ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บนทางเดินที่ไม่สมหวัง

    ลำดับตอนที่ #4 : ความจริงหลังเส้นด้าย

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 49


              หลังจากที่สมศรีได้เดินออกไปจากห้อง มีเพียงเด็กอายุ 16 ถึงจะเก่งสักแค่ไหนแต่ก็สู้ชายวัยกลางคนที่มีเล่ห์กลสารพัดไม่ได้ เขาสามารถทำร้ายเธอได้ตลอดเวลาโดยที่เธอเองไม่ได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ เสี่ยโกก็กลัวว่าเหยื่อของเขาที่ได้มานั้นจะรู้ตัวเสียก่อนและเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาคงจะไม่ยอมอะไรง่ายๆเหมือนกับรายอื่นๆ เขาจึงพยายามชวนคุยเรื่องทั่วไปอยู่เกือบๆชั่วโมง จนเชื้อหมาป่าที่กระหายบางสิ่งบางอย่างมาเป็นเวลานานแสนนานก็ออกอาละวาด จนนิดเองไม่ได้ตั้งรับมัน

        
    "ถอดเสื้อผ้าซะ" เสี่ยโก กล่าวออกไปด้วยเสียงที่เรียบนิ่งแต่มันชั่งแฝงไปด้วยความน่ากลัวเหลือเกินในความคิดของนิด
        
    "ไมต้องถอดด้วยล่ะจ๊ะ" นิด กล่าวถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเพราะพอรู้ว่าห้องนี้เริ่มที่จะไม่ปลอดภัยสำหรับตัวเธอแล้ว
        
    "ฉันบอกให้ถอดก็ถอดเถอะน่ะ" เสี่ยโก เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
        
    "ไม่…ไม่จริง" นิดพูดพร้อมส่ายหัวกับเหตุการณ์ที่เธอเองต้องประสบตอนนี้

           
    เธอรีบวิ่งไปที่ประตูพร้อมที่จะบิดเปิดประตูให้เปิดออกให้ได้ แต่ประตูนั้นได้ถูกล็อกจากคนข้างนอกในหัวของเธอมีเพียงคนเดียวที่ทำเรื่องอย่างนี้ได้นั่นก็คือ "สมศรี" ความคิดอันเลวร้ายผ่านเข้ามาหาเธอแทบไม่ทัน น้ำในตาใสๆเริ่มทยอยไหลออกมาทีละหยดๆเพราะเธอคิดว่าเธอกำลังอยู่กับหมาบ้าที่กระหายเลือดอยู่ ณ ขณะนี้

        
    เสี่ยโกหัวเราะพร้อมกล่าวว่า "ไม่มีใครรอดฉันไปได้หรอก" แล้วก็เดินเข้ามาหานิดอย่างช้าๆ
         "ไหว้แหละจ๊ะ อย่าทำอะไรหนูเลย" นิดพูดพร้อมทั้งยกมือไหว้ประงกๆ แต่เสี่ยโกไม่สนในคำขอร้องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่พอ เขายังทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนี้เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง

    ***************************

              ตั้งแต่เหตุการณ์ที่เลวร้ายคราวนั้นได้ผ่านไป พอนิดกลับมาที่บ้านของสมศรีเพียงลำพังก็รีบเข้าห้องนอน นิดเคียดแค้นสมศรีมากๆ เพราะเธอคิดว่าสมศรีจะพาเธอมาสู่ที่ที่มีอนาคต เธอเองก็เชื่อใจสมศรีมาโดยตลอด ตั้งแต่นั้นมาเธอต้องกลับมาทำงานในที่นี่เพราะการก้าวเข้ามาแล้วยากที่จะออกไปได้นอกเสียจากจะต้องมีเงินมากจำนวนหนึ่งเพื่อมาไถ่ถอนซึ่งไม่มีใครเลยที่สามารถทำได้และคิดที่จะทำด้วย เพราะอาชีพเพราะแลกมาด้วยเงินมหาศาล เด็กคนหนึ่งนอนกัดผ้าห่มของคนที่เธอเกลียดกับร่างกายที่บอบช้ำมาจากชายที่เพิ่งรู้จักเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ในห้องวันมันอบอวนไปด้วยความเจ็บปวดปนความเคียดแค้น

            
    จากนั้นเธอตั้งหน้าตั้งตาทำงานที่นั่นอยู่ 2 เดือนก็ย้ายออกมาจากบ้านของสมศรี ส่วนด้านของสมศรีเองก็เป็นเอดส์อย่างปริศนาและแน่นอนว่าเธอรับไม่ได้กับโรคร้ายนี้ เธอมีความคิดที่ว่าตายตอนนี้กับรอให้โรคมันลุกลามแล้วตายเธอเลือกฆ่าตัวตายเองเสียดีกว่า การตายของเธอเต็มไปด้วยปมที่ไม่มีใครทราบได้ ความโชคดีก็มาสู่นิดในเวลาต่อมาไม่นานเมื่อเธอทำงานที่นี่ได้ไม่นานก็มีคนที่จะยอมเหมาตัวเธอไปในสถานที่อื่นก็แล้วแต่คนที่เหมา ซึ่งก็ทำให้เธอไม่ต้องไปหลับนอนกับใครในหลายๆคนภายในคืนเดียว เขาคนนั้นก็คือ พินิจ พินิจพึงพอใจนิดมากในหลายๆอย่าง โดยเหมาตัวออกมาก็แค่พาไปรับประทานและไปส่งที่อาบ อบ นวดเมื่อถึงเวลาปิดทำการนั่นเอง
     
              นิดทำงานที่นี่ได้มีเพื่อนต่างวัยที่ชื่อป้าก่อ และมีอริที่ ชื่อช่อนันและศิริ ที่คอยอิจฉานิดเพราะนิดทำงานเพียงแค่ 4 เดือนก็มีคนมาสนใจเธอและมักจะเหมาตัวเธออยู่เป็นประจำซึ่งเธอก็ไม่ต้องทำงานร่วมกับผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักอีก เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่นิดเองได้มาทำงานที่นี่

        
    "นิดเอ๊ย เก็บของเสร็จยังว่ะ" ป้าก่อ กล่าวเร่งนิด
        
    "ใกล้เสร็จแล้วค่ะ" นิด กล่าวพร้อมรีบจัดแจงธุระของตัวเอง
        
    "เร็วๆหน่อย เดี๋ยวอี 2 ตัวนั่นก็มาราวีอีก" ป้าก่อ เร่งนิดอีกครั้ง
        
    "มาแล้ว แหมป้า….ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้" นิด กล่าวพร้อมเดินออกมาหลังทำธุระเรียบร้อยแล้ว
        
    "ไม่ทันแล้วว่ะ มันมาแล้ว" ป้าก่อพูด พร้อมชี้ให้นิดเห็น
        
    "แหม จะรีบไปไหนล่ะค่ะคุณอีตัวชั้นสูง" ศิริ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเอาเสียเหลือ
        
    "ก็คงจะรีบไปเรียนเพื่อที่จะได้ไปเกาะผู้ชายรวยๆละมั้งแก" ช่อนั้น พร้อมทั้งหัวเราะกับศิริ
         "
    ก็ยังดีกว่าบางคน โง่ก็โง่ สวยก็ไม่สวย ชาตินี้คงไม่พ้นแม่บ้านของที่นี่แหละ" นิดกล่าวตอบกลับไปทำให้ช่อนั้นและศิริโกรธมากเลยทีเดียว
        
    "นี่แกว่าใคร" ช่อนัน ถามนิด
        
    "ใช่….แกว่าใคร พูดมาดีดีนะ" ศิริ ช่วยช่อนันกล่าวเสริม
        
    "ใครอยากรับก็รับไปดิ แต่ท่าทางแก 2 คนปากยาวขนาดนี้ คงจะรับเก่งดีเนอะ" นิด กล่าวตอบไปเพื่อให้ช่อนันและศิริได้รับรู้
        
    "กรี๊ด….อีนี่สงสัยวอนโดนตบซะแล้ว" ศิริ กล่าวท้าทายนิด
        
    "เอาเลยเดี๋ยวฉันช่วยเอง" ช่อนัน กล่าวกับศิริว่าเธอจะช่วยเต็มที่
        
    "ถ้าอยากซ้ำแผลเดิมก็เดินเข้ามาเลย" นิด กล่าวให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าตัวเองนั้นก็พร้อมจะเปิดศึกอย่างเต็มที่
        
    "โอ๊ย! อีพวกนี้กัดกันยังกับหมา กลับบ้านกลับช่องกันไปได้แล้วไป โอ๊ย! เหนื่อยจริงๆ" ป้าก่อตะโกนขึ้นมากลางวงทำให้ต้องสงบศึกกันทันที แล้วต่างก็แยกย้ายกันไป

    **************************

              หลังจากการทะเลอะวิวาทที่เปิดฉากอันเผ็ดร้อนได้หยุดไป นิดก็ได้เดินกลับบ้านไปกับป้าก่ออย่างที่ทำอยู่ทุกวัน แต่วันนี้ดูท่าป้าก่อเองก็แปลกกว่าทุกๆวัน เพราะป้าก่อหน้านี่งิ้วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเลย จนนิดเองสัมผัสในสิ่งที่ลึกลับของป้าก่อได้และอยากรู้ในสิ่งที่ป้าก่อเก็บงำเอาไว้

        
    "โอ๊ย! ฉันละเหนื่อยกับ 2 คนนั้นจริงๆ" ป้าก่อ บ่นพึมพำให้นิดฟังถึงความเหนื่อยใจกับ 2 คนนั้น
        
    "อย่าไปสนใจเลยป้า" นิด กล่าวปลอบโยนป้าก่อนิดเองยิ่งพูดก็ยิ่งเริ่มเห็นความผิดปกติของป้าก่อมากขึ้นทุกทีๆ
        
    "ป้ามีอะไรจะถามฉันรึเปล่า" นิด ถามด้วยรอยยิ้ม
        
    "อืม?…เปล่าไม่มีไรหรอก" ป้าก่อ จะหันมาถามแต่ต้องชักหน้าของตัวเองกลับไป
        
    "ถามมาเถอะป้า" นิด คะยั้นคะยอ เพราะเธอสงสัยว่าป้าก่อต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
        
    "อืม…เออแล้วนี่เอ็งเรียนไปถึงไหนแล้ว" ป้าก่อ ถามนิดไปด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง สายตายังมองไปตามพื้น
        
    "โธ่นึกว่าเรื่องอะไร…ก็จะจบ ม.6 แล้วจ๊ะ เออ…ใช่ เดือนนี้ก็จบแล้ว" นิด กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง
        
    "อืม…แล้วถามจริงเถอะเอ็งจะเรียนไปถึงไหน" ป้าก่อ ถามอีกครั้ง
         
    "ก็เท่าที่ตัวฉันจะทำได้แหละป้า ฉันคงไม่อยากเป็นเอดส์ตายคาซ่องนี้หรอกนะ" นิด ตอบไปโดยที่สายตามองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง
        
    "เอ็งน่ะหวังสูงหวังได้ แต่ข้าขอเตือนเอาไว้ก่อนว่าไม่เคยมีใครไปถึงจุดๆนั้นเสียที" ป้าก่อ เตือนให้นิดรู้ตัวเองว่าเป็นใครและไม่เคยมีใครทำได้อย่างที่เธอบอกมา ในขณะที่ทั้งคู่ก็ยืนอยู่หน้าห้องของนิด
        
    "แต่ฉันมีความมุ่งมั่นจ๊ะป้า ถึงห้องฉันล่ะ ป้าไปนอนเถอะ" นิด กล่าวพร้อมไขกุญแจห้องของเธอไปด้วย
        
    "อืม..งั้นป้าไปก่อนละกัน" ป้าก่อ กล่าวลาก่อนที่จะเดินกลับห้องของป้าก่อที่อยู่ถัดไปอีกไม่กี่ห้อง
        
    "จ๊ะ" นิด กล่าวพร้อมกับยิ้มให้กับป้าก่อ

    *******************************

              ในสังคมก็ย่อมมีคนที่โชคร้ายในชะตาชีวิตเป็นเรื่องปกติ ในทางตรงกันข้ามก็ยังมีคนที่มีฐานะที่ดีอยู่บนโลกนี้ด้วยเช่นกัน ณ คฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองมี สองแม่-ลูกคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้น นอกจากนี้ยังรายล้อมไปด้วยบริวารนับสิบชีวิตที่อยู่ภายใต้ร่มเงาของกฤษฎี กฤษฎี หญิงสาวในวัยเกือบห้าสิบแล้ว เป็นบุคคลที่วงการต่างก็นับหน้าถือตาในบทบาทของผู้เป็นแม่เธอก็ทำได้ไม่ตกอย่างตกบกพร่อง ใช่แล้ว…อิทธิเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเธอซึ่งเธอเองก็ทั้งหวงและห่วงลูกชายคนนี้เอาเสียมากๆด้วย 
     
         "อิทธิ จะไปไหนน่ะลูก ยังไม่กินอะไรเลย" กฤษฎี กล่าวเรียกลูกชายของเธอ
        
    "ผมขอออกไปเที่ยวข้างนอกนิดนึงนะครับ" อิทธิ หันหน้ามากล่าวพร้อมทั้งรีบวิ่งออกไปจากบ้านทันที

             
    อิทธิเป็นลูกชายของกฤษฎีและเป็นลูกคนเดียวของเธอด้วย ที่กฤษฎียิ่งหวงลูกคนนี้เอาเสียมากๆก็เพราะอิทธิเองเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี การศึกษาดีผู้หญิงทั่วไปที่รู้จักกับอิทธิก็มันที่จะอยากจะเข้ามาพัวพันด้วยกันทั้งนั้น ตลอดเวลาอิทธิเองเป็นลูกที่ดี…และเขาก็ไม่เคยนำเรื่องเดือดร้อนมาให้แม่ของเขาเลย เว้นแต่เขาจะชอบไปเดินเที่ยวอยู่นอกบ้านยิ่งวันนี้แล้วเขาอยากชมให้ทั่วเมืองเท่าที่ตัวเองจะเดินได้เพราะเขาเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศษมาเมื่อวานนี้ เขาอยากจะรู้ว่าตลอด 4 ปีที่เขาไม่อยู่ที่นี่ กรุงเทพมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง

        
    "อ้าว แล้วไม่เอารถไปอีก" กฤษฎี ตะโกนถามเผื่ออิทธิจะย้อนกลับมาเอารถไป แต่ความพยายามของเธอก็ไม่เป็นผลเมื่อเธอเห็นแค่หลังไวไวของลูกเธอเท่านั้น

             
    กฤษฎีเองก็เริ่มชินในอาการของติดดินของอิทธิแล้ว ถึงแม้เธอจะเรียกยังไงอิทธิเองก็ยังมีเจตนาที่จะเดินทางด้วยเท้าและรถประจำทางอยู่ดี

             
    เมื่อเขาเดินออกจากรั้วบ้านที่สูงราวเทียมฟ้า บ้านของเขาก็ไม่ต่างอะไรกับรังนกดีดี เมื่อได้โอกาสที่จะมาเดินเล่นนอกบ้านเขาเลยได้โอกาสก็ทำตัวไม่ต่างต่างนก คอยระเห็ดระเหเร่ร่อนไปเรื่อยเหนื่อยถึงกลับบ้าน เขาเดินเที่ยวภายในกรุงเทพฯตั้งแต่ตะวันยังไม่เปล่งประกายสักเท่าไหร่จนตอนนี้ตะวันก็ตรงหัวเขาอยู่แล้ว ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้ลงท้องของเขาเลย ตอนนี้ก็กระเพาะแทบจะทุบท้องของเขาเพราะย้ำเตือนว่าต้องทานอะไรเข้าไปบ้างได้แล้ว

    ********************************

              เขาก็เดินไปเดินมาหาร้านอาหารอยู่สักพัก ก็พบเห็นร้านอาหารร้านหนึ่งบรรยากาศก็ดี แต่อาหารก็ไม่น่าจะแพงด้วย เขาเลยเลือกเดินที่จะเข้าไปก็ไปนั่งอยู่สักพักก็มีพนักงานเดินเข้ามาถามถึงสิ่งที่เขาต้องการ

        
    "รับอะไรดีค่ะ" พนักงานสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม พนักงานสาวคนนั้นก็คือนิดนั่นเอง แต่อิทธิเองมัวแต่ตะลึงจนตาค้างเพราะนิดเป็นผู้หญิงในสเป็กของเขา

             
    นิดใช้เวลาทั้งหมดจากการทำงานอาบ อบ นวด ในช่วงกลางคืนและเรียนกศน. ในช่วงเย็นของทุกวัน ก็มักจะมาทำงานในช่วงกลางวันที่ร้านอาหารแห่งนี้แหละ ถึงแม้เวลาที่จะหลับนอนมีเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่เธอก็ทนมันไปเพราะมันเป็นวิธีหนึ่งที่จะหาเงินเพื่อนำไปไถ่ถอนตัวเธอออกจากขุมนรกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แน่นอนว่าเงินจำนวนนั้นมันได้มาไม่ง่ายเลย

        
    ในขณะที่นิดคอยถามซ้ำซากว่า "รับอะไรดีค่ะ" ก็ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับจากอิทธิเลยว่าจะรับอะไร เขาก็ยังคงอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
        
    "คุณค่ะ จะรับอะไรดีค่ะ" นิด ตะโกนเสียงดังจนทำให้อิทธิเองสะดุ้งโหยงเมื่ออิทธิเองรู้สึกตัวรีบปาดน้ำลายที่ไหลยืดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะพูดเข้าเรื่อง
         "ขอโทษครับ เออ…" อิทธิยังไม่ทันพูดไรต่อ นิดเองก็อดขำไม่ได้
        
    "ขำอะไรครับ" อิทธิหันมาถามด้วยสีหน้าที่สงสัย
        
    "ก็น้ำลายคุณยังติดอยู่ที่มุมปากคุณนะสิ" นิดพูดไปก็ยังคงยิ้มอยู่ "มาค่ะเดี๋ยวฉันจะเช็ดให้ละกัน" นิดพูดจบก็เอากระดาษทิชชูสีชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วค่อยๆบรรจงเช็ดปากของอิทธิอย่างช้าๆ นิดเองไม่เท่าไหร่แต่ด้านอิทธินี่สิหน้านี่แดงเป็นลูกตำลึกสุกไม่มีผิดเพี้ยนก็ด้วยความขวยเขินของเขานั่นเอง
        
    พอนิดเช็ดปากให้อิทธิเสร็จ นิดก็กล่าว "เรียบร้อยแล้วค่ะ แล้วจะรับอะไรดีค่ะ แต่ว่าคงไม่ใช่ฉันมั้ง เพราะที่นี่ไม่ได้ขายดิฉันทอดกรอบนิ"
         
    อิทธิเองได้ยินอย่างนั้นก็ต้องปล่อยฮาไม่หยุด "ถ้าผมจะกินคุณ ป่านนี้คงไม่เหลือแล้วแหละครับ เอางี้เอาอะไรก็ได้ที่เร็วๆมาให้ผมหน่อยเพราะผมหิวมากน่ะ แต่ว่าต้องอร่อยด้วยนะครับ แต่อาจไม่อร่อยเท่ากับคุณทอดกรอบหรอก"
        
    "ได้สิค่ะ รอสักครู่ละกันนะ" นิด กล่าวก่อนพร้อมจะเหลียวหลังไปที่หลังร้านเพื่อที่จะเอารายการสั่งอาหารไปให้พ่อครัว

    **********************************

              ชั่วเวลาตั้งแต่นิดเพียงแค่เหลียวหลังไปไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำเขาเองก็คอยคิดถึงเธอผู้นั้นอย่างคิดคะนึงหา อิทธิก็คอยแต่นั่งนึกที่จะพาผู้หญิงคนนี้ไปโน่นไปนี่ แต่ก็ต้องสะดุดลงเมื่อมีคนมาเรียกเขาทำให้เขาตื่นจากความฝันเล็กๆของเขา

        
    "ได้แล้วค่ะอาหารที่คุณสั่ง" พนักงานสาวอีกคนหนึ่งเดินเอาอาหารมาให้
        พออิทธิค่อยๆเหลียวหลังไปก็พบว่าพนักงานเสิร์ฟที่เขาเห็นไม่ใช่คนเมื่อสักครู่นี้ "ครับ" เขาตอบรับและมองซ้ายมองขวาหาสาวเสิร์ฟผู้นั้น
         "อาหารค่ะ" พนักงานสาวย้ำอีกครั้งเพราะเขายังไม่ได้เอาอาหารไป
        
    "ครับ…ขอบคุณครับ" อิทธิพูดพร้อมรับอาหารนั้นมา
        
    อิทธิรับอาหารนั้นมาได้ ก็มานั่งๆเขี่ยๆอาหารสลับกับชะเง้อมองหาสาวเสิร์ฟผู้นั้นแต่ก็ไม่เห็นแม้เงาจนในที่สุด
        
    เขาก้มหน้าก้มตาเขี่ยอาหารไป เอาเข้าปากบ้าง ก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมากลางใจของเขา "อาหารไม่อร่อยหรือค่ะ ฉันเลือกให้คุณเองนะ" นิดพูดพร้อมทำหน้าตาทะเล้น
        
    "ป…ป เปล่าครับ" อิทธิตอบไม่เต็มปากเต็มคำเท่าไหร่
        
    "นั่งได้หรือเปล่าค่ะ" นิดถาม
        
    "ได้สิครับ" อิทธิรีบตอบขึ้นมาทันทีทันใด
        
    "ค่ะ" นิดพูดพร้อมทั้งเลื่อนเก้าอี้ที่จะนั่ง
        
    ขณะที่นิดกำลังนั่ง อิทธิก็พูดแทรกขึ้นมา "อาหารนี้น่าทานดีนะครับ"
        
    นิดยิ้มละมุนละไมก่อนที่จะกล่าว "แล้วเมื่อกี้ ทำไมแค่เขี่ยๆดูล่ะ"
        
    "มันร้อนน่ะครับ ดูสิครับอาหารอร่อยจะตาย" อิทธิพูดพร้อมยัดอาหารเข้าไปเต็มปาก
        
    "ค่ะ" นิดพูดพลางยิ้มไปด้วย
        
    "แปลกนะครับ" อิทธิฉุดพูดขึ้นมา
        
    "อะไรหรอค่ะ" นิดถาม
        
    "ก็ร้านอาหารที่นี่เขาให้เด็กในร้านนั่งร่วมกับลูกค้าได้ด้วยหรือครับ" อิทธิถามพร้อมเลิกคิ้วไปด้วย
        
    "ค่ะ….มันเป็นนโยบายที่นี่มากกว่าน่ะค่ะ ถ้าคุณไม่เต็มใจที่จะให้นั่งเป็นเพื่อน ดิฉันไปก็ได้ค่ะ" นิดพูดพร้อมจะรีบลุกจากเก้าอี้
        
    "เดี๋ยวครับ" อิทธิคว้ามือของนิดเอาไว้ได้ นิดเห็นว่าอิทธิกำลังจับมือเธออยู่ก็มองไปตรงที่ๆที่เธอกำลังถูกลวนลามอยู่
        
    "ขอโทษครับ" อิทธิพูดพร้อมทั้งปล่อยมือ
        
    "ความจริงฉันก็แค่แกล้งคุณ แต่คุณเองไม่ต้องจำเป็นมาจับตัวฉันก็ได้นะ" นิดพูด
        
    "งั้นผมขอโทษอีกครั้งละกันครับ" อิทธิพูดพร้อมก้มหน้าก้มตารับผิดทุกอย่าง
        
    "ฉันล้อเล่นน่ะ" นิดพูดด้วยเสียงกระเซ่าทำให้อิทธิเองต้องถึงกับยิ้มออก

             
    ช่วงเวลานั้นอิทธิเองอยากจะหยุดมันไว้ให้นานได้เท่านาน เพราะเขาได้ทานอาหารไปสลับกับได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติต่างๆกับหญิงสาวในอุดมคติของเขา มันแทบจะดูดีไปทั้งหมดเมื่อเขาอยู่ที่ ณ ตรงนั้น

    ************************

             หากใครอยากจะโปรโมทเรื่องของตัวเองก็ทิ้งไว้ได้  หากผมว่างแล้วจะไปเยี่ยมแน่นอนครับ.......


                 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×