คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ความรัก อากาศ ก็ไม่ต่างกัน
เวลาที่น้ำนั้นได้ปรับทุกข์กับปอนนั้นได้ผ่านมาเป็นเวลานานพอสมควร ฟ้าฝนก็เริ่มที่จะมืดครึ้มไปทุกที น้ำก็เลยเงยหน้าดูนาฬิกาที่ติดที่ฝาผนังก็พบว่าตนนั้นถึงเวลาที่จะกลับบ้านเสียที ก่อนที่ฝนนั้นจะตกหนักมากไปกว่านี้
“ปอน
.” น้ำเรียก
“อะไรหรอ” ปอนถาม
“น้ำคิดว่าถึงเวลาที่น้ำต้องกลับบ้านแล้วล่ะ ยังไงก็ต้องขอบใจปอนจริงๆนะ” น้ำกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น เธอดูสบายใจขึ้นเยอะ
“ไม่เป็นไร
ไป
เดี๋ยวปอนไปส่งน้ำที่หน้าบ้านนะ” ปอนพูดจบก็พาน้ำไปส่งที่หน้าบ้าน
พอน้ำใส่รองเท้าเสร็จก็เงยหน้ามากล่าวกับปอนอีกครั้ง “ไม่ต้องเดินออกไปหรอก น้ำไปเองได้ ยังไงก็ขอบใจนะ” ในขณะที่น้ำกล่าวขอบอกขอบใจกับน้ำอยู่นั้น สายตาก็เหลือบไปมองเห็นหนังสืออยู่ 2-3 เล่มที่วางอยู่ที่โต๊ะไม้หินอ่อนด้านนอก และฝนก็กำลังจะสาดใส่หนังสืออยู่แล้วจึงเกิดความสงสัยเลยถามขึ้น “ปอน..”
“ทำไมอีกหรอ” ปอนถามพร้อมขมวดปลายคิ้ว
“ทำไมเอาหนังสือมาวางข้างนอกล่ะ ฝนมันก็กำลังจะตกนะ แต่เอ๊ะ! เมื่อตอนที่น้ำมาก็ไม่เห็นนิ” น้ำถาม
“สงสัยเพิ่งมีคนมาคืนมั้ง” ปอนตอบ
พอน้ำได้ยินอย่างนั้นก็นึกชื่อคนที่ยืมหนังสือปอนได้เพียงคนเดียว เพราะเธอเคยเห็นรัฐถือหนังสือ 2-3 เล่มนี้อยู่ “รัฐใช่ไหมปอน” น้ำถามขึ้นทันที
“อือ
เปล่าหรอก เพื่อนฉันมันมีตั้งเยอะแยะที่ชอบมายืมหนังสือของฉันน่ะ” ปอนตอบและพยายามเลี่ยงไม่ให้พูดถึงรัฐอีก
“ไม่ใช่
.ต้องเป็นรัฐ รัฐแน่ๆ แล้วถ้ารัฐเอามาคืนก็ยังต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ” น้ำพูดเหมือนคนที่กำลังเพ้อหาอะไร พอเธอเพ้อเพียงแค่นั้น “รัฐ
.รัฐ” เธอก็รีบวิ่งออกไปนอกบ้าน พยายามตะโกนเรียกหาแต่รัฐ หวังเพียงว่ารัฐนั้นจะได้ยินเสียงจากที่เธอเรียกกลับคืนมาบ้าง
“รัฐ
ออกมาเถอะ น้ำรู้ว่ารัฐอยู่แถวนี้ นะ..รัฐ น้ำขอร้อง ออกมาพูดกับน้ำหน่อย น้ำขอโทษ
.ขอโทษที่น้ำไม่เคยสนใจรัฐเลย” น้ำตะโกนขณะที่เธอนั้นล้มลงไปกับพื้น ฝนก็สาดกระหน่ำมาที่ตัวของน้ำเปียกปอนไปหมด แต่น้ำใช่จะสนใจว่าตัวเธอนั้นจะเปียกปอนไปด้วยน้ำฝนไปมากสักเพียง หวังเพียงว่า รัฐนั้นเดินออกมาคุยกับน้ำแค่นั้นน้ำก็พอใจและก็คุ้มค่ากับสิ่งที่เธอทำลงไปมากพอแล้ว
ปอนเห็นน้ำทำท่าทางที่ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าดีดีนี่เอง ก็อดสมเพศเพื่อนของตัวเองไม่ได้ ก็เลยเดินตามออกมาที่หน้าบ้านด้วย
“พอเถอะ” ปอนพูดออกมาเบาๆ
น้ำไม่ได้ยินเสียงของปอนแม้แต่น้อย เพราะเธอเสียใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พลาดไป เธอร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง การตอบสนองต่ออารมณ์ก็รุนแรงมากขึ้นทุกที จนปอนเองก็เริ่มอดทนไม่ไหว
“พอเถอะ
.มันไปแล้ว ไปไกลมาก ไกลเสียจนแกเดินตามมันไม่ทัน กลับมาเป็นตัวแกเถอะน้ำ หยุด
.ฉันบอกให้หยุดไง เปรี้ยง!” ปอนตะโกนกรอกหูของน้ำไปด้วยเสียงดัง ปอนพูดไปก็อดร้องไห้ตามเพื่อนไปไม่ได้ ปอนพูดจบก็เดินไปหาน้ำ เสียงฟ้าคำรามก็ดังกัมปนาถขึ้น
“ปอน
..” น้ำเรียกชื่อของปอนพร้อมๆกับเข้าไปกอดกับปอนอย่างรัดแน่น เธอยังคงร้องไห้ ตัวของน้ำนั้นก็ยังสั่นระริกที่เกิดจากความกลัว
“นอนบ้านฉันนะ” ปอนพูดเพียงเบาๆ
“
.” ไม่มีคำพูดในที่หลุดออกมาจากปากของน้ำ เพียงแต่พยักหน้ารับคำเชื้อเชิญเท่านั้น
$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$
ทางด้านของรัฐเองหลังจากที่เอาหนังสือของปอนไปคืนที่บ้านของปอนเองกลับต้องได้ยินสิ่งที่เคยได้ยินไปไม่นานมานี้อีกครั้ง และดูท่ามันจะรุนแรงกว่าครั้งไหนๆของเขาไปเสียอีก เขากำลังงงกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้นั่นก็คือ เธอคือเพื่อนรัก หรือ เขายังคงรักเธออยู่ ถ้าหากมันยังคงเป็นตะกอนที่นองอยู่ที่ก้นแก้วของเขา เพียงรอให้ใครมาคนมัน ตะกอนเหล่านั้นก็พร้อมที่จะฟุ้งไปทั่วแก้วอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
พอรัฐเปิดประตูเข้ามาในบ้านก็พบภาพแม่ของเขากำลังนั่งทานข้าวกับคนรักคนปัจจุบันของเขาอยู่ เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ใจของเขามันหาจุดเสถียรจากตรงไหนได้บ้าง
“มารัฐ
.มานั่งทานข้าวกันก่อนเร็ว เดี๋ยวกับข้าวหมดนะ” แม่ของรัฐเรียกให้รัฐได้มาทานข้าวด้วยกัน ในขณะที่เชือกฟางนั่นเดินออกไปจากโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว
“ครับแม่” รัฐตอบรับพร้อมทั้งเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารแต่โดยดี
พอสักพักหนึ่ง เชือกฟางหลังจากที่ลุกไปจากโต๊ะอาหาร ก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวของรัฐมาเช็ดตัวของรัฐที่เปียกปอนจอากฝนที่ตกปรอยๆนั่นเอง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรัฐเช็ดเองได้” รัฐพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งๆ
“ตามใจนะ” เชือกฟาง พูดพลางยื่นผ้าเช็ดตัวให้รัฐให้รัฐนั้นได้เช็ดตัวให้แห้งด้วยตัวของรัฐเอง จากนั้นก็มาให้ความสนใจกับอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหารแทน
ตลอดเวลาในการรับประทานอาหารในมื้อนั้น ดูทั่วไปแล้วก็เหมือนๆกับทุกวัน รัฐเองก็ยังคงเอาอกเอาใจเชือกฟางทุกอย่าง ก็เหมือนๆกับทุกวันแต่เชือกฟางนั้นกลับรู้ดีว่า รัฐนั้นกำลังประสบกับปัญหาอะไรสักอย่าง เพราะท่าทีของรัฐก่อนออกไปจากบ้านและตอนนี้นั่นช่างเปลี่ยนและแตกต่างไปจากเดิมมาก ดูรัฐไม่มีชีวิตชีวา ร่างกายที่มานั่งร่วมรับประทานอาหารด้วยกันนี้มันมีเพียงแต่ร่างกายนั้น เหมือนกับว่า รัฐนั้นได้สร้างโลกเล็กๆใบหนึ่งที่เชือกฟางนั้นไม่สามารถเข้าไปถึงในนั้นได้ เพียงแต่รอ
รอที่รัฐนั้นพร้อมและบอกกับเชือกฟางเองว่า รัฐนั้นเป็นอะไรได้เพียงเท่านี้
“รัฐ
” เชือกฟางเรียกรัฐเบาๆแต่รัฐกลับไม่ได้ยินสิ่งที่เชือกฟางบอก “รัฐ
” เชือกฟางเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“หา
หา
.มีอะไรหรอเชือกฟาง” รัฐถามด้วยท่าทีที่ตกใจ
เชือกฟางขำเล็กๆกับท่าทีของรัฐแล้วที่จะบอก “รัฐเป็นอะไรเปล่า มีอะไรบอกเชือกฟางได้นะ” เชือกฟางถามพร้อมกับรอยยิ้มที่แก้มของเธอมีสีชมพูอ่อนๆ
“ไม่มีไรหรอ
เออ
ดึกแล้ว รัฐไปส่งเชือกฟางกลับบ้านนะ” รัฐกล่าว
“จ๊ะ” เชือกฟางตอบสั้นก่อนที่จะเดินไปร่ำลาแม่ของรัฐ “แม่รัฐค่ะ เชือกฟางไปก่อนนะค่ะ”
“จ๊ะ กลับบ้านดีดีนะ” แม่ของรัฐกล่าว
“ค่ะ” เชือกฟางตอบรับอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอกกัน
*********************
ตลอดทางที่รัฐนั้นได้เดินไปส่งเชือกฟางนั้น เชือกฟางก็ต้องพบกับความเงียบงันที่หลุดออกมาจากรัฐเอง เธอมีความรู้สึกว่า ความเงียบสงัดในยามรัตนติกาลนั้นกำลังค่อยๆกลืนกินรัฐให้หายไปจากสิ่งที่รัฐเคยเป็นอยู่เข้าไปทุกทีๆ เชือกฟางเองก็พยายามพูดคุยกับรัฐทุกวิถีทางแล้ว แต่รัฐเองกลับมีการตอบสนองที่เหมือนเก่า ถามคำตอบคำอยู่อย่างนั้น รอยยิ้มที่ให้เป็นเพียงรอยยิ้มที่มุมปากของเขาเท่านั้น
“ถึงบ้านเชือกฟางแล้ว รัฐเองก็กลับบ้านดีดีนะ อย่าไปฉุดใครเขาล่ะ” เชือกฟางพูดก่อนที่จะเหลียวหลัง คำพูดของเธอนั้นยังคงเจือไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนนุ่มอยู่เสมอ ทำให้รัฐนั้นก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ทำกับเธอแบบนี้
“เชือกฟาง” รัฐเรียก
“มีอะไรหรอ” เชือกฟางหันมาถามด้วยท่าทางที่สงสัย
“เออ
..” รัฐลังเลที่จะบอกเรื่องของน้ำให้กับเชือกฟาง “ฝันดีนะครับ” รัฐเลือกที่จะไม่บอก และเขาเองยังเลือกเอ๋ยพร้อมกับรอยยิ้มหวานๆเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขากลับมาถึงบ้านในช่วงหลังนี้
“จ๊ะ
รัฐเองก็เช่นกันนะ” เชือกฟางกล่าวก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นบ้านไป
หลังจากรับร่ำลาเชือกฟางเข้าบ้านไปแล้ว เขาเองก็ต้องเดินกลับบ้านฝ่าลมหนาวจากที่ฝนที่เพิ่งตกใหม่ๆเพียงลำพัง เขาเองก็รู้สึกเหงา ยิ่งรู้สึกเหงามากเท่าไร กลับคิดถึงน้ำมากเท่านั้น
~@@@@@@@@@@~
ทางด้านของน้ำ หลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็ใส่ชุดนอนสีขาวของปอน ซึ่งปอนเองก็เป็นคนชอบใส่เสื้อนอนตัวใหญ่ๆ ทำให้น้ำก็ยิ่งดูเหมือนตัวตลก เธอเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างกระจกบานหนึ่งบานหนึ่ง เธอมองทะลุผ่านไปทางกระจก พอมองเห็นฝนที่ยังตกปรอยๆ และสายลมหลัง
ฝนตกกำลังพัดโชยเอื่อย มันทำให้จิตใจก็อดให้ปล่อยล่องลอยไปตามอากาศไปไม่ได้ เธอคงเหงาเสียยิ่งกว่าเหงา มันบรรยายแทบไม่ถูกสำหรับสิ่งที่เธอเป็นในขณะนี้ได้ แต่เพียงขอมือของรัฐมากุมที่มือของเธอเพียงเท่านั้นมันก็ทำให้เธอนั้นหายไปจากสิ่งที่เธอเป็นอยู่แล้ว เธอเองก็ขอในสิ่งที่ไม่มากมายแต่ก็รู้ว่าสิ่งที่เธอของนั้นเธอไม่สามารถได้มันอีกต่อไป เป็นเพียงคำขอที่เลื่อนลอยของผู้หญิงคนหนึ่ง
เท่านั้น
“โอ๊ย!” น้ำร้องด้วยเสียงดังเมื่อรู้สึกมีอะไรร้อนมาแตะที่แก้มของเธอ
“เอา
.ดื่มซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็พากันเป็นไข้หรอก” ปอนพูดพลางยื่นแก้วที่มีน้ำอุ่นอยู่เกือบเต็มแก้ว
“ขอบใจว่ะ” น้ำตอบพร้อมกับหยิบแก้วมาซดดื่ม
“ค่อยๆดื่มก็ได้ แกเองตัดใจเสียเถอะนะ” ปอนพูด
“แต่ว่า
.” น้ำอึกอัก
“ฉันรู้
ว่ามันยาก แต่มันก็เป็นทางที่ดีสำหรับเธอนะ” ปอนกล่าว
“ฉันเองไม่รู้เลยปอน ว่าพรุ่งนี้ถ้าไปเจอกับมัน แล้วฉันต้องตีหน้ายังไง” น้ำกล่าวพร้อมซดน้ำอุ่นอีกครั้ง
“แล้วแกไม่คิดถึงมันหรือไง ทำไมมันถึงตีหน้ากับแกอย่างไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่มันอยากจะบอกจะตาย เพียงเพราะกลัวแกจะโกรธมันเท่านั้น เพื่อแลกกับความสุขของตัวเอง ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันจะไปในทิศทางไหนเสียด้วยซ้ำ” ปอนกล่าว
“ใช่
ฉันเองนั่นแหละที่ผิดเอง” น้ำกล่าว พร้อมๆกลั่นน้ำตาของตัวเอง ปล่อยให้มันไหลอย่างช้าๆ ค่อยๆกรีดบาดหัวใจของเธอทีละเล็กทีละน้อย
“เคยไหม ในตอนเด็ก ที่เรานั้นมีของเล่นสักชิ้นหนึ่ง เล่นก็ไม่เก็บ แม่เราก็จะแก้เผ็ดด้วยการเอาไปไว้ที่ที่สูงเรานั้นเอื้อมไม่ถึง แรกๆก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก เพียงนานไปเริ่มรู้สึก ถึงวันนั้นของเล่นชิ้นนั้นก็หายไปจากบ้าน เราลืมไปด้วยซ้ำว่าแม่เรานั้นเก็บไว้ที่ตรงไหน” ปอนกล่าว
“เคยดิ” น้ำตอบพร้อมกลับปล่อยน้ำตาของเธอให้ไหลไปอีกครั้ง
“เขาว่ากันว่า มีของ สอง สิ่ง ที่เราเอากลับคืนมาไม่ได้ นั่นคือ วัน และ เวลา หากทำหายไปจากความทรงจำมันยากนะที่จะกู้คืนกลับมา” ปอนกล่าว
“ใช่” น้ำกล่าวก่อนที่จะเข้าไปกอดกับปอนอย่างแน่น เพราะเธอกลับกลัวในทุกสิ่งทุกอย่างอีกครั้ง
จากนั้นปอนก็ค่อยๆพาน้ำที่อ่อนแอกว่าทุกๆวันไปนอนอยู่บนเตียง เพียงใช้เวลาไม่นานนัก น้ำนั้นก็ผล่อยหลับไปในที่สุด อาจเป็นเพราะในวันนี้นั้นเธอเจออะไรต่ออะไรมากมายเสียเหลือเกินจนต้องใช้พลังงานไปมาก ทำให้หลับไปอย่างรวดเร็ว
*************************
คิดเห็นกันอย่างไรก็บอกมาได้นะครับ และใครจะลงโฆษณาไว้ก็ตามสบายนะครับ แล้วว่างๆผมจะไปเยี่ยมละกัน
ความคิดเห็น