานข้าวกลางวันด้วยเช่นกัน    และเดินขึ้นไปที่ห้องที่จะต้องเรียนเป็นวิชาต่อไป  พอเดินเข้าไปในห้องก็เห็นรัฐนั่งก้มหน้าอยู่บนโต๊ะ  เธอเดินเข้าไปนั่งในเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับโต๊ะที่เขานั่ง  รัฐเงยหน้าขึ้นเมื่อเขาเห็นเงาดำๆมาอยู่ที่หน้าของเขาก็พบว่าเป็นคนที่เขาหนีอยู่ทั้งวัน 
     
                   "โกรธเราหรอ"  น้ำถามขึ้นมาอย่างเงียบๆ
                   รัฐฉีกยิ้มออกมาได้อย่างที่เขาไม่คิดว่าเขาจะหายจากความรู้สึกนี้ได้เร็วอย่างนี้มาก่อนเลย  "ไม่หรอก…เราไม่เคยที่จะโกรธน้ำเลย  แม้แต่คิดก็ไม่เคยเลย"  รัฐตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งปนเสมหะเล็กน้อย
                   "แล้วทำไม  ไม่ไปทานข้าวล่ะ  ถ้าไม่โกรธ"  น้ำถามต่อ
                   "ก็…."  รัฐไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร ก็เขาเองไม่ใช่หรอที่พยายามหลบหน้าหลบตาน้ำอยู่ตลอดทั้งวัน ที่เขาหนีก็เพราะเขากลัวว่าน้ำนั้นจะจำคำพูดที่แสดงออกมาทางแววตาของเขานั้นเอง  และเขานั้นอาจเสียเพื่อนคนนี้ไปอย่างตลอดกล
                   น้ำเดินไปที่กลางห้อง  พร้อมทั้งพูดขึ้น  "รัฐ!!"
                   "อะไร"  รัฐขาน
                   "รัฐรู้เปล่า  เรารู้จักกันและสนิทกันก็เพราะการที่รัฐไม่ชอบทานข้าวกลางวันนี่แหละ  จนวันหนึ่งน้ำเองก็ไม่เบื่อข้าวกลางวันที่โรงเรียนเหมือนกัน"  น้ำพูดจบก็หัวเราะเล็ก  พร้อมทั้งกล่าวต่อ  "แต่วันนั้นนะสิ…ไม่รู้จะมีใครอยู่เป็นเพื่อนเรา  ก็เห็นมีแต่รัฐที่มักไม่ทานข้าวกลางวันและยอมอยู่เป็นเพื่อนน้ำตลอดเมื่อน้ำไม่อยากทานด้วย  ตั้งแต่นั้นมันเป็นสัญญาณบอกถึงความสนิทของเรามัน
    เริ่มต้นไง"   
                   น้ำยังพูดไม่จบเท่าไรก็มีเสียงขัดจากรัฐ  ทั้งๆที่หน้ารัฐไม่ได้มองไปที่น้ำเลย  "พอเถอะ" 
                   "อะไรนะรัฐ"  น้ำถามย้ำ  แต่ใจเธอก็กลัวว่ารัฐจะพูดในสิ่งที่เธอไม่อยากให้เขาพูด
                   "รัฐพูดว่าพอเถอะ"  รัฐพูดด้วยสีหน้าที่น้ำไม่ค่อยเห็นนัก
                   "ทำไมรัฐ"  น้ำถามกลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
                   "…"  รัฐไม่ตอบอะไรมาก  เพียงหันหน้ามาหาน้ำ    สายตาของน้ำเองเห็นแววตาของรัฐอย่างชัดเจนว่ารัฐกำลังคิดอะไรกับเธอกันแน่  เธอกลัวขึ้นมาทันที  ถ้ารัฐพูดจะเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของเพื่อนของเธอคนนี้ 
                   ทางด้านรัฐ  รัฐเองก็มองไปในแววตาของน้ำด้วยเช่นกัน   และรู้ว่าแววตาของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เขารู้ไส้รู้พุงทั้งหมด  ก็พอรู้ว่าเธอปิดแล้ว  เขาเลยเปิดปากที่จะพูดกับน้ำ  "เออ…น้ำ  รัฐหิว  ไปซื้ออะไรกันกินเถอะ" 
                   "ไปดิ"  น้ำตอบ
     
              จากนั้นทั้งรัฐและน้ำเดินลงไปข้างล่างลงไปซื้ออะไรเล็กๆน้อยๆขึ้นมากินกันข้างบน  แต่ทั้งเขาและเธอกลับเพิ่มระยะห่างในการเดินมากขึ้นไม่เหมือนก่อนที่เขาและเธอเดินบนพื้นดินพื้นเดียวกันเหมือนอย่างเคย

    %%%%%%%%%%%%%

                ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะครับ  ใครจะโฆษนาก็ตามสบายเลยนะครับ  แล้วว่างผมจะกลับไปเม้นละกันนะ  ผมรับฟังทุกข้อคิดเห็นนะครับ....บาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×