ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หรือเราเคยรักกัน

    ลำดับตอนที่ #21 : ความตายที่พรากรักเท่านั้น กับรักที่เพิ่มขึ้นอย่างนิรันดร

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 49



              หลังจากงานศพลูกของน้ำสิ้นสุดลง  อาการด้วยโรคมะเร็งที่เธอนั้นเคยเป็นก็กลับมากำเริบมากยิ่งขึ้น   เพราะวันๆเธอได้แต่จมปลักกับความคิดถึงและอาวรณ์  งานบ้านทุกอย่างเป็นหน้าที่หลานของเธอแต่เพียงผู้เดียว  ถึงแม้เธอจะพยายามมากแค่ไหนที่ตั้งความหวังอันใหม่แก่แนนนี่  แต่เธอก็ทำใจไม่ได้กับการเสียลูกในไส้ของเธอ  วันๆหลังจากที่เธอลืมตาขึ้นได้  หลังจากเธอกินข้าว  อาบน้ำ  เธอก็มานั่งอยู่บนเตียงใบเดิม  แล้วหยิบรูปลูกสาวของเธอในวัยเด็กที่กำลังรำอยู่  เธอได้แต่เพียงลูบๆคลำๆ  ไม่นานเธอก็ต้องร้องไห้เหมือนกับคนบ้า  เธอขาดกระทั่งคำว่าอนาคต  และมันก็ยิ่งทำให้โรคมะเร็งครั้งใหม่ของเธอ  รุนแรงจนเธอแทบลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้เลย  แนนนี่  หลานสาววัยไม่กี่ขวบทำอะไรให้กับยายของเธอได้ไม่มากนัก  แต่เธอนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยเก็บเบอร์โทรศัพท์คุณตาคนหนึ่ง

                   “ฮัลโหล  สวัสดีครับ  พูดสายกับใครครับ”
                   “ฮัลโหลๆ  ๆ ใช่บ้านคุณตาหรือเปล่าคะ” 
                   รัฐได้ยินเสียงใสๆของเด็กเขาจึงคิดว่าคงเป็นแนนนี่  “แนนนี่หรือลูก”
                   “ค่ะ   คุณตา”
                   “มีอะไรหรือแนนนี่”
                   “คุณยายคะ  คุณยายป่วย”
     
              รัฐได้ยินข่าวเพียงแค่นั้นก็ชักจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  รัฐเองก็รู้ว่าน้ำนั้นเคยเป็นโรคมะเร็ง  รัฐก็รู้ดีว่าโรคนี้มันก็เคยพรากชีวิตของเชือกฟางไปจากเขา  วันนั้นเขายังจำได้ดี  มาในวันนี้เขากลับต้องเผชิญมันอีกครั้งกันหรือนี่  หลังจากที่เขาวางสายรัฐเองก็รีบร้อนมาที่บ้านของน้ำอย่างทันที  เมื่อเขามาถึงเขาก็เห็นเด็กผู้หญิงหนึ่งนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ไม้ตัวเล็กๆ  เขาเดินลงจากรถ  แล้วเดินลงไปจากรถแล้วไปหาแนนนี่ทันที
     
                   “แนนนี่”
                   “อ้าว!ค่ะ  คุณตาสวัสดีคะ”
                   รัฐนั่งยองๆลงเพื่อให้คุยกับแนนนี่ได้ง่ายขึ้น  “แนนนี่  วันพรุ่งนี้ไปอยู่กับตานะ”
                   แนนนี่ทำท่าทางคิดสักนิดหนึ่งก่อนที่เธอนั้นถามกลับไป  “ทำไมแนนนี่ต้องไปอยู่กับคุณตาด้วย  ยายของแนนนี่ยังป่วยอยู่เลย  แนนนี่ทิ้งท่านไปไม่ได้หรอกคะ”
                   “วันพรุ่งนี้ยายของแนนนี่คงต้องไปอีกที่  แนนนี่ก็ไปอยู่กับตาก่อน  เพราะยายของหนูจะมีคนดูแลมากมาย  แนนนี่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ”
                   “โรงพยาบาลหรือคะ”
                   รัฐได้ยินคำถามของแนนนี่  เขาก็แทบอยากจะร้องไห้เพราะที่ที่น้ำไปไปไกลกว่าโรงพยาบาลเสียอีก  เขาก็ได้แต่ใช้มือของเขาขยี้ผมของแนนนี่เบาๆด้วยความเอ็นดู
                   “ได้ค่ะ  แนนนี่จะไปอยู่กับคุณตาคะ เพราะคุณตาใจดี  คงเลี้ยงแนนนี่ได้ใช่ไหมคะ”
              รัฐไม่ตอบอะไร   แต่ได้แต่ยิ้มบางๆให้กับเด็กคนหนึ่ง  ที่มองโลกแต่แง่ดี  เป็นเหมือนผ้าขาวที่บริสุทธิ์  ถ้าเขาคาดเหตุการณ์ไม่ผิด  เขาต้องรับช่วงต่อในการเลี้ยงเด็กคนนี้ให้มีอนาคตที่ดีงามเสียจงได้  มันเป็นเหมือนกับว่า  เป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องทำมันและต้องทำให้ดีที่สุด

    &$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$&$

              จากนั้นรัฐลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ  เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าห้องนอนของน้ำนั้นอยู่ตรงไหน  เขาเคยมาที่บ้านของน้ำแค่ 2 ครั้งเท่านั้น  ก็เมื่อตอนที่ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของเธอ  และก็ในตอนนี้เพียงเท่านั้น  แต่เขากลับไม่เคยที่จะลืมเลยทางมายังบ้านของน้ำได้เลย  เสียงเพลงที่เปิดคลออย่างบางเบาลอยล่องออกมาจากห้องๆหนึ่ง  รัฐเดินไปตามเสียง  เพราะสัญชาติญาณเขานั้นรู้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงโปรดของน้ำมากสักแค่ไหน   

              รัฐเปิดประตูเข้าไป  สายลมที่พัดผ่านผ้าม่านที่ไม่ได้ขึงรัดแบบตึงแน่น  เขาดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของเด็กอย่างแน่นอน  ดูท่าน้ำเองคงไม่ได้ลุกขึ้นมาทำงานบ้านเป็นเวลานานพอสมควรเห็นจะได้  เขามองไปที่เตียงที่น้ำนอน  น้ำนอนนิ่งบนเตียงที่มีผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาด  เขาเดินมันไปใกล้แล้วค่อยๆนั่งอยู่ข้างๆเธออย่างเงียบ  แต่เหมือนว่าน้ำก็เริ่มรู้สึกตัวแล้วเหมือนกันว่ามีคนมีเยี่ยมเยีนนเธอ

                   “ใครกัน   ใครน่ะ”   น้ำเปล่งเสียงออกน้ำเหมือนมีเสมหะอยู่เต็มลูกคอ  เมื่อไม่มีการขานตอบกลับมาจากรัฐ  เธอก็พร้อมที่จะลลืมตาแล้วลุกขึ้นมองดูว่าใครกันที่เยี่ยมเธอ
                   เมื่อรัฐเองเห็นน้ำพยายามที่จะมองดูว่าใครกันที่มาเยี่ยมเธอ  เขาก็เอามือทั้งสองข้างจับไปที่ไหล่ของน้ำอย่างบางเบา  “น้ำ”  รัฐพูดเอ๋ยทัก  แต่ดูเหมือนมันลำบากใจเหลือเกินที่จะทักทายในประโยคต่อไป  “รัฐเอง  เจ็บมากไหม”
                   “รัฐหรอ?”  พอเธอรู้ว่ารัฐเธอก็จะพยายามลุกขึ้นนั่งเสียให้ได้  แต่พอมีรัฐดันไหล่เธอเบาๆ
                   “ไม่ต้องหรอก  นอนคุยกันก็ได้”
                   “รัฐ   ฉันรู้ตัวฉันดีว่า    ฉันนั้นคงอยู่ต่อไปอีกไม่นานนักหรอก”
                   “ชู่!!”  เสียงที่เปล่งออกมามีแต่ลมกระทบกับนิ้วของเขาเองที่อังอยู่ตรงปาก
                   “ขอบใจที่แกมาเยี่ยมเยียนกัน”
                   “ไม่เป็นไร  ก็เราเป็นเพื่อนกันนิ”
                   “ขอโทษที่ฉันเคยพูดอย่างนั้นไป  ฉันอยู่ทุกวันนี้ก็รอหวังให้แกมาเยี่ยมกันบ้าง  อยู่ด้วยความหวังอันเลือนราง”
                   “ทำไมเธอชอบพูดเรื่องแนวนี้จริง”
                   “มันเป็นเรื่องจริงรัฐ  เรี่ยวแรงที่ฉันจะยกหนังตาของฉันให้กลับมามองหน้าของเธอ  หน้าที่คนอื่นมองกันว่ามีเสน่ห์นักหนา  แต่ฉันกลับว่ามันช่างไม่ได้เรื่อง  วันนี้ฉันอยากจะมองมันแต่กลับไม่มีโอกาสเสียแล้ว”

              เมื่อรัฐได้ยินในสิ่งที่น้ำพูดเขากลับเป็นฝ่ายที่นิ่งเงียบ  เขาเองก็อยากนักที่จะปลดปล่อยถึงความเศร้าโศก  แต่เขาเองก็ต้องเข้มแข็งมันเสียให้ได้  เพราะสิ่งที่เขาต้องเจออีกไม่นานมันอาจจะทำให้เขาเองต้องเสียใจอีกก็เป็นได้

                   “รัฐ”
                   “อะไร”  รัฐรีบขานกลับไป  พร้อมทั้งกุมมือของน้ำด้วยมือทั้งสองข้างของเขา
                   “ขอบใจนะ”
                   “เรื่องอะไร”  เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
                   “ที่เมื่อก่อนแกอยู่รอส่งฉันกลับบ้านทุกวัน”
                   รัฐอมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับไป  “ไม่เป็นไร   แต่ฉันเองก็ต้องขอบใจเธอเหมือนกันที่อยู่เป็นเพื่อนกัน”
                   “ใช่   เพื่อนกัน”
                   “เพื่อนกัน!!”  รัฐพูดตามในสิ่งที่น้ำพูดขึ้นมาอย่างเลื่อยลอย
                   “แต่ฉันเองก็ยังจำได้นะ”
                   “จำอะไร”
                   “ที่เธอน่ะโยนกระเป๋าของเธอเกือบโดนหัวฉันเสียอีก”
                   “ขอโทษ”
                   “ความจริง  ฉันยังโกรธถึงวันนี้รู้เปล่า  เธอพูดขอโทษในวันนี้ก็ถือว่าฉันหายโกรธเธอเสียแล้ว”
                   “อืม  แล้วทีน้ำชอบทำร้ายร่างกายต่างๆนานากับรัฐล่ะ”
                   น้ำอมยิ้มเล็กน้อย  ก่อนที่จะตอบ  “ถ้าอย่างนั้นเราหายกันนะ”
                   “ได้”  รัฐตอบกับน้ำก่อนที่น้ำนั้นจะเป็นฝ่ายหัวเราะรื่นออกมาแต่เพียงผู้เดียว  รัฐเองก็ได้แต่มองดูน้ำหัวเราะอย่างนั้น  เขาเหมือนรู้ว่าโชคชะตาอันโหดร้ายของเขานั้นกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ภรรยาของเขา “เชือกฟาง”  มีชะตากรรมที่ไม่ต่างไปจากน้ำนักหรอก  น้ำหัวเราะได้ไม่นานมันก็ทำให้รัฐเองต้องเริ่มที่จะตาแดงเสียแล้ว  เพราะน้ำนั้นไอผุดขึ้นมาอยู่ครั้งใหญ่ และ ดูเหมือนจะมีเลือดตามออกมาด้วย  สิ่งที่เขาเองต้องทำในตอนนี้คือการทำจิตใจของเขาเองให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่ตัวเขานั้นทำได้

              หลังจากที่รัฐใช้ผ้าผืนเล็กๆที่อยู่ข้างหมอนของน้ำเช็ดเลือดออกจนหมด  น้ำก็เหมือนจะใช้มือของเธอนั้นคลำหาของอะไรสักอย่างที่ใต้หมอนของเธอ  แล้วไม่นานนักเธอก็คลำหามันเธอ  มันเป็นรูปในอดีตที่รัฐให้เป็นของขวัญแต่งงานแก่น้ำ  มันเป็นรูปใบเดียวที่ทั้งคู่มีอยู่และถ่ายด้วยกัน

                   “รัฐ  สัญญากับฉันอย่างได้ไหม”
                   “อะไร  ไม่ดีเราไม่สัญญาหรอกนะ”
                   “ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้หรอก  ช่วยเก็บภาพใบนี้แทนน้ำหน่อยได้ไหม  ได้ไหม”
                   “.....”  รัฐนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรแก่น้ำ  จนน้ำไอขึ้นมาอีกครั้ง  จนเขาต้องรีบหยิบรูปใบนั้นแล้ววางไว้ที่ข้างๆตัวของเขา
                   “ฉันเหนื่อยเหลือเกินรัฐ”  เมื่อรัฐได้ยินประโยคนี้ของน้ำเขาเองอยากจะร้องไห้เหลือเกินมันเกินที่จะสกัดกั้นคลังน้ำตาของเขาเองไว้ได้อยู่แล้ว  แล้วน้ำก็พูดต่อด้วยใบหน้าที่ยิ้มรื่นเล็กน้อย  “ทำไมกันรัฐ  คำว่าเพื่อนถึงขีดเส้นให้กับเราสองคนเสียจริง  แต่ก็อย่างที่น้ำเคยบอกรัฐไปนั่นแหละ  ยังโชคดีนะ  ที่เราเคยรักกัน  และดูเหมือนว่าเราจะรักกันมากเหลือเกินในช่วงนั้น  แต่น่าเสียดาย”
                   “เสียดายอะไร”
                   “เสียดายมันจบลงทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มต้นน่ะสิ”
                   “ไม่หรอก”
                   “รัฐ  ก้มตัวลงให้ฉันคลำหน้าของเธอสักหน่อยได้ไหม”  คำพูดที่ดูเหมือนเป็นลางร้ายสำหรับรัฐ

              รัฐยอมทำตามอย่างที่น้ำบอก   น้ำบรรจงคลำคลึงใบหน้าของรัฐอย่างอ่อนโยน  น้ำตาของรัฐไม่มีทางที่จะให้น้ำได้เห็นตามปฏิญาณที่เขานั้นว่าเอาไว้  เขาต้องดูแลน้ำและต้องเข้มแข็งกว่าน้ำเสียให้ได้  ความตายของน้ำในตอนนี้  เขาต้องทำให้น้ำเชื่อเสียให้ได้ว่ามันไม่น่ากลัวมันจะเบาบางเหมือนปุยนุ่นเพียงเท่านั้น  ไม่น่ากลัวอย่างที่ใครเขาว่ากันมานานนม

              รัฐก้มตัวลงอีกเล็กน้อย  ปากของเขานั้นไปอยู่ที่กกหูของน้ำ  เพียงเพราะว่าเขานั้นอยากจะกระซิบอะไรบางอย่างแก่น้ำ  “น้ำจำสิ่งที่น้ำพูดไว้ในเรื่องเรานั้นเคยรักกันได้ไหม”  รัฐพูดจบสักพัก  น้ำเองก็พยักหน้าเบาๆด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมี  “ความจริงน้ำเองอยากจะฟังมันไหม”  รัฐพูดอีก  น้ำก็พยักหน้าตามอีก  “รัฐไม่เคยเลยสักครั้งที่จะโกรธหรือเกลียดน้ำ  ไม่ว่าน้ำจะทำอย่างไรกับรัฐ  รัฐบอกกับตัวเองตั้งแต่วันนั้นว่า  รัฐจะรักผู้หญิงคนนี้  ผู้หญิงที่ชื่อน้ำมากขึ้นทุกวัน  และทุกวันรัฐจะรักน้ำเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา  มันเหมือนเป็นการนอกใจกับเชือกฟางเขานิดหน่อย  แต่หัวใจของรัฐเองครึ่งหนึ่งไม่เคยไปไกลเลย  มันอยู่ที่น้ำตลอดนะ”  รัฐพูดจบ  มือที่จับบนหน้าของรัฐก็หล่นลงกับเตียง  สิ้นการตอบรับทุกอย่าง  ไม่มีการเคลื่อนไหวต่างๆไม่มีแม้แต่ลมหายใจของเธอ  บัดนี้น้ำก็ไปจากชีวิตของเขา  ไกลมากเหลือเกินที่เขาจะตามเธอไปได้  แต่ก็คงไม่นานนักหรอกที่เขาจะไปอยู่ดูแลเธอเพราะด้วยอายุของเขานั่นเอง 

              รัฐเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย  เห็นอย่างชัดเจนว่าน้ำนั้นนอนนิ่ง  ใบหน้าของเธออมยิ้ม  เขาทำสำเร็จทำให้เธอคิดว่าความตายช่างไม่น่ากลัว  ถึงแม้มันจะพรากเธอไปจากเขาก็ตามที  ถึงคราวนี้เขาเริ่มที่จะปลดปล่อยน้ำตาของเขานั้นออกมาอย่างช้าๆ  เขารู้ดีว่าน้ำจะไม่มีวันเห็นน้ำตาของเขาจริงๆ  เขาเข้มแข็งกว่าน้ำจนวินาทีสุดท้าย  เขาก้มลงไปจูบที่หน้าผากของผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งสิ้นลมหายใจได้ไม่นานอย่างอ่อนโยนที่สุดที่เขาเองจะทำได้  และก็กระซิบที่ข้างหูของเธอว่า  “รักเธอมากนะ   นอนหลับนะคนดี”  ก่อนที่เขาเองจะลูกไปที่ผมของบรรจง  จูบไปที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน  และกอดไปกับน้ำตาแห่งความรัก
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×