คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : อยากให้รู้กันบ้าง .
วันเวลาผ่านพ้นไปถึงแม้จะไม่เท่าไร แต่รัฐก็รู้สึกว่าเขานั้นต้องกลับบ้านคนเดียวตามลำพังเป็นเวลานานแสนนานเหลือเกินเมื่อใช้หัวใจของเขานั้นอ่านเวลา น้ำเองก็เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เธอดูห่างเหินกับรัฐมาขึ้นเรื่อยๆ และไปรู้จักกับเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆและเปลี่ยนช่วงเวลามาเรียนอีกด้วย มีเพียงบางครั้งเท่านั้นที่น้ำถึงจะยอมไปร่วมทำงานกีฬาสีกับเขาด้วยเท่านั้น
ซึ่งการกระทำของน้ำนั้น รัฐเองก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง แรกเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไร หากเวลาที่ผ่านนั้นกลับบ่อยขึ้นและบ่อยขึ้น เขากลับมีอาการที่หงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งและเขาก็หงุดหงิดมากขึ้นถ้ามากวันไหนเขาเห็นน้ำและเพื่อนชายคนอื่นเดินด้วยกัน
จนมีอยู่วันหนึ่ง รัฐเองมาโรงเรียนเช้าเหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่น้ำกลับเปลี่ยนเวลามาโรงเรียน มันไม่ใช่เวลาที่เธอนั้นเคยมา แต่เป็นเวลาใหม่ที่เขานั้นก็แปลกใจ ในตอนนั้นรัฐกำลังพูดคุยกับเพื่อนๆกันอย่างสนุกสนาน จู่ๆรัฐเองเหมือนมีอะไรให้ดลจิตดลใจให้กวาดตาไปมองที่ประตูทางเข้าของโรงเรียน เขากลับพบว่า เขาเห็นน้ำเดินมากับเพื่อนผู้ชายอีกครั้ง ถึงแม้ระยะทางจากที่เขายืนอยู่กับน้ำเดินเข้ามานั้นจะห่างไกลกันสักเพียงใด แต่รัฐนั้นก็มองพอรู้ว่าน้ำมีความสุขมากที่ได้คุยกับเพื่อนที่มาด้วยกันนี้
ขณะในรัฐเองยังคงมองเหม่อกับภาพที่อยู่ตรงข้างหน้าของเขาอยู่นั้น เป็นช่วงที่ปอนเดินเข้ามาทักทายในยามเช้าเหมือนกับทุกวันพอดี
"ดีรัฐ" ปอนเริ่มกล่าวทักขึ้นมาก่อน
"ดีปอน มาเช้านิ" รัฐทักกลับไปแบบที่ไม่ได้หันหน้ามาหาเลย
"อือ นี่รัฐ เชื่อไหมว่าวันนี้ฝนตกหนักแน่เลย" ปอนพูด
จากสิ่งที่ปอนพูดนั้นทำให้รัฐนั้นละสายตาจากการเพ่งมองดูน้ำมาสนใจกับประโยคชวนคิดของปอนที่ทิ้งเอาไว้ เขาก็ได้ถามกลับ "ทำไมหรอ รัฐเองไม่เห็นเข้าใจเลย"
ปอนไม่พูดอะไรเพียงมองไปทางน้ำเหมือนเป็นการตอกย้ำให้รัฐได้รู้ว่านั้นคือน้ำจริง "ก็วันนี้เจ้าน้ำมันมาเวลาใหม่น่ะสิ แปลกเปล่าล่ะ" ปอนพูดในขณะที่น้ำเองก็เดินใกล้เข้ามาเต็มที
เมื่อรัฐเองได้ยินในสิ่งที่ปอนพูดนั้นก็เหมือนเป็นการพูดแทนใจดำของรัฐเสียมากกว่า และน้ำนั้นก็เดินใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว เขานั้นไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนที่น่าจะเผชิญในตอนนี้ เพราะเขานั้นกลัวว่าเขานั้นจะแสดงท่าทางที่น่าเกลียดและน้ำรู้แล้วอาจทำให้ความรู้สึกของน้ำที่มีต่อรัฐนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเพื่อนรักก็อาจเป็นคนคุ้นเคยเพียงแค่นั้น
เขาหันหน้ามาหาปอนพร้อมทั้งกล่าวฝากไว้สั้นๆแก่ปอนเอาไว้ "ปอนเดี่ยวรัฐขอตัวก่อนละกัน"
"อ้าว!! ไปไหนล่ะ เฮ้ย!" ปอนพยายามเรียกรัฐ แต่รัฐนั้นก็พยายามที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าใบเดิมแล้วก็เดินลิ่วไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าเขานั้นกำลังหนีอะไรกันแน่
ในขณะที่ปอนกำลังเรียกรัฐอยู่นั้นก็เป็นช่วงเดียวกับที่น้ำนั้นเดินเข้ามาหาปอนพอดี "ดี ปอน" น้ำกล่าวทักปอนขึ้นมาก่อน
"เออ ดี" ปอนกล่าวทักกลับไป
"เออปอนแล้วเจ้ารัฐล่ะไปไหน" น้ำกล่าวถาม
"เพิ่งไปเมื่อกี้เนี่ย ไม่รู้ไปไหน" ปอนตอบ
"อ้าว มันเป็นอะไรเปล่า" น้ำถามต่อ
"ไม่รู้สิ แต่ฉันเห็นท่าทางมันหงุดหงิดน่าดูนะ" ปอนตอบไปตามตรง
"อะไร นี่ช่วงเช้าอยู่เลยจะมาหงุดหงิดอะไรอีกล่ะ" น้ำกล่าว
"สงสัยมันหึงแก ที่แกเดินมาโรงเรียนกับคนอื่นล่ะมั้ง" ปอนพูดแบบลอยหน้าลอยตาโดยไม่ได้ตั้งใจให้น้ำกลับเก็บไปคิดแต่อย่างใด
"บ้ารึไง พูดอะไรเลอะเทอะจริง" น้ำพูดเพื่อกลบบางสิ่งบางอย่าง
หลังจากที่ปอนกล่าวขึ้นมาเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ปอนนั้นจะเดินไปซื้อของที่สหกรณ์เธอนั่นก็ค่อยๆเดินมายังซุ้มที่เธอนั่งอยู่เป็นประจำ เธอเก็บคำที่ปอนนั้นพูดออกมาจากปากอย่างไม่ได้รู้สมรู้สาอะไร แต่น้ำนั้นกลับมาให้ความสำคัญถึงหัวใจของเพื่อนเธอบ้างแล้ว เธอมองไปตามเศษฝุ่นรัฐนั้นเพิ่งเหยียบย้ำมันลงไปได้ไม่นาน แล้วก็คนึงถึงสาเหตุที่รัฐมีท่าทีที่แปลกไปไม่เหมือนกับทุกเช้าที่รัฐมักมีรอยยิ้มให้แก่เขา
@@@@@@@@@@
รัฐ หลังจากที่เดินออกมาจากกลุ่มเพื่อน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งเดินหนีห่างจากตัวเองเสียมากกว่า เขาไม่รู้และไม่อยากรู้กับความรู้สึกของตัวเองนั้นเป็นอย่างไร เขาเดินตรงดิ่งขึ้นไปบนอาคารชั้นสองของอาคารหลังหนึ่ง ในเวลานั่นเหมือนทำให้เขานั้นได้อยู่เพียงลำพังสักพัก
เขานั่งพักตรงที่ระเบียงยาวอยู่สักพักก็ถอนหายใจออกมาเหือกใหญ่พอดู เขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ทุกสิ่งก็สงบให้เขานั้นได้สร้างคำถามในใจขึ้นมา และรอปากเขาที่คัดสรรมาจากใจเท่านั้นที่ตอบคำถามเหล่า "เราหนีทำไม" คำถามนี้ดังก้องขึ้นมาเป็นคำถามแรก คำถามง่ายๆที่ใครต่อใครต่างก็ตอบได้ แต่รัฐนั้นกลับตอบมันไม่ได้ สักพักคำถามต่อมาก็ผุดขึ้นมาอย่างติดๆอย่างที่เขานั้นยังไม่ตอบคำถามแรกไปเลย "น้ำคือใคร ในความคิด" มันเป็นคำถามที่มีคนสร้างก็คือเขาเองแท้ๆ แต่เขานั้นกลับไม่กล้าตอบมันออกมาเท่านั้น "เราคิดไรกับเพื่อนคนนี้กันแน่" มันยังไม่พอเท่านั้น คำถามที่สองยังไม่ทันที่จะคิดหาคำตอบที่เหมาะสมได้ คำถามที่สามก็ผุดตามมาไม่ต่างอะไรกับเงาตามตัว คำถามนี้เป็นคำถามที่ถามบ่อย ถามหลายครั้งวนไปวนมา เพื่อให้ใจของเจ้าของคำถามนั้นได้ตอบมัน เขาไม่กล้าที่ที่จะตอบคำถามนี้ออกมา แต่กลับระบายคำถามนี้ได้หยดสั่งให้ถามด้วยการใช้หัวของเขาโขกกับระเบียง และบ่นออกมาด้วยเสียงดังว่า "เรามันเลว
เรามันเลวจริงๆ" เขาพูดวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นอยู่เรื่อย
จากสิ่งที่รัฐทำในที่ตรงนั้น เขาทำมันลงไปเพราะคิดแต่ว่ามีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น หากแต่มีน้ำ ซึ่งเดินตามมาอย่างเงียบๆเพื่อซุ้มดูอาการของรัฐ และเพื่อตรวจสอบกับคำพูดพร่อยๆของปอนไปในตัวด้วย เธอเห็นอาการของรัฐที่กระทำต่อระเบียงก็แปลกใจแต่ไม่กล้าที่จะคิดต่อ แต่เธอนั้นก็ไม่อยากไปถาม เพียงแต่เธอนั้นเดินหันหลังกลับลงไปข้างล่างเพื่อเตรียมตัวเข้าแถวเสียดีกว่าที่จะเห็นรัฐทำอย่างนี้แล้วเธอเองนั่นแหละจะเป็นคนที่ทำให้รัฐต้องเผลอพูดอะไรออกมา และทำให้ตัวเธอนั้นก็ตกใจ
ในวันนั้นทั้งน้ำและรัฐไม่ได้พูดคุยกันเลย จนกระทั่งช่วงกลางวันของวันนั้นเอง จู่ๆรัฐก็ขอตัวที่จะไม่ทานข้าวกลางวันและเดินแยกออกไปจากกลุ่ม น้ำรู้ว่ามันผิดสังเกตเลยขอตัวไม่ทานข้าวกลางวันด้วยเช่นกัน และเดินขึ้นไปที่ห้องที่จะต้องเรียนเป็นวิชาต่อไป พอเดินเข้าไปในห้องก็เห็นรัฐนั่งก้มหน้าอยู่บนโต๊ะ เธอเดินเข้าไปนั่งในเก้าอี้ตัวตรงข้ามกับโต๊ะที่เขานั่ง รัฐเงยหน้าขึ้นเมื่อเขาเห็นเงาดำๆมาอยู่ที่หน้าของเขาก็พบว่าเป็นคนที่เขาหนีอยู่ทั้งวัน
"โกรธเราหรอ" น้ำถามขึ้นมาอย่างเงียบๆ
รัฐฉีกยิ้มออกมาได้อย่างที่เขาไม่คิดว่าเขาจะหายจากความรู้สึกนี้ได้เร็วอย่างนี้มาก่อนเลย "ไม่หรอก
เราไม่เคยที่จะโกรธน้ำเลย แม้แต่คิดก็ไม่เคยเลย" รัฐตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งปนเสมหะเล็กน้อย
"แล้วทำไม ไม่ไปทานข้าวล่ะ ถ้าไม่โกรธ" น้ำถามต่อ
"ก็
." รัฐไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร ก็เขาเองไม่ใช่หรอที่พยายามหลบหน้าหลบตาน้ำอยู่ตลอดทั้งวัน ที่เขาหนีก็เพราะเขากลัวว่าน้ำนั้นจะจำคำพูดที่แสดงออกมาทางแววตาของเขานั้นเอง และเขานั้นอาจเสียเพื่อนคนนี้ไปอย่างตลอดกล
น้ำเดินไปที่กลางห้อง พร้อมทั้งพูดขึ้น "รัฐ!!"
"อะไร" รัฐขาน
"รัฐรู้เปล่า เรารู้จักกันและสนิทกันก็เพราะการที่รัฐไม่ชอบทานข้าวกลางวันนี่แหละ จนวันหนึ่งน้ำเองก็ไม่เบื่อข้าวกลางวันที่โรงเรียนเหมือนกัน" น้ำพูดจบก็หัวเราะเล็ก พร้อมทั้งกล่าวต่อ "แต่วันนั้นนะสิ
ไม่รู้จะมีใครอยู่เป็นเพื่อนเรา ก็เห็นมีแต่รัฐที่มักไม่ทานข้าวกลางวันและยอมอยู่เป็นเพื่อนน้ำตลอดเมื่อน้ำไม่อยากทานด้วย ตั้งแต่นั้นมันเป็นสัญญาณบอกถึงความสนิทของเรามัน
เริ่มต้นไง"
น้ำยังพูดไม่จบเท่าไรก็มีเสียงขัดจากรัฐ ทั้งๆที่หน้ารัฐไม่ได้มองไปที่น้ำเลย "พอเถอะ"
"อะไรนะรัฐ" น้ำถามย้ำ แต่ใจเธอก็กลัวว่ารัฐจะพูดในสิ่งที่เธอไม่อยากให้เขาพูด
"รัฐพูดว่าพอเถอะ" รัฐพูดด้วยสีหน้าที่น้ำไม่ค่อยเห็นนัก
"ทำไมรัฐ" น้ำถามกลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
"
" รัฐไม่ตอบอะไรมาก เพียงหันหน้ามาหาน้ำ สายตาของน้ำเองเห็นแววตาของรัฐอย่างชัดเจนว่ารัฐกำลังคิดอะไรกับเธอกันแน่ เธอกลัวขึ้นมาทันที ถ้ารัฐพูดจะเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของเพื่อนของเธอคนนี้
ทางด้านรัฐ รัฐเองก็มองไปในแววตาของน้ำด้วยเช่นกัน และรู้ว่าแววตาของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เขารู้ไส้รู้พุงทั้งหมด ก็พอรู้ว่าเธอปิดแล้ว เขาเลยเปิดปากที่จะพูดกับน้ำ "เออ
น้ำ รัฐหิว ไปซื้ออะไรกันกินเถอะ"
"ไปดิ" น้ำตอบ
จากนั้นทั้งรัฐและน้ำเดินลงไปข้างล่างลงไปซื้ออะไรเล็กๆน้อยๆขึ้นมากินกันข้างบน แต่ทั้งเขาและเธอกลับเพิ่มระยะห่างในการเดินมากขึ้นไม่เหมือนก่อนที่เขาและเธอเดินบนพื้นดินพื้นเดียวกันเหมือนอย่างเคย
%%%%%%%%%%%%%
ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะครับ ใครจะโฆษนาก็ตามสบายเลยนะครับ แล้วว่างผมจะกลับไปเม้นละกันนะ ผมรับฟังทุกข้อคิดเห็นนะครับ....บาย
ความคิดเห็น