ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หรือเราเคยรักกัน

    ลำดับตอนที่ #5 : บริสุทธิ์ใจ…จริงหรือ

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 49



              ในที่สุดในเช้าของวันจันทร์ก็มาถึง  เช้าแห่งการเริ่มสัปดาห์ดูเหมือนว่ารัฐเองยังคงไม่อยากให้มาถึงเอาเสียเลย  เพราะเขายังคงงุนงงกับคำพูดเดิมๆของน้ำที่มันยังคงดังก้องอยู่ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา  แต่ถึงอย่างไรรัฐเองก็ต้องมาเรียนจนได้  เช้าวันนี้ก็เหมือนกับเช้าทุกๆวัน  แต่ภาพนัยน์ตาของรัฐนั้นยังคงดูแปลกไปจากปกติมากนัก  เขาเข้ามาถึงในโรงเรียกก็ตรงดิ่งไปนั่นที่ซุ้มนั่งเล่นของน้ำและรอดูว่าวันนี้ใครบ้างที่จะมาเช้าบ้าง

              เพียงสักพัก  เขามองออกไปที่ทางเข้าของโรงเรียนเห็นเขาหนึ่งเดินผ่านเข้ามา  ดูเหมือนว่ารูปร่างคนนั้นจะเหมือนน้ำ  พอเดินใกล้เข้ามาอีกนิด  ก็เห็นว่าเป็นน้ำจริงๆด้วย  ทำให้รัฐต้องถึงกลับยิ้มตรงที่ว่าอะไรทำให้ผู้หญิงที่ชอบมาสายมาเรียนในตอนเช้าได้กันแน่นะ  หวังไว้นิดๆเพียงว่าคงมีสาเหตุของเขาอยู่ด้วย 

                   “หวัดดีน้ำ”
                   “อืม....นายมาเช้าดีนิ”
                   “เราก็มาเช้าอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว  น้ำก็รู้นิ  ว่าแต่น้ำเถอะทำไมถึงมาเช้าได้”
                   “จะมาพูดมากอีก  เมื่อคืนมันนอนไม่หลับก็เลยมาโรงเรียนเลย  ดูดิ ยังปวดหัวตึ๊บๆอยู่เลย”
                   “อืม”
                   รัฐยังไม่ทันอ้าปากจะพูดอะไรต่อ  น้ำก็เดินต่อไป  โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าน้ำจะไปไหน  เขาเลยวิ่งตามไปแล้วถามเธอ  “จะไปไหนล่ะ”
                   “ก็ไปกินข้าวดิ  นายวิ่งไปจองโต๊ะไป  เอาที่ดีๆ  ลมเย็นๆนะ”
                   “อ้าว! จะใช้กันดื้อๆอย่างนี้เลยหรอ”
                   “หรือนายจะไม่ไป”
                   “โอเค! ไปก็ไป  เธอก็รีบตามมาละกัน”
                   “ได้...เดี๋ยวเดินตามไปนี่แหละ  นายรีบวิ่งไปจองโต๊ะเถอะ”
                   “ได้ไปล่ะนะ”  จากนั้นรัฐก็วิ่งดุ๊กๆนำหน้าน้ำไปเพื่อที่จะไปจองโต๊ะอาหารทั้งๆที่ในตอนเช้าขนาดนี้  ลำพังแค่นคนมาโรงเรียนก็น้อยอยู่แล้ว  แต่ทำไมยังต้องมีการจองโต๊ะอีกเล่า
     
              ในช่วงที่รัฐและน้ำนั่งทานข้าวอยู่นั้น  คนในโรงอาหารก็แทบจะไม่มีมันยิ่งทำให้เขานั้นฉุดคิดขึ้นมาอีกว่าเขานั้นกำลังนั่งทานข้าวอยู่กับน้ำเพียง 2 คนในโรงอาหารเท่านั้น  และน้ำเวลาทานข้าวก็จะชอบพูดคุยไปด้วย  เวลาที่เธอถามก็มักจะเป็นเวลาที่รัฐคิดถึงเรื่องแบบนี้ขึ้นมา  ก็พาลให้รัฐต้องคอยโดยฝ่ามือของน้ำอยู่บ่อยๆ  แต่ทุกครั้งที่รัฐไม่ว่าจะโดนคำด่าจากน้ำ  หรือฝ่ามือพิฆาตก็ตามที  รัฐก็ยังคงมีรอยยิ้มตอบโต้อยู่ตลอด  หากเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่ารัฐอาจเป็นคนรักความรุนแรง  แต่ตัวของรัฐนั้นกลับไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องชินชาไม่พอ  แต่เค้ากลับชอบในความที่น้ำเป็นน้ำเสียแล้ว  แต่เขาคงต้องเก็บความลับอย่างนี้ต่อไปให้ได้  ตราบใดที่ตัวเขาเองยังตอบอะไรที่จะดูท่าจะชัดเจนกว่านี้ไม่ได้

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

              วันเวลาผันผ่านไปถึงหนึ่งเดือนเต็ม  ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวของรัฐและน้ำนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง  แต่เวลาเพียงเดือนหนึ่งมันเปลี่ยนแลปงได้คือความสนิทสนมระหว่างรัฐและน้ำ  รัฐพูดคุยกับน้ำโดยที่เขานั้นได้โยนในคำถามในเรื่องเดิมๆทิ้ง  และคุยกับน้ำอย่างที่ไม่คิดอะไรในวันข้างหน้า เอาเพียงว่าในวันนี้เขานั้นมีความสุขแค่ไหนที่เขาต้องพูดคุยกับน้ำ  และในสิ่งอย่างนี้และมันจะสร้างถึงความพัฒนาการในความสนิทสนมที่นับวันจะก่อตัวแข็งแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
     
              หากวันไหนมีรัฐตรงนั้นจะต้องมีน้ำ  และวันไหนมีน้ำแน่นอนว่าสักพักก็ต้องมองเห็นน้ำด้วยเช่นกัน  มันเป็นอย่างนี้อยู่ตลอดเหมือนกับเงาตามตัว  ไม่ว่าจะอยู่ในรั่วของโรงเรียนหรือพ้นนอกรั่วไปแล้ว  หน้าที่ของรัฐก็ดูเพิ่มขึ้นนั่นก็คือ  รอส่งน้ำกลับบ้านที่ป้ายรถเมล์ทุกวัน  เขานั้นจะกลับก่อนน้ำไม่ได้เลย  และเขานั้นยังคงนึกเล่นๆอยู่เลยว่าหากวันไหนเขาต้องนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพียงลำพังจะเป็นอย่างไรกัน  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาก็รอรถเมล์เพียงคนเดียวมาโดยตลอด
     
              จนอยู่วันหนึ่ง  คงอาจเป็นวันที่รัฐต้องหยิบเก็บในคำพูดคำถามเดิมๆที่เคยครุ่นคิดต้องกลับมาพิจารณาเป็นภาค 2 เสียให้ได้  ในวันนั้นรัฐมาเช้าอย่างแกติ  และนั่งรอน้ำอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่มา  เวลาก็ล่วงเลยไปจนกว่าปอนมา  น้ำเองก็ยังไม่มาสักที  เขาเองก็แปลกใจสงสัยน้ำเองจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเก่าๆหรือเปล่ากันแน่  เขารอจนเสียงอ๊อดแรกดังขึ้น  ก็ยังไม่มีวี่แววที่น้ำจะมาเลย  เขาเลยเดินไปถามปอน เพราะถ้าเขาไม่รู้ว่าน้ำมาหรือไม่มาโรงเรียนหรือเปล่าเนี่ย  ยอกจากที่เขาจะรู้แล้ว  ก็คงจะมีแต่ปอนนั่นแหละที่อาจรู้ได้

                   “เออ...ปอน  ถามไรหน่อยดิ”  เขาพูดในขณะที่ไม่หันมามองมาหาปอนเลย
                   “อะไรล่ะรัฐ  หึ”
                   “ก็น้ำไปไหนล่ะ  นี่รัฐก็ยังไม่เห็นมันมาเลยนะ”
                   “ไม่ต้องไปชะเง้อหามันหรอก”
                   เมื่อรัฐได้ยินประโยคนี้เข้าก็ต้องชะงักอีกครั้ง  แล้วหันหน้ามาหาปอนแล้วถามจนได้  “ทำไมล่ะปอน”
                   “ก็มันไม่สบายน่ะสิ”
                   “อ้าวหรอ....ทำไมรัฐไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลยล่ะ”
                   “อันนี้เราก็ไม่รู้เรื่องด้วยนะ  ก็คงต้องไปเคลียร์กันเองแหละ”
                   “อืม  ขอบใจมากนะปอน”
                   “อืม..ไม่เป็นไร  งั้นเราไปเข้าแถวก่อนนะ”
                   “อืม  เดี๋ยวรัฐก็ไปเหมือนกัน”
     
              เพียงรัฐรู้แค่เพียงว่าน้ำไม่สบายเท่านั้น  ไม่รู้ว่ามันจะหนักมากน้อยแค่ไหน  เค้าก็แทบจะร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก  ลำพังให้โทรศัพท์ไปถามอาการในตอนนี้ก็เกรงว่าเพื่อนคนอื่นจะมองเค้าว่าเขานั้นคิดเกินเพื่อนกับน้ำ  เขาจึงทำได้แค่อยู่นิ่งๆเท่านั้น  ซึ่งการอยู่นิ่งๆของเขานั้นมันก็ยากเย็นแสนเข็นเสียเหลือเกิน  วันนั้นทั้งวันเพื่อนทุกคนสังเกตเห็นรัฐได้อย่างชัดเจนเหลือเกินว่า  เขาดูแปลกๆไป  ดูไม่สดใสเหมือนตอนที่อยู่กับน้ำอยู่ตลอดเวลา  ชอบเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง  ทำอะไรก็ดูจะผิดแปลกยังหับคนละคนไปเลย
     
                   “จริงด้วยสิ...น้ำเค้าไม่ชอบคนเครียด  งั้นเราอย่าไปเครียดนะ  อย่าเครียด!!”
     
              รัฐบ่นเบาๆกับตัวเอง  แต่ก็คงจะทำได้เพียงแค่นั้น  เพราะจะไปเรียกร้องอะไรมากไปเพื่อนคนอื่นก็คอยจับผิดเค้าอยู่อีก  แต่เค้าเองก็ไม่รู้เลยหรอกว่า  สิ่งที่เขานั้นมันเป็นสิ่งที่ฟ้องได้ดีว่าเขานั้นคิดอย่างไรกับน้ำ  แม้เขานั้นจะไม่พูดเลยก็ตามที  เวลายิ่งเข้าใกล้เย็นมากเท่าไหร่  ความวิตกกังงลบนใบหน้าของรัฐนั้นยิ่งเห็นได้ชัดเจน  ถึงแม้ว่าในใจของเขานั้นจะพยายามข่มไว้มากเท่าไหร่ก็ตามที
     
              ในวันนั้นหลังเลิกเรียน  ดูท่ารัฐรีบร้อนเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋าเหมือนกับน้ำ  และเตรียมออกจากห้องแบบทันทีทันใดเมื่อเสียงสวรรค์ดังขึ้น
     
                   “รัฐ....รัฐ....เป็นอะไรหรือเปล่า”
                   “หา...อะไรหรอปอน  มีอะไรกับรัฐหรือเปล่า  พอดีรัฐเองจะรีบกลับบ้านน่ะ”
                   “ก็วันนี้น่ะสิ  เราว่ารัฐดูแปลกๆนะ”
                   “เปล่านิ  รัฐก็ปกตินะ”
                   “หรอ  แล้ววันนี้ทำไมถึงรีบกลับบ้านล่ะ  หรือว่าจะรีบโทรไปหาจ้าวน้ำมัน”
                   “เฮ้อ...เราจะเป็นห่วงมันทำไม  วันนี้รัฐคงกังวลที่แม่ของรัฐบอกให้รีบกลับบ้านน่ะ  เพราะรัฐนัดกับแม่ว่าจะไปข้างนอกด้วยน่ะ”
                   “งั้นหรอ ก็ไปเถอะ  โชคดีนะ”  ทันทีที่ปอนปล่อยมือ  รัฐก็ได้แต่วิ่งอ้าวกลับบ้านโดยทันที
                   “โธ่ๆ ๆ ..  รัฐนะรัฐ  แกน่ะเคยโกหกเพื่อนรอดด้วยหรอ  ไม่ไหวจริง!!”
     
              ในช่วงเย็นของวันนั้น  ทันที่รัฐทักทายเวลาเขากลับมาบ้านแล้ว  เขาก็รีบขึ้นห้องพร้อมทั้งรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา  พร้อมทั้งกดเบอร์ของน้ำไปทันที  เพียงแค่นั้น  เขาก็เหลือแค่รอให้น้ำนั้นรับสายเท่านั้น 
     
                   “สวัสดีครับ  ขอสายน้ำหน่อยครับ”
                   “เอ่อ  พูดสายอยู่ค่ะ  ใครอ่ะ”
                   “รัฐเอง  น้ำไม่สบายเป็นไงบ้าง  ดีขึ้นยัง”
                   “เอ่อ....”
                   “เอ่อ....อะไร  ตกลงไม่สบายแล้วเป็นอะไร”  รัฐท่าทางเป็นห่วงน้ำมากๆ  เพราะทั้งวันเขานั้นไม่สามารถแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยต่อน้ำได้เลย  แถมยังต้องคอยหลบซ่อนสีหน้ารวมไปถึงอาการต่างๆที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยอีกด้วย
                   “รัฐ  เอ่อ  รัฐ ใจเย็นๆนะ  ค่อยๆพูด ค่อยๆจากันนะ”
                   “อืมได้...  น้ำว่ามาสิ”
                   “ถ้าน้ำบอกความจริงกับรัฐไป  รัฐอย่าโกรธน้ำนะ”
                   “อืม...ได้สิ  ก็ว่ามาสิ”
                   “ก็ความจริง  วันนี้น้ำเกเรเอง  ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”
                   “เอ่อ....”
     
              เพียงน้ำพูดจบ  ก็ไม่มีแม้แต่การตอบโต้อะไรกลับมาจากรัฐเลย  น้ำก็ยิ่งรู้สึกผิดในสิ่งที่เธอนั้นโกหกต่อรัฐ  ถ้าในตอนนี้เธออยู่ต่อหน้าเค้า  เธอคงยิ่งไม่สบายใจมากยิ่งกว่านี้เป็นแน่
     
                   “ไหนว่าจะไม่โกรธไงล่ะ”
                   “อ๋อ...ไม่ได้โกรธ  น้ำไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ  พอดีจะบอกว่าพรุ่งนี้มีสอบด้วยน่ะ”
                   “หรอ  ขอบใจนะรัฐ”
                   “ไม่เป็นไรหรอก  รัฐเองก็กลัวว่าน้ำจะไม่ได้คะแนนในส่วนที่ได้น่ะ”
                   “ไม่ใช่  ขอบใจที่เป็นห่วงกันต่างหากล่ะ”
                   เพียงรัฐได้รับคำตอบในแบบนั้น  มันยิ่งทำให้เขานั้นพูดอะไรไม่ออกกันเลย  “เอ่อ ...  ถ้าน้ำมีมีอะไรแล้ว  แค่นี้ก่อนละกัน”

              รัฐไม่รอให้น้ำทักกลับ  เขาก็รีบวางโทรศัพท์ทันที  เขาไม่ได้โกรธน้ำเลยสักนิดที่น้ำทำกับเขาอย่างนี้  แต่ที่เขาต้องรีบวางโทรศัพท์ก็เพราะถ้อยคำที่น้ำเป็นห่วงความรู้สึกของเขานั้น  ถ้าพูดไปมากกว่านี้  ก็อาจทำให้เขานั้นเผลอพูดในสิ่งที่อยู่ในใจของเขานั้นออกไปก็ได้  ดังนั้นการล่ำลาในสายโทรศัพท์ในตอนนี้คงเป็นทางออกที่ดีสำหรับเขา  พอวางโทรศัพท์เสร็จเขาก็ถอนหายใจคำโตอีกแล้ว  เมื่อไหร่กัน  เขาจะพ้นในอารมณ์แบบนี้สักที
     
              เขามานั่งนึกและตรึกตรองอย่างตั้งใจอีกครั้งว่า  ทั้งรัฐและน้ำนั้นคบหากับในฐานะที่คนอื่นรู้จักกับว่าว่า “เพื่อน” แต่ความรู้สึกที่เขาเป็นอยู่นั้นมันทำให้เขาเริ่มที่จะไม่แน่ใจเสียแล้วว่า  เขานั้นบริสุทธิ์ในมากน้อยสักเท่าไหร่ที่ทุกครั้งเมื่อพูดคุยกับน้ำ  ต่อหน้าคนอื่น  เขานั้นพยายามที่จะฟุ้งอยู่ตลอดเวลาว่า  ”ไม่มีทางที่เราจะหาแฟนจากการเริ่มจากเพื่อนหรอก  เพื่อนก็เพื่อน  แฟนก็แฟนดิ”  แต่ในสิ่งที่เขาทำอยู่ตลอดจนสิ่งที่เขาคิดอยู่ตลอดภายในในมันช่างขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง  เพื่อน ที่ ชื่อ น้ำ เมื่อรู้ในความจริงนี้  เธอเองก็คงรับในสิ่งนี้ไม่ได้แน่ๆ  เพราะตลอดเวลาตั้งแต่เธอพูดคุยกับรัฐ  เธอก็พูดอยู่ตลอดเวลาว่า  รัฐคือเพื่อนที่แสนดีสำหรับเธอ 
     
              เวลาที่ผันผ่านไปเกือบหนึ่งปีเต็มนั้น  เขาต้องพยายามเก็บซ่อนอารมณ์นั้นมากน้อยสักแค่ไหน  ตลอดเวลาน้ำคอยหยิบยื่นน้ำใจที่ดีงามให้กับเขาอยู่ตลอด  แต่รัฐก็ยิ่งคิดเกินเพื่อนมากยิ่งขึ้น  และยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่  ความชัดเจนนั้นยิ่งเริ่มแสดงมากยิ่งขึ้น  จนบางครั้งรัฐเองพูดคุยกับน้ำโดยไม่มองหน้าเลยก็มี  เพราะกลัวเพียงว่าน้ำจะรู้สิ่งที่เขานั้นนึกคิดอยู่ตลอดเวลา  หรือในบางครั้งเพื่อนทุกคนรวมไปถึงน้ำก็จะหาเขาไม่เจอ  ก็เพราะว่าเขามักจะไปนั่งเงียบๆในมุมที่ไม่มีใครนั่นเอง  แต่ถึงอย่างไรรัฐเองก็ไปจากน้ำไกลได้เสียเท่าไหร่  เขาเองก็ยังคอยดูแลน้ำยามที่น้ำอ่อนไหวอยู่ดี

    !!!!!!!!!!!!!!!!!!

             เอามาลงให้อีกหนึ่งตอนนะครับ  เป็นการรีไร้ท์ใหม่  ช่วยให้ความเห็นหน่อยละกันนะครับว่าเป็นอย่างไร  แล้วก็ใครจะลงโฆษณาไว้ก็เชิญเลยนะครับ  ไว้ผมว่าผมจะไปเยี่ยมครับ... 


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×