คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ดั่งนกปีกอ่อน
เช้าวันถัดมาหลังจากที่นิดเองต้องเจออะไรมากมายในเมื่อวานทำให้เธอเองตื่นสายกว่าปกติ แสงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผาแสงอ่อนๆสาดส่องลงมาผ่านรูพรุนจากสังกะสีที่เก่าๆกระทบเนื้อกายของเด็กผู้หญิงให้รู้สึกตัว
“ยายจ๋า
.รีบไปทำงานเร็ว
สายมากแล้ว” เธอพูดออกมาทั้งๆที่ยังไม่เปิดตามาดูวันใหม่ของเธอเลยด้วยซ้ำ มือก็พยายามกวัดไกวไปไปด้านข้างปกติก็จะมียายของเธอนั่นแหละที่นอนอยู่ตรงนั้น
แต่วันนี้วันแปลกกว่าทุกวันยิ่งคลำหาก็ยิ่งไม่เจอจนรีบลืมตาแล้วลุกขึ้นมองไปรอบๆ มีเพียงเธอคนเดียวที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้ เธอมองไปรอบๆบ้านอย่างอ้าวว้างไม่เหมือนเคย บ้านที่แต่ก่อนอยู่กับยายของเธอคิดว่าบ้านหลังนี้มันเล็กและคับแคบจนมาบ้านที่ใหญ่โตโอ่โถงขึ้นมาอย่างลิบลับเมื่อเธอต้องอยู่เพียงคนเดียว โลกที่เคยคิดว่ามันสวยงามอยู่ตลอดเวลาจนมาวันนี้อาจจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดอีกต่อไปก็ได้
เรื่องงานศพของยายเธอนั้นก็ได้มีชาวบ้านต่างมาช่วยกันลงขันเพื่อที่จะจัดงานศพให้กับยายของเธออย่างเรียบง่ายที่สุด นอกจากนี้ชาวบ้านก็ยังมาช่วยในเรื่องพิธีการต่างๆเพราะเห็นว่าเด็กอายุเพียง 16 ปี ไม่สามารถรับรู้พิธีการที่ละเอียดอ่อนนี้ได้
ถึงรู้มาก่อนตอนนี้ก็คงไม่มีกระจิตการใจมานั่งทำโน่นทำนี่สักเท่าไหร่เพราะแค่วันๆเธอนั่งถอนหายใจทีก็ยังเหนื่อยแล้วเลย ในทุกๆคืนหลังจากที่ไม่มีใครอยู่ภายในงานเธอก็มักจะมาร้องไห้อยู่ที่หน้าโลงศพที่ที่บรรจุร่างของยายเธออยู่
เมื่อสิ้นสุดงานศพของยายเธอลง เธอเองก็ต้องทำผิดคำพูดที่ให้กับยายของเธอเป็นครั้งแรก เมื่อเธอนั้นคิดที่จะหยุดการเรียนของเธอนั้นลงชั่วคราว เพราะข้าวที่จะนำไปเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้อิ่มหน่ำสำราญเหมือนแต่ก่อนก็ค่อยๆหล่อยหลอลงไปทุกที อย่าไปคิดถึงเรื่องการเรียนเลยมันคงยากเกินไปจริงๆ เธอออกจากโรงเรียนแล้วก็มารับจ้างอย่างที่เคยทำ และก็รีบตั้งหน้าตั้งตาทำงานและเก็บเงินเพื่อหวังว่าเธอนั้นจะกลับไปเรียนอีกครั้งให้จงได้
*******************************
2 เดือนผ่านไป “สมศรี” หญิงสาวในวัย 30 ต้นๆ คนที่เคยอยู่ในหมู่บ้านแต่ย้ายเข้าไปในกรุงเทพฯเพื่อที่จะไปทำงานหาเงินและทุกๆครั้งที่เธอกลับมานั้นเธอก็จะรวยผิดหูผิดตากลับมาแทบทุกครั้ง จนชาวบ้านต่างอืออึงในตัวเธอว่าเธอคงไม่พ้นที่จะเป็น “คุณโส (เภณี)” ในทุกๆครั้งที่สมศรีจะกลับมายังหมู่บ้านเธอก็มักจะหิ้วเด็กไปทำงานกับเธอด้วยเช่นกัน ดังนั้นการกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอนของสมศรีในคราวนี้คงไม่ได้แค่มาเยี่ยมเยียนแม่ของเธอเป็นแน่อาจมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่แน่นอน
สมศรีกลับถึงบ้านก็เกิดอยากที่จะขับรถไปรอบๆหมู่บ้าน ในขณะที่สมศรีขับรถเที่ยวภายในหมู่บ้านอยู่นั้น ก็ได้พบเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังรับจ้างถอนหญ้าในนาข้าวอยู่พอดี พอขับรถเข้าไปใกล้ๆก็ยิ่งเห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นหน้าตาดีสะอาดสะอ้าน ผิวพรรณก็สวยถึงแม้จะอยู่ในสภาพที่คลุกดินโคลนก็ตามที เธอจึงคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้น่าสนใจมิใช่น้อย จึงตัดสินใจลงรถเข้าไปคุยด้วย
“นี่
หนูจ๊ะ
หนูชื่ออะไรจ๊ะ” สมศรี กล่าวทั้งที่ตัวยืนบนคันนา
“หนูหรือจ๊ะ” นิด ถามพร้อมทั้งหันไปทางด้านซ้ายและขวาเผื่อผู้หญิงคนกรุงจะเรียกคนอื่นมากกว่าเธอที่แต่งตัวมอมแมม
“หนูนั่นแหละ” สมศรี พูดพร้อมทั้งชี้นิ้วมาทางนิด
“นิดจ๊ะ” นิดกล่าวพร้อมทำท่าทางที่สงสัยอยู่
“เป็นลูกเต้าเล่าใครล่ะ” สมศรีพูดพร้อมเริ่มที่จะนั่งยองๆอยู่ตรงนั้น
“ปกติหนูอยู่กับยายจ๊ะ แต่ตอนนี้ยายหนูเพิ่งเสียไปได้ไม่นานน่ะจ๊ะ หนูเลยต้องอยู่คนเดียว” นิดพูดพร้อมหลบสายตาสมศรีนัยตาแฝงไปด้วยความเศร้า
“อุ๊ยตาย! น่าสงสารจัง” สมศรี ตกใจในสิ่งที่นิดพูดออกมา
“ไม่หรอกจ๊ะ หนูโชคดีก็ตรงที่ยังพอมีพี่ป้าน้าอาที่นี่คอยช่วยเหลือหนูอยู่น่ะจ๊ะ” นิดกล่าวพร้อมทั้งยิ้มนุ่มๆให้กับสมศรี
“แล้วหนูอายุเท่าไหร่ล่ะ” สมศรีถามอีกครั้ง
“16 จ๊ะ” นิด ตอบพร้อมหันไปก้มหน้าก้มตาสนใจทำงานของเธอต่อไป
“แล้วยังเรียนอยู่หรือเปล่า” สมศรี ถามนิดอีก
“ไม่แล้วจ๊ะ” นิด กล่าวตอบทั้งๆที่ยังใจจดจ่อกับการทำงานต่อไป
“เอางี้มาทำงานกับน้าที่กรุงเทพรึเปล่าล่ะ” สมศรีถามด้วยน้ำเสียงที่เชื้อเชิญ
“อืม
.” นิด หันมาหาสมศรีเพราะนั่นคืออนาคตของเธอแต่เธอไม่แน่ใจในบางอย่าง
“เรื่องที่นี่ของหนูไม่ต้องห่วงหรอก” สมศรีกล่าวให้นิดเชื่อใจเธอ
“อืม
” นิด ยังคงไม่แน่ใจอยู่ดี
“เอางี้ น้าให้หนูกลับไปคิด ถ้าตัดสินใจว่าจะมา พรุ่งนี้ก็ให้ขนเสื้อผ้ามาที่บ้านน้าเลย เพราะพรุ่งนี้น้าจะไปกลับแล้ว” สมศรีกล่าวจบก็ขึ้นรถไป
***********************************
ตั้งแต่สมศรีก้าวขึ้นรถก็ทำให้เธอเองอารมย์ดีมิใช่น้อย เพราะอีกไม่นานเธอก็ได้รับเงินก้อนโตเพราะเด็กผู้หญิงคนนี้ในทางตรงกันข้ามเธอก็ต้องทำลายชีวิตของเด็กคนนี้ให้ดับสูญลงด้วยเช่นกัน แต่อะไรล่ะที่จะทำให้เธอนั้นต้องเปลี่ยนใจเพราะข้างหน้าเธอนั้นคือเงินจำนวนไม่น้อย เธอขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านของเธอเพื่อจะไปหาแม่ของเธอจริงๆจังๆเสียที เพราะตั้งแต่เธอกลับมาเธอยังไม่พบแม่ของเธอเลย
“แม่
.แม่อยู่ไหนเนี๊ย” สมศรี เรียกหาด้วยเสียงดังลั่นบ้าน
“เออ
อยู่นี่” แม่สมศรี ขานรับด้วยความรำคาญ แล้วเดินออกมาให้สมศรีเห็น
“ดีจ๊ะ คิดถึงแม่จังเลย ขอกอดสักทีนะ” สมศรีแล้วก็เดินเข้าไปสวมกอดแม่ของเธอ
“เออ..แล้วมาคราวนี้จะมากี่วันล่ะ” แม่สมศรี กล่าวถาม
“พรุ่งนี้ก็กลับเลยจ๊ะ” สมศรี ตอบแม่เธอไปทั้งๆที่ยังกอดแม่ของเธออยู่
“แสดงว่ามาหาเด็กล่ะซิ” แม่สมศรี กล่าวถามด้วยทุกครั้งที่เธอเห็นสมศรี
“แหม
แม่คิดกับหนูแง่ร้ายทุกที” สมศรีเริ่มขยับหนีห่างจากแม่
“แล้วมีเปล่าล่ะ” แม่สมศรี กล่าวถามย้ำอีกครั้ง
“ก็มีน่ะ” สมศรี ตอบแต่สายตาที่หลบไปหลบมา
“ใครล่ะ” แม่สมศรี ถามด้วยอารมณ์ที่แรงขึ้น
“นิดน่ะ แม่สมศรี ตอบไป
“เอ๊ะ
.อีนี่ นั่นมันเด็กดีขยันทำงานทุกอย่าง เอ็งไม่สงสารเด็กมันรึไง” แม่สมศรี กล่าวว่าด้วยเสียงดังลั่นบ้าน
“เปล่านะ
.ฉันก็อยากให้เด็กมีชีวิตที่ดีกว่านี้” สมศรี กล่าวน้ำเสียงที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“มีวิธีอื่นที่สามารถช่วยได้มีอีกตั้งเยอะแยะ” แม่สมศรี ก็ด่าสมศรีต่อไป
“ก็วิธีอื่นมันคืออะไรล่ะ” สมศรี ขึ้นเสียงกลับไป
“เอ็งเลิกอาชีพนี้เถอะนะ มันนรกนะโว๊ย” แม่สมศรีพูดอย่างปลอบโยนพร้อมเดินมาจับที่ไหล่ของสมศรีเบาๆ
“โถ่
.แม่น่ะ อย่างนี้ทุกที ฉันไม่คุยด้วยแล้ว” สมศรี วิ่งหนีขึ้นห้องไป
“เฮ้อ
อีลูกคนนี้เลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆ” แม่สมศรี บ่นพึมพัมกับตัวเอง
*****************************
นิดได้กลับมายังบ้านที่มีสภาพที่เก่าๆผุๆพังๆ ของยายเธอที่ได้สร้างเอาไว้มาตั้งนานนม เธอหวนคิดถึงแต่เรื่องที่สมศรีเคยพูดเอาไว้และคอยนั่งทบทวนอยู่หลายๆรอบ จนเธอได้ตัดสินใจในเหือกสุดท้ายว่าที่จะไปทำงานกับสมศรีทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะไปทำงานอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องแลกกับการที่เธอเองต้องทิ้งบ้านหลังนี้ให้มันทรุดโทรมไปตามกาลเวลาด้วยเช่นเดียวกัน ถึงมันจะดูว่ามันไม่สวยงามเหมือนบ้านคนอื่นๆแต่เธอก็รักและหวงแหน จึงทำให้ต้องถึงกับร้องไห้คร่ำครวญและอาลัยอาวรให้กับบ้านหลังนี้ บ้านที่เธออาศัยมันมาตั้งแต่เล็กๆ สมบัติของยายเธอชิ้นสุดท้ายที่เธอเองควรรักษาดูแลมันแต่กลับต้องทิ้งมันไป
*******************************
พระอาทิตย์เริ่มทอแสงของเช้าวันถัดไป ดูท่าเป็นวันที่สดใสพร้อมที่นิดจะเริ่มหาสิ่งใหม่ๆให้กับชีวิตของเธอ เธอรีบเก็บเสื้อผ้าที่คิดว่าดูดีหน่อย จากนั้นก็เดินทางไปยังที่บ้านสมศรีบ้านที่คิดว่าเป็นหลังที่ดูดีที่สุดในหมู่บ้าน เธอเดินออกมาจากบ้านได้สักหน่อยก็ต้องหันหลังไปดูบ้านหลังนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของเธอก็เป็นได้ เธอเองก็ไม่อยากจะจากไปนั่นแหละแต่ทุกอย่างต้องมีการก้าวหน้าจึงจำเป็นต้องจากไป เธอกราบให้กับบ้านลงกับพื้นดินที่ได้ให้เธอเคยได้พักพิงมาโดยตลอด จากนั้นเธอก็รีบหันหลังและไม่หันกลับมาดูบ้านหลังนั้นอีกเลย
ตลอดการเดินทางไปบ้านสมศรีเธอมองเห็นหมู่นกกาที่กำลังเริ่มหากินกันเป็นฝูง พอมองเห็นว่าชาวบ้านต่างก็พาออกมาที่จะทำนาทำไร่กันบ้าง เดินไปตามคันนาที่ไม่มีในกรุงเทพ เธอสูดหายใจอย่างเต็มปอดเพื่อสูดเอากลิ่นไอดินของท้องทุ้งนาไปให้มากที่สุด เพราะว่าอีกเมื่อไหร่เธอนั้นจะได้มีโอกาสกลับมาที่นี่อีก เธอเองอยากจะจดจำภาพของทุ่งนาที่เธอเคยร่วมทำงานจากการรับจ้าง มือต้องคอยปาดน้ำตาไปด้วยความเสียดายที่ต้องจากถิ่นที่รักไป
“น้าจ๊ะ หนูตัดสินใจจะไปทำงานกับน้านะจ๊ะ” นิด กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ดีมากจ๊ะ” สมศรีพูดพร้อมยิ้มตอบ
“เอ็งตัดสินใจดีหรือว่ะ นิด อยู่ทางโน่นมันไม่สบายอย่างที่คิดหรอกนะ” แม่สมศรีถามย้ำด้วยความเป็นห่วงเป็นใยนิด เด็กน้อยที่เธอเห็นตั้งแต่เล็กๆ
“จ๊ะ ป้าอย่ากังวลไปเลย” นิด กล่าวพร้อมหันมายิ้มให้กับแม่สมศรี
“งั้นเราขึ้นรถดีกว่า ไปก่อนนะแม่” สมศรี พร้อมทั้งรับกระเป๋าใบโตของนิดไปไว้หลังรถ
“เออ โชคดีละกัน” แม่สมศรี พูดก่อนโบกมือลา
“จ๊ะ” นิด ขานตอบแทนคำขอบคุณ
****************************************
ในขณะที่นิดกำลังเดินทางไปยังกรุงเทพฯไปกับสมศรี ก็เกิดความกังวลใจอยู่ตลอดทางการเดินทางว่า เธอเองยังต้องพบกับอะไรบ้างในภายภาคหน้า และตัวเธอเองจะพร้อมรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ จะทำอย่างไรเมื่อตัวเธอต้องอยู่ตามลำพังในเมืองใหญ่ๆที่เธอนั้นไม่รู้จักใครเลยแม้แต่เพียงคนเดียว ความคิดต่างๆนานาต่างพร่างพรูมาให้เธอได้คิดแบบไม่ขาดสาย ทั้งสมศรีและนิดเดินทางมาถึงกรุงเทพฯช่วงบ่ายอ่อนๆ สมศรีเองก็พานิดไปพักผ่อนยังบ้านของตนก่อน
“นี่นิด
เดี่ยววันนี้พักที่บ้านน้าก่อน พรุ่งนี้เราต้องลุยอะไรกันอีกเยอะ” สมศรี พร้อมพานิดเข้าไปในบ้าน
“ได้สิจ๊ะ” นิดขานรับ
“ดีมากจ๊ะ งั้นหนูพักที่ห้องทางขวามือนั่นอ่ะนะ” สมศรีพร้อมทั้งชี้ไปที่ห้องที่นิดต้องพัก
“จ๊ะ ทำไมบ้านน้าใหญ่โตจังจ๊ะ” นิดหันมาถาม พร้อมทั้งรอบๆบ้าน
“อืม
ก็งั้นๆแหละ แต่ถ้าหนูตั้งใจทำงานหนูก็จะมีบ้านเหมือนน้าเนี๊ยแหละ” สมศรีตอบพร้อมใบหน้ายิ้มให้กับนิด
“หนูจะตั้งใจจ๊ะ” นิด พูดพร้อมแววตาแห่งความมุ่งมั่น
“ดีมากจ๊ะ” สมศรียิ้มตอบกลับ
************************************
เช้าวันรุ่งขึ้นสมศรีได้พานิดไปห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เช้า เพื่อพานิดไปขัดตัว ทำผมขัดสีฉวีวันทุกอย่าง ซื้อเสื้อผ้าแทบจะแปลงโฉมใหม่ทั้งหมดที่นิดมีอยู่ให้เป็นคนละคนโดยทันที ถึงแม้นิดเองจะสงสัยและคอยทวงถามอยู่เสมอๆว่าทำไปเพื่ออะไร แพงไหม แต่ก็มีสมศรีคอยแย้งการถามของเธอโดยตลอด เธอเองจึงต้องจำนนและยอมให้สมศรีแปลงโฉม พอทำไปทำมาท่าทางนิดเองก็พอใจไม่น้อยในรูปแบบใหม่ของตัวเอง เพราะช่วงบ่ายๆสมศรีเองจะพานิดไปหาเสี่ยโก
เสี่ยโก
เป็นใคร เป็นที่รู้จักกันดีว่า เสี่ยโก ว่าเป็นเจ้าพ่อในวงการอาบ อบ นวด มีชื่อเสียงอย่างมากในการหากินกับผู้หญิงที่มากหน้าหลายตา แต่เป็นที่ข่าววงในจะรู้กันดีว่าผู้หญิงที่จะมาทำงานที่นี่ได้นั้นต้องตกเป็นสมบัติของเสี่ยโกก่อน ที่จะได้เข้ามาทำงานในที่แห่งนี้
สมศรีพานิดมาในสถานที่แห่งหนึ่ง มันเป็นตึกที่สูงลิบลับกับความสูงเมื่อเทียบกับตัวเธอเธอนั้นกลายเป็นมดไปเลย ภายในตึกแห่งนี้ตกแต่งด้วยของที่หรูหรา มีตู้กระจกขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะตู้ปลาเสียมากกว่า นิดเดินตามสมศรีมาตลอดทาง จนสมศรีพาไปที่ห้องๆหนึ่งพบผู้ชายวัยกลางคนนั่งเหมือนจะนั่งรอเธออยู่
“นิดจ๊ะ นี่เสี่ยโกจ๊ะ” สมศรี พูดพร้อมจับไหล่ให้นิดนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหรู
“สวัสดีจ๊ะ” นิด กล่าวทักคนที่เธอไม่เคยรู้จัก
“เสี่ยค่ะ นี่นิดค่ะที่คุยกันไงค่ะ” สมศรี พร้อมส่งสายตาบ่งบอกอะไรกับเสี่ยโกบางอย่าง ซึ่งนิดไม่เคยคิดถึงมัน
“อืม..สวยจริงๆ” เสี่ยโก พร้อมทั้งจองมองหน้าของนิดอย่างเขม็งทึง
“สวยอย่างนี้ ต้องเกรดเอนะค่ะเสี่ย” สมศรี พูดกับเสี่ยโก
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” เสี่ยโก กล่าวพร้อมกับหัวเราะพร้อมกับสมศรี ท่ามกลางความสงสัยของนิดเอง
“นิดจ๊ะ เดี่ยวน้าจะออกไปทำงานก่อนนะ คุยกับเสี่ยไปก่อนนะ” สมศรี หันมาหานิดเพื่อให้นิดวางใจ
“จ๊ะ” นิด ขานรับไปเพราะคิดว่าสมศรีเป็นคนที่ดีต่อเธอ
******************
ช่วยติ - ชมด้วยนะครับ เรื่องแรกของนายขยันครับ...
ความคิดเห็น