คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความรู้สึกแปลกๆ เริ่มต้น ไร้จุดจบ
ในขณะที่รัฐและน้ำต่างก็สนุกในการจับจ่ายซื้อของอย่างเพลินมือและยัง พูดคุยแลกเปลี่ยนในความเป็นตัวของตัวเอง ทั้งคู่ก็เริ่มมีความสนิทสนมกันมาแต่ปางก่อนจนบอกไม่ถูก จนอยู่ๆน้ำนั้นก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งรีบหันหน้ามาหาเค้า จนรัฐเองไม่เพียงต้องหยุดเดินจนหัวทิ่ม แต่เค้ายังต้องสงสัยอีกว่า น้ำหยุดเดินเพื่ออะไรกันแน่ แต่เขาดันมีลางสังหรณ์ที่บอกไม่ถูกเสียแล้ว
“หยุดเดินทำไม เดี๋ยวรัฐเดินชนน้ำ น้ำจะมาว่าเราไม่ได้นะ” รัฐพูดไปเพื่อให้เขานั้นเริ่มรู้สึกดี
“
.” น้ำไม่พูดไรเพียงแต่ยิ้มบางๆให้กับเค้าเพียงเท่านั้น
รัฐเริ่มอึดอัดในสิ่งที่น้ำไม่พูดเสียที เขาแทบอยากจะเดินหนีไปจากที่ตรงนั้น มันเหมือนเป็นกรงขังเขา ให้เขานั้นต้องทนในสิ่งที่น้ำกำลังพูดออกมาจากปากโดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า น้ำนั้นจะพูดอะไร มันจะออกมาดีหรือร้ายก็ไม่รู้
“เงียบทำไม...ทำไมไม่พูด เป็นใบ้หรอ”
“เปล่า...เพียงเรานึกขึ้นมาได้ หากรัฐเป็นผู้หญิง เราก็สนิทกับรัฐได้อย่างปอนน่ะสิ”
รัฐยิ่งครุมเครือในสิ่งที่น้ำพูด มันคืออะไรกัน น้ำพยายามจะบอกอะไรกับเขา หรือน้ำพูดออกมาด้วยใจที่บริสุทธิ์ แต่คนที่ใจไม่บริสุทธิ์กับเป็นเขาเองกันแน่
“ทำไมล่ะ รัฐเป็นผู้ชายเราก็สนิทกันได้นิ ใช่ว่า ผู้หญิงกับผู้ชายจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้สักหน่อย”
“ใช่ เราสนิทกันได้ แต่อย่างกับปอน เวลาเราว่าปัญหา เราเองก็ยังโอบกอดได้อย่างไม่มีปัญหาน่ะสิ” น้ำพูดจบเธอก็เดินหน้าต่อไปเหลือแต่รัฐยังคงชะงักงันอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงที่เดิมกับคำพูดเมื่อสักครู่นี้
“ไม่...ไม่จริงสิ” รัฐพยายามหาไรสิ่งที่น้ำพูด เขาแอบเผลอติดใจน้ำไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผู้หญิงตรงหน้าของเขานั้น เป็นใคร เป็นเพื่อนที่เขาเพิ่งรู้จักกันดีเมื่อไม่นานนี้เอง ทั้งนิสัยใจคออาจมีบางส่วนที่คล้ายคลึงกับเค้าเองก็จริง แต่ผู้หญิงที่เขาต้องการอยากให้เดินด้วยนั้น มันไม่ใช่อย่างนี้เลยสักนิดเลยนี่น่า ผู้หญิงที่เขานั่งฝันอยู่นั้น เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ หน้าตาและนิสัยเรียบร้อยน่ารักในแบบผู้หญิง ไม่ใช่ห้าวแบบนี้เลยสักนิด แล้วทำไมกัน คำพูดของเธอถึงได้แทงใจเขาเหมือนกับเสียดายที่ว่า เขาคิดคนละอย่างกับเธออย่างนั้นแหละ
“นาย! นายรัฐ เป็นอะไรน่ะ” น้ำเรียกรัฐมาแต่ไกลเพราะเธอรู้สึกว่าเธอนั้นเดินมาคนเดียว
“หา..หา อะไร”
“ก็จะอะไรซะอีก ก็เมื่อไหร่นานจะเดินไปสักทีล่ะ”
“อ๋อหรอ...ได้ๆ เดินๆ”
สักพักรัฐก็เดินตามน้ำต้อยๆ แต่ในหัวของเขานั้นยังคงครุ่นคิดเรื่องของน้ำต่อไป โดยที่น้ำนั้นไม่รู้เลยสักนิด รัฐเองก็สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปเลย สงสัยแม้กระทั่งเขาคิดอย่างไรกับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขากันแน่ เพื่อน? หรืออะไร ถ้าเขาเผลอคิดมากกว่านี้เห็นนี้เขาเองต้องลำบากต่อไปแน่ อย่างน้อยๆก็ 3 ปีเพราะเค้าต้องอยู่ทนเพื่อเห็นหน้าน้ำนั่นเอง
“รัฐ...รัฐ”
“อะไรน้ำ”
“ก็ฉันจ่ายเงินเสร็จแล้วน่ะสิ เสร็จนานแล้ว นายเองเป็นไรมากหรือเปล่า ชอบเหม่อๆนะ”
“อ๋อ...จ่ายเงินเสร็จแล้ว ก็ไปสิ จะไปไหนต่อล่ะ”
“จะไปไหนต่อ นี่มันกี่โมงกันล่ะ เดี๋ยวที่บ้านฉันก็ว่าอีก”
“งั้นก็กลับบ้านสิ”
“เออ...ก็กลับบ้านสิ ไปดิ เร็ว... เย็นมากแล้ว”
“อืม....” รัฐขานรับเขาก็เดินถือของพะรุงพะรังให้กับน้ำจนไปถึงป้ายรถเมล์
พอรัฐและน้ำยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์หน้าห้างแห่งนั้น มันใกล้เวลาที่จะพลบค่ำเต็มทนและก็ดูเหมือนความสบสนวุ่นวายในเมืองหลวงก็เริ่มต้น และดูเหมือนว่าคงจะเป็นเวลาในช่วงนี้ของทุกวันนั่นแหละที่ดูจะวุ่นวายที่สุดจนขีดปรอทแทบแตก
ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่อยู่ตรงพื้นที่นั้น แต่รัฐกลับรู้สึกอย่างหนึ่งคือเหมือนว่าพื้นที่นั้นมีเพียงเขากับน้ำเท่านั้น ดูท่าทางของน้ำในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้คนทั่วไปนัก เธอกำลังจดๆจ้องๆรถเมล์คันที่ผ่านหน้าบ้านของเธอ เพียงแต่สิ่งที่เธอต้องการมาเทียบป้ายรถเมล์เท่านั้น ไม่ว่ามันจะแน่นมากมายสักแค่ไหนเธอก็จะขึ้นไปเพื่อที่จะไปยื้อแย้งพื้นที่ที่ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง เพราะมันเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพและใช้เงินไม่มากมายนัก
ภาพรถเมล์ที่แน่นไปด้วยคนแทบเป็นร้อยเป็นล้านในคันเดียวกันอัดได้อัดดีจนแทบเป็นปลากระป๋องกระป๋องหนึ่ง เหมือนจะเป็นภาพชินตามากๆของคนกรุงเทพฯ เพราะมันเหมือนจะไม่มีทางที่ภาพเหล่านี้จะห่างหายไปเพียงวันสองวันได้เลย สิ่งเดียวที่ทำได้นั่นก็คือ ขึ้นไปเบียดกับพวกเขาด้วย เขาไปเป็นส่วนหนึ่งในรูปภาพสีดำเท่านั้น
ทั้งรัฐและน้ำต่างไม่พูดไม่จาต่อกัน น้ำคอยมองหารถเมล์ที่เธอต้องขึ้น รัฐก็คิดถึงเรื่องที่น้ำพูดอยู่ซ้ำไปซ้ำมาถึงความหมายที่แท้จริงถ้าเขาพูดประโยคเดียวกันนี้กับน้ำบ้าง เพียงครู่หนึ่งรถเมล์ของน้ำท่าทางจะมาแล้ว และก็ผู้คนในรถเมล์เดิมก็เบียดเสียดยัดเยียดแถมคนขึ้นใหม่ก็ไม่ใช่น้อยๆ นั่นก็หมายถึงน้ำคือหนึ่งในนั้นที่ต้องขึ้นคันนั้นเพื่อเข้าไปเป็นส่วนร่วมในนั้น
“รัฐ น้ำไปก่อนนะ โชคดีพรุ่งนี้เจอกัน บาย”
“เอ่อ...น้ำ” รัฐพยายามตะโกนเรียกน้ำให้น้ำเหลียวหลังกลับมา แต่ดูเหมือนสิ่งข้างหน้าเธอดูน่าสนใจกว่าเขาเป็นไหนๆ “อืม...บาย”
พอรัฐพูดทักทายกับน้ำจบ รถคันนั้นก็ค่อยๆที่จะเคลื่อนมันออกไปจากป้ายรถเมล์อย่างช้าๆ เขาเองต้องถึงกับถอนหายใจคำโตออกมาเลยทีเดียว เขาเหนื่อยเหลือเกินที่ต้องเป็นอย่างนี้ และก็ต้องนั่งนึกกันต่อไปว่า เจอกับเธอในครั้งหน้าเขาจะทักกับน้ำว่าอย่างไรดี หรือว่า...จะไม่กล้าแม้แต่จะทักทายเลยก็ได้ เขาหยุดคิดกระทันหันและก้าวขึ้นรถเมล์ที่ผ่านหน้าบ้านของเขาที่เพิ่งมาจอบเทียบป้ายรถเมล์เมื่อสักครู่นี้ทันที
**********************
พอรัฐกลับมาถึงบ้าน เขายังคงไม่หยุดคิดในสิ่งที่เขาต้องพบเจอมาในวันนี้ เขาเดินอย่างช้าๆและดูเหนื่อยๆอย่างสังเกตได้ชัด เขาดูผิดปกติขนาดที่เขามองไม่เห็นแม่ของเขา ทั้งๆที่เขานั้นก็รู้ดูว่าแม่ของเขาชอบมานั่งเก้าอี้ตัวประจำตัวเดิม แต่เขาก็เดินผ่านมันไปเหมือนไม่เห็นแม่ของเขาย่างนั่นแหละ
“รัฐ...รัฐ”
“
.” รัฐยังคงเดินต่อไปอย่างเงียบๆ
“รัฐ...เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” แม่ของรัฐเรียกเขาเสียงดังขึ้นจากคราวแรกจนเขาเองก็ตกใจขึ้นทันที
“ออ...แม่สวัสดีครับ มีอะไรกับรัฐหรือเปล่าครับ”
“เป็นอะไรหรือเปล่า ดูลูกแปลกๆไปนะ”
“เปล่านิครับ”
“แล้วทำไมวันนี้กลับเย็นล่ะ”
“อ๋อ...เดินเล่นที่ห้างข้างโรงเรียนนิดหน่อยน่ะครับ
แม่มีอะไรกับรัฐหรือเปล่าครับ”
“เออใช่...พรุ่งนี้รัฐหยุดใช่เปล่าลูก”
“อ๋อครับ...แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือแม่ว่าจะชวนลูกไปพาหุรัดกับแม่หน่อยน่ะ คือน้าอี๊ดเค้าชวนแม่น่ะ จะไปเที่ยวหรือเปล่าล่ะ ไหนว่าอยากไปสำเพ็งด้วยนิ”
“อืม....ไม่ดีกว่าครับ ช่วงนี้รัฐเหนื่อยอยากพักผ่อนมากกว่าน่ะครับ ไม่ว่ากันนะครับถ้ารัฐจะไม่ไปกับแม่พรุ่งนี้น่ะ”
“อืม...ไม่เป็นไรหรอก แม่ก็ถามไปงั้นแหละ ถ้ารัฐอยากพักผ่อนก็ไปเถอะ”
“แล้วแม่มีอะไรกับรัฐอีกเปล่าครับ”
“อ๋อ...ไม่แล้วจ๊ะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ”
“อืม...” แม่ของรัฐตอบเป็นประโยคสุดท้ายจบรัฐก็เดินขึ้นบันไดและเข้าห้องนอนของเขาโดยทันที
พอรัฐได้เข้าไปในห้องนอนของเขาเพียงเท่านั้น เขาก็แทบจะโยนตัวเองไปบนเตียงนุ่มๆของเขาโดยทันที เขาพยายามสรรหาคำตอบของเขาแล้ว แต่เขาก็หาไม่ออก หาไม่ออกถึงโจทก์ของคำถาม(โจทก์ ผู้ต้องหา) นิ่งสรรหามากเท่าไหร่ดูเหมือนจะยิ่งหาไม่ออก ทำให้เขานั้นต้องเหนื่อยใจยิ่งขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ เขาก็เลยไปเปิดเพลงดังๆเพื่อกลบความคิดของเขาลงเพียงชั่วขณะบ้างก็ยังดี
เพียงสักพัก ปึ้ง!!!! เสียงทุบประตูหน้าห้องรัฐก็ดังขึ้น
“รัฐ เปิดวิทยุเบาๆหน่อยลูก ชาวบ้านเค้าจะรำคาญ”
“ครับผม”
รัฐขานตอบกลับ เขาก็ลุกไปปิดวิทยุเลยแล้วก็มาเอนตัวลงบนเตียงเหมือนอย่างเก่าแล้วก็เผลอหลับไปในที่สุดอย่างไม่รู้ตัว
*******************
คือว่าเอาส่วนที่แก้ใหม่มาลงนะครับ ก็ลองอ่านดูครั้งเพราะการเขียนในแต่ละครั้งก็ใช่ว่าจะเหมือนกันนั่นก็หมายถึงทิศทางในการดำเนินเรื่องด้วย ขอความเห็นหน่อยนะครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง...
ความคิดเห็น