คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ความตายที่พรากรักเท่านั้น กับรักที่เพิ่มขึ้นอย่างนิรันดร
หลังจากงานศพลูกของน้ำสิ้นสุดลง อาการด้วยโรคมะเร็งที่เธอนั้นเคยเป็นก็กลับมากำเริบมากยิ่งขึ้น เพราะวันๆเธอได้แต่จมปลักกับความคิดถึงและอาวรณ์ งานบ้านทุกอย่างเป็นหน้าที่หลานของเธอแต่เพียงผู้เดียว ถึงแม้เธอจะพยายามมากแค่ไหนที่ตั้งความหวังอันใหม่แก่แนนนี่ แต่เธอก็ทำใจไม่ได้กับการเสียลูกในไส้ของเธอ วันๆหลังจากที่เธอลืมตาขึ้นได้ หลังจากเธอกินข้าว อาบน้ำ เธอก็มานั่งอยู่บนเตียงใบเดิม แล้วหยิบรูปลูกสาวของเธอในวัยเด็กที่กำลังรำอยู่ เธอได้แต่เพียงลูบๆคลำๆ ไม่นานเธอก็ต้องร้องไห้เหมือนกับคนบ้า เธอขาดกระทั่งคำว่าอนาคต และมันก็ยิ่งทำให้โรคมะเร็งครั้งใหม่ของเธอ รุนแรงจนเธอแทบลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้เลย แนนนี่ หลานสาววัยไม่กี่ขวบทำอะไรให้กับยายของเธอได้ไม่มากนัก แต่เธอนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยเก็บเบอร์โทรศัพท์คุณตาคนหนึ่ง
“ฮัลโหล สวัสดีครับ พูดสายกับใครครับ”
“ฮัลโหลๆ ๆ ใช่บ้านคุณตาหรือเปล่าคะ”
รัฐได้ยินเสียงใสๆของเด็กเขาจึงคิดว่าคงเป็นแนนนี่ “แนนนี่หรือลูก”
“ค่ะ คุณตา”
“มีอะไรหรือแนนนี่”
“คุณยายคะ คุณยายป่วย”
รัฐได้ยินข่าวเพียงแค่นั้นก็ชักจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น รัฐเองก็รู้ว่าน้ำนั้นเคยเป็นโรคมะเร็ง รัฐก็รู้ดีว่าโรคนี้มันก็เคยพรากชีวิตของเชือกฟางไปจากเขา วันนั้นเขายังจำได้ดี มาในวันนี้เขากลับต้องเผชิญมันอีกครั้งกันหรือนี่ หลังจากที่เขาวางสายรัฐเองก็รีบร้อนมาที่บ้านของน้ำอย่างทันที เมื่อเขามาถึงเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงหนึ่งนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ไม้ตัวเล็กๆ เขาเดินลงจากรถ แล้วเดินลงไปจากรถแล้วไปหาแนนนี่ทันที
“แนนนี่”
“อ้าว!ค่ะ คุณตาสวัสดีคะ”
รัฐนั่งยองๆลงเพื่อให้คุยกับแนนนี่ได้ง่ายขึ้น “แนนนี่ วันพรุ่งนี้ไปอยู่กับตานะ”
แนนนี่ทำท่าทางคิดสักนิดหนึ่งก่อนที่เธอนั้นถามกลับไป “ทำไมแนนนี่ต้องไปอยู่กับคุณตาด้วย ยายของแนนนี่ยังป่วยอยู่เลย แนนนี่ทิ้งท่านไปไม่ได้หรอกคะ”
“วันพรุ่งนี้ยายของแนนนี่คงต้องไปอีกที่ แนนนี่ก็ไปอยู่กับตาก่อน เพราะยายของหนูจะมีคนดูแลมากมาย แนนนี่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ”
“โรงพยาบาลหรือคะ”
รัฐได้ยินคำถามของแนนนี่ เขาก็แทบอยากจะร้องไห้เพราะที่ที่น้ำไปไปไกลกว่าโรงพยาบาลเสียอีก เขาก็ได้แต่ใช้มือของเขาขยี้ผมของแนนนี่เบาๆด้วยความเอ็นดู
“ได้ค่ะ แนนนี่จะไปอยู่กับคุณตาคะ เพราะคุณตาใจดี คงเลี้ยงแนนนี่ได้ใช่ไหมคะ”
รัฐไม่ตอบอะไร แต่ได้แต่ยิ้มบางๆให้กับเด็กคนหนึ่ง ที่มองโลกแต่แง่ดี เป็นเหมือนผ้าขาวที่บริสุทธิ์ ถ้าเขาคาดเหตุการณ์ไม่ผิด เขาต้องรับช่วงต่อในการเลี้ยงเด็กคนนี้ให้มีอนาคตที่ดีงามเสียจงได้ มันเป็นเหมือนกับว่า เป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องทำมันและต้องทำให้ดีที่สุด
&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$
จากนั้นรัฐลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าห้องนอนของน้ำนั้นอยู่ตรงไหน เขาเคยมาที่บ้านของน้ำแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ก็เมื่อตอนที่ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของเธอ และก็ในตอนนี้เพียงเท่านั้น แต่เขากลับไม่เคยที่จะลืมเลยทางมายังบ้านของน้ำได้เลย เสียงเพลงที่เปิดคลออย่างบางเบาลอยล่องออกมาจากห้องๆหนึ่ง รัฐเดินไปตามเสียง เพราะสัญชาติญาณเขานั้นรู้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงโปรดของน้ำมากสักแค่ไหน
รัฐเปิดประตูเข้าไป สายลมที่พัดผ่านผ้าม่านที่ไม่ได้ขึงรัดแบบตึงแน่น เขาดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของเด็กอย่างแน่นอน ดูท่าน้ำเองคงไม่ได้ลุกขึ้นมาทำงานบ้านเป็นเวลานานพอสมควรเห็นจะได้ เขามองไปที่เตียงที่น้ำนอน น้ำนอนนิ่งบนเตียงที่มีผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด เขาเดินมันไปใกล้แล้วค่อยๆนั่งอยู่ข้างๆเธออย่างเงียบ แต่เหมือนว่าน้ำก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเหมือนกันว่ามีคนมีเยี่ยมเยีนนเธอ
“ใครกัน ใครน่ะ” น้ำเปล่งเสียงออกน้ำเหมือนมีเสมหะอยู่เต็มลูกคอ เมื่อไม่มีการขานตอบกลับมาจากรัฐ เธอก็พร้อมที่จะลลืมตาแล้วลุกขึ้นมองดูว่าใครกันที่เยี่ยมเธอ
เมื่อรัฐเองเห็นน้ำพยายามที่จะมองดูว่าใครกันที่มาเยี่ยมเธอ เขาก็เอามือทั้งสองข้างจับไปที่ไหล่ของน้ำอย่างบางเบา “น้ำ” รัฐพูดเอ๋ยทัก แต่ดูเหมือนมันลำบากใจเหลือเกินที่จะทักทายในประโยคต่อไป “รัฐเอง เจ็บมากไหม”
“รัฐหรอ?” พอเธอรู้ว่ารัฐเธอก็จะพยายามลุกขึ้นนั่งเสียให้ได้ แต่พอมีรัฐดันไหล่เธอเบาๆ
“ไม่ต้องหรอก นอนคุยกันก็ได้”
“รัฐ ฉันรู้ตัวฉันดีว่า ฉันนั้นคงอยู่ต่อไปอีกไม่นานนักหรอก”
“ชู่!!” เสียงที่เปล่งออกมามีแต่ลมกระทบกับนิ้วของเขาเองที่อังอยู่ตรงปาก
“ขอบใจที่แกมาเยี่ยมเยียนกัน”
“ไม่เป็นไร ก็เราเป็นเพื่อนกันนิ”
“ขอโทษที่ฉันเคยพูดอย่างนั้นไป ฉันอยู่ทุกวันนี้ก็รอหวังให้แกมาเยี่ยมกันบ้าง อยู่ด้วยความหวังอันเลือนราง”
“ทำไมเธอชอบพูดเรื่องแนวนี้จริง”
“มันเป็นเรื่องจริงรัฐ เรี่ยวแรงที่ฉันจะยกหนังตาของฉันให้กลับมามองหน้าของเธอ หน้าที่คนอื่นมองกันว่ามีเสน่ห์นักหนา แต่ฉันกลับว่ามันช่างไม่ได้เรื่อง วันนี้ฉันอยากจะมองมันแต่กลับไม่มีโอกาสเสียแล้ว”
เมื่อรัฐได้ยินในสิ่งที่น้ำพูดเขากลับเป็นฝ่ายที่นิ่งเงียบ เขาเองก็อยากนักที่จะปลดปล่อยถึงความเศร้าโศก แต่เขาเองก็ต้องเข้มแข็งมันเสียให้ได้ เพราะสิ่งที่เขาต้องเจออีกไม่นานมันอาจจะทำให้เขาเองต้องเสียใจอีกก็เป็นได้
“รัฐ”
“อะไร” รัฐรีบขานกลับไป พร้อมทั้งกุมมือของน้ำด้วยมือทั้งสองข้างของเขา
“ขอบใจนะ”
“เรื่องอะไร” เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ที่เมื่อก่อนแกอยู่รอส่งฉันกลับบ้านทุกวัน”
รัฐอมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับไป “ไม่เป็นไร แต่ฉันเองก็ต้องขอบใจเธอเหมือนกันที่อยู่เป็นเพื่อนกัน”
“ใช่ เพื่อนกัน”
“เพื่อนกัน!!” รัฐพูดตามในสิ่งที่น้ำพูดขึ้นมาอย่างเลื่อยลอย
“แต่ฉันเองก็ยังจำได้นะ”
“จำอะไร”
“ที่เธอน่ะโยนกระเป๋าของเธอเกือบโดนหัวฉันเสียอีก”
“ขอโทษ”
“ความจริง ฉันยังโกรธถึงวันนี้รู้เปล่า เธอพูดขอโทษในวันนี้ก็ถือว่าฉันหายโกรธเธอเสียแล้ว”
“อืม แล้วทีน้ำชอบทำร้ายร่างกายต่างๆนานากับรัฐล่ะ”
น้ำอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่จะตอบ “ถ้าอย่างนั้นเราหายกันนะ”
“ได้” รัฐตอบกับน้ำก่อนที่น้ำนั้นจะเป็นฝ่ายหัวเราะรื่นออกมาแต่เพียงผู้เดียว รัฐเองก็ได้แต่มองดูน้ำหัวเราะอย่างนั้น เขาเหมือนรู้ว่าโชคชะตาอันโหดร้ายของเขานั้นกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ภรรยาของเขา “เชือกฟาง” มีชะตากรรมที่ไม่ต่างไปจากน้ำนักหรอก น้ำหัวเราะได้ไม่นานมันก็ทำให้รัฐเองต้องเริ่มที่จะตาแดงเสียแล้ว เพราะน้ำนั้นไอผุดขึ้นมาอยู่ครั้งใหญ่ และ ดูเหมือนจะมีเลือดตามออกมาด้วย สิ่งที่เขาเองต้องทำในตอนนี้คือการทำจิตใจของเขาเองให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่ตัวเขานั้นทำได้
หลังจากที่รัฐใช้ผ้าผืนเล็กๆที่อยู่ข้างหมอนของน้ำเช็ดเลือดออกจนหมด น้ำก็เหมือนจะใช้มือของเธอนั้นคลำหาของอะไรสักอย่างที่ใต้หมอนของเธอ แล้วไม่นานนักเธอก็คลำหามันเธอ มันเป็นรูปในอดีตที่รัฐให้เป็นของขวัญแต่งงานแก่น้ำ มันเป็นรูปใบเดียวที่ทั้งคู่มีอยู่และถ่ายด้วยกัน
“รัฐ สัญญากับฉันอย่างได้ไหม”
“อะไร ไม่ดีเราไม่สัญญาหรอกนะ”
“ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้หรอก ช่วยเก็บภาพใบนี้แทนน้ำหน่อยได้ไหม ได้ไหม”
“.....” รัฐนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรแก่น้ำ จนน้ำไอขึ้นมาอีกครั้ง จนเขาต้องรีบหยิบรูปใบนั้นแล้ววางไว้ที่ข้างๆตัวของเขา
“ฉันเหนื่อยเหลือเกินรัฐ” เมื่อรัฐได้ยินประโยคนี้ของน้ำเขาเองอยากจะร้องไห้เหลือเกินมันเกินที่จะสกัดกั้นคลังน้ำตาของเขาเองไว้ได้อยู่แล้ว แล้วน้ำก็พูดต่อด้วยใบหน้าที่ยิ้มรื่นเล็กน้อย “ทำไมกันรัฐ คำว่าเพื่อนถึงขีดเส้นให้กับเราสองคนเสียจริง แต่ก็อย่างที่น้ำเคยบอกรัฐไปนั่นแหละ ยังโชคดีนะ ที่เราเคยรักกัน และดูเหมือนว่าเราจะรักกันมากเหลือเกินในช่วงนั้น แต่น่าเสียดาย”
“เสียดายอะไร”
“เสียดายมันจบลงทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มต้นน่ะสิ”
“ไม่หรอก”
“รัฐ ก้มตัวลงให้ฉันคลำหน้าของเธอสักหน่อยได้ไหม” คำพูดที่ดูเหมือนเป็นลางร้ายสำหรับรัฐ
รัฐยอมทำตามอย่างที่น้ำบอก น้ำบรรจงคลำคลึงใบหน้าของรัฐอย่างอ่อนโยน น้ำตาของรัฐไม่มีทางที่จะให้น้ำได้เห็นตามปฏิญาณที่เขานั้นว่าเอาไว้ เขาต้องดูแลน้ำและต้องเข้มแข็งกว่าน้ำเสียให้ได้ ความตายของน้ำในตอนนี้ เขาต้องทำให้น้ำเชื่อเสียให้ได้ว่ามันไม่น่ากลัวมันจะเบาบางเหมือนปุยนุ่นเพียงเท่านั้น ไม่น่ากลัวอย่างที่ใครเขาว่ากันมานานนม
รัฐก้มตัวลงอีกเล็กน้อย ปากของเขานั้นไปอยู่ที่กกหูของน้ำ เพียงเพราะว่าเขานั้นอยากจะกระซิบอะไรบางอย่างแก่น้ำ “น้ำจำสิ่งที่น้ำพูดไว้ในเรื่องเรานั้นเคยรักกันได้ไหม” รัฐพูดจบสักพัก น้ำเองก็พยักหน้าเบาๆด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมี “ความจริงน้ำเองอยากจะฟังมันไหม” รัฐพูดอีก น้ำก็พยักหน้าตามอีก “รัฐไม่เคยเลยสักครั้งที่จะโกรธหรือเกลียดน้ำ ไม่ว่าน้ำจะทำอย่างไรกับรัฐ รัฐบอกกับตัวเองตั้งแต่วันนั้นว่า รัฐจะรักผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่ชื่อน้ำมากขึ้นทุกวัน และทุกวันรัฐจะรักน้ำเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา มันเหมือนเป็นการนอกใจกับเชือกฟางเขานิดหน่อย แต่หัวใจของรัฐเองครึ่งหนึ่งไม่เคยไปไกลเลย มันอยู่ที่น้ำตลอดนะ” รัฐพูดจบ มือที่จับบนหน้าของรัฐก็หล่นลงกับเตียง สิ้นการตอบรับทุกอย่าง ไม่มีการเคลื่อนไหวต่างๆไม่มีแม้แต่ลมหายใจของเธอ บัดนี้น้ำก็ไปจากชีวิตของเขา ไกลมากเหลือเกินที่เขาจะตามเธอไปได้ แต่ก็คงไม่นานนักหรอกที่เขาจะไปอยู่ดูแลเธอเพราะด้วยอายุของเขานั่นเอง
รัฐเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เห็นอย่างชัดเจนว่าน้ำนั้นนอนนิ่ง ใบหน้าของเธออมยิ้ม เขาทำสำเร็จทำให้เธอคิดว่าความตายช่างไม่น่ากลัว ถึงแม้มันจะพรากเธอไปจากเขาก็ตามที ถึงคราวนี้เขาเริ่มที่จะปลดปล่อยน้ำตาของเขานั้นออกมาอย่างช้าๆ เขารู้ดีว่าน้ำจะไม่มีวันเห็นน้ำตาของเขาจริงๆ เขาเข้มแข็งกว่าน้ำจนวินาทีสุดท้าย เขาก้มลงไปจูบที่หน้าผากของผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งสิ้นลมหายใจได้ไม่นานอย่างอ่อนโยนที่สุดที่เขาเองจะทำได้ และก็กระซิบที่ข้างหูของเธอว่า “รักเธอมากนะ นอนหลับนะคนดี” ก่อนที่เขาเองจะลูกไปที่ผมของบรรจง จูบไปที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน และกอดไปกับน้ำตาแห่งความรัก
ความคิดเห็น