คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ความจริง .สายไปหรือเปล่าที่ถามคำถามนี้
เมื่อน้ำนั้นเห็นภาพรัฐกำลังควงหญิงที่ไหนก็ไม่รู้แต่ดูท่าทีเขาและเธอคนนั้นดูสนิทสนมกันมากอยู่การโกหกของรัฐอาจเป็นเพื่อเธอคนนั้นก็เป็นได้ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดนั้นเธอนั้นมีความรู้สึกเย็นชาต่อทุกสิ่งเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ เพราะในเมื่อคืนนี้วันที่ทั้งคู่ต่างบอกความลับของกันและกันและตรงกันนั้น เธอรู้เพียงว่าตอนนี้รัฐไม่ได้คิดกับเธออย่างนั้นแล้ว รัฐคิดกับเธอเพียงแค่ในอดีตเท่านั้น แต่เธอแทบไม่ได้ยินเลยว่ารัฐนั้นมีคนใหม่แล้ว
แต่กว่าจะรู้นั้นเธอก็มาเห็นภาพนี้เสียแล้วแต่ยังไงเธอก็หวังไว้ลึกๆว่าคนนั้นไม่ใช่คนที่รัฐนั้นคิดจริงจัง เพราะเธอยังไม่ทันถอนใจจากเขาเลย
ทางด้านของรัฐ วันนี้รัฐพาเชือกฟางนั้นมาทานข้าวเย็นที่บ้านของเขาอีกแล้ว นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เชือกฟางนั้นมาบ้านของเขา แต่แทบเป็นปกติวิสัยไปเสียแล้วนั่นสิ แม่ของรัฐนั้นก็เฝ้าดูพฤติกรรมของเด็กผู้หญิงที่รัฐพามาที่บ้านบ่อยๆอยู่เสมอ แต่ในตอนนี้นั้นเธอก็วางใจให้รัฐได้คบหากับเชือกฟางได้ ตามสบายนั่นเอง
“แม่ครับ
แม่ครับ วันนี้ผมพาเชือกฟางมาบ้านนะครับ” รัฐพูดลอยๆเพราะเขายังไม่เห็นแม่ของเขาแต่รู้เพียงว่าแม่ของเขาอยู่ในบ้านแน่นอน
แม่ของรัฐกำลังเดินออกมาจากห้องครัวพอดิบพอดีเมื่อได้ยินเสียงของรัฐอีกก็ได้ขานตอบรัฐไป “จ๊ะ
ตามสบายนะเชือกฟาง”
“แม่
.สวัสดีค่ะ” เชือกฟางกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้อย่างงดงาม
“จ๊ะ
วันนี้เชือกฟางอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านด้วยกันสิ วันนี้แม่ทำกับข้าวไว้เยอะเลยเนี่ย” แม่ของรัฐกล่าวเชื้อเชิญเชือกฟาง และเชือกฟางก็ยิ้มตอบกลับแม่ของรัฐนั่นหมายถึงเชือกฟางตอบตกลงที่จะอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านของรัฐนั่นเอง
“งั้น
เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับเดี๋ยวจะออกมาทานข้าวเย็นนะครับ” รัฐพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องของรัฐ และสักพักเชือกฟางก็เดินตามเข้าไปในห้องของรัฐด้วย
มันเป็นภาพที่ชินตาสำหรับคนที่ได้ชื่อว่าแม่เมื่อเห็นหญิงสาวอื่นเข้าไปในห้องของลูกชายของตัวเอง ในระยะแรกๆ เธอนั้นก็ไม่พอใจเท่าไรที่ทั้งคู่ทำแบบนี้ แต่นี่ระยะเวลามันผ่านไปนานพอดูแล้ว การห่วงที่จะเกิดเรื่องราวอันเลวร้ายที่เธอคิดนั้นก็วางใจได้ และเธอนั้นก็เชื่อมั่นในตัวของทั้งคู่ด้วย ภายในห้องของรัฐ รัฐเดินเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนของเขาและมีเชือกฟางนั้นนั่งอยู่ที่ขอบเตียงของเขาและทั้งคู่ก็มักจะมีเรื่องอะไรก็จะคุยช่วงเวลาอย่างนี้ซะส่วนใหญ่
“รัฐ
รัฐจ๊ะ” เชือกฟางตะโกนผ่านเข้าไปในห้องน้ำด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานพอดู
“อะไรจ๊ะ
มีเรื่องอะไรหรอ” รัฐถาม
“ก็ปิดเทอมนี้ล่ะซิ” เชือกฟางเริ่มเปรยๆมาบ้างแล้ว
“ปิดเทอม ?
ทำไมหรอ รัฐไม่เห็นจะเข้าใจ” รัฐถาม
“ก็อาทิตย์หน้านี้ รัฐเองก็รู้นิว่าชมรมของเรานั้นจะไปออกค่ายแถวเชียงรายใช่ไหม” เชือกฟางพูดด้วยเสียงอ๋อยเสียงหวาน
“ก็ใช่
ทำไมหรอ อยากจะไปล่ะซิ” รัฐพูด
“แหม..รัฐนี่รู้ใจจริง ใช่
ไปกับเชือกฟางเถอะนะ” เชือกฟางพูดเชิญชวนให้รัฐไปกับเธออย่างเต็มที่
“อ้าว!! ทำไมปีนี้ถึงอยากไปล่ะ ปกติรัฐชวนยังไงเชือกฟางก็ไม่เห็นจะยอมไปเลย รัฐก็เลยไม่ได้ไปด้วย ที่คราวนี้รัฐปฏิเสธเค้าไปแล้วทำเป็นอยากจะไปซะอีก” รัฐพูด
“ก็เอาเป็นว่า เชือกฟางอยากไปละกัน มันไม่มีเหตุผลหรอก รัฐไปได้เปล่า” เชือกฟางถาม
“อืม
ก็ได้ดิ” รัฐตอบรับกับเชือกฟางทำให้เธอนั้นเริ่มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แล้วรัฐนั้นก็เหลือบไปมองเห็นหนังสือของปอนที่เค้านั้นยืมมาเป็นเวลานานแล้ว ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าปอนต้องการใช้มันเร็วๆนี้ ก็เลยคิดว่าจะเอาไปคืนวันนี้ เพราะบ้านของปอนนั้นก็ซอยถัดไปจากบ้านของเขา มันอยู่ใกล้ๆว่าจะเดินไปสักแปบหนึ่งแล้วรีบมาทานข้าวที่บ้าน “เออ
.เชือกฟาง” รัฐเรียกเธอ
“อะไรหรอ” เชือกฟางถาม
“เดี๋ยวรัฐเดินไปบ้านปอนแปบหนึ่งนะ” รัฐพูด
“ไปทำไมหรอ
เชือกฟางไปด้วยดินะ” เชือกฟางพูด
“ก็รัฐจะเดินเอาหนังสือของมันไปคืนน่ะ เชือกฟางไม่ต้องไปกับรัฐหรอก รัฐไปแปบเดียวเท่านั้น อยู่รอทานข้าวเย็นที่นี่แหละนะ” รัฐพูด
“งั้น
ก็ได้ รัฐรีบมาละกัน ระวังรถด้วยล่ะ” เชือกฟางกล่าวด้วยความเป็นห่วงจากนั้นรัฐก็เดินออกไปจากบ้านไปทันที
฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
ทางด้านของน้ำนั้น ภาพที่เธอเห็นเมื่อตอนเย็นของวันนี้นั้นมันมีอิทธิพลทำให้เธอนั้นเดินไปไหนต่อไหนเรื่อยเปื่อย เธอไม่ต่างอะไรกับคนที่ไร้วิญญาณ แต่เพียงเงยหน้ามาดูสิ่งแวดล้อมอีกทีก็นึกขึ้นได้ว่านี่มันระแวกบ้านของปอน เธอนั้นก็แปลกใจเหมือนกันว่าเธอเดินมาถึงที่นี่ได้อย่างไร หรือเธอนั้นคิดถึงรัฐมากจนเกินไปทำให้เดินมาถึงแถวนี้ได้ เธอเองก็คิดว่าดีเหมือนกันที่เธอนั้นมาถึงแถวนี้ เธอจะได้เข้าไปถามกับปอนว่าหญิงสาวนางนั้นเป็นใคร ใช่สิ่งที่เธอนั้นคิดตลอดเวลาหรือไม่ เพราะเธอนั้นมั่นใจว่า ปอนนั้นน่าจะรู้อะไรต่ออะไรมากมายที่เกี่ยวของกับรัฐอย่างแน่นอน เพราะคณะที่รัฐเรียนกับคณะที่ปอนเรียนนั้นอยู่ห่างไกลกันไม่มากนัก แถมทั้งคู่ยังอยู่ในชมรมพิเศษเดียวกันอีก ดังนั้นปอนนั้นแหละจะเป็นกุญแจที่สำคัญที่จะไขข้อสงสัยให้กับเธอได้อย่างแน่นอน
ติ๊ง..หน่อง ติ้ง
.หน่อง เสียงอ๊อตประตูบ้านของปอนดังขึ้น ปอนเองได้ยินเสียงเหมือนคนมาเรียกก็เดินออกมาดูว่าใครกันที่มาหาเธอในยามหัวค่ำ ภาพที่เธอเห็นมาแต่ไกลนั้นนั่นคือ น้ำ ที่มีสีหน้าที่ไม่ดีเอาเสียเลย ไม่แปลกที่เธอนั้นจะสงสัยในท่าทีของน้ำ
“อ้าว
น้ำ มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” ปอนทักกับน้ำมาแต่ไกล
“อืม
ไปคณะมาแล้วยังไม่อยากกลับบ้านน่ะ เลยเดินมาเรื่อยเปื่อยแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาถึงที่นี่ได้ไง” น้ำตอบกลับไปด้วยเสียงที่แผ่วเบาเหมือนจิตใจของเธอนั้นล่องลอยไปตามอากาศ
“อืม
ไม่รู้เนอะ ลมอะไรถึงกล้าหอบเธอมาถึงบ้านฉันได้เนี่ย” ปอนพูดเชิงบ่นแต่ก็เปิดประตูบ้านให้น้ำนั้นเข้ามาในบ้านอยู่ดี และก็พาน้ำนั้นเข้ามาในบ้าน ตลอดการเดินทางเข้าไปในตัวบ้านของนั้นต้องผ่านทางเดินที่ยาวพอดู แต่ก็ไม่การพูดคุยที่ออกมาจากของน้ำเลย “อือ..อืม
.อืม” เสียงเบาๆที่ผิวเผ่นออกมาจากริมฝีปากบางๆของน้ำพ่นออกมาด้วยเสียงดัง จะถามเรื่องนั้นแต่ก็กระอักกระอ่อนที่จะถาม และไม่กล้าได้รับความจริงถ้ามันเป็นจริง
“นั่งก่อนละกัน เดี่ยวฉันไปเอาน้ำมาให้แกดื่มก่อน” ปอนพูดพร้อมเดินไปเอาน้ำมาให้น้ำได้ดื่มเพราะเห็นเธอนั้นเหนื่อยผิดปกติ
“ปอน!!” น้ำเรียกชื่อของคนที่เธอต้องการคุยด้วยด้วยเสียงดังฟังชัด เสียงของน้ำนั้นทำให้ปอนตกใจรีบเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับน้ำหนึ่งแก้ว แล้วถามน้ำกลับไปพร้อมๆกับวางน้ำที่เธอเอามาให้เพื่อนของเธอได้ดื่มไว้ที่โต๊ะรับแขก “มีไร เรียกซะเสียงดัง”
“นี่ปอน
ถ้าฉันถามไรแกไป แกต้องตอบฉันตามตรงนะ” น้ำพูด
“เออ
ว่ามาดิ” ปอนพูด
“ไอ้รัฐ
มันมีแฟนแล้วหรือยัง” น้ำพูดออกมาแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังคำตอบของปอนด้วยใจที่จดจ่อ
“ทำไม..แกถึงอยากรู้ว่ะ” ปอนถามกลับ
“ก็วันนี้ฉันเห็นมันเดินควงกับผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า เลยมาถามแกนี่ไง” น้ำกล่าว
“แล้วทำไมไม่ไปถามมันเสียล่ะ” ปอนย้อนกลับ
“แกเองยังไม่ตอบฉันเลยว่าใช่หรือไม่ใช่ กับสิ่งที่ฉันเห็นในวันนี้น่ะ” น้ำคะยั้นคะยอให้ปอนตอบคำถามของเธอให้ได้
“ที่แกถามเพราะอะไร แกเห็นถามอย่างนั้นรู้สึกเสียดายหรือไง” ปอนย้อนกลับไปอีกรอบ
“ใช่มั้ง
ฉันเองก็ยังไม่รู้เลย” น้ำไม่กล้าแม้จะบอกความจริง
“แกเนี่ยนะ
พอตอนที่มันทำทุกอย่างเพื่อแกเนี่ยนะ แกกลับไม่เห็นค่ามันเลยสักนิด แต่ที่คิดว่ามันให้ความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่แก แกก็กลับเสียดายมัน” ปอนพูดพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องเหมือนเธอจะไปหยิบอะไรสักอย่าง
“แกรู้หรอ” น้ำถาม
เป็นช่วงพอดีที่ปอนเดินออกมาจากห้องพอดี เลยได้ตอบกับเธอ “รู้สิ เค้ารู้กันทั้งห้องนั่นแหละ มีคนเดียวที่ไม่เห็นนั่นก็คือแกเองนั่นแหละ
อ่ะนี่ ลองไปอ่านดู” ปอนพูดพร้อมกับโยนจดหมายกองหนึ่ง เป็นจดหมายที่รัฐนั้นฝากไว้กับปอนโดยรัฐบอกไม่ให้ปอนให้กับน้ำเพราะกลัวน้ำจะโกรธเขา มันเป็นจดหมายของรัฐที่มีความรู้สึกต่อน้ำจนวันสิ้นสุดของการเรียน และเขาเองก็นึกไม่ถึงด้วยว่าจะเป็นวันสิ้นสุดความรักของเขาไปด้วยเช่นกัน ถึงแม้ปอนนั้นจะไม่เคยคิดที่จะแกะอ่านจดหมายเหล่านี้เลย แต่ก็พอรู้ว่ารัฐนั้นรักน้ำมากถึงเพียงไหน แต่เขาไม่มีเพียงโอกาสได้บอกกับน้ำ เพราะน้ำคอยปิดกั้นเขาอยู่ตลอด
เมื่อน้ำนั้นค่อยๆอ่านจดหมายที่ไม่ส่งไปถึงยังปลายทางทีละฉบับก็ต้องถึงกลับรินน้ำตาของตัวเองอย่างช้าๆให้มันไหลอาบแก้มของตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองนั้นผิด ผิดมาโดยตลอดที่ปิดกั้นสิ่งเหล่านั้น คนอื่นมองเธอนั้นว่ากล้าหาญชาญชัยมากสักเพียงไหน แต่ในใจเธอนั้นบอกได้คำเดียวได้เลยว่า เธอนั้นขี้ขลาดและไม่กล้าเผชิญหน้าต่อความจริงเป็นอย่างมาก และเธอเองยังมาคอยมาคิดรั้งรัฐอยู่อย่างนี้อีก ถึงรัฐจะมีหรือไม่มีใครนั้น เธอก็คิดว่าเธอนั้นก็ไม่มีสิทธิในตัวของเขาอีกต่อไป
“ขอบใจมากนะปอน ทำให้น้ำรู้อะไรอีกเยอะเลย” น้ำพูดพร้อมปาดน้ำตาของตัวเองอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เธอนั้นอ่านจดหมายตัวอักษรของรัฐตัวสุดท้าย
“อืม
เออ เอางี้ อาทิตย์นี้ไปเที่ยวกับชมรมฉันกัน เชียงรายโน่นแหนะ ฉันขอให้แกจะไปเปล่า” ปอนถาม
“ไอ้รัฐ
.” น้ำจะถามแต่ก็ไม่กล้าถาม
“โอ๊ย
มันไม่เคยไปสักครั้ง แกก็รู้นิว่าแม่มันหวงแค่ไหน” ปอนพูด
“ไปก็ได้” น้ำตอบ
“เดี๋ยวฉันโทรไปหาพี่ปลั๊กก่อนละกัน” ปอนรีบโทรศัพท์ไปหาพี่ปลั๊กโดยทันทีโดยขอให้พี่ปลั๊กนั้นได้สำรองที่นั่งให้กับน้ำนั่นเอง
^^^^^^^^^^^^^^^^^^^
เมื่อสายโทรศัพท์ต่อติดไปยังพี่ปลั๊กปอนก็รีบพูดแทรกขึ้นไปทันที “ฮัลโหล..พี่ปลั๊ก ปอนเองนะ”
“ว่าไง เจ้าตัวแสบ” พี่ปลั๊กทักกลับมา ทำให้ปอนนั้นหัวเราะเล็กๆ
“พี่ปลั๊กยังพอมีที่ว่างที่จะไปเชียงรายเหลืออยู่เปล่า” ปอนถาม
“ก็ยังพอมีอยู่ทำไม” พี่ปลั๊กถามกลับไปทันที
“ปอนอยากพาเพื่อนไปเที่ยวหน่อยน่ะ ไม่รู้จะได้เปล่า” ปอนกล่าวกลับ
“ได้ดิ เดี่ยวสักครู่
.อ่ะพี่สำรองที่นั่งให้แล้วนะ” พี่ปลั๊กตอบกลับมา
“งั้นแค่นี้นะ” ปอนพยายามจะวางหู แต่ก็มีเสียงจากพี่ปลั๊กแทรกขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อน ทำไมไม่ไปบอกเจ้ารัฐล่ะ เค้าทำเรื่องนี้ไปแล้วนะ” พี่ปลั๊กพูด
จากที่พี่ปลั๊กพูดนั้นทำให้ปอนถึงกลับชะงักทันที “ก็ไอ้รัฐปกติก็ไม่เคยไปนิ ถึงมันจะเป็นรองประธานก็จริงอยู่ แต่มันไม่ไปก็ต้องไปดูแลเรื่องอื่นสิ” ปอนพูด
“ใครว่ามันไม่ไป” พี่ปลั๊กพูดลอยๆ
“หา
อะไรนะพี่” ปอนอุทานด้วยความตกใจ
“ก็เมื่อสักครู่นี้เชือกฟางเพิ่งโทรมาบอกพี่เองว่าเปลี่ยนใจว่าจะไป แล้วเห็นว่าจะไปทั้งคู่ด้วยนะ” พี่ปลั๊กพูดจบสายอยู่ก็ก็ตัดขาดไป
เมื่อสายอยู่ๆก็ตัดขาดไป ปอนก็ทำหน้าแห้งๆเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ปลั๊กนั้นบอกมา การหวังดีของเธอนั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่เธอนั้นคิดก็ได้
“ว่าไง..ฉันไปได้เปล่า” น้ำถามแทรกขึ้นมาทันที
“ได้” ปอนตอบสั้นๆ
“ได้..แล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” น้ำถาม
“ก็
ก็
ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปสนใจเลยนะ”
“อืม” น้ำตอบรับกับปอน
แต่เพียงปอนนั้นจะพูดเรื่องต่อไปกับน้ำนั้น ก็เงยหน้าไปมองที่หน้าต่าง ก็พบว่ารัฐนั้นยืนอยู่ตรงนั้นดูท่าเค้านั้นได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว ดูสีหน้าของรัฐนั้นไม่ต่างกับน้ำในตอนนี้เสียเท่าไร เพราะเห็นน้ำต้องมีน้ำตาเพราะเขา รัฐตัดสินใจที่จะไม่ไปร่วมเสวนากับปอนและน้ำ และทำสัญลักษณ์ว่าเขาได้ว่าหนังสือที่โต๊ะหินอ่อนด้านนอก แล้วก็เดินจากไปทันที เมื่อปอนเห็นรัฐมายืนตรงนั้นก็ยิ่งหน้าซีดเข้าไปอีก แล้วก็อุทานออกมาเสียงเบาๆ “น้ำ”
“มีไร” น้ำทักกลับไป พร้อมกับมองไปทางที่ปอนมองอยู่ด้วยแต่พบกับความว่างเปล่าเพราะรัฐนั้นได้เดินจากไปครู่ใหญ่แล้ว
“เออ
.ไม่มีอะไรหรอก” ปอนพูดกลบเกลื่อน
“ทำหน้ายังกับเห็นผีอย่างนั้นแหละ” น้ำพูด
“ไม่มีไรหรอก” ปอนกล่าวเสริมอีกครั้ง
****************
หากใครคิดเห็นอยากไรกับเรื่องนี้ก็บอกมาได้เลยนะครับ หากจะฝากเรื่องก็ตามสบายเลยครับ แล้วว่างๆผมจะไปเยี่ยมครับ และหากเยี่ยมช้าไปหน่อยก็อย่าน้อยใจไปล่ะเพราะว่าช่วงนี้งานยุ่ง เรียนหนักอยู่น่ะครับ
ความคิดเห็น