คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตัวจริงของฉัน
ตี๊ดๆ
ๆ เสียงนาฬิกาปลุกของรัฐนั้นดังขึ้น เพราะวันนี้รัฐเองนั้นต้องไปทำธุระที่มหา’ ลัยแต่เช้า แล้วเมื่อคืนเขาก็อยู่ในงานเลี้ยงเพื่อนเก่าจนดึกดื่นชั่วคืน จึงจำเป็นต้องอาศัยมันด้วย แต่ดูเหมือนว่ามันกลับไม่เป็นผล เพราะรัฐก็ยังคงเป็นรัฐที่นอนอุดตูดเขาเป็นอย่างนี้ก็ตั้งแต่ขึ้นมหา’ ลัยแล้ว
“เออ
เออ รู้แล้วปลุกอยู่ได้” รัฐบ่นพร้อมพยายามเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกเพื่อจะได้ไม่รบกวนการนอนของเขาอีก พอเขากดปิดนาฬิกาปลุกได้ก็เหมือนขึ้นสวรรค์ก็ได้เอนกายหลับต่อโดยแทบลืมไปเลยว่าวันนี้เขานั้นต้องมีภาระกิจอีกมากมาย
ปึง!!! “รัฐ
ตื่นได้แล้ว วันนี้ไปมหา’ ลัยไม่ใช่หรอ” แม่ของรัฐช่วยมาปลุกเขาด้วยอีกแรง
รัฐได้ยินเสียงของแม่ของเขาที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างนอกก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขานั้นต้องไปทำงาน เพียงแต่นั้นอาการอยากนอนของเขาก็ปลิดทิ้ง ตาของเขาลูกโตอย่างรวดเร็ว พร้อมตะโกนไปตอบรับแม่ของเขาอีกที “ครับแม่
รัฐตื่นแล้วครับ ขอบคุณมากครับแม่”
“งั้นก็เร็วหน่อย มันสายแล้ว” แม่ของเขาพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกไปจากหน้าห้องนอนของรัฐ
“โอ๊ย!! ปวดหัวจริงโว้ย!!” รัฐอุทานมันออกมาเพราะเขานั้นนอนไม่เต็มอิ่มเท่าที่ควร
เขาบ่นไปบ่นมาไม่ต่างอะไรกับหมีกินผึ้ง ก็อันเนื่องมาจากเขาเข้านอนเกือบจะเห็นฟ้าสว่างแล้วน่ะสิ แต่พอเขาได้สติขึ้นมาหน่อยก็นึกที่จะหาโทรศัพท์มือถือ “เอ
.อยู่ไหนน่า ไม่รู้ว่าเชือกฟางจะส่งข้อความอะไรมา”
ระหว่างรัฐกับเชือกฟางนั้นมันเกิดขึ้นจากความบังเอิญที่ทั้งคู่นั้นจะเจอกัน มีคนที่รู้เรื่องนี้ไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นก็คือ ปอน เพื่อนรักของน้ำอีกคนหนึ่ง โดยรัฐนั้นได้ขอร้องให้ปอนนั้นช่วยปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับให้มากที่สุด เพราะเขานั้นไม่อยากให้เพื่อนได้รู้เรื่องนี้โดยเฉพาะ น้ำ เพื่อนที่ดีที่สุด ซึ่งแรกๆนั้นปอนเองจะไม่ยอมรับปากแต่เมื่อเธอนั้นได้คิดไปคิดมาแล้วมันคงเป็นทางออกที่ดีสำหรับน้ำไปด้วยเพื่อเธอเองนั้นจะได้รู้ใจตัวเองด้วย เลยยอมรับปากที่จะเก็บความลับนี้ไว้
รัฐพบเจอ เชือกฟาง ตั้งแต่รัฐย่างก้าวเท้าเข้ามาในรั้วมหา’ ลัยมาแล้ว เขาก็พบปะกับน้ำน้อยมาก น้ำไม่ยอมที่จะมาหารัฐบ้างเลย ถึงแม้มหา’ ลัยของเขาสองคนนั้นจะอยู่ห่างกันไม่กี่ย่างเท้าก็ตามที แต่น้ำก็ไม่เคยที่จะมาเยี่ยมเยียนรัฐบ้างเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแต่รัฐที่คอยหาเวลาว่างที่มีนั้นไปหาน้ำอยู่ตลอด ซึ่งรัฐนั้นก็เต็มใจที่จะทำอย่างนั้น แต่เมื่อไปหาน้ำทีไร น้ำก็จะคอยเล่าถึงว่าเธอนั้นมีเพื่อนใหม่ที่มากหน้าหลายตา และเธอนั้นได้พบเจอเพื่อนใหม่อยู่คนที่คอยรับฟังเธอได้ทุกอย่าง ไม่ต่างจากรัฐและเธอนั้นพร้อมแล้วที่จะไม่ต้องการรัฐอีกต่อไป
เมื่อรัฐได้ยินอย่างนั้นตั้งแต่ครั้งแรกก็รู้สึกเจ็บอยู่ลึกๆ ถึงแม้เธอนั้นจะเป็นเพื่อนเธอยังไม่ต้องการรัฐอีกต่อไปอย่างนั้นหรือ และเมื่อได้ฟังหลายๆครั้งเข้าก็ยิ่งต้องทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเองระหว่างเขากับเพื่อนคนนี้ว่าจะเป็นในทิศทางใดอีก
การพูดคุยทางโทรศัพท์นั้นแต่ก่อนน้ำยังคอยมาทักทายเฮฮากับเขาบ้างถึงแม้มันจะไม่บ่อยไม่นาน แต่มันก็ทำให้เขานั้นยิ้มได้ในวันต่อไป เขาเองก็ไม่ต่างกับต้นไม้ยืนต้นดีๆนี่เอง ที่ต้องการคนเอาใจใส่บ้าง ต้นไม้นั้นก็จะพัฒนากิ่งก้านสาขาให้ปกคลุมทั่วท้องนภาได้ แต่หากแม้นไร้การเหลียวแลมันก็จะค่อยๆเหี่ยวเฉาตายลงไปถึงแม้จะไม่ใช่เวลาอันรวดเร็วก็ตามที แต่ตั้งแต่ที่น้ำนั้นรู้ว่าตัวเอง สอบติดแม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่เคยร่วงหล่นมาบนพื้นดินที่แห้งแล้งอีกเลย
จนมีอยู่วันหนึ่งเขาอยากจะหาเวลาว่างเหล่านั้นไปเข้าชมรมที่มีประโยชน์ ดีกว่าจะไปนั่งฟังน้ำพูดในหลายๆครั้งที่เขาเคยฟัง เขาเลือกชมรมค่ายอาสาพัฒนาเพื่อเด็กภาคเหนือแต่เขาเองกลับไม่กล้าที่จะเข้าไปสมัครข้างในได้แต่ยืนรออยู่ข้างนอกอย่างเก้ๆกังๆอยู่อย่างนั้น จนคนที่เพิ่งสมัครก่อนหน้าเขานั้นเดินออกมา
“อืม
ทำยังไงหว่า” รัฐบ่นเพราะลังเลที่จะเข้าไปข้างใน
“เออ..มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าค่ะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้น
รัฐเงยมองดูหน้าเจ้าของเสียงที่เพิ่งถามเขาอย่างช้าๆ ภาพเต็มสองตาว่าผู้หญิงคนนั้นสวยมากสวยแทบไม่มีที่ติได้เลย ด้วยผมที่ยาวสยาย สีน้ำตาลอ่อนของเธอ ลูกตาที่กลมโตดูเด่น ผิวขาวเนียนละเอียด เธอยิ้มให้เขาด้วยความเป็นมิตรอย่างมาก
“เออ
เออ ครับๆ คือผมว่าจะเข้าไปสมัครชมรมน่ะครับ แต่
” รัฐพูดเหมือนกับคนติดอ่าง ในตอนนั้นอารมณ์ของเขานั้นบอกไม่ถูกเลย
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเล็กๆก่อนที่พ่นริมฝีปากของเธอเบาๆ “แต่ไม่กล้าหรอ มา
เดี๋ยวเชือกฟางพาไปเอง” เธอพูดยังไม่ทันจะจบก็ฉุดกระชากลากถูรัฐให้เข้าไปสมัครชมรมอย่างที่รัฐไม่รู้ตัว
พอผู้หญิงที่รัฐเพิ่งเคยเห็นหน้าเป็นครั้งแรกมาเป็นธุระให้ก็ถึงกับทราบซึ้งน้ำใจของเธอเลยเดินมาคุยกันต่ออีก
“ยังไงก็ต้องขอบคุณมากนะครับที่เป็นธุระให้กับผม คุณ
. เออผมรัฐ เด็กเศรษฐศาสตร์ครับ” รัฐกล่าวใบหน้าของเขานั้นแฝงไปด้วยอาการที่ขวยเขิน
“ค่ะรัฐ เชือกฟากค่ะ เด็กบัญชีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพูดพลางยื่นมือมาจับมือกับรัฐด้วย ทำให้หัวใจของรัฐนั้นได้กลับมาเต้นระรัวอีกครั้ง รัฐค่อยๆยื่นมาไปดูท่าเชือกฟากจะแล้วรีบดึงมือของรัฐมาจับมือเธอทันที
“อย่างนี้
.เราก็ได้อยู่ชมรมเดียวกันแล้วนะคะ” เชือกฟางพูด
“ครับ” รัฐก้มหน้าก้มตาตอบ
“ที่รัฐพูดว่ามาเป็นธุระให้น่ะ ไม่รู้ว่าจะสร้างภาระให้รัฐแทนหรือเปล่านะ” เชือกฟากพูดพลางหัวเราะไปด้วยอีกครั้ง
“คงไม่อย่างนั้นหรอกครับ” รัฐยังคงก้มหน้าก้มตาตอบต่อไป
“ทำไมต้องก้มหน้าก้มตาพูดบ้างล่ะ หรือหน้าตาของเชือกฟางน่ากลัวหรือไง” เชือกฟางเริ่มยิงคำถาม
“ออ..ไม่หรอกครับ เพียงแค่คิดว่าคุณเองคงมี
.คงไม่ดีเท่าไรน่ะครับถ้าผมจะมองหน้าคุณอย่างเดียวน่ะครับ” รัฐตอบ
“มีอะไรหรอ แฟนน่ะหรอ เพิ่งเลิก” เชือกฟากตอบออกมาไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด
“
..” รัฐไม่พูดอะไรเพียงทำหน้าตาที่สงสัย
“สงสัยไรรัฐ เชือกฟางเองยังไม่คิดมากเลย ก็แฟนเก่าเชือกฟางเจ้าชู้จะตายไป ทำไมเชือกฟางต้องไปคิดมากด้วยล่ะ แฟนเก่าเชือกฟางนะ ยังสู้รัฐก็ไม่ได้เลย สนใจเปล่าล่ะ” เชือกฟางหยอดคำถามมาให้แก่รัฐอย่างงุนงง
“ครับ
” รัฐตกใจกับสิ่งที่ตัวเองตอบไป มันเหมือนตอบไปอย่างไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“เดี่ยวเชือกฟางต้องไปเรียนแล้ว เชือกฟางฝากอันนี้ไห้กับรัฐไว้ละกัน ไปนะ” เชือกฟากพูดพร้อมยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆให้แก่รัฐ แล้วรีบวิ่งออกไปอย่างท่าทางที่สงสัย
เพียงรัฐได้เอากระดาษแผ่นเล็กๆที่เหมือนจะไร้ค่าแล้วใครที่ได้รับมันอาจโยนทิ้งไว้ตรงที่แถวนั้น แต่เขานั้นกลับเอาขึ้นมาดูก็กลับพอมามันมีการเขียนเกิดขึ้น เขาอ่านอย่างช้าๆ หน้าของเขาค่อยๆชาเนื่องจากอาการตื่นเต้นของเขา เธอเขียนไว้คำเดียวว่า เชือกฟาง แล้วก็ตามด้วยตัวเลขอีกเก้าตัว เพียงแค่นี้ก็ทำให้รัฐนั้นยิ้มออกได้ทันที
ตั้งแต่วันนั้น วันที่เริ่มความสัมพันธ์ระหว่างรัฐและเชือกฟางก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและแทบไม่มีใครรู้เสียเท่าไหร่ จนความสัมพันธ์นั้นกลายมาเป็น คนรักในที่สุด
รัฐเองพยายามควานหาโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาจนเจอในที่สุด เขาไม่รีรอที่จะรีบเปิดดูข้อความของคนพิเศษของเขานั้นส่งมาให้ในทุกวันเมื่อไม่ได้พูดคุยกันในวันนั้น
@@@เวลา 23.30 น. ดีรัฐ เชือกฟางรู้ว่ารัฐจะไปกินเลี้ยงกับเพื่อนเก่าแล้ว
ยังไงก็กินเผื่อบ้างนะ เชือกฟางยิ่งหิวๆอยู่ อุ๊ๆๆ
เชือกฟากอยากขอพรจากดวงดาวทุกดวงนะ
ให้รัฐได้นอนหลับฝันดีจ๊ะ@@@
+++++++++++++++++++++++
พอรัฐได้อ่านข้อความนั้นที่หวานยิ่งกว่าน้ำเชื่อมที่ไหนๆอีก ก็ต้องถึงกับยิ้มจนปากของเขานั้นจะถึงรูหูอยู่แล้ว แล้วเขาก็พูดประโยคสั้นๆให้กับโทรศัพท์ส่วนตัวของเขาให้เป็นสื่อไปยังเชือกฟางคนรักของเขาที “ขอบใจมากนะเชือกฟาง รัฐมีเชือกฟางคนเดียวนะครับ” มันเป็นเสียงที่ผิวเผ่นออกมาจากริมฝีปากแห้งๆ พอเขาหลุดออกจากห่วงแห่งความรักก็ต้องพบกับความจริงที่ว่าเขานั้นต้องไปทำธุระให้กับชมรมนี่นา “เอ๊ย! สายแล้ว” เขาอุทานขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะกระโดดออกจากเตียงนุ่มๆ ไปยังห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักอย่างรวดเร็ว
ในเย็นของวันนั้นหลังจากที่รัฐนั้นได้เสร็จสิ้นภาระกิจภายในชมรมก็กำลังจะกลับบ้าน เขากำลังเดินออกมาจากมหา’ ลัย แสงแดดในยามเย็นทอแสงเป็นสีส้มประกายทั่วท้องฟ้าระยิบระยับจับตาของเขาอยู่นั้น เขาอดคิดถึงหญิงในเมื่อคืนนี้เป็นไม่ได้ ในวันนั้นวันที่น้ำตัดสินใจยอมไปช่วยงานเพื่อนในช่วงของกีฬาสีหลังจากที่ประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมช่วยแต่ยอมช่วยด้านอื่นจะดีกว่า แต่วันนั้นเธอยอมไปแบบจำนน และในตอนกลับบ้านนั้นเขาเห็นท้องฟ้ามีเป็นลักษณะแบบนี้ในช่วงนั้นเขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน มากกว่าตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ใช่ว่าในตอนนี้นั้นเขาเหงาเพราะเขานั้นยังมีเชือกฟางที่อยู่ใกล้ๆเขาอยู่เสมอนั่นเอง
รัฐมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆเขานั้นก็รู้สึกมีเงาตะคุ่มๆกำลังเดินตรงรี่มาหาเขา เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามามาเขาใกล้เต็มที และเธอเป็นผู้หญิงที่รัฐนั้นอยู่ด้วยแล้วมีความสุขมากที่สุขในช่วงนี้
รัฐยิ้มให้กับหญิงสาวที่เดินตรงมาหาเขา แล้วถามไป “เชือกฟางมาหาผมเปล่า”
“เปล่าซะหน่อย เชือกฟางบอกรึไง” เชือกฟางตอบกลับไป
“อ้าว
แล้วมาที่นี่ทำไมล่ะ ช่วงนี้มันปิดเทอมนะ” รัฐถามพร้อมพยายามจ้องเชือกฟางอย่างเขม็งถึง
“ก็เชือฟางอยู่บ้านมันเบื่อๆ เลยมาเดินเล่นซะหน่อย” เชือกฟางตอบกลับไป และยังทำหน้าลอยหน้าลอยตา
“หรอ” รัฐตอบกลับไปสั้นๆ พร้อมทั้งรีบหุบยิ้มของเขาอย่างรวดเร็ว
“โกรธหรอ อย่าโกรธเค้าเลยนะ โอ๋ๆ ๆ ๆ” เชือกฟางพยายามง้อรัฐ ซึ่งรัฐนั้นกำลังทำหน้าบูดอยู่ ใครที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็อิจฉาในความน่ารักเป็นไม่ได้
“ใครโกรธ รัฐไม่ได้โกรธเลย” รัฐพูดด้วยเสียงห้วนๆ
“แหม
หัวของรัฐก็ไม่ได้ล้านซักกะหน่อย แต่ทำไมขี้ใจน้อยจังล่ะ” เชืองฟากพูดจบ ก็ทำให้รัฐนั้นเริ่มที่จะยิ้มออกบ้างแล้ว ฉากพ่อแง่แม่งอนตรงริมทางเดินของมหา’ ลัย ในยามพลบเย็นมันช่างเป็นภาพที่โรแมนติกจริงๆ
**********************
ตี๊ดๆ ๆ
. โทรศัพท์ส่วนตัวของรัฐดังขึ้นท่ามกลางการหยอกล้อของรัฐและเชือกฟาง พอรัฐตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ของคนที่โทรมาก็ยิ่งตกใจเพราะคนที่โทรมานั้นเป็น “น้ำ” นั่นเอง มันบังเอิญหรือเปล่าที่น้ำนั้นได้โทรศัพท์หาเขามาในตอนนี้ เขาเดินห่างออกมาจากเชือกฟางระยะหนึ่งแล้วจึงรับสายของเธอ
“ฮัลโหล
” รัฐทักไป
“รัฐ
นี่น้ำนะ” น้ำทักกลับไปบ้าง ดูน้ำเสียของเธอนั้นผิดปกติ เสียงของเธอแหบกว่าปกติทุกวันเมื่อเขาเคยได้ยิน
“จ๊ะ
น้ำมีอะไรให้รัฐช่วยหรือเปล่า” รัฐถาม
“เปล่าหรอก
เพียงอยากถามรัฐว่า วันนี้รัฐว่างไหม มาคุยกับน้ำหน่อยสิ ที่ห้างที่เราชอบไปคุยเรื่องเรื่อยเปื่อยอ่านะ ได้เปล่าถือว่าน้ำขอร้องก็ได้” น้ำพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเต็มที่
รัฐได้ยินเสียงที่สั่นเครือของน้ำนั้น ใจของเขาก็สั่นระรัวไปด้วย ความรู้สึกรำลึกครั้งยังจำกลับมาหาเขาอย่างรวดเร็ว เขาเหลือบสายตาไปมองเชือกฟาง ก็พบว่าเชือกฟางยืนยิ้มให้กับเขาอยู่ เขาก็อดนึกอยู่ในใจเป็นไม่ได้ว่า เชือกว่าเป็นปัจจุบัน และเขาไม่อยากทำปัจจุบันเป็นอย่างที่เขาเคยพลาดพลั้งมาอย่างไม่น่าให้อภัยตัวเอง เขาตัดสินใจตอบกลับไปหาน้ำในที่สุด “น้ำ
”
“ได้ไหมรัฐ” คำขอร้องของน้ำแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“รัฐมีธุระที่บ้านน่ะ และรัฐก็ออกไปไหนไม่ได้เลย ขอโทษจริงๆนะน้ำ” รัฐยอมโกหกน้ำ แม้เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะโกหกเธอเลย
“งั้นก็ไม่เป็นไรนะรัฐ” น้ำพูดสั้นๆก่อนที่จะวางหูไป
>>> พอรัฐวางสายจากน้ำก็รีบวิ่งมาหาเชือกฟางก็มีคำถามแทรกขึ้นมาทันที “ใครโทรมา” เสียงของเธอแข็งท่าเธอนั้นจะสงสัยเป็นไม่น้อย
“เพื่อนน่ะ เพื่อนเก่ารัฐเอง” รัฐตอบ
“หญิง หรือ ชายล่ะ” เชือกฟางถามเซ้าซี้รัฐอีก
“ช่างเถอะ มันไม่เกี่ยวอะไรกันกับเราสักหน่อย” รัฐพูดพร้อมโอบหลังของเชือกฟางเดินออกไปหน้ามหา’ ลัย
รัฐเดินโอบหลังเชือกฟางเดินออกไปหน้ามหา’ ลัย และเป็นช่วงที่รถเมย์ที่ผ่านหน้าบ้านของรัฐมาเทียบที่ป้ายพอดิบพอดี เขาก็รีบเร่งที่จะขึ้นรถกันไป ภาพเหล่านี้อาจเป็นภาพธรรมดาที่เรานั้นอาจพบเห็นทั่วไป ทว่าคนที่มาเห็นภาพนี้ไม่ใช่คนอื่นไกลแต่เป็น น้ำ เพราะเธอนั้นก็มาทำธุระของเธอที่มหา’ ลัยเธอด้วยเช่นกัน เมื่อเธอนั้นไม่ได้คุยกับรัฐในวันนี้ เพียงเห็นแค่รอยเท้าที่รัฐเคยเหยียบย่ำลงไปบนพื้น เธอก็สามารถยิ้มได้แล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าจะเห็นภาพนี้ได้ด้วยความบังเอิญ เธอน่าจะเหลียวไปมองที่อื่นเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เธอนั่งนึกถึงเมื่อสักครู่เธอเพิ่งคุยกับรัฐ เขาบอกว่าอยู่บ้านออกมาไม่ได้นิ และนี่เป็นใคร แถมยังมีพ่วงมาอีก ผู้หญิงคนนั้นก็สวยแทบไม่มีที่ติอีก มันคงเป็นเหตุเป็นผลของคนที่เกลียดการโกหกและยอมโกหกเพื่อคนรัก เธอเองจึงยินดีที่ให้รัฐโกหก
.
ความคิดเห็น