คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ก็คนเพิ่งเริ่มรู้จัก
กริ๊ง...กริ๊ง........ เสียงโทรศัพท์ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นอยู่ใต้เตียงในขณะที่เขานั้นกำลังนอนขดคู้อยู่บนเตียงอยู่นั่นเองโดยมีผ้าห่มหนาๆห่อหุ้มตัวของเขาอยู่นั่นเอง
“รัฐ....รัฐเอ๊ย...รับโทรศัพท์สิลูก แม่เห็นได้ยินมานานแล้วนะ ไม่รู้เค้าโทรมามีธุระอะไรหรือเปล่าน่ะ”
“ครับ...ครับ” เสียงงัยเงียที่เล็ดลอดออกมาช่างขัดแย้งกับสิ่งที่เขาทำเสียเหลือเกิน
กริ๊ง...กริ๊ง...เสียงโทรศัพท์นั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่องจนตอนนี้เวลามันเที่ยงกว่าแล้ว เขาเองก็ไม่มีท่าทีที่จะโยนตัวเองไปรับโทรศัพท์บ้างเลย แต่เพียงพักหนึ่งเขาเริ่มรู้สึกว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังอย่างต่อเนื่องนั้น มันเริ่มขัดขวางการนอนของเขาเองมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว เขาเริ่มที่จะสรรหาอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ตัวมาปิดหูของเขาเอง แต่ดูท่าก็ไม่สามารถพิชิตเสียงโทรศัพท์ของเขาเองได้เลย
“โอ๊ย..ดังอยู่นั่นแหละ ใครว่ะโทรมาตอนนี้เนี่ย” เขาลุกขึ้นจากเตียงได้ก็ได้แต่หาต้นตอของเสียง แต่ทว่าหนังตาของเขานั้นยังคงปิดลูกตาของเขาอยู่เลย เขาก็ได้แต่ใช้มือคลำๆหาเอาเท่านั้น
ปึง!! “โอ๊ย” นั่นแหละทำให้เขาตื่นได้เลย มื่อหัวของเขานั้นชนกับขอบเตียงเต็มแรง
“โหล.... รัฐครับ โอย .... นั่นใครล่ะ”
“ฉันเอง” น้ำเสียงที่ดูแข็งกระด้างเหลือเกิน ปนกับความเรียบเฉย ทำให้เขานั้นต้องกระโดดมานั่งหลังตรงอย่างทันทีทันใด ความง่วงงาวหาวนอนก็ได้หายไปอย่างทันที
“น้ำหรอ...มีอะไรล่ะ”
“ถามได้มีอะไร แกจำไม่ได้หรือยังไง”
“มีอะไร?”
“เพิ่งตื่นหรือไง ถึงจำไม่ได้”
“อืม...เพิ่งตื่น แล้วยังไงล่ะ”
“มันก็ไม่แล้วไงหรอก ถึงวันนี้เพื่อนทุกคนเค้านัดเจอกันวันนี้ไง”
“อือ..ก็ใช่ แต่นี่มันกี่โมงเองล่ะ”
“จะกี่โมงแล้วไง ฉันจะให้แกมาในวันนี้ แกก็ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ตอนนี้ฉันอยู่ห้างข้างโรงเรียนนั่นแหละ หรือแกจะให้หญิงสาวแสนสวยยืนอยู่ที่นี่เพียงลำพังกันล่ะ”
“เออ...เดี๋ยวจะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“ดีมาก...ว่าแต่เร็วๆด้วยล่ะ”
“อื่อ..อือ..”
“จ๊ะ...บ๊ายบาย”
******************************
หลังจากที่เพื่อนต่างเพศของเขานั้นวางสายลง เขาก็ได้วางโทรศัพท์ไว้ที่ใต้หมอน เหยียดกายทอดลงบนเตียงตามแบบเดิม หลับตาพริ้มนึกถึงอดีตที่ผ่านเข้ามา มันหอมหวานและดูสดชื่นปานใดในคราวนั้น และมันจะดีกว่านี้หากเขานั้นได้ตัดสินใจทำอะไรไปบางอย่างที่ไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเป็นอย่างเช่นวันนี้
รักษา หรือไอ้รัฐในหมู่ของผองเพื่อนที่เขานั้นรู้จักและสนิทสนมกันดี ที่เขานั้นมีชื่อเล่นที่ชื่อว่า “รัฐ” นั้น ก็เพราะว่า ในช่วงที่เขาเกิดมาพ่อและแม่ของเขานั้นหมายมั่นปั้นมือที่จะให้เขานั้นเรียนในคณะรัฐศาสตร์นั่นเอง ถึงปัจจุบันนี้ เขานั้นกำลังเรียนในคณะรัฐศาสตร์ปี 2 ตามที่ความตั้งใจของพ่อและแม่จนใกล้ที่จะสำเร็จเต็มทน และดูท่ารักครั้งแรกที่ชัดเจนและเป็นตัวเป็นตนของเขานั้น “เชือกฟาง” แฟนสาวของเขา ที่ใครต่อใครเมื่อเห็นรัฐอยู่ที่ไหนก็เห็นเชือกฟางอยู่ที่นั่น ทั้งๆที่เชือกฟางก็อยู่คนละคณะกับรัฐเสียด้วยซ้ำ ทั้งคู่เข้ากันได้ดี ทำให้การที่คบหากันนั้นดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จนเพื่อนเก่าของเขานั้นแทบไม่มีใครรู้ และนั่นก็รวมไปถึง “น้ำ” นั่นเอง
น้ำ เพื่อนต่างเพศของเขา ที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อสมัยมัธยมปลาย เมื่อทั้งคู่ต่างก็เคยเห็นหน้าคร่าตากันมาก่อนแต่ก็ไม่เคยเลยแม้สักครั้งเดียวที่ทั้งคู่นั้นจะเวียนวนเพื่อมารู้จักกัน จนมาถึงคราวนี้ การจับฉลากเลือกห้อง ทั้งคู่จับพลัดจับผลูได้อยู่ในห้องเดียวกันอย่างที่เลือกไม่ได้ และก็นั่นแหละเป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งคู่ต้องเริ่มรู้จักกัน
รัฐและน้ำ มีหลายลักษณะที่ไม่เหมือนกันเลยแม้สักนิดเดียว รัฐ เป็นคนที่ชอบวิตกกังวลกับเรื่องไม่เข้าเรื่อง และเครียดเกินหน้าเกินตาเพื่อนในห้องเสียทุกคน ด้วยความที่เขานั้นมาจากห้องเด็กที่เกเรที่สุด มาอยู่ในห้องสายวิทย์เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่น้ำนั้น มาอยู่ในห้องสายวิทย์อย่างสบายๆ และมากับเพื่อนจำนวนมาก เธอเองจึงไม่ต้องเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่มันใหม่มากนัก และเธอเป็นคนสบายๆ เรียนก็ไม่เคยเครียด ไม่เคยวิตกกังวลเลยสักครั้ง ถึงแม้พรุ่งนี้นั้นจะเป็นวันส่งงาน เธอเองยังไม่มีความวิตกกังวลให้เห็นเลยสักนิดเดียว
น้ำ ในปัจจุบันนี้เธอได้เรียนอยู่ในคณะอักษรศาสตร์ ในมหา’ลัยที่ไม่ไกลมากนัก แต่เธอก็ไม่เคยเลยสักครั้งเดียวที่จะไปเยี่ยมไปหารัฐเลย มีแต่รัฐนั่นแหละต้องเป็นฝ่ายมาหาเธอยามที่เธอนั้นคิดถึงเขา น้ำเป็นคนปากไวพอๆกับสมอง ทำให้คนที่เห็นเธอแล้วไม่กล้าที่จะมาจีบเธอสักเท่าไหร่ ทำให้เธอนั้นจึงครองความเป็นโสดได้อย่างเหนียวแน่น แต่เธอนั้นก็เหมือนที่จะรอคอยอะไรบางอย่าง แต่ตัวของเธอนั้นไม่คิดที่จะเดินไปหยิบมัน
ในวันแรกที่รัฐและน้ำต้องเข้ามาร่วมเรียนอยู่ในห้องเดียวกันนั้น ต่างฝ่ายต่างก็รู้เกียรติศัพท์ซึ่งกันและกันดี แต่เป็นความโชคดีที่รักนั้นได้อยู่คนละกลุ่มของน้ำ ทำให้ในช่วงแรกๆนั้นโอกาสที่ทั้งคู่จะมาพูดคุยกันนั้นแทบเป็นศูนย์
จนเช้าของวันหนึ่ง เสียงอ๊อดเรียกนักเรียนเข้าแถวนั้นดังขึ้น เด็กนักเรียนทุกคนต่างเริ่มมายืนอออยู่ที่แถวบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นระเบียบสักที คงอาจเป็นภาพชินตาไปเสียแล้วสำหรับอาจารย์ที่นี่ แต่รัฐก็ยังสามารถมายืนอยู่ตรงจุดที่เขานั้นมายืนอยู่ตรงประจำอยู่ รอเพียงการเคารพธงชาติเพียงเท่านั้น
“นี่..นี่ นายอ่ะ”
“อะไรหรอ” รัฐหันกลับไปถาม
“สวัสดี..เราน่ะชื่อน้ำ และนี่เพื่อนเราชื่อปอน”
“สวัสดี” ปอนทักตามไปด้วยในเมื่อน้ำนั้นชิงแนะนำตัวเธอไปก่อนเสียแล้ว
“เอ่อ....” เขาคงงงกับท่าทางกับเด็กผู้หญิงคนนี้ทั้งๆที่เขาไม่ได้พร้อมที่จะรู้จักกับใครทั้งนั้นในเวลานี้ ก็เวลานี้เขาต้องเตรียมตัวเคารพธงชาติเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนี่น่า
“เอ่อ...เอ่อ แล้วนายชื่ออะไรล่ะ” น้ำรุกถามอีกครั้ง
“ผมหรอ...รักษา เอ๊ย! เรียก รัฐ ง่ายๆก็ได้”
“ก็ไม่เห็นจะง่ายกว่าตรงไหนเลย เอาล่ะพวกเราไม่กวนนายละ ว่างๆก็คุยกันบ้าง เราไม่กัดหรอก เอ๊ะ! หรือนายจะกัด”
“เปล่า ไม่กัดหรอก ก็คนเหมือนกันนี่น่า”
“อื่ม....งั้นเราไปเข้าแถวก่อนดีกว่า ไปล่ะนะ”
น้ำพูดจบเธอก็เดินไปเข้าแถวทันทีอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าของรัฐในตอนนั้นคงจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มนั่นแหละ มันคงจะเป็นมิตรภาพครั้งแรกที่ท่าทางจะดูงดงามเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้ว่า ในอนาคตต่อไปนั้นเขากับเธอคนนี้มันจะไปทางไหน อาจได้มีโอกาสได้คุยกันบ่อยขึ้น หรือว่าจะไม่มีโอกาสคุยกันเลยก็ได้ แต่ที่เขารู้ๆอยู่นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของเขาและเธอนั้นช่างดูสดใสกว่าการรู้จักกับเพื่อนคนอื่นเสียเหลือเกิน
*********************************
หนึ่งอาทิตย์เต็มๆที่ผ่านไป เขาไม่ได้มีโอกาสที่จะคุยกับน้ำบ้างเลย ทั้งๆที่ทั้งคู่นั้นอยู่ห้องเดียวกันแท้ๆ จนมาอยู่วันหนึ่ง น้ำ กำลังนั่งคุยนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนในกลุ่มของเธอข้างสนามบาส สักพักหนึ่งเขาก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินตัดสนามบาสในขณะที่มีคนเล่นก็เป็นจำนวนมาก ทำให้เขาดูเด่นในเมื่อเขานั้นเดินอย่างไม่รีบร้อน เหมือนในหัวของเขานั้นคิดอะไรมากมายเสียเหลือเกิน
“เดี่ยวมานะ”
น้ำไม่ทันรอคำตอบของเพื่อนๆเธอก็ลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งไปหารัฐทันที พอใกล้ๆรัฐเธอก็ค่อยๆเดินย่องๆตามไปช้าๆ
“นี่...นี่ นาย”
“โอ๊ย! อะไรหรอ” เสียงร้องมาก่อนคำถามเพราะการสะกิดของน้ำนั้นดูรุนแรงไปสักหน่อย
“ว่าไง...จะไปไหน” น้ำถามมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มยากเกินที่รัฐนั้นจะโกรธที่น้ำสะกิดเรียกเขาด้วยความแรง
“ก็จะขึ้นไปหาอาจารย์ เธอ....เธอ......” เขาพูด เธอ...เธอ.... เหมือนกับว่าเขานั้นจำชื่อเธฮไม่ได้เสียแล้วทั้งๆที่เวลาเพิ่งผ่านมาได้แค่อาทิตย์เดียวเสียด้วยซ้ำ
“เธอ...เธอ.... อะไร หรือว่านายลืมชื่อฉันหรอนายรัฐ” น้ำพูดเชิงโมโห เพิ่งมองคิ้มเข้มๆของเขานั้นเริ่มที่จะขมวดลงเป็นปมมากขึ้นขึ้น “อะไรล่ะ....นายจำชื่อฉันไม่ได้จริง ถ้านายจำชื่อฉันไม่ได้นายโดนดีแน่” น้ำไม่พูดเปล่าพร้อมกับง้างมือเตรียมพร้อมที่จะตบหัวเขาเต็มลง และใกล้กระโหลกเขาเต็มทน
“ น้ำ...ใช่ เธอชื่อน้ำ แหมเราไม่ลืมชื่อเธอหรอกน่า” รัฐเมื่อพูดจบก็รีบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่โดนฝ่ามือพิฆาต
“ฮิฮิ...ห้าๆ ๆ ๆ”
“หัวเราะอะไรล่ะ”
“ก็หัวเราะนายล่ะสิ นายเคร่งที่จะจำชื่อฉันมากไปเปล่า”
“มีความสุขมากหรือไง”
“เอาน่า ตกลงนายกำลังจะไปไหนนะ”
“ก็ไปหาอาจารย์ล่ะสิ หรือไง จะขึ้นไปกับเราหรือไง”
“ไม่หรอก ฉันไม่ค่อยถูกกับอาจารย์เท่าไหร่”
“อ้าว...แล้วลงทุนวิ่งมาถามทำไมล่ะ”
“ก็มาถามในฐานะเพื่อนห้องเดียวกัน และก็...”
“และก็ อะไรล่ะ”
“ก็มาดูเห็นหน้านายตอนที่กำลังนึกชื่อฉันล่ะซิ หน้านายนี่มันตลกได้ใจจริงๆเลยล่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไรกับเราแล้ว เราก็จะขึ้นไปหาอาจารย์ก็ละกัน”
รัฐพูดจบก็เดินหนีไปเลย ปล่อยน้ำหัวเราะเก้อ จนเธอนั้นเริ่มรู้สึกว่าเธอได้ไปทำให้เขานั้นเริ่มเสียความรู้สึกกับการที่เธอไปแกล้งเขาด้วยลักษณะแบบนี้ เธอเองก็เริ่มไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้วสิ แต่ก็คิดว่า หากมีโอกาสหน้า เธอคงต้องขอโทษเขาให้ได้
เมื่อรัฐขึ้นไปหาอาจารย์ที่ชั้น 2 มองลงมาที่สนามบาส เห็นน้ำนั้นเดินคอตกกลับไปนั่งยังที่เดิมเมื่อตอนแรกที่เธอมา เขานั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ที่เขานั้นเห็นน้ำคงรู้สึกแย่ที่ทำให้ตัวเขานั้นเสียความรู้สึกซึ่งความจริงแล้ว เขานั้นไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่น้ำแกล้งอย่างนั้น แต่ในทางตรงกันข้ามความรู้สึกของเขานั้นกลับคิดว่าเพื่อนคนใหม่ ที่ชื่อว่า “น้ำ” เริ่มที่จะเข้ามาในพจนานุกรมชีวิตของเขาเสียแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่า เพื่อนใหม่คนนี้จะยังคงกล้าคุยกับเขาอีกหรือไม่
*************************
สวัสดีครับ วันนี้นำส่วนที่แก้มาลงนะครับ คือแก้กันเสร็จก็เอามาลงเลยว่างั้น แบบสดๆร้อนๆ มีการแก้คำพูดนิดหน่อย รวมไปถึงเทคนิคการเขียนด้วย ตามที่เคยได้รับคำแนะนำอ่านะ ก็ลองดูนะครับว่าจะดีหรือเปล่า
ความคิดเห็น