ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บนทางเดินที่ไม่สมหวัง

    ลำดับตอนที่ #6 : ฉันก็สู้คน

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 49


              วันหนึ่งเหมือนกับทุกวันที่พินิจจะพานิดมาที่ร้านอาหารร้านประจำ ร้านนั้นเหมือนเป็นที่หลบภัยของนิดไปแล้ว พินิจพานิดมาฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายที่ร้านนี้อยู่เป็นประจำ และนิดเองก็ชอบบรรยากาศของร้านอาหารแห่งนี้ด้วย

             
    ในบรรยากาศเย็นๆภายในร้านเปิดเพลงช้าๆคลอไปตามลมพัดโชยเอื่อยที่เป็นแหล่งที่มนุษย์สร้างขึ้น นิดนอนเอนลงไปที่ทับแขนของพินิจที่พาดตามแนวยาวของเบอะ หันหน้าเข้ามาสู่อ้อมอกของพินิจด้วยความอบอุ่นอย่างน้อยเธออยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้เอเองนั่นแหละที่ปลอดภัย

        
    “พินิจค่ะ เมื่อไหร่คุณจะมาไถ่ตัวของนิดเสียทีค่ะ” นิดถามด้วยเสียงที่ออดอ้อน
        
    “คุณอดทนหน่อยนะ..พักนี้ผมบริษัทผมกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับของที่ส่งไปไม่ได้มาตรฐานผมต้องแก้ไข โรงงานถูกตีของกลับขาดทุดไปสิบล้านกว่าบาท ให้พ้นช่วงนี้ก่อนนะครับรับรองว่าคุณต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้แน่นอน” พินิจกล่าวพร้อมทั้งลูบหัวนิดไปด้วย แต่ผู้ร่วมสนทนาด้วยนั้นเริ่มขยับตัวออกห่างขึ้นไปทุกทีๆ
        
    “เมื่อไหร่ล่ะ ยิ่งนานนิดก็ยิ่งถูกกลืนกินลงไปทุกที” นิดพูดพร้อมสะบัดหน้าหนีด้วยอาการที่น้อยใจเล็กๆ
        
    พินิจเข้ามาโอบจากทางหลังของนิดพร้อมทั้งพูดขึ้น “ไม่นานหรอกหากคุณต้องอดทนก็แค่นั้นเอง”
        
    “ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นิดอดทนก็นานมาแล้วอดทนอีกนิดจะเป็นอะไรไป” นิดพูดพร้อมทั้งหันมายิ้มให้กับ
        
    “ผมขอบคุณนะครับ ที่คุณรอเพื่อผม” พินิจพูดทั้งเอาหน้าไปซุกที่ซอกคอของนิดอย่างทะนุทะหนอม
        
    “ค่ะ” นิดตอบเพียงสั้นๆ
        
    “ว่าแล้วแต่คุณเถอะ เรียนไปถึงไหนแล้ว” พินิจ เริ่มเป็นฝ่ายถามนิดบ้าง
        
    “ก็ใกล้จบ ม.6 เต็มทนแล้ว ก็จะต่อปริญญาตรีทันทีค่ะ” นิด ตอบไปในแววตาของเธอสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าเธอมีความมุ่งมั่นได้มากแค่ไหน
        
    “แล้วคุณจะเรียนไปอีกนานแค่ไหน” พินิจ ถามนิดต่อไป
        
    “ก็เท่าที่ตัวเองจะทำได้ คุณเองคงไม่อยากมีภรรยาที่โง่หรอกนะค่ะ” นิด กล่าวพร้อมกับหัวเราะเล็กๆในกรอบของเธอ
        
    “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับถ้ามันลำบากนะเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นนักหรอก” พินิจ กล่าวพร้อมมาจับไหล่ของนิดเบา
        
    “ค่ะ ไม่มีอะไรที่สบายหรอกค่ะ” นิด เอามือที่ไหล่ของพินิจออกก่อนที่จะพูดประโยคนี้

    ***********************

              พอเวลาที่ใกล้จะประมาณตีสอง พินิจก็ต้องพานางซินของเขาไปส่งยังที่ที่เขานำตัวเธอมา ก่อนลงจากรถนิดได้หันมาสบตากับพินิจ สายตาของนิดบ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีต่อพินิจมากแค่ไหน แต่พินิจกลับรู้สึกเธอเหินห่างกันจากเขาไปทุกที

        
    “ขอบคุณมากนะค่ะ ในทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง” นิดพูดเหมือนกับทุกวันที่เธอพูด
        
    “ไม่เป็นไรครับ” พินิจพูดจบก็เม้มปากอยู่สักพักเหมือนเขาจะตัดสินใจถามนิดอะไรสักอย่าง ในตาของนิดดูอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่เขาอยากจะถามมาก ในที่สุดพินิจก็ต้องปล่อยคำถามนี้ออกมามันอาจทำให้คนฟังถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว “คุณยังรักผมอยู่หรือเปล่า”
        
    นิดมองหน้าคนถามคำถามนี้อย่างสงสัยว่าเขามีจุดประสงค์คืออะไรกันแน่ “อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้น” นิดถามกลับไปบ้าง
        
    “แววตาคุณไง แววตาคุณช่วงระยะหลังๆนี้ แทบไม่เห็นผมในม่านตาคุณเลยด้วยซ้ำ”  พินิจพูดพร้อมเพ่งเข้าไปในแววตาของนิดอย่างตั้งใจ
        
    “คุณคงคิดมากไปเองมากกว่า” ถึงนิดจะโต้กลับไปอย่างนั้น แต่ภายในเบื้องลึกของเธอก็รู้ว่าเป็นไงเมื่อเธอนั้นมีอิทธิอยู่เกือบ ยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว น้อยครั้งนักที่จะมีพินิจมาเบียดเสียดอยู่ในนั้นด้วย
        
    “ครับ” พินิจตอบกลับมาแบบยินยอมเมื่อจำเลยดันปากแข็งเสียนี่
        
    “แล้วคุณล่ะ ยังรักฉันเหมือนเดิมหรือเปล่า” นิดถามกลับไปบ้าง
        
    พินิจตอบกลับมาแทบไม่ต้องผ่านกระบวนการทางสมองเพื่อสรรสร้างคำด้วยซ้ำ “คุณจำได้ไหมที่ผมก้าวเข้ามาที่แห่งนี้เพื่อที่จะมาเที่ยวตามประสาผู้ชาย วันนั้นคุณอยู่ในตู้ดูเด่นกว่าใครๆ ผมต้องทะเลาะกับผู้อื่น แต่ผมไม่มีเรี่ยวแรงพละกำลังที่มากพอจึงแพ้กับคนเหล่านั้น แต่ในที่สุดคุณก็เลือกที่จะเดินขึ้นไปสวรรค์แห่งนครฉิมพลีกับผม ตั้งแต่นั้นมาผมรักในความดีของคุณมาโดยตลอด ผมยังอยากปกป้องคุณยามคุณอ่อนล้า เพียงแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว และทุกวันนี้ผมก็รักคุณไม่เคยน้อยลงเลยแม้แต่น้อยตั้งแต่วันแรกจนวันนี้มันมีแต่เพิ่มขึ้นมาก”
        
    “ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวฉันคงต้องไปแล้ว..โชคดีค่ะ” นิดพูดจบก็หอมแก้มพินิจไปฟอดใหญ่ก็ที่จะเดินลงจากรถ
        
    จากนั้นพินิจก็ค่อยๆเคลื่อนรถออกไปจากสถานที่แห่งความเสื่อมแห่งนั้น นิดก็บ่นพึมพัมอยู่กับตัวเอง “ฉันขอโทษค่ะพินิจ สักวันฉันต้องหาทางออกที่ดีให้กับเราให้ได้ค่ะ” พอนิดพูดที่เหมือนจะบ่นให้ตัวเองฟังเพียงคนเดียวจบก็จะเดินหันมาก็เจอ ช่อนันและศิริยืนส่งเสียงแปร้นให้เธอได้ยินอย่างชัดเจน

    *******************************

         “นี่แก….ทำบุญด้วยอะไรดีอ่ะแกถึงโชดดีบ้าง ไม่ต้องทำงานหนักแต่ได้เงินเท่ากับผู้อื่นเนี๊ย” ศิริตั้งใจตะโกนเพื่อที่จะให้นิดได้ยิน
        
    “อันนี้ฉันก็ไม่รู้น่ะ อยู่ที่ลีลามั้งแก” ช่อนันพูดคุยกับศิริเหมือนไม่เกิดอะไรเห็น ไม่เห็นแม้แต่ผู้ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดกันอย่างเมามัน
        
    นี่พวกเธอ…รู้จักการทำบุญกับเค้าด้วยเหมือนกันหรอ ฉันนึกว่าถนัดแต่จะทำบาปเสียอีก ถ้าแกอยากจะทำบุญเหมือนกับคนอื่นเค้าอ่านะ ฉันแนะนำให้เลิกเบียดเบัยนคนอื่นจะดีกว่านะ” เมื่อนิดได้ยินสิ่งที่ทั้งช่อนันและศิริ จึงได้มีการตอบโต้ไปอย่างนั้น
        
    เอ๊ย…มันด่าใครล่ะแก” ช่อนันถาม
        
    “โธ่ๆๆๆ…ยังไม่รู้อีก เนี๊ยแหละหนาผลของการมีความรู้น้อย แล้วยังมีความคิดยังมาคอยริษยาผู้อื่น หัดใช้เวลาว่างไปร่ำเรียนบ้างน่ะเผื่อจะได้พัฒนาสมองซะบ้าง” นิดตอบแบบไม่ตรงคำถามเพื่อให้คนฟังได้รู้เอง
        
    “นี่อีนิด…มันจะมากไปแล้ว” ช่อนันกล่าวพร้อมกับอาการที่โมโห
        
    “แน่จริงก็เข้ามา เดี๋ยวแม่จะตบโชว์ให้ดู” ศิริได้กล่าวท้าทาย
        
    “ไม่หรอกไม่อยากเอาไปแลก…ไปก่อนนะ” นิดพูดพร้อมเดินเลี่ยงออกไป

    *******************************

              เมื่อนิดไม่คิดที่จะเอาร่างกายของเธอนั้นไปต่อสู้เธอก็รีบเร่งที่จะเดินเพื่อจะไปเข้าไปในประตูอีกทางเพราะประตูใหญ่มีช่อนันและศิริยืนขวางอยู่ ทว่านิดเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวช่อนันและศิริต่างวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบแล้วเข้ามาดึงผมของนิดเอาไว้ทำให้นิดเดินก้าวต่อไปไม่ได้ พอนิดรู้สึกว่าตัวเองนั้นถูกรั้งด้วยการถูกดึงผมของตัวเองอยู่ก็ได้จึงได้ยกเท้าของตัวเองแล้วกระแทกไปที่เท้าของช่อนันและศิริด้วยความแรง ทั้งคู่จึงยอมปล่อยมือออกจากผมของนิดเพราะต้องไปคลึงเท้าของตัวเองด้วยความเจ็บ แต่เรื่องราวมันไม่จบเพียงแค่นั้น ช่อนันได้รีบวิ่งเข้ามาขวางแล้วง้างมือที่จะตบนิด แต่ก็พลาดเมื่อนิดก้มหัวลงมือเลยพลาดไปโดนหน้าของศิริที่กำลังลุกขึ้นพอดี
     
         “มาตบฉันทำไม ช่อนัน” ศิริถาม
        
    “ฉันไม่ได้ตั้งใจ จะตบอีนิดมัน” ช่อนันตอบกลับไป
        
    “ล็อกตัวมันไว้ ฉันจัดการเอง” ศิริสั่งช่อนันไปอย่างนั้น
        
    “ได้” ช่อนันก็รีบทำตามที่ศิริสั่ง

             
    เมื่อศิริสั่งให้ช่อนันทำอย่างที่กล่าวมา ช่อนันก็ได้รีบมาคว้าตัวนิดพร้อมกับล็อกแขนของของนิดแม้ว่านิดจะฝืนมากแค่ไหนก็ทนสู้แรงของช่อนันได้ไม่ ศิริรู้ว่านิดนั้นถูกล็อกตัวไม่สามารถมีอะไรมาต่อสู้กับเธอได้จึงรีบสีมือทั้งสองข้างและกะจะตบหน้าของนิดให้สาแก่ใจที่นิดได้ต่อว่าเธอไปเมื่อสักครู่นี้ ก็ได้ง้างมือเป็นวงกว้างเพื่อคนถูกตบจะได้เจ็บไปถึงทรวงใน แต่นิดก็ได้ก้มหน้าอีกครั้งก็เลยไปพลาดไปโดนหน้าของช่อนันที่ล็อกตัวนิดอยู่ จากนั้นนิดก็ได้โอกาสก็ได้ยกเท้าไปข้างหนึ่งแล้วยันไปที่ท้องของศิริทันที ทำให้ศิริล้มลงกองกับพื้น แล้วก็ตีศอกกลับกับคนที่ล็อกตัวเธออยู่ ทำให้ช่อนั้นถลาเซไปไกลเลยทีเดียว แล้วนิดก็เป็นอิสระจึงได้รีบวิ่งไปในประตูที่ใกล้ที่สุด
     
         “โอ๊ย….อีนี่” ช่อนันด่าไล่หลังนิดที่กำลังวิ่งไป แต่คนที่ควรได้ยินหาสนใจในสิ่งที่เธอพูดไม่ ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเข้าไปข้างในอย่างลุกลี้ลุกลน
        
    “เป็นเพราะแกนั่นแหละที่โง่ ล็อกตัวมันแค่นี้ยังพลาดเลย” ศิริลุกขึ้นมาด่า
        
    “แกนั้นแหละตบยังไงมาตบกันเองเนี๊ย” ช่อนันพูด
        
    “นี่แกก็ตบหน้าฉันเหมือนกันนะ” ศิริกล่าวในสิ่งที่ช่อนันก็ทำเหมือนกัน
        
    “อะไรก็แกดันโง่ไม่หลบเหมือนมันนิ” ช่อนันด้วยอาการที่แสดงถึงความเยอะเย้ย
        
    “แกก็ไม่ต่างจากฉันนั่นแหละ” ศิริกล่าวแบบลอยหน้าลอยตาทำให้ช่อนันเคืองแค้นใช่เล่น
        
    “แกจะเอาไง” ไฟแค้นของช่อนันประทุอีกครั้ง
        
    “ก็ไม่เอาไงหรอก” ศิริกล่าวแบบลอยหน้าลอยตาต่อไป

             
    เมื่อช่อนันได้ยินคำเชิงท้าทายก็แค้นเพิ่มขึ้นก็วิ่งมาขึ้นคร่อมศิริแล้วก็รีบตบศิริเป็นชุด ส่วนศิริรู้ว่าถูกรุกรานก็ใช้เข่าตีไปที่ข้างลำตัวของช่อนัน ช่อนันก็กลิ้งออกไป ศิริก็ได้โอกาสขึ้นคร่อมบ้างและเธอไม่ลืมที่จะตบหน้าของช่อนันเช่นกัน ทั้งสองคนต่างได้ตบและถูกตบอย่างนี้จนฝุ่นตลบอบอวนไปทั่วจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครเพราะต่างก็ถูกตบจนหน้าตาดูไม่ได้เลย


    ***********************

              ก็ทิ้งเรื่องของคุณเอาไว้นะครับวันหลังก็จะไปเยี่ยม 
    ฝากเม้นเรื่องของผมหน่อยนะครับ  เพราะเรื่องต่อไปจะได้สนุกๆกว่านี้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×