คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เที่ยวครั้งนี้ มีความหมาย
เช้าของวันรุ่งขึ้น รัฐเองก็ได้ลุกขึ้นมาจากเตียงของเขาตั้งแต่ท้องฟ้ายังคงปกคลุมไปด้วยความมืดมิด หาที่แสงสว่างเล็ดลอดออกมา จะมีก็จะมีแต่แสงไฟที่มาจากหลอดไฟนีออนตามข้างถนนที่ผ่านมาเป็นระยะๆเท่านั้น ในช่วงที่รัฐเรียนในระดับมัธยมเขามักจะมาเรียนในตอนเช้าตรู่อย่างนี้อยู่เป็นประจำ ส่วนนางเอกของเรา หากวันไหนช่วงที่เธอเดินอยู่ข้างโรงเรียนแล้วไม่ได้ยินเสียงอ๊อดเข้าแถวแรกก็คงจะไม่ใช่เธอเป็นแน่
พอรัฐตื่นและลุกจากที่นอนเขาก็มักจะไม่รอช้าก็จะเก็บที่นอน ล้างหน้าล้างตาแปลงฟันอาบน้ำแล้วก็เตรียมพร้อมที่จะไปโรงเรียน ส่วนเรื่องการจัดตารางสอนนั้นเขามักจะทำก่อนที่เขานอนเป็นประจำอยู่แล้ว พอเขาแต่งตัวเสร็จก็แทบจะออกไปเผชิญกับโลกภายนอกเหมือนๆกับเด็กนักเรียนกรุงเทพฯ ควรจะเป็นนั่นเอง
ในช่วงหนึ่งของรัฐที่กำลังนั่งรถไปโรงเรียนอยู่นั่น เขาก็ได้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูว่าทำไมบรรยากาศในกรุงเทพยามเงียบสงบนั้นเป็นอย่างไรกัน ร้านค้าต่างปิดทำการ บ้างก็เริ่มที่ที่เปิดทำการกันบ้างแล้ว แต่มันก็ยังดูไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นภาพชินตา เขานั่งมองไปก็ยิ้มไป คงคิดว่าถ้ากรุงเทพเป็นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลาก็คงจะดีสินะ แต่มันคงไม่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้หรอกตราบใดที่ผู้คนยังคงคิดว่ากรุงเทพเป็นเหมือนเมืองที่ทำเงินทำทองให้กับคนในประเทศไทยทั้งหมด ตราบนั้นก็ยังไม่มีวันที่จะเงียบสงบได้ แต่เขาก็ยังนึกยิ้มว่าอย่างน้อยเขาก็ได้เห็นว่าเวลากรุงเทพไม่เดือดเป็นอย่างไร แล้วจะมีสักคนกันที่จะมาเห็นภาพอย่างนี้เหมือนกับเขา
เคร็กๆ ๆ
“น้องคะ ค่ารถด้วยคะ” กระเป๋ารถเมล์ผู้หญิงเรียกเก็บเงินจากเขาอยู่ครู่ใหญ่ จนเธอนั้นต้องเรียกเขาด้วยเสียงดัง เลยทำให้เขาตื่นจากอาการภวังค์ทันที
“อ๋อ..ครับ โทษทีครับ” เมื่อรัฐพูดจบเขาก็ยื่นเงินแบบครบจำนวนไม่ต้องทอน ก็เพราะว่าเขานั้นนั่งรถจนแทบจะหลับตาให้เงินค่ารถได้หมดแล้วน่ะสิ
พอจ่ายเงินค่ารถเสร็จก็หันกลับมามองหน้าต่างในแบบเดิม แต่ความคิดที่แล่นเข้ามานั้นต่างไปจากครั้งแรก เขานึกถึงเพื่อนใหม่ที่มีลักษณะนิสัยที่ต่างสุดขั้วกับเขา พอนึกเห็นหน้าเธอ เขาก็อดยิ้มไม่ได้เสียทุกที และเพราะเหตุอะไรมันจึงทำให้เขาเป็นได้ถึงเพียงนี้กัน
-------------------------------------------
ในช่วงบ่ายของวันนั้น รัฐนั่งอยู่ใต้ต้นราชาวดี เหมือนเค้าพักผ่อนจากสิ่งที่วุ่นวายต่างๆ และเขาก็นั่งอยู่ตรงข้างของฝากหนึ่งของสนามบาสนั่นก็มีน้ำนั่นคุยนั่งเล่นกันอยู่เป็นประจำ และน้ำเองก็ดันสังเกตเห็นรัฐเข้าพอดี ทำให้เธอนั้นลุกออกมาจากกลุ่มแล้ววิ่งมาหารัฐอีกครั้ง
ก๊อก!!
“นี่นาย...”
“โอ๊ย..ซู้ด!! อะไรล่ะ”
น้ำกระโดดมานั่งข้างๆรัฐโดยทันที “นายมานั่งอมทุกข์อะไรที่นี่ล่ะ”
“อืม....เธอมาทักเราทีไร เราต้องเจ็บตัวทุกครั้งเลยจริงเชียว”
“เอาน่า...แล้วนายมานั่งอะไรตรงนี้ด้วยล่ะ คิดเรื่องอะไรล่ะ บอกเราก็ได้นะ”
“ไม่ล่ะ...ขอบคุณ”
“บอกมาเถอะ....เพื่อนคนนี้พร้อมแล้วที่จะฟังเรื่องของนายแล้ว” น้ำพูดจบก็ยืดอกเหมือนท่าทีของทหาร ทำให้รัฐต้องอดหัสเราะคำโตออกมาไม่ได้
“ทำไม...หัวเราะอะไร เดี๋ยวก็โดนหรอก” น้ำไม่พูดเปล่าพร้อมเตรียมง้างมือแล้ว
“โอ๊ยๆ อย่าทำอะไรเราอีกเลยนะ เราไม่อยากเจ็บตัว”
“ห้าๆ ๆ”
“หัวเราะอะไรล่ะ”
“ก็หัวเราะที่เธอกลัวฉันน่ะสิ”
“เออนะ ทีตัวเองหัวเราะคนอื่นได้นะ”
“เอาน่า ถือว่าหายกันก็ละกัน แล้วตกลงเรื่องที่นายเครียด...เนี่ย คงเป็น..เรื่องรายงานใช่ไหมล่ะ”
“ก็ใช่น่ะสิ เราไม่รู้ ว่าจะทำได้หรือเปล่าน่ะสิ”
“เอาเถอะ เรารู้ว่าแต่ก่อนนายมาจากห้องแบบไหน ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วนะ และที่สำคัญเวลาอีกถมเถออก ใจเย็นๆน่า”
“เวลาอีกเยอะก็จริงอยู่นะ แน่เรา...” รัฐพูดค้างเพียงเท่านั้นเขาก็ใช้มือของเขาขยี้หัวตัวเองด้วยความแรง เพราะเขาคงกลุ้มมากเหลือเกินในเวลานั้น
น้ำตกใจมากในน่าทีของรัฐ ดูท่ารัฐเองคงจะเครียดมากจริงๆ “เราทำไมหรอ...”
รัฐหันหน้ามาหาน้ำ แล้วเอ่ยปากบอกว่า “ก็เรายังมองภาพถึงรายงานเล่มนี้ไม่ออกเลย”
“รัฐ ฟังน้ำนะ ถ้ารัฐไม่ผ่านวิชานี้ไป พวกเราพร้อมที่จะไม่ผ่านร่วมกับรัฐนะ เราเป็นเพื่อนกัน เราไม่ทิ้งกันหรอก รัฐ เชื่อน้ำนะ”
รัฐยิ้มอุ่นๆให้กับน้ำ แสดงถึงความมิตรภาพแรกที่เขานั้นได้รับจากผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เธอพร้อมจะให้แก่เขาอยู่เสมอๆ
แต่เพียงพักหนึ่ง รัฐหัวเราะร่าขึ้น “ห้าๆๆ”
“หัวเราะอะไรล่ะนายรัฐ เดี๋ยวจะโดนดีมิใช่น้อยนะ”
“ก็..ก็ หัวเราะที่เธอทำเลียนแบบเราน่ะซิ”
“ห้าๆ ๆ แล้วไป ห้าๆ ๆ”
“สรุปแล้ว นายก็หายเครียดแล้วล่ะซิ”
“อืม..ขอบใจมากนะน้ำ” ช่วงหนึ่งที่เขาเอื่อนเอ่ยขอบใจผู้หญิงตรงหน้าเขานั้น เขาดันเผลอมองตาเข้าเต็มเปา ดวงตาที่กลมโต และดูรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้ มองโลกแต่แง่ดีเสียเหลือเกิน
“งั้นเอาอย่างนี้!!”
คำพูดของน้ำมันทำให้ให้เขานั้นตื่นจากฝันกลางวันมาทันที “อะไรล่ะ”
“ก็ปกติ หลังเลิกเรียนกลุ่มฉันก็มักจะไปเดินเล่นห้างข้างโรงเรียนเป็นประจำ นายก็ไปด้วยกันสิ ไปเยอะๆก็สนุกดี”
“เอางั้นหรอ”
“ไม่ต้องมีลังเลหรอก งั้นตกลงตามนี้ละกัน เจอกันเย็นนี้นะ”
“ก็ได้...ก็ได้” รัฐพูดปิดประโยคพร้อมยิ้มอุ่นๆอย่างที่เขายิ้มให้เมื่อไม่นานเป็นการตลบหลังแห่งความมิตรภาพ
หลังจากที่น้ำพูดนัดแนะกับรัฐเสียเป็นหมั่นเป็นเหมาะก็ลืมชวนเพื่อนในกลุ่มของเธอแต่เธอนั้นก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด แต่เพียงพอไปถามก็พบกับคำตอบที่ว่าเพื่อนของเธอล้วนมีธุระกันหมด ตายละหว่า! คราวนี้เธอจะทำอย่างไรดีดันไปบอกเสียดิบดีว่าจะไปกันเยอะแยะ จะให้ไปบอกเลื่อนนัดก็เห็นว่าเธอนั้นจะผิดคำพูดอีก ความรับผิดชอบบนปากเธอต้องรับเพียงคนเดียวเสียแล้ว เธอเองจึงต้องไปที่ห้างข้างโรงเรียนเพียงสองคนกับรัฐ ทั้งที่เธอยังไม่รู้นิสัยใจคอของรัฐดีเสียเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ดันสัญญาไปแล้วก็สำคัญอีก
อ๊อด!! เสียงอ๊อดเลิกเรียนในคาบเรียนสุดท้าย
น้ำ เธอรีบวิ่งลงมาเลยอย่างไม่สนใจใคร ก็เธอนั้นดันเตรียมเก็บของทุกอย่างใส่กระเป๋าตั้งแต่ 10 นาทีก่อนมีเสียงสวรรค์เสียแล้ว ส่วน รัฐ เขายังคงนั่งจดในส่วนที่อาจารย์ให้จดอยู่เลย กว่าจะจดเสร็จ ก็เก็บของแต่ละชิ้นก็นานแสนนาน พอจดเสร็จเขาก็ไปรอน้ำอยู่ที่หน้าโรงเรียน แต่เป็นที่น่าแปลกอย่าง เขาลงมาช้ากว่าน้ำก็จริงก็ไม่ยักเห็นน้ำรออยู่เลย จนเขารออยู่ตรงนั้นร่วมเกือบครึ่งชั่วโมง สักพักหนึ่งเขาก็เห็นน้ำเดินมา หน้าของเธอยังคงเปื้อนรอยยิ้มอยู่ดี ดูท่าเหมือนเธอไปเข้าห้องน้ำไปจัดการแต่งตัวมาใหม่เสียด้วย
“โห...รอตั้งนาน”
“จะไปกันยังล่ะ” น้ำพูดมาด้วยเสียงที่เรียบนิ่ง
“อ้าว! แล้วไหนล่ะเพื่อนกลุ่มเธอที่บอก”
น้ำหันกลับมาตีหน้ายักษ์ใส่รัฐ พร้อมทั้งพูดเสียงเข้มใส่รัฐ “ติดธุระ แล้วนายจะไปไหม ถ้าไม่ไป ฉันจะได้ไปคนเดียว เพราะยังไงฉันก็ต้องไปซื้อของเข้าบ้านอยู่แล้ว”
“อืม ก็ไปดิ”
“ไปก็ตามมา อย่าถามมาก ... รำคาญ” แล้วน้ำก็เดินนำหน้าเขาไป เพราะเธอนั้นต้องหลุดอมยิ้มออกมาเพราะเธอดันกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองได้สำเร็จนี่น่า
ในระยะเวลาที่โรงเรียนไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นเป็นระยะที่ไม่ไกลมากนัก และที่สำคัญยังมีซอยเล็กที่สามารถลัดเลอะไปได้ การเดินทางที่ประหยัดที่สุดจึงเริ่มขึ้น ในตลอดการเดินทางทั้งคู่ชินทางกับถนนสายเล็กๆนี้เหลือเกินจนแทบจะหลับตาเดินกันได้และก็รู้ดีว่าจะต้องใช้ระยะเวลามากน้อยสักเพียงใด แต่เขาและเธอต่างรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติมาก แต่ตลอดการเดินทางมีแต่ความเงียบงัน ไม่มีใครที่จะกล้าเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน จนเขารู้สึกว่าคำว่า “ห่างเหิน” เข้ามาแทรกแทนที่ระหว่างเขาและเธอมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
จนแล้วจนรอดเขาก็เหยียบถึงห้างสรรพสินค้าเข้าจนได้ “กว่าจะมาถึง”
“อืมใช่...ฉันว่ามันนานๆผิดปกติหรือเปล่ารัฐ”
“เอาเถอะ ยังไงก็มาถึงแล้ว เข้าไปกันเถอะ”
“อืม”
แล้วก้าวแรกที่เท้าของทั้งคู่เหยียบย้ำมันลงไปในห้าง ความหนาวเย็นแทรกเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว จนทั้งคู่รู้สึกว่าห้างแห่งนี้ใช้เครื่องปรับอากาศได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ และเครื่องปรับอากาศที่นี่ทุกเครื่องก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเสียเหลือเกิน ก็แต่ละเครื่องต่างก็แสดงศักย์ภาพในการปลดปล่อยความเย็นนั่นสิ จนคนที่เดินเล่นห้างแทบจะแข็งตายอยู่แล้ว
“อึ๊ย! ทำไมมันหนาวอย่างนี้ล่ะ”
ทำยังกับเธอไม่เคยมาที่นี่อย่างนั้นแหละน้ำ” พอรัฐพูดจบก็หันไปหาน้ำ ก็เห็นน้ำทำหน้ายักษ์ใส่เสียแล้ว เห็นทีเขาต้องโดนเจ็บตัวแน่ “ขอโทษ แล้วให้ทำยังไงล่ะ”
“ก็ไม่ทำยังไงหรอก ก็ขึ้นไปดิ ฉันจะรีบไปซื้อของด้วย หยิบรถเข็นให้ฉันด้วย เข้าใจ”
“ครับ...คุณนาย”
“เดี๋ยวเถอะ ว่ามาคุณนายเนี่ย”
“อืม...ไม่พูดล่ะ”
“ดีมาก อย่างนั้นแหละคือสิ่งที่ถูกต้อง”
ในเย็นวันนั้นรัฐก็คอยเข็นรถเข็นตามน้ำไปติดๆ ดูเหมือนว่าเขาไม่ต่างอะไรกับสารถีคอยรับใช้น้ำ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาก็ดันเต็มใจทำเสียด้วยสิ ช่วงที่ทั้งคู่ต่างเลือกซื้อของ น้ำ เริ่มพูดถึงชีวิตความเป็นอยู่ของเธอในปัจจุบัน รวมไปถึงปัญหาภายในบ้านของเธอแต่มันก็ไม่มากมายอะไรนัก ปนกับความตลกขบขันของเธอ ทำให้เขาได้เรียนรู้กับผู้หญิงคนนี้อย่างหนึ่งว่า หากคนเรามองเป็นว่าเรื่องทุกอย่างที่อยู่รอบตัวในนั้น ถ้าเรามัวแต่มองว่ามันเลวร้ายไปหมดทุกสิ่ง มันก็ดูเหมือนไม่มีอะไรดีขึ้น หัดมองไปในแง่ดี ในแง่ของตลกขบขัน เพียงแค่นั้นมันก็ทำให้เรามองภาพในมุมบวกขึ้นแล้ว พอน้ำเล่าเรื่องของเธอเสร็จเธอก็คะยั้นคะยอให้รัฐเล่าเรื่องของเขาบ้าง จนในที่สุดเขาก็ได้เล่า ในส่วนที่มีปัญหาของรัฐถึงแม้มันจะเบาบางกว่าน้ำเยอะมาก แต่น้ำก็ยังสอนในการมองโลกให้กับรัฐ คำว่า “อิ่ม” ของรัฐในวันนั้นก็คงจะหมายถึงอิ่มใจที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เขาตัดสินใจไม่ผิดเลยจริงๆที่เลือกที่จะมาเที่ยวกับน้ำ ก็ถือว่าการเที่ยวครั้งนี้ ช่างมีความหมายสำหรับเขาเหลือเกิน ในช่วงที่เขาพูดคุยกับน้ำ เห็นรอยยิ้มของเธอที่ไม่เคยจะมีทีท่าลดน้อยลง ทำให้เขานั้นลืมไปถึงงานที่อยู่ข้างหลังเขาเป็นกองพะเนินเทินทึก เพื่อนคนนี้เหมือนเป็นสิ่งที่เขานั้นเรียกร้องหามานานเสียเหลือเกิน เวลาที่เขานั้นอยู่ด้วยมีความสุขและไม่คิดเรื่องอื่นใด
จนครั้งหนึ่งน้ำหยุดเดิน เธอยิงคำถามกลับมาคำถามหนึ่ง คำถามนี้มันทำให้เขาต้องกลับไปคิดทั้งคืนและมันทำให้เขานั้นสะอึกขึ้นมา สิ่งที่ดีงามทั้งหมดมันจะเริ่มจากคำถามนี้ หรือคำถามนี้มันจะทำลายในสิ่งดีงามที่เขาสร้างขึ้นมากันแน่ แล้วทำไมเขาต้องมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเมื่อเขาได้ยินคำถามนี้ด้วยล่ะ...
*************************
มาลงแล้วนะครับ ฉบับแก้ใหม่อีก หนึ่งตอน พิมพ์ก็เอามาลงเลย ก็กลัวอยู่ว่า ถ้าวันไหนไม่ได้อยู่หน้าคอมสงสัย คงต้องรอไปหน่อยแหละ 555+ คอมเม้นท์กันหน่อยนะครับ
ความคิดเห็น