ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หรือเราเคยรักกัน

    ลำดับตอนที่ #4 : ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มต้น ไร้จุดจบ

    • อัปเดตล่าสุด 28 ต.ค. 49


              
              ในขณะที่รัฐและน้ำต่างก็สนุกในการจับจ่ายซื้อของอย่างเพลินมือและยัง   พูดคุยแลกเปลี่ยนในความเป็นตัวของตัวเอง  ทั้งคู่ก็เริ่มมีความสนิทสนมกันมาแต่ปางก่อนจนบอกไม่ถูก  จนอยู่ๆน้ำนั้นก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน  พร้อมทั้งรีบหันหน้ามาหาเค้า  จนรัฐเองไม่เพียงต้องหยุดเดินจนหัวทิ่ม  แต่เค้ายังต้องสงสัยอีกว่า  น้ำหยุดเดินเพื่ออะไรกันแน่  แต่เขาดันมีลางสังหรณ์ที่บอกไม่ถูกเสียแล้ว 
     
                   “หยุดเดินทำไม  เดี๋ยวรัฐเดินชนน้ำ  น้ำจะมาว่าเราไม่ได้นะ”  รัฐพูดไปเพื่อให้เขานั้นเริ่มรู้สึกดี
                   “….”  น้ำไม่พูดไรเพียงแต่ยิ้มบางๆให้กับเค้าเพียงเท่านั้น
     
              รัฐเริ่มอึดอัดในสิ่งที่น้ำไม่พูดเสียที  เขาแทบอยากจะเดินหนีไปจากที่ตรงนั้น  มันเหมือนเป็นกรงขังเขา  ให้เขานั้นต้องทนในสิ่งที่น้ำกำลังพูดออกมาจากปากโดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า  น้ำนั้นจะพูดอะไร  มันจะออกมาดีหรือร้ายก็ไม่รู้ 
     
                   “เงียบทำไม...ทำไมไม่พูด  เป็นใบ้หรอ” 
                   “เปล่า...เพียงเรานึกขึ้นมาได้  หากรัฐเป็นผู้หญิง  เราก็สนิทกับรัฐได้อย่างปอนน่ะสิ”
     
              รัฐยิ่งครุมเครือในสิ่งที่น้ำพูด  มันคืออะไรกัน  น้ำพยายามจะบอกอะไรกับเขา  หรือน้ำพูดออกมาด้วยใจที่บริสุทธิ์  แต่คนที่ใจไม่บริสุทธิ์กับเป็นเขาเองกันแน่
     
                   “ทำไมล่ะ  รัฐเป็นผู้ชายเราก็สนิทกันได้นิ  ใช่ว่า ผู้หญิงกับผู้ชายจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้สักหน่อย”
                   “ใช่  เราสนิทกันได้  แต่อย่างกับปอน  เวลาเราว่าปัญหา  เราเองก็ยังโอบกอดได้อย่างไม่มีปัญหาน่ะสิ”  น้ำพูดจบเธอก็เดินหน้าต่อไปเหลือแต่รัฐยังคงชะงักงันอยู่ตรงนั้น  อยู่ตรงที่เดิมกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้
                   “ไม่...ไม่จริงสิ”  รัฐพยายามหาไรสิ่งที่น้ำพูด  เขาแอบเผลอติดใจน้ำไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผู้หญิงตรงหน้าของเขานั้น  เป็นใคร  เป็นเพื่อนที่เขาเพิ่งรู้จักกันดีเมื่อไม่นานนี้เอง  ทั้งนิสัยใจคออาจมีบางส่วนที่คล้ายคลึงกับเค้าเองก็จริง  แต่ผู้หญิงที่เขาต้องการอยากให้เดินด้วยนั้น  มันไม่ใช่อย่างนี้เลยสักนิดเลยนี่น่า  ผู้หญิงที่เขานั่งฝันอยู่นั้น  เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ  หน้าตาและนิสัยเรียบร้อยน่ารักในแบบผู้หญิง  ไม่ใช่ห้าวแบบนี้เลยสักนิด  แล้วทำไมกัน  คำพูดของเธอถึงได้แทงใจเขาเหมือนกับเสียดายที่ว่า  เขาคิดคนละอย่างกับเธออย่างนั้นแหละ
                   “นาย!  นายรัฐ  เป็นอะไรน่ะ”  น้ำเรียกรัฐมาแต่ไกลเพราะเธอรู้สึกว่าเธอนั้นเดินมาคนเดียว
                   “หา..หา  อะไร”
                   “ก็จะอะไรซะอีก  ก็เมื่อไหร่นานจะเดินไปสักทีล่ะ”
                   “อ๋อหรอ...ได้ๆ  เดินๆ”
     
              สักพักรัฐก็เดินตามน้ำต้อยๆ  แต่ในหัวของเขานั้นยังคงครุ่นคิดเรื่องของน้ำต่อไป  โดยที่น้ำนั้นไม่รู้เลยสักนิด  รัฐเองก็สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปเลย  สงสัยแม้กระทั่งเขาคิดอย่างไรกับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขากันแน่  เพื่อน? หรืออะไร  ถ้าเขาเผลอคิดมากกว่านี้เห็นนี้เขาเองต้องลำบากต่อไปแน่  อย่างน้อยๆก็ 3 ปีเพราะเค้าต้องอยู่ทนเพื่อเห็นหน้าน้ำนั่นเอง
     
                   “รัฐ...รัฐ”
                   “อะไรน้ำ”
                   “ก็ฉันจ่ายเงินเสร็จแล้วน่ะสิ  เสร็จนานแล้ว  นายเองเป็นไรมากหรือเปล่า  ชอบเหม่อๆนะ”
                   “อ๋อ...จ่ายเงินเสร็จแล้ว  ก็ไปสิ  จะไปไหนต่อล่ะ”
                   “จะไปไหนต่อ  นี่มันกี่โมงกันล่ะ  เดี๋ยวที่บ้านฉันก็ว่าอีก”
                   “งั้นก็กลับบ้านสิ”
                   “เออ...ก็กลับบ้านสิ  ไปดิ  เร็ว... เย็นมากแล้ว”
                   “อืม....”  รัฐขานรับเขาก็เดินถือของพะรุงพะรังให้กับน้ำจนไปถึงป้ายรถเมล์
     
              พอรัฐและน้ำยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์หน้าห้างแห่งนั้น  มันใกล้เวลาที่จะพลบค่ำเต็มทนและก็ดูเหมือนความสบสนวุ่นวายในเมืองหลวงก็เริ่มต้น  และดูเหมือนว่าคงจะเป็นเวลาในช่วงนี้ของทุกวันนั่นแหละที่ดูจะวุ่นวายที่สุดจนขีดปรอทแทบแตก 
     
              ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่อยู่ตรงพื้นที่นั้น  แต่รัฐกลับรู้สึกอย่างหนึ่งคือเหมือนว่าพื้นที่นั้นมีเพียงเขากับน้ำเท่านั้น  ดูท่าทางของน้ำในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้คนทั่วไปนัก  เธอกำลังจดๆจ้องๆรถเมล์คันที่ผ่านหน้าบ้านของเธอ  เพียงแต่สิ่งที่เธอต้องการมาเทียบป้ายรถเมล์เท่านั้น  ไม่ว่ามันจะแน่นมากมายสักแค่ไหนเธอก็จะขึ้นไปเพื่อที่จะไปยื้อแย้งพื้นที่ที่ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง  เพราะมันเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพและใช้เงินไม่มากมายนัก 
     
              ภาพรถเมล์ที่แน่นไปด้วยคนแทบเป็นร้อยเป็นล้านในคันเดียวกันอัดได้อัดดีจนแทบเป็นปลากระป๋องกระป๋องหนึ่ง  เหมือนจะเป็นภาพชินตามากๆของคนกรุงเทพฯ  เพราะมันเหมือนจะไม่มีทางที่ภาพเหล่านี้จะห่างหายไปเพียงวันสองวันได้เลย  สิ่งเดียวที่ทำได้นั่นก็คือ  ขึ้นไปเบียดกับพวกเขาด้วย  เขาไปเป็นส่วนหนึ่งในรูปภาพสีดำเท่านั้น
     
              ทั้งรัฐและน้ำต่างไม่พูดไม่จาต่อกัน น้ำคอยมองหารถเมล์ที่เธอต้องขึ้น  รัฐก็คิดถึงเรื่องที่น้ำพูดอยู่ซ้ำไปซ้ำมาถึงความหมายที่แท้จริงถ้าเขาพูดประโยคเดียวกันนี้กับน้ำบ้าง   เพียงครู่หนึ่งรถเมล์ของน้ำท่าทางจะมาแล้ว  และก็ผู้คนในรถเมล์เดิมก็เบียดเสียดยัดเยียดแถมคนขึ้นใหม่ก็ไม่ใช่น้อยๆ  นั่นก็หมายถึงน้ำคือหนึ่งในนั้นที่ต้องขึ้นคันนั้นเพื่อเข้าไปเป็นส่วนร่วมในนั้น
     
                   “รัฐ  น้ำไปก่อนนะ  โชคดีพรุ่งนี้เจอกัน  บาย”
                   “เอ่อ...น้ำ”  รัฐพยายามตะโกนเรียกน้ำให้น้ำเหลียวหลังกลับมา  แต่ดูเหมือนสิ่งข้างหน้าเธอดูน่าสนใจกว่าเขาเป็นไหนๆ  “อืม...บาย” 
     
              พอรัฐพูดทักทายกับน้ำจบ  รถคันนั้นก็ค่อยๆที่จะเคลื่อนมันออกไปจากป้ายรถเมล์อย่างช้าๆ  เขาเองต้องถึงกับถอนหายใจคำโตออกมาเลยทีเดียว  เขาเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องเป็นอย่างนี้  และก็ต้องนั่งนึกกันต่อไปว่า  เจอกับเธอในครั้งหน้าเขาจะทักกับน้ำว่าอย่างไรดี  หรือว่า...จะไม่กล้าแม้แต่จะทักทายเลยก็ได้  เขาหยุดคิดกระทันหันและก้าวขึ้นรถเมล์ที่ผ่านหน้าบ้านของเขาที่เพิ่งมาจอบเทียบป้ายรถเมล์เมื่อสักครู่นี้ทันที

    **********************

              พอรัฐกลับมาถึงบ้าน  เขายังคงไม่หยุดคิดในสิ่งที่เขาต้องพบเจอมาในวันนี้  เขาเดินอย่างช้าๆและดูเหนื่อยๆอย่างสังเกตได้ชัด  เขาดูผิดปกติขนาดที่เขามองไม่เห็นแม่ของเขา  ทั้งๆที่เขานั้นก็รู้ดูว่าแม่ของเขาชอบมานั่งเก้าอี้ตัวประจำตัวเดิม  แต่เขาก็เดินผ่านมันไปเหมือนไม่เห็นแม่ของเขาย่างนั่นแหละ
     
                   “รัฐ...รัฐ”
                   “….”  รัฐยังคงเดินต่อไปอย่างเงียบๆ
                   “รัฐ...เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”  แม่ของรัฐเรียกเขาเสียงดังขึ้นจากคราวแรกจนเขาเองก็ตกใจขึ้นทันที
                   “ออ...แม่สวัสดีครับ  มีอะไรกับรัฐหรือเปล่าครับ”
                   “เป็นอะไรหรือเปล่า  ดูลูกแปลกๆไปนะ”
                   “เปล่านิครับ”
                   “แล้วทำไมวันนี้กลับเย็นล่ะ”
                   “อ๋อ...เดินเล่นที่ห้างข้างโรงเรียนนิดหน่อยน่ะครับ…แม่มีอะไรกับรัฐหรือเปล่าครับ”
                   “เออใช่...พรุ่งนี้รัฐหยุดใช่เปล่าลูก”
                   “อ๋อครับ...แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
                   “คือแม่ว่าจะชวนลูกไปพาหุรัดกับแม่หน่อยน่ะ  คือน้าอี๊ดเค้าชวนแม่น่ะ  จะไปเที่ยวหรือเปล่าล่ะ  ไหนว่าอยากไปสำเพ็งด้วยนิ”
                   “อืม....ไม่ดีกว่าครับ  ช่วงนี้รัฐเหนื่อยอยากพักผ่อนมากกว่าน่ะครับ  ไม่ว่ากันนะครับถ้ารัฐจะไม่ไปกับแม่พรุ่งนี้น่ะ”
                   “อืม...ไม่เป็นไรหรอก  แม่ก็ถามไปงั้นแหละ  ถ้ารัฐอยากพักผ่อนก็ไปเถอะ”
                   “แล้วแม่มีอะไรกับรัฐอีกเปล่าครับ”
                   “อ๋อ...ไม่แล้วจ๊ะ”
                   “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ”
                   “อืม...”  แม่ของรัฐตอบเป็นประโยคสุดท้ายจบรัฐก็เดินขึ้นบันไดและเข้าห้องนอนของเขาโดยทันที
     
              พอรัฐได้เข้าไปในห้องนอนของเขาเพียงเท่านั้น  เขาก็แทบจะโยนตัวเองไปบนเตียงนุ่มๆของเขาโดยทันที  เขาพยายามสรรหาคำตอบของเขาแล้ว  แต่เขาก็หาไม่ออก  หาไม่ออกถึงโจทก์ของคำถาม(โจทก์  ผู้ต้องหา)  นิ่งสรรหามากเท่าไหร่ดูเหมือนจะยิ่งหาไม่ออก  ทำให้เขานั้นต้องเหนื่อยใจยิ่งขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ  เขาก็เลยไปเปิดเพลงดังๆเพื่อกลบความคิดของเขาลงเพียงชั่วขณะบ้างก็ยังดี
     
                   เพียงสักพัก  ปึ้ง!!!!   เสียงทุบประตูหน้าห้องรัฐก็ดังขึ้น
                   “รัฐ  เปิดวิทยุเบาๆหน่อยลูก  ชาวบ้านเค้าจะรำคาญ”
                   “ครับผม”
     
              รัฐขานตอบกลับ  เขาก็ลุกไปปิดวิทยุเลยแล้วก็มาเอนตัวลงบนเตียงเหมือนอย่างเก่าแล้วก็เผลอหลับไปในที่สุดอย่างไม่รู้ตัว
     
    *******************

              คือว่าเอาส่วนที่แก้ใหม่มาลงนะครับ  ก็ลองอ่านดูครั้งเพราะการเขียนในแต่ละครั้งก็ใช่ว่าจะเหมือนกันนั่นก็หมายถึงทิศทางในการดำเนินเรื่องด้วย  ขอความเห็นหน่อยนะครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×