คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : น้ำ ในวันแต่งงานของเธอ
กาลเวลาข้ามผ่านไปถึงปีครึ่ง คราวนี้คงถึงคราวที่น้ำนั้นต้องมีฝั่งมีฝาเป็นของตัวเองเสียที หลังจากที่เธอนั้นตัดสินใจเลือกผู้ชายที่ชื่อ โย นั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอ แต่เธอนั้นไม่แน่ใจมากนักว่ามันจะยาวนานนักแค่ไหน ส่วนรัฐนั้นก็กำลังมีข่าวที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อผลิตผลที่เค้านั้นตั้งใจก็กำเนิดออกมาได้ เมื่อเชือกฟางศรีภรรยาของเขาได้ตั้งท้อง 3เดือนแล้ว ทำให้งานแต่งงานของน้ำนั้นไม่สามารถมาร่วมงานได้ และรัฐก็ยังมางานแต่งงานของน้ำช้ากว่าปกติ แต่ว่างานที่น้ำมันดูราบรื่นกว่างานอื่นๆนั้นก็อาจเป็นเพราะมีรัฐคอยแอบมาช่วยงานของเธอโดยตลอดโดยที่เธอนั้นก็ไม่รู้ แถมพี่โยของเธอแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานนี้เลยด้วยซ้ำ
“มางานฉันซะสายเชียวนะแก” น้ำพูดประชดประชันรัฐสุดฤทธิ์
“เชือกฟางเค้าท้อง ต้องดูแลเค้าก่อนสิ” รัฐแก้ตัว
“เออ
รู้แล้วน่ะ” น้ำพูด
“ยินดีด้วยล่ะกัน
ฉันหิวล่ะ ไปหาไรกระแทกปากก่อนนะ” รัฐพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในงานปล่อยให้น้ำนั้นยืนงงอยู่อย่างนั้น
งานเลี้ยงในวันแต่งงานของน้ำนั้นจบไปได้ด้วยดี ทางด้านน้ำนั้นก็มัวแต่ส่งแขกภายในงานจนเกือบหมด เธอก็มองผ่านเข้าไปในงานเธอเห็นผู้ชายอยู่คนเดียวนั่งอยู่ นั่นคือรัฐนั่นเอง
“กลับบ้านไปหาลูกเมียได้แล้ว” น้ำเดินเข้ามาซักถาม
“ยังหรอก” รัฐตอบกลับ
“ทำไมล่ะ” น้ำถามต่อ
“ก็อยู่รอขโมยตัวเจ้าสาวอยู่ไง” รัฐพูดแล้วหัวมายิ้มให้กับน้ำ พร้อมทั้งจับข้อมือของเธอแล้วลากออกไปจากงานอย่างรีบร้อน
“นี่
.แกจะพาฉันไปไหน โอ๊ย
อีบ้า นี่มันงานแต่งงานฉันนะย่ะ” น้ำตะโกนโหวกเวกโวยวายแต่รัฐเองก็ไม่สนใจในคำของน้ำ กลับยังคงลากไปที่ไหนสักแห่ง
คำโวยวายของน้ำสิ้นสุดลงหลังจากเธอนั้นเหยียบบนพื้นดาษฟ้าของอาคารแห่งนี้ น้ำมองไปรอบตัวเธอนั้นไหลสุดลูกหูลูกตามีรั้วคอยกั้นเอาไว้เท่านั้น เธอมองไปนั้นโดยอาศัยแสงไฟจากไฟข้างถนนเท่านั้นมันพอเห็นอยู่บ้างแตกไม่ชัดเจนนัก รัฐเดินเข้าไปพิงอยู่ที่รั่วเหล็กปล่อนให้น้ำนั้นเผชิญต่อกระแสลมในฤดูหนาวที่ยิ่งแรงก็ยิ่งหนาวเหน็บ
“นี่
แกพาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย ลมก็แรง เอ๊ย! ดูซิชุดฉันซื้อมาแพงนะยะ” น้ำบ่นจนดูเหมือนจะอาละวาดรัฐ แต่รัฐกลับมีท่าทีที่ตรงกันข้าม เขามองดูท่าทางของน้ำนั้นก็หัวเราะอยู่อย่างนั้น
จนน้ำนั้นเดินมาถึงรั้วเหล็ก เธอยืนอยู่ข้างๆรัฐ แล้วเขาพูดกับน้ำว่า “แล้วชอบเปล่า”
“ความจริงก็ชอบ ว่าแต่แกรู้ได้ไง ฉันเป็นคนจัดงานแท้ๆ ฉันยังไม่รู้เลย” น้ำพูดพร้อมทั้งสูดเอาอากาศในยามเย็นแห่งรัตน์ติกาลนี้ให้เต็มปอดของเธฮมากที่สุดเท่าที่เธอนั้นจะทำได้
“ฉันทำธุรกิจกับที่นี่อยู่ และที่สำคัญคืออะไรรู้หรือเปล่า” รัฐถาม
“อะไรล่ะ” น้ำกล่าวถามกลับ
“ก็ฉันน่ะ
เป็นคนจัดงานนี้ด้วยตัวของฉันเอง” รัฐพูด
“รัฐ
.” น้ำพูดแบบอึ้งๆ
“ไม่ใช่อะไรหรอก น้ำคิดว่างานแต่งงานหนึ่งงานเค้าจัดกันง่ายๆหรอ” รัฐถามกลับไป
“ขอบใจนะรัฐ
ขอบใจจริงๆ” น้ำกล่าว น้ำมองหน้ารัฐเห็นถึงรัฐนั้นส่งสายตาให้กับเธอนั้นเหมือนว่าเธอเอื้อถึงแล้ว เธอและต้องพูดอะไรออกไป “แกอย่ามาทำสายตาแบบนี้”
“คิดมากไป
แล้วน้ำรู้ไหม รัฐพามาที่นี่ทำไม” รัฐพูด
“จะไปรู้กับแกหรอ” น้ำตอกกลับไป
“ของขวัญไง” รัฐพูด
“เออ..ใช่ ถ้าไม่พูดแทบลืมเลย แกจะมาตัวเปล่าหรือไง” น้ำพูด
และแล้วรัฐของล้วงของขวัญนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาพร้อมทั้งยื่นให้กับน้ำ “นี่ไง”
เมื่อน้ำนั้นเห็นของขวัญที่รัฐนั้นตั้งใจจะมอบกับเธอ มันเป็นภาพในอดีตที่เธอเคยถ่ายรวมกับรัฐนั่นเอง “เพื่ออะไร” น้ำถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเท่าไหร่
รัฐได้ยินคำถามของน้ำนั้นก็แทบหุบยิ้มของตัวเองแทบไม่ทัน “น้ำก็รู้รัฐไม่ใช่คนที่ถ่ายรูป และคิดว่านี่คงเป็นสิ่งเดียวแหละที่ดีที่สุด มันแพงกว่าแหวนเพชรที่น้ำสวมใส่มันเสียอีกนะ”
“
.” น้ำเงียบเธอหลับหน้าหนีเอามาอังที่ลูกตาทั้งสองข้าง
“คงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว” รัฐพูดมันยิ่งทำให้น้ำนั้นยิ่งอาการหนักขึ้น จึงทำให้รัฐนั้นต้องเปลี่ยนเรื่อง “ดูรูปนี่ดิ น้ำหน้าดำมาก น่าเกลียดที่สุดเลย” รัฐพยายามตะโกนเสียงดังๆเพื่อเรียกความสนใจของน้ำ ซึ่งมันก็ได้ผล
“เอามานี่” น้ำรีบดึงรูปในมือของรัฐไปทันที แล้วก็บ่นไปด้วย “ใช่ดูสิ ทำไมฉันน่าเกลียดอย่างนี้ว่ะ อี๊!!”
“พอใจไหม” รัฐถาม
“พอใจสิ” น้ำพูดพร้อมพยักหน้าประงกๆ “งั้นขอกอดเพื่อนรักคนนี้ของฉันได้ไหม” น้ำพูดจบก็โผเข้าไปโอบกอดรัฐอย่างแนบแน่น
ในค่ำคืนนั้นทั้งรัฐและน้ำยืนคุยถึงเรื่องในอดีตกันอย่างออกรส โดยมีแสงแห่งรัตน์ติกาลให้พวกเขานั้นไม่เกิดความเหงานั่นเอง
฿๑฿๑฿๑฿๑฿๑฿๑฿๑฿๑฿๑฿๑
วันคืนผันผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน คนทั้งคู่ก็ยังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป แต่รัฐและน้ำนั้นยังติดต่อหากันโดยตลอดถึงจะไม่บ่อยมากนัก แต่ก็ไม่ขาดสายเลย ทั้งคู่ยังคงเป็นกำลังใจของกันและกันเพื่อการดำรงชีวิตต่อไป
รัฐ กับการอยู่ตามลำพัง ปัจจุบันนั้นเขามีลูกอยู่หนึ่งคน นั่นเป็นลูกชายของเขาและได้ใช้ชีวิตในต่างประเทศกับของครัวของเขาไป แต่ก็ยังพอติดต่อหารัฐตลอด แต่อาจยังสงสัยว่า เชือกฟางหายไปไหน เชือกฟางได้เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งไปนานเกือบสิบปีแล้ว แน่นอนว่ารัฐนั้นย่อยโกรธแค้นกับโรคๆนี้เพราะมันพรากคนรักของเขาไปโดยที่คนรักของเขานั้นไม่ได้ไปทำอะไรเลย มันดูน่ากลัวและรวดเร็ว
น้ำกับความครัวที่ดูอบอุ่น เธอนั้นมีลูกสาวอยู่หนึ่งคนและเธอนั้นก็ได้แต่งงานมีลูกสาวน่ารักหนึ่งคน อยู่กับในบ้านกับลูกเขยของเธอด้วย ส่วนพี่โยของน้ำนั้นกลายเป็นคนละคนเมื่อเธอมีลูกคนนี้ และในที่สุดเขาก็ตีห่างออกจากเธอไปในที่สุด เธอไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย และทุ่มชีวิตที่เหลืออยู่นั้นให้กับลูกสาวของเธอผู้นี้ และรอดูการเติบโตของเธอด้วยเช่นกัน
จวบจนวันนี้ รัฐได้ข่าวมาจากปอนว่าลูกสาวสุดที่รักของน้ำนั้นได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปพร้อมๆกับลูกเขยของเธอ สิ่งนี้ทำให้น้ำนั้นอาจรับไม่ได้ ปอนนั้นอยากไปปลอบโยนน้ำแต่เธอก็ทำไม่ได้เพราะเธอนั้นกำลังจะย้ายไปอยู่กับลูกของเธอที่นอร์เวย์นั่นเอง ทำให้รัฐนั้นต้องรับปากว่าจะทำหน้าที่นี้ และปอนนั้นก็มั่นใจเสียเหลือเกินว่ารัฐทำได้ดี ทำได้ดีกว่าตัวเธอเสียอีก
หลังจากที่รัฐนั้นรับปากปอนว่าจะมาเป็นธุระให้ เขาก็รีบขับรถมาหาภายในงานทันที เขาจอดรถและเดินเข้ามาภายในภายในศาลา ดูผู้คนโล่งตาเหลือเกินเขามองไปที่คนที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด ก็พบหญิงชราผู้หนึ่ง ผมหงอกทั้งหัว ใส่ชุดดำ ตัวกำลังสั่นดูก็รู้ว่าเธอคนนั้นกำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งมิใช่น้อย เมื่อเขาเดินไปใกล้เพื่อจะถามหาว่าน้ำอยู่แถวไหน เมื่อเขาเข้าไปใกล้ก็เห็นใบหน้าหญิงชราคนนั้นอย่างชัดเจน เขาต้องถึงกลับตะลึงกับสิ่งที่เขาเพิ่งมองอยู่ หญิงชราคนนั้นไม่ใช่ใครที่ใครเธอคือน้ำเพื่อนที่เขารักนั่นเอง เขายืนอยู่ตรงนั้นก่อนที่จะตัดสินใจตัดสินใจแตะไหล่เบาๆเหมือนเป็นการเรียกเธอว่าเขามาอยู่ตรงนี้แล้ว เหมือนเขาเคยยืนอยู่เคียงข้างเธอในวัยเด็กนั่นเอง
น้ำค่อยๆหันหลังมาดูว่าใครกันที่มาแตะไหล่เขา ก็พบชายที่เธอคุ้นตายืนยิ้มให้เธออยู่ เธอโผเข้าไปกอดอย่างคนหมดที่พึ่ง “รัฐ
..ลูกฉัน
ลูกฉัน” น้ำพูดมันซ้ำไปซ้ำมาด้วยอาการที่ตระหนกมาก
รัฐลูบไปที่ผมของน้ำอย่างช้าๆขณะที่เขายังสวมกอดกับเธออยู่ “ผมรู้แล้ว”
“แล้วฉันจะทำอย่างไรต่อไป
ลูกฉันมาตายอะไรกันตอนนี้” น้ำพูดไปก็ยังปล่อยโฮอีก
“ไม่เป็นไรนะ มันเป็นธรรมชาติของคนนะ” รัฐพยายามปลอบใจอย่างที่เขาจะสามารถทำได้
“
..” น้ำยังร่ำไห้แบบไม่หยุด
“รัฐอยู่ตรงนี้แล้ว อย่ากลัวนะ” รัฐพูดพร้อมจับให้น้ำลืมตาดูเขาให้ชัดๆ
“ขอบใจมากนะรัฐ” น้ำพูดพร้อมเช็ดน้ำตาไปด้วย
“น้ำมองไปข้างนอกสิ” รัฐพูดน้ำก็มองไปก็เห็นแนนนี่ “เธอเองยังมีหลานที่น่ารักอีกนะ”
“ใช่
ฉันมันไม่น่าโง่เลย” น้ำพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยและเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นอยากสนุกสนานตามประสาเด็ก
“ไม่ใช่ว่าน้ำโง่หรอก
แต่น้ำเองต้องเริ่มตั้งความหวังครั้งใหม่ให้กับหลานต่างหาก” รัฐพูดพร้อมกับยิ้มให้น้ำ
ในวันนั้นรัฐอยู่เป็นเพื่อนน้ำจนงานเลิกอยู่ร่วมประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็ต้องถึงเวลาที่เขาเองเห็นว่าควรจะกลับบ้านเสียที
“อดทนนะน้ำ ไม่มีอะไรที่แย่และดีเสมอไปหรอก งั้นรัฐขอตัวกลับบ้านก่อนละกัน มีอะไรก็โทรมาได้นะ” รัฐกล่าวลากลับบ้านแต่ก็รู้ว่าคนอย่างน้ำจะโทรมาหาเขาเนื่องด้วยความลำบากทั้งทางกายและใจนั้นยากมาก
“ขอบคุณมากนะรัฐ” น้ำพูดทั้งโอบกอดรัฐอีกครั้ง
รัฐรู้ว่าถ้าน้ำเกิดปัญหาอะไรคงไม่โทรมาหาเขาง่ายๆแน่ ไหนจะไม่มีปอนอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วย เธอเองก็ต้องลำบากมิใช่น้อย ช่วงที่เขาจะกลับบ้านเขาเลยไปพูดคุยอะไรกับแนนนี่สักหน่อยเพราะเขารู้ว่าแนนนี่เองเป็นเด็กฉลาด
รัฐเดินเข้าไปหาแนนนี่ “แนนนี่ เอาเงินนี้เก็บไว้กินขนมนะ” เขานำเงินจำนวน 1,000 บาทให้กับแนนนี่เพื่อมีอะไรฉุกเฉินจริงๆ และแนนนี่ก็ฉลาดมากพอที่จะใช้เงินอีกด้วย
“ขอบคุณค่ะ คุณตาใจดีจังเลย” แนนนี่กล่าวมันพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ารัก
“เออ
เอาเบอร์ตาเก็บไว้นะ
ถ้ายายเขาเป็นอะไรให้โทรมาที่เบอร์นี้นะ” รัฐพูดพร้อมยื่นกระดาษให้
“ค่ะ” แนนนี่ตอบพร้อมกับรับกระดาษแผ่นนั้นและเก็บไว้เป็นอย่างดี
จากนั้นเขาจึงเดินไปที่รถแล้วขับออกไปจากวัดกลับไปสู่เส้นทางที่ไปบ้านเขานั่นเอง
= = = = = = = = = = = = = = =
ผมลงให้อีกตอนหนึ่งนะครับ สรุปแล้วผมลงให้ทีเดียวเลย 2 ตอน เหลืออีกตอนเดียวเท่านั้นก็จะจบ แล้วถ้าไม่ขี้เกียจเสียก่อนก็คงได้แก้ไขในบทความอีกนิด แล้วจะทยายเอามาลงในตอนหลังนะครับ ส่วนเรื่องต่อไปในโคลงการร้อยรัก 1 ของผมนั้น คอยพบกับเรื่อง "คนละคนเวลานะครับ" เร็วๆนี้ แต่ตอนนี้ต้องช่วยผมเม้นท์หน่อยละว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ชอบตรงไหนไม่ชอบตรงไหน นะครับ...
ความคิดเห็น