ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หรือเราเคยรักกัน

    ลำดับตอนที่ #14 : ตัวจริงของฉัน

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 49



              ตี๊ดๆ…ๆ  เสียงนาฬิกาปลุกของรัฐนั้นดังขึ้น  เพราะวันนี้รัฐเองนั้นต้องไปทำธุระที่มหา’ ลัยแต่เช้า  แล้วเมื่อคืนเขาก็อยู่ในงานเลี้ยงเพื่อนเก่าจนดึกดื่นชั่วคืน  จึงจำเป็นต้องอาศัยมันด้วย  แต่ดูเหมือนว่ามันกลับไม่เป็นผล  เพราะรัฐก็ยังคงเป็นรัฐที่นอนอุดตูดเขาเป็นอย่างนี้ก็ตั้งแต่ขึ้นมหา’ ลัยแล้ว
     
                   “เออ…เออ  รู้แล้วปลุกอยู่ได้”  รัฐบ่นพร้อมพยายามเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกเพื่อจะได้ไม่รบกวนการนอนของเขาอีก  พอเขากดปิดนาฬิกาปลุกได้ก็เหมือนขึ้นสวรรค์ก็ได้เอนกายหลับต่อโดยแทบลืมไปเลยว่าวันนี้เขานั้นต้องมีภาระกิจอีกมากมาย
                   ปึง!!!  “รัฐ…ตื่นได้แล้ว  วันนี้ไปมหา’ ลัยไม่ใช่หรอ”  แม่ของรัฐช่วยมาปลุกเขาด้วยอีกแรง 

              รัฐได้ยินเสียงของแม่ของเขาที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างนอกก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขานั้นต้องไปทำงาน  เพียงแต่นั้นอาการอยากนอนของเขาก็ปลิดทิ้ง  ตาของเขาลูกโตอย่างรวดเร็ว  พร้อมตะโกนไปตอบรับแม่ของเขาอีกที “ครับแม่…รัฐตื่นแล้วครับ  ขอบคุณมากครับแม่” 
     
                   “งั้นก็เร็วหน่อย  มันสายแล้ว”  แม่ของเขาพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกไปจากหน้าห้องนอนของรัฐ
                   “โอ๊ย!!   ปวดหัวจริงโว้ย!!”  รัฐอุทานมันออกมาเพราะเขานั้นนอนไม่เต็มอิ่มเท่าที่ควร 
                   เขาบ่นไปบ่นมาไม่ต่างอะไรกับหมีกินผึ้ง  ก็อันเนื่องมาจากเขาเข้านอนเกือบจะเห็นฟ้าสว่างแล้วน่ะสิ  แต่พอเขาได้สติขึ้นมาหน่อยก็นึกที่จะหาโทรศัพท์มือถือ  “เอ….อยู่ไหนน่า  ไม่รู้ว่าเชือกฟางจะส่งข้อความอะไรมา”

              ระหว่างรัฐกับเชือกฟางนั้นมันเกิดขึ้นจากความบังเอิญที่ทั้งคู่นั้นจะเจอกัน   มีคนที่รู้เรื่องนี้ไม่กี่คน  และหนึ่งในนั้นก็คือ  ปอน  เพื่อนรักของน้ำอีกคนหนึ่ง  โดยรัฐนั้นได้ขอร้องให้ปอนนั้นช่วยปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้มากที่สุด  เพราะเขานั้นไม่อยากให้เพื่อนได้รู้เรื่องนี้โดยเฉพาะ น้ำ  เพื่อนที่ดีที่สุด  ซึ่งแรกๆนั้นปอนเองจะไม่ยอมรับปากแต่เมื่อเธอนั้นได้คิดไปคิดมาแล้วมันคงเป็นทางออกที่ดีสำหรับน้ำไปด้วยเพื่อเธอเองนั้นจะได้รู้ใจตัวเองด้วย  เลยยอมรับปากที่จะเก็บความลับนี้ไว้ 

              รัฐพบเจอ เชือกฟาง  ตั้งแต่รัฐย่างก้าวเท้าเข้ามาในรั้วมหา’ ลัยมาแล้ว  เขาก็พบปะกับน้ำน้อยมาก  น้ำไม่ยอมที่จะมาหารัฐบ้างเลย  ถึงแม้มหา’ ลัยของเขาสองคนนั้นจะอยู่ห่างกันไม่กี่ย่างเท้าก็ตามที  แต่น้ำก็ไม่เคยที่จะมาเยี่ยมเยียนรัฐบ้างเลยแม้แต่น้อย  มีเพียงแต่รัฐที่คอยหาเวลาว่างที่มีนั้นไปหาน้ำอยู่ตลอด  ซึ่งรัฐนั้นก็เต็มใจที่จะทำอย่างนั้น  แต่เมื่อไปหาน้ำทีไร  น้ำก็จะคอยเล่าถึงว่าเธอนั้นมีเพื่อนใหม่ที่มากหน้าหลายตา  และเธอนั้นได้พบเจอเพื่อนใหม่อยู่คนที่คอยรับฟังเธอได้ทุกอย่าง  ไม่ต่างจากรัฐและเธอนั้นพร้อมแล้วที่จะไม่ต้องการรัฐอีกต่อไป
     
              เมื่อรัฐได้ยินอย่างนั้นตั้งแต่ครั้งแรกก็รู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ  ถึงแม้เธอนั้นจะเป็นเพื่อนเธอยังไม่ต้องการรัฐอีกต่อไปอย่างนั้นหรือ และเมื่อได้ฟังหลายๆครั้งเข้าก็ยิ่งต้องทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเองระหว่างเขากับเพื่อนคนนี้ว่าจะเป็นในทิศทางใดอีก 
     
              การพูดคุยทางโทรศัพท์นั้นแต่ก่อนน้ำยังคอยมาทักทายเฮฮากับเขาบ้างถึงแม้มันจะไม่บ่อยไม่นาน   แต่มันก็ทำให้เขานั้นยิ้มได้ในวันต่อไป  เขาเองก็ไม่ต่างกับต้นไม้ยืนต้นดีๆนี่เอง  ที่ต้องการคนเอาใจใส่บ้าง  ต้นไม้นั้นก็จะพัฒนากิ่งก้านสาขาให้ปกคลุมทั่วท้องนภาได้  แต่หากแม้นไร้การเหลียวแลมันก็จะค่อยๆเหี่ยวเฉาตายลงไปถึงแม้จะไม่ใช่เวลาอันรวดเร็วก็ตามที  แต่ตั้งแต่ที่น้ำนั้นรู้ว่าตัวเอง  สอบติดแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่เคยร่วงหล่นมาบนพื้นดินที่แห้งแล้งอีกเลย
     
              จนมีอยู่วันหนึ่งเขาอยากจะหาเวลาว่างเหล่านั้นไปเข้าชมรมที่มีประโยชน์  ดีกว่าจะไปนั่งฟังน้ำพูดในหลายๆครั้งที่เขาเคยฟัง  เขาเลือกชมรมค่ายอาสาพัฒนาเพื่อเด็กภาคเหนือแต่เขาเองกลับไม่กล้าที่จะเข้าไปสมัครข้างในได้แต่ยืนรออยู่ข้างนอกอย่างเก้ๆกังๆอยู่อย่างนั้น  จนคนที่เพิ่งสมัครก่อนหน้าเขานั้นเดินออกมา
     
                   “อืม…ทำยังไงหว่า”  รัฐบ่นเพราะลังเลที่จะเข้าไปข้างใน
                   “เออ..มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าค่ะ”  เสียงผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้น
     
              รัฐเงยมองดูหน้าเจ้าของเสียงที่เพิ่งถามเขาอย่างช้าๆ  ภาพเต็มสองตาว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมากสวยแทบไม่มีที่ติได้เลย  ด้วยผมที่ยาวสยาย สีน้ำตาลอ่อนของเธอ  ลูกตาที่กลมโตดูเด่น  ผิวขาวเนียนละเอียด  เธอยิ้มให้เขาด้วยความเป็นมิตรอย่างมาก
     
                   “เออ…เออ  ครับๆ  คือผมว่าจะเข้าไปสมัครชมรมน่ะครับ  แต่…”  รัฐพูดเหมือนกับคนติดอ่าง  ในตอนนั้นอารมณ์ของเขานั้นบอกไม่ถูกเลย
                   ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเล็กๆก่อนที่พ่นริมฝีปากของเธอเบาๆ  “แต่ไม่กล้าหรอ  มา…เดี๋ยวเชือกฟางพาไปเอง”  เธอพูดยังไม่ทันจะจบก็ฉุดกระชากลากถูรัฐให้เข้าไปสมัครชมรมอย่างที่รัฐไม่รู้ตัว
     
              พอผู้หญิงที่รัฐเพิ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรกมาเป็นธุระให้ก็ถึงกับทราบซึ้งน้ำใจของเธอเลยเดินมาคุยกันต่ออีก
     
                   “ยังไงก็ต้องขอบคุณมากนะครับที่เป็นธุระให้กับผม  คุณ….  เออผมรัฐ เด็กเศรษฐศาสตร์ครับ”  รัฐกล่าวใบหน้าของเขานั้นแฝงไปด้วยอาการที่ขวยเขิน
                   “ค่ะรัฐ  เชือกฟากค่ะ เด็กบัญชีค่ะ  ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ”  ผู้หญิงคนนั้นพูดพลางยื่นมือมาจับมือกับรัฐด้วย  ทำให้หัวใจของรัฐนั้นได้กลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง  รัฐค่อยๆยื่นมาไปดูท่าเชือกฟากจะแล้วรีบดึงมือของรัฐมาจับมือเธอทันที
                   “อย่างนี้….เราก็ได้อยู่ชมรมเดียวกันแล้วนะคะ”  เชือกฟางพูด
                  “ครับ”  รัฐก้มหน้าก้มตาตอบ
                  “ที่รัฐพูดว่ามาเป็นธุระให้น่ะ  ไม่รู้ว่าจะสร้างภาระให้รัฐแทนหรือเปล่านะ”  เชือกฟากพูดพลางหัวเราะไปด้วยอีกครั้ง
                  “คงไม่อย่างนั้นหรอกครับ”  รัฐยังคงก้มหน้าก้มตาตอบต่อไป
                  “ทำไมต้องก้มหน้าก้มตาพูดบ้างล่ะ  หรือหน้าตาของเชือกฟางน่ากลัวหรือไง”  เชือกฟางเริ่มยิงคำถาม
                  “ออ..ไม่หรอกครับ  เพียงแค่คิดว่าคุณเองคงมี….คงไม่ดีเท่าไรน่ะครับถ้าผมจะมองหน้าคุณอย่างเดียวน่ะครับ”  รัฐตอบ
                  “มีอะไรหรอ  แฟนน่ะหรอ   เพิ่งเลิก”  เชือกฟากตอบออกมาไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด
                  “…..”  รัฐไม่พูดอะไรเพียงทำหน้าตาที่สงสัย
                  “สงสัยไรรัฐ  เชือกฟางเองยังไม่คิดมากเลย  ก็แฟนเก่าเชือกฟางเจ้าชู้จะตายไป  ทำไมเชือกฟางต้องไปคิดมากด้วยล่ะ  แฟนเก่าเชือกฟางนะ  ยังสู้รัฐก็ไม่ได้เลย  สนใจเปล่าล่ะ”  เชือกฟางหยอดคำถามมาให้แก่รัฐอย่างงุนงง
                  “ครับ…”  รัฐตกใจกับสิ่งที่ตัวเองตอบไป  มันเหมือนตอบไปอย่างไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
                  “เดี่ยวเชือกฟางต้องไปเรียนแล้ว  เชือกฟางฝากอันนี้ไห้กับรัฐไว้ละกัน  ไปนะ”  เชือกฟากพูดพร้อมยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆให้แก่รัฐ  แล้วรีบวิ่งออกไปอย่างท่าทางที่สงสัย
     
              เพียงรัฐได้เอากระดาษแผ่นเล็กๆที่เหมือนจะไร้ค่าแล้วใครที่ได้รับมันอาจโยนทิ้งไว้ตรงที่แถวนั้น  แต่เขานั้นกลับเอาขึ้นมาดูก็กลับพอมามันมีการเขียนเกิดขึ้น  เขาอ่านอย่างช้าๆ  หน้าของเขาค่อยๆชาเนื่องจากอาการตื่นเต้นของเขา  เธอเขียนไว้คำเดียวว่า  เชือกฟาง  แล้วก็ตามด้วยตัวเลขอีกเก้าตัว  เพียงแค่นี้ก็ทำให้รัฐนั้นยิ้มออกได้ทันที
     
              ตั้งแต่วันนั้น วันที่เริ่มความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและเชือกฟางก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและแทบไม่มีใครรู้เสียเท่าไหร่  จนความสัมพันธ์นั้นกลายมาเป็น คนรักในที่สุด
     
    ……………………
     
              รัฐเองพยายามควานหาโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาจนเจอในที่สุด  เขาไม่รีรอที่จะรีบเปิดดูข้อความของคนพิเศษของเขานั้นส่งมาให้ในทุกวันเมื่อไม่ได้พูดคุยกันในวันนั้น

                            @@@เวลา  23.30 น.  ดีรัฐ เชือกฟางรู้ว่ารัฐจะไปกินเลี้ยงกับเพื่อนเก่าแล้ว
                            ยังไงก็กินเผื่อบ้างนะ  เชือกฟางยิ่งหิวๆอยู่  อุ๊ๆๆ 
                            เชือกฟากอยากขอพรจากดวงดาวทุกดวงนะ
                            ให้รัฐได้นอนหลับฝันดีจ๊ะ@@@

    +++++++++++++++++++++++

              พอรัฐได้อ่านข้อความนั้นที่หวานยิ่งกว่าน้ำเชื่อมที่ไหนๆอีก  ก็ต้องถึงกับยิ้มจนปากของเขานั้นจะถึงรูหูอยู่แล้ว  แล้วเขาก็พูดประโยคสั้นๆให้กับโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาให้เป็นสื่อไปยังเชือกฟางคนรักของเขาที “ขอบใจมากนะเชือกฟาง   รัฐมีเชือกฟางคนเดียวนะครับ”  มันเป็นเสียงที่ผิวเผ่นออกมาจากริมฝีปากแห้งๆ  พอเขาหลุดออกจากห่วงแห่งความรักก็ต้องพบกับความจริงที่ว่าเขานั้นต้องไปทำธุระให้กับชมรมนี่นา  “เอ๊ย!  สายแล้ว”  เขาอุทานขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะกระโดดออกจากเตียงนุ่มๆ  ไปยังห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักอย่างรวดเร็ว
     
              ในเย็นของวันนั้นหลังจากที่รัฐนั้นได้เสร็จสิ้นภาระกิจภายในชมรมก็กำลังจะกลับบ้าน  เขากำลังเดินออกมาจากมหา’ ลัย  แสงแดดในยามเย็นทอแสงเป็นสีส้มประกายทั่วท้องฟ้าระยิบระยับจับตาของเขาอยู่นั้น  เขาอดคิดถึงหญิงในเมื่อคืนนี้เป็นไม่ได้  ในวันนั้นวันที่น้ำตัดสินใจยอมไปช่วยงานเพื่อนในช่วงของกีฬาสีหลังจากที่ประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมช่วยแต่ยอมช่วยด้านอื่นจะดีกว่า  แต่วันนั้นเธอยอมไปแบบจำนน  และในตอนกลับบ้านนั้นเขาเห็นท้องฟ้ามีเป็นลักษณะแบบนี้ในช่วงนั้นเขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน   มากกว่าตอนนี้เสียด้วยซ้ำ  แต่ใช่ว่าในตอนนี้นั้นเขาเหงาเพราะเขานั้นยังมีเชือกฟางที่อยู่ใกล้ๆเขาอยู่เสมอนั่นเอง
     
              รัฐมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ  อยู่ดีๆเขานั้นก็รู้สึกมีเงาตะคุ่มๆกำลังเดินตรงรี่มาหาเขา  เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามามาเขาใกล้เต็มที  และเธอเป็นผู้หญิงที่รัฐนั้นอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากที่สุขในช่วงนี้
     
                   รัฐยิ้มให้กับหญิงสาวที่เดินตรงมาหาเขา  แล้วถามไป  “เชือกฟางมาหาผมเปล่า” 
                   “เปล่าซะหน่อย  เชือกฟางบอกรึไง”  เชือกฟางตอบกลับไป
                   “อ้าว…แล้วมาที่นี่ทำไมล่ะ  ช่วงนี้มันปิดเทอมนะ”  รัฐถามพร้อมพยายามจ้องเชือกฟางอย่างเขม็งถึง
                   “ก็เชือฟางอยู่บ้านมันเบื่อๆ  เลยมาเดินเล่นซะหน่อย”  เชือกฟางตอบกลับไป  และยังทำหน้าลอยหน้าลอยตา
                   “หรอ”  รัฐตอบกลับไปสั้นๆ  พร้อมทั้งรีบหุบยิ้มของเขาอย่างรวดเร็ว
                   “โกรธหรอ  อย่าโกรธเค้าเลยนะ  โอ๋ๆ ๆ ๆ”  เชือกฟางพยายามง้อรัฐ  ซึ่งรัฐนั้นกำลังทำหน้าบูดอยู่  ใครที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็อิจฉาในความน่ารักเป็นไม่ได้
                   “ใครโกรธ  รัฐไม่ได้โกรธเลย”  รัฐพูดด้วยเสียงห้วนๆ
                   “แหม…หัวของรัฐก็ไม่ได้ล้านซักกะหน่อย  แต่ทำไมขี้ใจน้อยจังล่ะ”  เชืองฟากพูดจบ  ก็ทำให้รัฐนั้นเริ่มที่จะยิ้มออกบ้างแล้ว  ฉากพ่อแง่แม่งอนตรงริมทางเดินของมหา’ ลัย ในยามพลบเย็นมันช่างเป็นภาพที่โรแมนติกจริงๆ

    **********************

              ตี๊ดๆ ๆ….  โทรศัพท์ส่วนตัวของรัฐดังขึ้นท่ามกลางการหยอกล้อของรัฐและเชือกฟาง  พอรัฐตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ของคนที่โทรมาก็ยิ่งตกใจเพราะคนที่โทรมานั้นเป็น “น้ำ” นั่นเอง  มันบังเอิญหรือเปล่าที่น้ำนั้นได้โทรศัพท์หาเขามาในตอนนี้  เขาเดินห่างออกมาจากเชือกฟางระยะหนึ่งแล้วจึงรับสายของเธอ
     
                   “ฮัลโหล…”  รัฐทักไป
                   “รัฐ…นี่น้ำนะ”  น้ำทักกลับไปบ้าง  ดูน้ำเสียของเธอนั้นผิดปกติ  เสียงของเธอแหบกว่าปกติทุกวันเมื่อเขาเคยได้ยิน
                   “จ๊ะ…น้ำมีอะไรให้รัฐช่วยหรือเปล่า”  รัฐถาม
                   “เปล่าหรอก…เพียงอยากถามรัฐว่า  วันนี้รัฐว่างไหม  มาคุยกับน้ำหน่อยสิ  ที่ห้างที่เราชอบไปคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยอ่านะ  ได้เปล่าถือว่าน้ำขอร้องก็ได้”  น้ำพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเต็มที่
     
              รัฐได้ยินเสียงที่สั่นเครือของน้ำนั้น  ใจของเขาก็สั่นระรัวไปด้วย  ความรู้สึกรำลึกครั้งยังจำกลับมาหาเขาอย่างรวดเร็ว  เขาเหลือบสายตาไปมองเชือกฟาง  ก็พบว่าเชือกฟางยืนยิ้มให้กับเขาอยู่  เขาก็อดนึกอยู่ในใจเป็นไม่ได้ว่า  เชือกว่าเป็นปัจจุบัน  และเขาไม่อยากทำปัจจุบันเป็นอย่างที่เขาเคยพลาดพลั้งมาอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง  เขาตัดสินใจตอบกลับไปหาน้ำในที่สุด  “น้ำ…” 
     
                   “ได้ไหมรัฐ”  คำขอร้องของน้ำแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
                   “รัฐมีธุระที่บ้านน่ะ  และรัฐก็ออกไปไหนไม่ได้เลย  ขอโทษจริงๆนะน้ำ”  รัฐยอมโกหกน้ำ  แม้เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะโกหกเธอเลย 
                   “งั้นก็ไม่เป็นไรนะรัฐ”  น้ำพูดสั้นๆก่อนที่จะวางหูไป
                   >>>  พอรัฐวางสายจากน้ำก็รีบวิ่งมาหาเชือกฟางก็มีคำถามแทรกขึ้นมาทันที  “ใครโทรมา”  เสียงของเธอแข็งท่าเธอนั้นจะสงสัยเป็นไม่น้อย
                   “เพื่อนน่ะ  เพื่อนเก่ารัฐเอง”  รัฐตอบ
                   “หญิง หรือ ชายล่ะ” เชือกฟางถามเซ้าซี้รัฐอีก
                   “ช่างเถอะ  มันไม่เกี่ยวอะไรกันกับเราสักหน่อย”  รัฐพูดพร้อมโอบหลังของเชือกฟางเดินออกไปหน้ามหา’ ลัย
     
              รัฐเดินโอบหลังเชือกฟางเดินออกไปหน้ามหา’ ลัย  และเป็นช่วงที่รถเมย์ที่ผ่านหน้าบ้านของรัฐมาเทียบที่ป้ายพอดิบพอดี  เขาก็รีบเร่งที่จะขึ้นรถกันไป  ภาพเหล่านี้อาจเป็นภาพธรรมดาที่เรานั้นอาจพบเห็นทั่วไป  ทว่าคนที่มาเห็นภาพนี้ไม่ใช่คนอื่นไกลแต่เป็น น้ำ  เพราะเธอนั้นก็มาทำธุระของเธอที่มหา’ ลัยเธอด้วยเช่นกัน   เมื่อเธอนั้นไม่ได้คุยกับรัฐในวันนี้  เพียงเห็นแค่รอยเท้าที่รัฐเคยเหยียบย่ำลงไปบนพื้น  เธอก็สามารถยิ้มได้แล้ว  แต่ก็ไม่นึกว่าจะเห็นภาพนี้ได้ด้วยความบังเอิญ  เธอน่าจะเหลียวไปมองที่อื่นเสียมากกว่าด้วยซ้ำ  เธอนั่งนึกถึงเมื่อสักครู่เธอเพิ่งคุยกับรัฐ  เขาบอกว่าอยู่บ้านออกมาไม่ได้นิ  และนี่เป็นใคร  แถมยังมีพ่วงมาอีก  ผู้หญิงคนนั้นก็สวยแทบไม่มีที่ติอีก  มันคงเป็นเหตุเป็นผลของคนที่เกลียดการโกหกและยอมโกหกเพื่อคนรัก  เธอเองจึงยินดีที่ให้รัฐโกหก…….

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×