ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [1] - ...ไม่นะครับ ผมไม่คุ้นหน้าคุณเลย
Part 1
“ชั้นอยากกลับบ้าน”
*****************************
“ชั้นอยากกลับบ้าน” คำขอของแจจุงชวนให้อีกคนต้องรู้สึกหดหู่
“ได้สิ” ยุนโฮตอบสั้นๆ โดยไม่ซักไซร้อะไรให้มากความ
วงแขนแกร่งโอบกอดรอบเอวบางไว้หลวมๆ แจจุงที่นอนหันหลังให้เริ่มผ่อนคลายและเดินเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราอีกครั้ง
เช้ารุ่งขึ้นยุนโฮตื่นมาเก็บเสื้อผ้าบางส่วนของแจจุงลงกระเป๋าใบเล็ก... ไม่อยากให้ไป แต่ก็คงรั้งไม่ไว้ไม่ได้
ร่าง บางที่ยังมีอาการบางอย่างผิดปกติไป การต้องทนฝืนอย่างอึดอัดคงเป็นเรื่องทรมานจิตใจ ยุนโฮยังเชื่ออยู่เสมอว่าระหว่างเขาและแจจุง...
ยังคงเหมือนเดิม
แจ จุงเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสงบเหลือบเห็นร่างสูงที่กำลังนั่งจัดกระเป๋า ให้อยู่ที่ปลายเตียง...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ยุนโฮทำให้ เค้าเริ่มจดจำมันได้อีกครั้ง
“ยุนโฮ...” เสียงหวานเปรยเรียก
“อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ? หิวข้าวรึยัง? ไปอาบน้ำก่อนสิ ชั้นจะทำกับข้าวให้” ยุนโฮยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณนะ” แจจุงมองการกระทำเหล่านั้น ก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มบาง ยุนโฮเพียงยิ้มรับเท่านั้น
อยากจะห้าม อยากจะรั้ง...แต่มันคงไม่ใช่เวลาที่ควร
แจจุงป่วยเป็นโรคหัวใจมานาน มันเรื้อรังและร้ายแรงจนถึงขั้นหมดทางรักษาเยียวยา หมอเสนอทางรอดสุดท้ายให้...นั่นก็คือการเปลี่ยนหัวใจ
แต่การหาหัวใจดวงใหม่มาเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องง่าย...แต่แล้ววันนึง เมื่อแจจุงอดทนมาจนถึงขีดสุด
เสี้ยววินาทีสุดท้าย คนที่เค้ารักที่สุดก็มีโอกาสรอด
สวรรค์ประทานสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ในวันนั้น
แต่ก็ราวกับถูกสาป...ยุนโฮยังต้องเฝ้าภาวนาวิงวอนขอแจจุงคนเดิมกลับมาด้วยอย่างนั้นหรือ??
.
.
.
ยุ นโฮขับรถมาส่งแจจุงที่บ้านอย่างอ้อยอิ่ง แม้จะอยากขอให้อยู่ต่อแต่เขาก็รู้ว่าไม่ควรอยู่ดี ที่ทำได้ก็มีเพียงถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เท่านั้น เผื่อว่าบางทีร่างบางอาจจะอยากเปลี่ยนใจ
“ชั้นจะโทรหานะ” ยุนโฮเอ่ยเป็นครั้งสุดท้ายกับแจจุง ก่อนจะยื่นกระเป๋าใบเสื้อผ้าใบเล็กส่งให้
“อื้ม” แจจุงตอบรับและยิ้มให้อีกเล็กน้อย
สมาชิก บ้านตระกูลต่างพากันแปลกใจ...แจจุงไม่ชวนยุนโฮเข้าบ้าน ซ้ำร้ายยังเดินหิ้วกระเป๋ากลับเข้าห้องของตัวเองไปเลยราวกับว่าอยากจะหลบ หลีกจากกันก็ไม่ปาน
ยุนโฮถอนใจยาวทำได้แค่ยืนมองอยู่ตรงหน้าประตู
“เกิดอะไรขึ้นเหรอยุนโฮ?” คุณนายคิมรีบถามหลังจากคล้อยหลังลูกชายไปแล้ว
“ดู เหมือนหัวใจดวงใหม่ของแจจุงจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่น่ะครับ...แจจุ งคงอยากกลับมาพักผ่อนที่บ้านเพื่อความสบายใจมากกว่า อีกอย่าง...ช่วงนี้ผมยุ่งๆ น่ะครับ” ยุนโฮรีบแก้ต่างให้
“ถ้าไม่มี ปัญหาอะไรกันก็ดีแล้ว แม่จะได้สบายใจ...ยังไงถ้าว่างๆ ก็แวะมาทานข้าวเย็นที่นี่ได้นะ จะได้ไม่ห่างกัน” คุณนายคิมโล่งใจหลังจากได้ฟังยุนโฮอธิบาย
“ครับ...ผมขอตัวก่อนนะครับ” ยุนโฮพยายามฝืนให้มารดาของคนรักสบายใจก่อนจะขอตัวไปทำงาน
*****************************
‘ชั้นชอบที่นี่’
‘หอมดีจัง’
ท้องฟ้าสีคราม ดอกไม้สีม่วงมากมาย ที่นี่ที่ไหนกันนะ
อ๊ะ!!
แจจุงสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกตัว...เพียงแค่นั่งเหม่อลอย ภาพเหล่านั้นกลับไหลเข้ามาในสมองให้เห็นอย่างแจ่มชัด...หัวใจเต้นถี่ระรัว
หวาดกลัว?
อาจจะใช่...
ร่าง บางทั้งเครียดและกังวล เค้าไม่อยากบอกใครว่าตนเองผิดปกติไปจากเดิมอย่างไร...และเพราะไม่อยากต้อง ร้ายความรู้สึกใครจึงขอเก็บเงียบไว้คนเดียวจะดีกว่า
“จะไปไหนน่ะลูก?” คุณนายคิมรีบเรียกลูกชายสุดรักสุดหวงแหนโดยน้ำเสียงอ่อนนุ่มอย่างกุลสตรี...แต่แจจุงไม่ตอบ เธอจึงรีบวิ่งตามมา
ร่างบางกลับมาอยู่บ้านได้สามวันแต่แจจุงสนทนากับคนในบ้านน้อยมากและเอาแต่เก็บตัวเงียบ
“แจจุง! เดี๋ยวก่อนลูก คุยกับแม่ก่อน แจจุงงง!!!” เธอเรียกไว้ไม่ทัน ลูกชายเธอขับรถออกไปเสียแล้ว...
*****************************
แจ จุงขับรถเล่นชมวิวยามบ่ายแก่ๆ ในย่านใจกลางเมืองมาจนถึงแถบชานเมือง...การจราจรอันคับคั่งเริ่มแผ่วลง รถราแถบย่านนี้แลน้อยกว่าในตัวเมืองมานัก
“อ๊ะ!!” จู่ๆ ภาพของผู้ชายคนนั้นก็ฉายขึ้นมาในหัว...ร่างบางประคองพวงมาลัยด้วยมือข้าง เดียว ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นกดขมับเพื่อช่วยให้วิสัยทัศน์ไม่พร่าเบลอกว่าที่ควร
ร่างบางกัดริมฝีปากแน่นจนเจ็บไปหมด หัวใจกระตุกวูบอยู่หลายทีจนคิดว่าอาจต้องไปโรงพยาบาลเสียแล้ว...แต่เค้าขับรถต่อไม่ไหวแล้ว
แจจุงเลี้ยวจอดข้างทางติดริมถนนที่สามารถจอดได้...รถของเขาจอดอยู่หน้าร้านดอกไม้พอดี สายตาพลันเหลือบไปเห็นคนที่อยู่ในร้าน
นั่นใครกัน?
คุ้นหน้ามาก ใครกันนะ?
เพราะเห็นเพียงเสี้ยวหน้า แจจุงจึงตัดสินใจลงจากรถเพื่อมองดูให้ชัดๆ
ระหว่างนั้น...ชายคนที่อยู่ในร้านกำลังจัดดอกไม้เรียงรายก็หันมาสบตาเข้าพอดี และทันทีที่เห็นหน้าชัดๆ แจจุงก็แทบล้มทั้งยืน
“อึก!” ร่างบางกุมที่อกด้านซ้ายแน่น
ผู้ชายในร้านดอกไม้จึงรีบเปิดประตูออกมาดู
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เขาคนนั้นรีบเข้ามาประคอง ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ใจก็ยิ่งไหววูบ แจจุงตกใจอย่างหนักเมื่อแน่ใจแล้วว่า...
คนๆ นี้คือคนคนเดียวกับที่เค้าเคยเห็นในฝันก่อนนี้จริงๆ
ร่างบางยืนไม่อยู่และทรุดฮวบลงทันที
“อ๊ะ! คุณ! คุณครับ!”
*****************************
“ฟื้นแล้วเหรอครับ?” น้ำเสียงและรอยยิ้มของคนตรงหน้ายังชวนให้หน้ามืดอยู่เป็นระยะๆ ทั้งที่เขาคนนั้นกำลังส่งยิ้มให้แท้ๆ
“นี่ผมเป็นอะไรไป...แล้วที่นี่...?”
“คุณเป็นลมน่ะครับ ผมไม่รู้จะทำยังไง เลยพาคุณมานอนพักอยู่หลังร้าน” คนมีน้ำใจกล่าว
“...ขอโทษครับ” ร่างบางได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ดื่มน้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจก่อนนะครับ เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้น” เขายิ้มใจดีให้อีกครั้ง
แจจุงรับน้ำมาดื่มอย่างเกร็งๆ สายตาก็คอยจับจ้องชายตรงหน้าอย่างจริงจังจนคนถูกจ้องต้องละจากกระถางดอกไม้ในมือ
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“เอ่อ...เปล่าครับ...” แจจุงปฏิเสธ พลางเสมองทางอื่นแทน
“..........” ร่างบางมองกุหลาบขาวตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
“ผมให้ครับ...เผื่อคุณจะเอาไปมอบให้คนพิเศษ”
แจจุงยื่นมือรับก่อนจะเอ่ยถาม
“คุณเป็นเจ้าของร้านที่นี่เหรอครับ?”
“ใช่ครับ...แปลกมากเหรอครับ?” ที่เขาถามเช่นนั้นเพราะเห็นอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ตั้งนานสองนาน
“เปล่า ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น...คือ ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณมากเลยอยากจะถามว่าเราเคยพบกันมาก่อนมั้ยครับ?” แจจุงตัดสินใจถาม เผื่อว่าบางทีอาจเป็นคนรู้จักกันมาก่อน ถึงได้เห็นหน้าเค้าในความฝัน ไม่แน่ว่าแจจุงอาจลืมเลือนใครไป
“...ไม่นะครับ ผมไม่คุ้นหน้าคุณเลย” เขานิ่งคิดและให้คำตอบที่ตรงไปตรงมา
“อ่อ...สงสัยผมคงจะเบลอจนจำคนผิดไป” แจจุงหยิบน้ำขึ้นมาจิบแก้เก้อ
“ตอน นี้ผมปิดร้านแล้ว และตอนนี้ก็เลยสามทุ่มแล้วนะครับ คุณควรจะบอกให้คนที่บ้านมารับกลับนะครับ...ถ้าคุณยังไม่หายดีอาจอันตรายหาก ขับรถเอง” เขาเตือนด้วยความหวังดี
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมดีขึ้นมากแล้ว ต้องขอโทษด้วยที่รบกวนนะครับ” แจจุงคงหลับไปนาน ไม่น่าเชื่อว่าจะหลับยาวจนค่ำมืดขนาดนี้
“ยินดีครับ...ถ้าคุณแน่ใจว่าโอเคแล้วผมก็สบายใจ” ยิ้มน้อยๆ ให้อีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนตามร่างบางเพื่อเดินออกมาส่งที่รถ
“คุณ...เอ่อ...ผมยังไม่ทราบชื่อคุณเลย” แจจุงถามด้วยความอยากรู้
“ชิมชางมินครับ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณชางมิน...” แจจุงยิ้มรับคนตรงหน้าก่อนจะขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
.
.
.
“นั่นใครเหรอ? ชางมิน”
“ไม่รู้สิ ไม่ได้ถามชื่อ...แล้วนี่นายมาทำอะไรล่ะจุนซู?” ชางมินหันมาถาม
“ก็เป็นห่วงนายกลัวว่าจะเหงาไง อีกสักพักยูชอนจะตามมา...ว่าแต่คนนั้นน่ะลูกค้าเหรอ?” จุนซูวกกลับมาถามเรื่องเดิม
“เปล่า”
“อ้าว! แล้วทำไมนายต้องเดินออกมาส่งที่รถด้วยล่ะ?” จุนซูถามเสียงดังพลางก้าวขาตามชางมินกลับเข้ามาในร้าน
“ก็เค้าเป็นลมตอนกำลังเดินมาทางร้านพอดี ก็เลยพาเค้ามานอนพักหลังร้านน่ะ...ก็แค่นั้นเอง” ชางมินสาธยาย และดูเหมือนจุนซูจะเริ่มเข้าใจ
“คุณอะไรกันเสียงดังออกไปถึงหน้าร้านเลยห๊ะ?” ยูชอนเดินเข้ามาพอดี
“ไม่มีอะไรหรอก จุนซูขี้โวยวายประจำนั่นแหละ” ชางมินแขวะให้เล็กน้อยก่อนจะอุ้มกระถางกุหลาบไปเก็บหลังร้าน
.
.
.
“มีอะไรเหรอ? จุนซู” คล้อยหลังชางมินยูชอนรีบถาม
“ชั้นว่า...ชั้นเห็นคิมแจจุง” จุนซูมุ่นคิ้วอย่างแคลงใจ
คำตอบของจุนซูเรียกสีหน้านิ่งของยูชอนให้เรียบเฉยหนักกว่าเดิม
“เป็นไปไม่ได้” ยูชอนไม่เชื่อ “นายอาจจะตาฝาด”
“ภาวนาขอให้เป็นอย่างงั้นจริงๆ ก็แล้วกัน” จุนซูเองก็ไม่อาจปักใจเชื่อได้
“แอบ ซุบซิบอะไรลับหลังชั้นอีกแล้วนะพวกนาย” ชางมินที่หายเงียบอยู่หลังร้านออกมาทันได้เห็นทั้งสองคนคุยกันด้วยเสียงอัน เกือบจะ ... เงียบงัน
*****************************
“กลับ มาแล้วเหรอลูก...หายไปไหนมาทั้งวันเลยห๊ะ ยุนโฮมารอลูกจนหลับคาโซฟาไปแล้วนะ” คุณนายแม่รีบออกมายืนรับทันทีที่ได้ยินเสียงรถของลูกชายเทียบท่า
“คือ...แค่ไปขับรถเล่นน่ะครับแม่” แจจุงตอบเลี่ยงๆ ในมือยังถือดอกกุหลาบสีขาวดอกนั้นติดมือเข้ามาในบ้านด้วย
“ใคร ให้มาเหรอจ๊ะ?” คุณนายคิมมองกุหลาบดอกนั้นอย่างแปลกใจ แจจุงถือมันไว้อย่างทะนุถนอมเกินเหตุ ไหนยังจะหน้าตาอมยิ้มแบบนั้นอีก ดูอารมณ์ดีผิดปกติจริงๆ
“เพื่อนน่ะครับ...คุณแม่ขึ้นนอนเถอะนะครับ ...นะครับ นะๆ” แจจุงรีบประคองแขนมารดาขึ้นสู่บันไดเพื่อให้เธอเข้านอน เธอจำใจกลับห้องตัวเองหลังจากที่ลูกชายบอกว่าจะจัดการเรื่องยุนโฮเอง
.
.
.
“ขอ โทษนะยุนโฮ...นายคงเป็นห่วงชั้นมากเลยสินะ” แจจุงรู้สึกผิดกับยุนโฮอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจฝืนใจให้ทุกอย่างกลับไปเป็นดังเดิม ไม่มีอะไรที่ตัวเค้าจะสามารถอธิบายได้ดีในตอนนี้ และก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบเหล่านี้ได้อย่างไร
ร่างบางขึ้นไปหยิบผ้าห่มของตนเองมาห่มให้ร่างสูงที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา พลางช่วยจัดท่านอนให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
ยุนโฮลืมตาขึ้นมาในความมืด...ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนจะกระชับผ้าห่มผืนนั้นไว้แนบกาย
*****************************
คอนโดหรูชานเมือง
ยูชอนและจุนซูส่งชางมินเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงกลับที่พักของตนเอง
“นายยังไม่เลิกกังวลเรื่องคิมแจจุงอีกเหรอ?” ยูชอนเห็นสีหน้าครุ่นคิดของคนรักที่เดินเคียงข้างกันจึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“อืม...ไม่รู้สิ บางทีชั้นอาจจะตาฝาด”
จุน ซูเดินเอามือล้วงกระเป๋าเหมือนกับยูชอน ทั้งคู่ใช้เส้นทางนี้ในการเดินลัดเลาะกลับที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านของชา งมินมากนัก แสงไฟบนถนนไม่ได้ช่วยในความคิดของจุนซูสดใสขึ้นได้เลย
“อย่าคิดมากอีกเลยน่า”
“แต่ถ้าคนที่ชั้นเห็นเป็นแจจุงจริงๆ ล่ะ จะทำยังไง?” จุนซูเริ่มเครียด
“ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด” ยูชอนเอ่ยด้วยเสียงอันเรียบนิ่ง
“ก็ถ้ามันเป็นไปแล้วล่ะ?” จุนซูเซ้าซี้
“จะเป็นไปได้ยังไง? นายเองก็รู้”
“แต่ชั้นแน่ใจว่าตาชั้นไม่ฝาดแน่” จุนซูเริ่มมั่นใจ
“ปิด ตาของนายซะ แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” สั่งเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งบ่งบอกอารมณ์ที่เริ่มตีรวน หากเป็นคนนอกคงตอบได้ยากว่ายูชอนกำลังรู้สึกเช่นไร
“ไม่ได้นะยูชอน สองคนนั้นไม่ควรพบกันนะ”
“อาจแค่บังเอิญ” ยูชอนฝีเท้าและหันมาพูดคุยกันอย่างจริงจัง
“ชางมินอาจจำแจจุงได้เพราะแจจุงเหมือน...ยอ...” ยังไม่ทันที่จุนซูจะเอ่ยจบยูชอนก็ขัดเสียงแข็ง
“มันจะเป็นไปได้ยังไง...ในเมื่อชั้นเป็นคนลบความทรงจำของชางมินและคิมแจจุงด้วยตัวเอง...กับมือ” มือขวาถูกยกขึ้นมาเพื่อยืนยัน
“.......” จุนซูเม้มปากแน่นไม่กล้าพูดอะไรอีก
ยูชอนกำลังเจ็บปวดต่อสิ่งที่ตัวเค้าเองเป็นผู้กระทำ...สิ่งที่ไม่เต็มใจ และยากเกินกว่าจะใช้เวลาเยียวยาทุกอย่างได้
จุนซูรับรู้
และคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเค้าอีกแล้ว
*****************************
TBC
“ชั้นอยากกลับบ้าน”
*****************************
“ชั้นอยากกลับบ้าน” คำขอของแจจุงชวนให้อีกคนต้องรู้สึกหดหู่
“ได้สิ” ยุนโฮตอบสั้นๆ โดยไม่ซักไซร้อะไรให้มากความ
วงแขนแกร่งโอบกอดรอบเอวบางไว้หลวมๆ แจจุงที่นอนหันหลังให้เริ่มผ่อนคลายและเดินเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราอีกครั้ง
เช้ารุ่งขึ้นยุนโฮตื่นมาเก็บเสื้อผ้าบางส่วนของแจจุงลงกระเป๋าใบเล็ก... ไม่อยากให้ไป แต่ก็คงรั้งไม่ไว้ไม่ได้
ร่าง บางที่ยังมีอาการบางอย่างผิดปกติไป การต้องทนฝืนอย่างอึดอัดคงเป็นเรื่องทรมานจิตใจ ยุนโฮยังเชื่ออยู่เสมอว่าระหว่างเขาและแจจุง...
ยังคงเหมือนเดิม
แจ จุงเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างสงบเหลือบเห็นร่างสูงที่กำลังนั่งจัดกระเป๋า ให้อยู่ที่ปลายเตียง...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ยุนโฮทำให้ เค้าเริ่มจดจำมันได้อีกครั้ง
“ยุนโฮ...” เสียงหวานเปรยเรียก
“อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ? หิวข้าวรึยัง? ไปอาบน้ำก่อนสิ ชั้นจะทำกับข้าวให้” ยุนโฮยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณนะ” แจจุงมองการกระทำเหล่านั้น ก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มบาง ยุนโฮเพียงยิ้มรับเท่านั้น
อยากจะห้าม อยากจะรั้ง...แต่มันคงไม่ใช่เวลาที่ควร
แจจุงป่วยเป็นโรคหัวใจมานาน มันเรื้อรังและร้ายแรงจนถึงขั้นหมดทางรักษาเยียวยา หมอเสนอทางรอดสุดท้ายให้...นั่นก็คือการเปลี่ยนหัวใจ
แต่การหาหัวใจดวงใหม่มาเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องง่าย...แต่แล้ววันนึง เมื่อแจจุงอดทนมาจนถึงขีดสุด
เสี้ยววินาทีสุดท้าย คนที่เค้ารักที่สุดก็มีโอกาสรอด
สวรรค์ประทานสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ในวันนั้น
แต่ก็ราวกับถูกสาป...ยุนโฮยังต้องเฝ้าภาวนาวิงวอนขอแจจุงคนเดิมกลับมาด้วยอย่างนั้นหรือ??
.
.
.
ยุ นโฮขับรถมาส่งแจจุงที่บ้านอย่างอ้อยอิ่ง แม้จะอยากขอให้อยู่ต่อแต่เขาก็รู้ว่าไม่ควรอยู่ดี ที่ทำได้ก็มีเพียงถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เท่านั้น เผื่อว่าบางทีร่างบางอาจจะอยากเปลี่ยนใจ
“ชั้นจะโทรหานะ” ยุนโฮเอ่ยเป็นครั้งสุดท้ายกับแจจุง ก่อนจะยื่นกระเป๋าใบเสื้อผ้าใบเล็กส่งให้
“อื้ม” แจจุงตอบรับและยิ้มให้อีกเล็กน้อย
สมาชิก บ้านตระกูลต่างพากันแปลกใจ...แจจุงไม่ชวนยุนโฮเข้าบ้าน ซ้ำร้ายยังเดินหิ้วกระเป๋ากลับเข้าห้องของตัวเองไปเลยราวกับว่าอยากจะหลบ หลีกจากกันก็ไม่ปาน
ยุนโฮถอนใจยาวทำได้แค่ยืนมองอยู่ตรงหน้าประตู
“เกิดอะไรขึ้นเหรอยุนโฮ?” คุณนายคิมรีบถามหลังจากคล้อยหลังลูกชายไปแล้ว
“ดู เหมือนหัวใจดวงใหม่ของแจจุงจะยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่น่ะครับ...แจจุ งคงอยากกลับมาพักผ่อนที่บ้านเพื่อความสบายใจมากกว่า อีกอย่าง...ช่วงนี้ผมยุ่งๆ น่ะครับ” ยุนโฮรีบแก้ต่างให้
“ถ้าไม่มี ปัญหาอะไรกันก็ดีแล้ว แม่จะได้สบายใจ...ยังไงถ้าว่างๆ ก็แวะมาทานข้าวเย็นที่นี่ได้นะ จะได้ไม่ห่างกัน” คุณนายคิมโล่งใจหลังจากได้ฟังยุนโฮอธิบาย
“ครับ...ผมขอตัวก่อนนะครับ” ยุนโฮพยายามฝืนให้มารดาของคนรักสบายใจก่อนจะขอตัวไปทำงาน
*****************************
‘ชั้นชอบที่นี่’
‘หอมดีจัง’
ท้องฟ้าสีคราม ดอกไม้สีม่วงมากมาย ที่นี่ที่ไหนกันนะ
อ๊ะ!!
แจจุงสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกตัว...เพียงแค่นั่งเหม่อลอย ภาพเหล่านั้นกลับไหลเข้ามาในสมองให้เห็นอย่างแจ่มชัด...หัวใจเต้นถี่ระรัว
หวาดกลัว?
อาจจะใช่...
ร่าง บางทั้งเครียดและกังวล เค้าไม่อยากบอกใครว่าตนเองผิดปกติไปจากเดิมอย่างไร...และเพราะไม่อยากต้อง ร้ายความรู้สึกใครจึงขอเก็บเงียบไว้คนเดียวจะดีกว่า
“จะไปไหนน่ะลูก?” คุณนายคิมรีบเรียกลูกชายสุดรักสุดหวงแหนโดยน้ำเสียงอ่อนนุ่มอย่างกุลสตรี...แต่แจจุงไม่ตอบ เธอจึงรีบวิ่งตามมา
ร่างบางกลับมาอยู่บ้านได้สามวันแต่แจจุงสนทนากับคนในบ้านน้อยมากและเอาแต่เก็บตัวเงียบ
“แจจุง! เดี๋ยวก่อนลูก คุยกับแม่ก่อน แจจุงงง!!!” เธอเรียกไว้ไม่ทัน ลูกชายเธอขับรถออกไปเสียแล้ว...
*****************************
แจ จุงขับรถเล่นชมวิวยามบ่ายแก่ๆ ในย่านใจกลางเมืองมาจนถึงแถบชานเมือง...การจราจรอันคับคั่งเริ่มแผ่วลง รถราแถบย่านนี้แลน้อยกว่าในตัวเมืองมานัก
“อ๊ะ!!” จู่ๆ ภาพของผู้ชายคนนั้นก็ฉายขึ้นมาในหัว...ร่างบางประคองพวงมาลัยด้วยมือข้าง เดียว ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นกดขมับเพื่อช่วยให้วิสัยทัศน์ไม่พร่าเบลอกว่าที่ควร
ร่างบางกัดริมฝีปากแน่นจนเจ็บไปหมด หัวใจกระตุกวูบอยู่หลายทีจนคิดว่าอาจต้องไปโรงพยาบาลเสียแล้ว...แต่เค้าขับรถต่อไม่ไหวแล้ว
แจจุงเลี้ยวจอดข้างทางติดริมถนนที่สามารถจอดได้...รถของเขาจอดอยู่หน้าร้านดอกไม้พอดี สายตาพลันเหลือบไปเห็นคนที่อยู่ในร้าน
นั่นใครกัน?
คุ้นหน้ามาก ใครกันนะ?
เพราะเห็นเพียงเสี้ยวหน้า แจจุงจึงตัดสินใจลงจากรถเพื่อมองดูให้ชัดๆ
ระหว่างนั้น...ชายคนที่อยู่ในร้านกำลังจัดดอกไม้เรียงรายก็หันมาสบตาเข้าพอดี และทันทีที่เห็นหน้าชัดๆ แจจุงก็แทบล้มทั้งยืน
“อึก!” ร่างบางกุมที่อกด้านซ้ายแน่น
ผู้ชายในร้านดอกไม้จึงรีบเปิดประตูออกมาดู
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เขาคนนั้นรีบเข้ามาประคอง ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ใจก็ยิ่งไหววูบ แจจุงตกใจอย่างหนักเมื่อแน่ใจแล้วว่า...
คนๆ นี้คือคนคนเดียวกับที่เค้าเคยเห็นในฝันก่อนนี้จริงๆ
ร่างบางยืนไม่อยู่และทรุดฮวบลงทันที
“อ๊ะ! คุณ! คุณครับ!”
*****************************
“ฟื้นแล้วเหรอครับ?” น้ำเสียงและรอยยิ้มของคนตรงหน้ายังชวนให้หน้ามืดอยู่เป็นระยะๆ ทั้งที่เขาคนนั้นกำลังส่งยิ้มให้แท้ๆ
“นี่ผมเป็นอะไรไป...แล้วที่นี่...?”
“คุณเป็นลมน่ะครับ ผมไม่รู้จะทำยังไง เลยพาคุณมานอนพักอยู่หลังร้าน” คนมีน้ำใจกล่าว
“...ขอโทษครับ” ร่างบางได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ดื่มน้ำเย็นๆ ให้ชื่นใจก่อนนะครับ เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้น” เขายิ้มใจดีให้อีกครั้ง
แจจุงรับน้ำมาดื่มอย่างเกร็งๆ สายตาก็คอยจับจ้องชายตรงหน้าอย่างจริงจังจนคนถูกจ้องต้องละจากกระถางดอกไม้ในมือ
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“เอ่อ...เปล่าครับ...” แจจุงปฏิเสธ พลางเสมองทางอื่นแทน
“..........” ร่างบางมองกุหลาบขาวตรงหน้าอย่างประหลาดใจ
“ผมให้ครับ...เผื่อคุณจะเอาไปมอบให้คนพิเศษ”
แจจุงยื่นมือรับก่อนจะเอ่ยถาม
“คุณเป็นเจ้าของร้านที่นี่เหรอครับ?”
“ใช่ครับ...แปลกมากเหรอครับ?” ที่เขาถามเช่นนั้นเพราะเห็นอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ตั้งนานสองนาน
“เปล่า ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น...คือ ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณมากเลยอยากจะถามว่าเราเคยพบกันมาก่อนมั้ยครับ?” แจจุงตัดสินใจถาม เผื่อว่าบางทีอาจเป็นคนรู้จักกันมาก่อน ถึงได้เห็นหน้าเค้าในความฝัน ไม่แน่ว่าแจจุงอาจลืมเลือนใครไป
“...ไม่นะครับ ผมไม่คุ้นหน้าคุณเลย” เขานิ่งคิดและให้คำตอบที่ตรงไปตรงมา
“อ่อ...สงสัยผมคงจะเบลอจนจำคนผิดไป” แจจุงหยิบน้ำขึ้นมาจิบแก้เก้อ
“ตอน นี้ผมปิดร้านแล้ว และตอนนี้ก็เลยสามทุ่มแล้วนะครับ คุณควรจะบอกให้คนที่บ้านมารับกลับนะครับ...ถ้าคุณยังไม่หายดีอาจอันตรายหาก ขับรถเอง” เขาเตือนด้วยความหวังดี
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมดีขึ้นมากแล้ว ต้องขอโทษด้วยที่รบกวนนะครับ” แจจุงคงหลับไปนาน ไม่น่าเชื่อว่าจะหลับยาวจนค่ำมืดขนาดนี้
“ยินดีครับ...ถ้าคุณแน่ใจว่าโอเคแล้วผมก็สบายใจ” ยิ้มน้อยๆ ให้อีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนตามร่างบางเพื่อเดินออกมาส่งที่รถ
“คุณ...เอ่อ...ผมยังไม่ทราบชื่อคุณเลย” แจจุงถามด้วยความอยากรู้
“ชิมชางมินครับ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณชางมิน...” แจจุงยิ้มรับคนตรงหน้าก่อนจะขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
.
.
.
“นั่นใครเหรอ? ชางมิน”
“ไม่รู้สิ ไม่ได้ถามชื่อ...แล้วนี่นายมาทำอะไรล่ะจุนซู?” ชางมินหันมาถาม
“ก็เป็นห่วงนายกลัวว่าจะเหงาไง อีกสักพักยูชอนจะตามมา...ว่าแต่คนนั้นน่ะลูกค้าเหรอ?” จุนซูวกกลับมาถามเรื่องเดิม
“เปล่า”
“อ้าว! แล้วทำไมนายต้องเดินออกมาส่งที่รถด้วยล่ะ?” จุนซูถามเสียงดังพลางก้าวขาตามชางมินกลับเข้ามาในร้าน
“ก็เค้าเป็นลมตอนกำลังเดินมาทางร้านพอดี ก็เลยพาเค้ามานอนพักหลังร้านน่ะ...ก็แค่นั้นเอง” ชางมินสาธยาย และดูเหมือนจุนซูจะเริ่มเข้าใจ
“คุณอะไรกันเสียงดังออกไปถึงหน้าร้านเลยห๊ะ?” ยูชอนเดินเข้ามาพอดี
“ไม่มีอะไรหรอก จุนซูขี้โวยวายประจำนั่นแหละ” ชางมินแขวะให้เล็กน้อยก่อนจะอุ้มกระถางกุหลาบไปเก็บหลังร้าน
.
.
.
“มีอะไรเหรอ? จุนซู” คล้อยหลังชางมินยูชอนรีบถาม
“ชั้นว่า...ชั้นเห็นคิมแจจุง” จุนซูมุ่นคิ้วอย่างแคลงใจ
คำตอบของจุนซูเรียกสีหน้านิ่งของยูชอนให้เรียบเฉยหนักกว่าเดิม
“เป็นไปไม่ได้” ยูชอนไม่เชื่อ “นายอาจจะตาฝาด”
“ภาวนาขอให้เป็นอย่างงั้นจริงๆ ก็แล้วกัน” จุนซูเองก็ไม่อาจปักใจเชื่อได้
“แอบ ซุบซิบอะไรลับหลังชั้นอีกแล้วนะพวกนาย” ชางมินที่หายเงียบอยู่หลังร้านออกมาทันได้เห็นทั้งสองคนคุยกันด้วยเสียงอัน เกือบจะ ... เงียบงัน
*****************************
“กลับ มาแล้วเหรอลูก...หายไปไหนมาทั้งวันเลยห๊ะ ยุนโฮมารอลูกจนหลับคาโซฟาไปแล้วนะ” คุณนายแม่รีบออกมายืนรับทันทีที่ได้ยินเสียงรถของลูกชายเทียบท่า
“คือ...แค่ไปขับรถเล่นน่ะครับแม่” แจจุงตอบเลี่ยงๆ ในมือยังถือดอกกุหลาบสีขาวดอกนั้นติดมือเข้ามาในบ้านด้วย
“ใคร ให้มาเหรอจ๊ะ?” คุณนายคิมมองกุหลาบดอกนั้นอย่างแปลกใจ แจจุงถือมันไว้อย่างทะนุถนอมเกินเหตุ ไหนยังจะหน้าตาอมยิ้มแบบนั้นอีก ดูอารมณ์ดีผิดปกติจริงๆ
“เพื่อนน่ะครับ...คุณแม่ขึ้นนอนเถอะนะครับ ...นะครับ นะๆ” แจจุงรีบประคองแขนมารดาขึ้นสู่บันไดเพื่อให้เธอเข้านอน เธอจำใจกลับห้องตัวเองหลังจากที่ลูกชายบอกว่าจะจัดการเรื่องยุนโฮเอง
.
.
.
“ขอ โทษนะยุนโฮ...นายคงเป็นห่วงชั้นมากเลยสินะ” แจจุงรู้สึกผิดกับยุนโฮอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจฝืนใจให้ทุกอย่างกลับไปเป็นดังเดิม ไม่มีอะไรที่ตัวเค้าจะสามารถอธิบายได้ดีในตอนนี้ และก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบเหล่านี้ได้อย่างไร
ร่างบางขึ้นไปหยิบผ้าห่มของตนเองมาห่มให้ร่างสูงที่นอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา พลางช่วยจัดท่านอนให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
ยุนโฮลืมตาขึ้นมาในความมืด...ยกยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนจะกระชับผ้าห่มผืนนั้นไว้แนบกาย
*****************************
คอนโดหรูชานเมือง
ยูชอนและจุนซูส่งชางมินเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงกลับที่พักของตนเอง
“นายยังไม่เลิกกังวลเรื่องคิมแจจุงอีกเหรอ?” ยูชอนเห็นสีหน้าครุ่นคิดของคนรักที่เดินเคียงข้างกันจึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“อืม...ไม่รู้สิ บางทีชั้นอาจจะตาฝาด”
จุน ซูเดินเอามือล้วงกระเป๋าเหมือนกับยูชอน ทั้งคู่ใช้เส้นทางนี้ในการเดินลัดเลาะกลับที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านของชา งมินมากนัก แสงไฟบนถนนไม่ได้ช่วยในความคิดของจุนซูสดใสขึ้นได้เลย
“อย่าคิดมากอีกเลยน่า”
“แต่ถ้าคนที่ชั้นเห็นเป็นแจจุงจริงๆ ล่ะ จะทำยังไง?” จุนซูเริ่มเครียด
“ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด” ยูชอนเอ่ยด้วยเสียงอันเรียบนิ่ง
“ก็ถ้ามันเป็นไปแล้วล่ะ?” จุนซูเซ้าซี้
“จะเป็นไปได้ยังไง? นายเองก็รู้”
“แต่ชั้นแน่ใจว่าตาชั้นไม่ฝาดแน่” จุนซูเริ่มมั่นใจ
“ปิด ตาของนายซะ แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” สั่งเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งบ่งบอกอารมณ์ที่เริ่มตีรวน หากเป็นคนนอกคงตอบได้ยากว่ายูชอนกำลังรู้สึกเช่นไร
“ไม่ได้นะยูชอน สองคนนั้นไม่ควรพบกันนะ”
“อาจแค่บังเอิญ” ยูชอนฝีเท้าและหันมาพูดคุยกันอย่างจริงจัง
“ชางมินอาจจำแจจุงได้เพราะแจจุงเหมือน...ยอ...” ยังไม่ทันที่จุนซูจะเอ่ยจบยูชอนก็ขัดเสียงแข็ง
“มันจะเป็นไปได้ยังไง...ในเมื่อชั้นเป็นคนลบความทรงจำของชางมินและคิมแจจุงด้วยตัวเอง...กับมือ” มือขวาถูกยกขึ้นมาเพื่อยืนยัน
“.......” จุนซูเม้มปากแน่นไม่กล้าพูดอะไรอีก
ยูชอนกำลังเจ็บปวดต่อสิ่งที่ตัวเค้าเองเป็นผู้กระทำ...สิ่งที่ไม่เต็มใจ และยากเกินกว่าจะใช้เวลาเยียวยาทุกอย่างได้
จุนซูรับรู้
และคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเค้าอีกแล้ว
*****************************
TBC
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น