ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เปิดจองเล่ห์ลวงใจแบบรูปเล่ม (นิยาย Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : เล่ห์ลวงใจ บทที่ 1 (Yaoi)

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 58



    เล่ห์ลวงใจ บทที่ 1  (แนว Yaoi)
    โดย Bellbomb


    เสียงดนตรีจากลำโพงของผับชื่อดังใจกลางเมืองดังกระหึ่มไปถึงถนนด้านหน้า ถึงแม้จะยังเป็นเวลาหัวค่ำแถมไม่ใช่วันหยุด แต่ก็มีลูกค้าหลั่งไหลเข้าประตูมาไม่ขาดสาย ที่นั่งตามโต๊ะและหน้าเคาน์เตอร์แน่นจนไม่เหลือเก้าอี้ว่าง ส่วนพื้นที่บนแดนซ์ฟลอร์และตามช่องทางเดินทั้งสองชั้นก็อัดแน่นไปด้วยผู้มาหาความสำราญยามราตรีซึ่งโยกย้ายร่างกายตามจังหวะเพลงอันเร่าร้อน

    ทุกมุมภายในร้านซึ่งมีเพียงแสงไฟดิสโก้สาดส่องอบอวลไปด้วยบรรยากาศรื่นเริงและรอยยิ้ม  แต่กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งจิบเครื่องดื่มในแก้วเงียบๆ นัยน์ตากลมโตเหลือบมองเพื่อนอีกสองคนที่เพิ่งกลับมาจากแดนซ์ฟลอร์อย่างไม่กระตือรือร้น

    “โอ๊ยเหนื่อย เต้นจนเหงื่อแตกไปหมดเลย แกออกไปเต้นมั่งสิตี้ ไม่ต้องนั่งเฝ้ากระเป๋าให้ฉันอย่างเดียวก็ได้”

    “นั่นสิ อุตส่าห์ลากแกมาเที่ยวฉลองสอบเสร็จได้สักที กินเหล้าแล้วออกไปสนุกบ้างเถอะ”

    ธีระ หรือ ‘ตี้’ ที่เพื่อนๆ เรียกเพียงแย้มมุมปากเล็กน้อยขณะวางแก้วเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอลล์ลงบนโต๊ะ “ไม่เอาล่ะ พอเลิกกินเหล้ามาสักพักมันก็ไม่อยากแตะแล้ว อีกอย่างที่ยอมมาวันนี้เพราะเห็นว่าช่วงปิดเทอมจะไม่ได้เจอซันหรอกนะ ไม่งั้นก็คงไม่มา”

    หนึ่งสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มแต่ใจสาวมองหน้ากัน จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าไปนั่งประกบซ้ายขวาธีระทันที

    “ตี้...ยังไม่ลืมพี่เขาอีกเหรอ นี่มันก็หลายเดือนแล้วนะ ไหนๆ เขาไม่กลับมาแล้วก็เปิดใจรับคนใหม่บ้างเถอะน่า หรืออย่างน้อยก็ปล่อยตัวสนุกสนานบ้างก็ได้ พวกฉันเห็นแกเป็นแบบนี้แล้วกลัวแกจะมุ่งทางธรรมหลังเรียนจบชะมัด"

    "ฮะๆ จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าปิดเทอมนี้มีฝึกงานก็น่าไปบวชอยู่เหมือนกัน"

    ธีระเอ่ยอย่างไม่จริงจังขณะใช้หลอดคนน้ำแข็งในแก้วเล่น แต่ศันสนีย์ร้องกรี๊ดทันทีขณะวางสองมือบนไหล่เพื่อนแล้วเขย่า "ไม่ได้!! แกอย่าไปหลงทำตามที่อีเมธมันพูดนะ! หน้าตาอย่างแกนี่ถึงโกนหัวห่มผ้าเหลืองก็ไม่ปลอดภัยรู้มั้ยตี้ ไม่รู้ล่ะ ระหว่างที่ฉันไปซัมเมอร์ที่ลอนดอนนี่แกต้องให้อีเมธมันคอยดูแลอยู่ข้างๆ นะ!"

    "นี่หล่อน! ลืมหรือไงว่าปิดเทอมนี้ฉันต้องกลับไปช่วยแม่ขายของที่หาดใหญ่! ใครจะว่างมาเฝ้าเพื่อนให้หล่อนล่ะยะ!"

    สุเมธหรือ 'อีเมธ' ที่โดนพาดพิงย้อนด้วยความหมั่นไส้จนเพื่อนสาวถลึงตาใส่ ธีระจึงหัวเราะขณะพยายามจะช่วยไกล่เกลี่ยเพื่อนรักทั้งคู่

    "ไม่ต้องเถียงกันๆ ไม่ต้องห่วงหรอกซัน ยังไงกลับจากลอนดอนก็ไม่เห็นเราหัวโล้นแน่ ส่วนเมธก็กลับไปช่วยที่บ้านเถอะ เราอยู่คนเดียวได้ ถึงยังไงช่วงที่ไปฝึกงานก็คงไม่ฟุ้งซ่านหรอก"

    ศันสนีย์มองธีระซึ่งเป็นหนุ่มหน้าหวาน แถมยังตัวเล็กกว่าเธอที่ดันถอดแบบจากบิดาชาวอังกฤษมาจนสูงถึง 175 เซนติเมตร แล้วก็ให้รู้สึกเหมือนกำลังมองน้องชาย ความเป็นห่วงทำให้เธออดจะดึงเพื่อนรักมากอดไม่ได้

    "จริงๆ นะตี้ ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมพี่เขาทิ้งเด็กน่ารักๆ อย่างแกได้ลง นี่ถ้าครั้งแรกที่เจอพี่เขานั่นฉันอยู่ด้วยนะ รับรองเขาไม่มีโอกาสได้ทำร้ายจิตใจแกแน่ๆ แต่ในเมื่อจบกันไปแล้วก็อย่าจมกับอดีตเลย พวกฉันอยากเห็นแกยิ้มแย้มร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนนะ"

    สุเมธซึ่งแม้จะเป็นชายรูปร่างบึกบึน แต่กลับใจสาวที่สุดในบรรดาเพื่อนสามคนก็ลูบไหล่ของธีระอย่างให้กำลังใจเช่นกัน เด็กหนุ่มซึ่งได้รับความรักจากเพื่อนอย่างเต็มเปี่ยมจึงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะดันตัวขึ้นนั่งตรง

    "ขอบคุณนะทั้งคู่ เราไม่ได้จมกับอดีตอะไรขนาดนั้นหรอก วันนี้อุตส่าห์ได้มาเที่ยวกันก่อนปิดเทอมทั้งทีก็อย่าเอาแต่มาปลอบเราเลย เพลงนี้เมธชอบไม่ใช่เหรอ? ไปเต้นกันเถอะไป เดี๋ยวเรารออยู่นี่"

    "ไม่ออกไปเต้นด้วยกันล่ะตี้ มากันสามคนแท้ๆ จะให้ฉันกับอีเมธไปดิ้นกันแค่สองคนเนี่ยนะ?"

    ศันสนีย์พยายามจะฉุดแขนเพื่อนให้ออกไปด้วยกัน แต่ธีระขืนตัวไว้และยิ้มให้ "ไม่เอา จริงๆ นะ วันนี้เราขอนั่งดูเฉยๆ ดีกว่า"

    เมื่อเห็นว่าชักชวนไปก็ไร้ผล สุเมธจึงตบไหล่ศันสนีย์เบาๆ และบุ้ยคางเป็นเชิงว่าอย่าคะยั้นคะยอให้เพื่อนลำบากใจไปกว่านี้ เธอจึงทำหน้ายู่และมองธีระอีกครั้ง ก่อนจะควงแขนสุเมธกลับไปยังแดนซ์ฟลอร์ที่อัดแน่นไปด้วยนักเต้นด้วยกัน

    ธีระนั่งเท้าคางมองเพื่อนรักทั้งสองวาดลวดลายอย่างสุดเหวี่ยงจนคนรอบข้างเป่าปาก เพราะทั้งศันสนีย์และสุเมธต่างเป็นนักเรียนโรงเรียนสอนเต้นชื่อดังและยังเคยประกวดเต้นจนได้รางวัลมาจากหลายเวที เมื่อทั้งคู่หันมายิ้มและโบกมือให้ เขาก็โบกมือและยิ้มตอบ กระทั่งเวลาผ่านไปและทั้งสองดูจะเพลิดเพลินกับการโยกย้ายร่างกายตามดนตรีจนลืมมองมาทางเขาแล้ว เด็กหนุ่มจึงค่อยลดสายตาลงมองน้ำแข็งก้นแก้วที่กำลังละลาย รสชาติของน้ำผลไม้ที่จืดจางอยู่ในแก้วไม่ต่างจากรอยยิ้มของเขาที่เลือนหายไปแล้วเช่นกัน

    ไม่ชอบสถานที่แบบนี้เลย...

    หากไม่ใช่เพราะเพื่อนทั้งสองพยายามชักชวน หว่านล้อม ตะล่อมเขาต่างๆ นานาให้ออกมาเที่ยวกลางคืนเพื่อฉลองปิดเทอมใหญ่หลังจบปีสามด้วยกัน ให้ตายธีระก็สาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่เหยียบย่างเข้ามาในสถานที่อโคจรเช่นนี้อีก ก็ไม่ใช่เพราะบรรยากาศอันเป็นใจและน้ำเมาที่พาไปหรือ เมื่อครึ่งปีก่อนเขาถึงได้พบใครคนหนึ่งที่ทำให้หลงรักหัวปักหัวปำ ก่อนจะพบว่าตนเป็นเพียงตัวแก้ขัดที่ต่อมาก็ถูกบอกเลิกราวกับหมดประโยชน์แล้วเท่านั้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะพร่ำขอโทษและบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเขาก็ตาม

    เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องพบเรื่องน่าสมเพชแบบนั้นอีกเด็ดขาด

    ธีระนั่งนิ่งราวไม่รับรู้ถึงเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะเฮฮารอบตัว เขาเพียงแต่รอเวลาที่เพื่อนทั้งสองจะอิ่มตัวกับค่ำคืนและแยกย้ายกันกลับบ้านเสียที แต่แล้วก็ถูกฉุดจากภวังค์เมื่อจู่ๆ ก็มีคนเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ

    เด็กหนุ่มมุ่นคิ้วและเงยหน้าขึ้น จึงได้สบตากับคนแปลกหน้าที่มองเขาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรและนัยน์ตาวาววาม

    "มาคนเดียวเหรอครับ?"
     


    ++------++



    "คุณชายกฤต เอาแต่นั่งมองอะไรอยู่วะ นานๆ เพื่อนเก่าจะนัดรวมตัวกันได้สักที มึงดันเอาแต่นั่งเงียบยังกับเป็นใบ้"

    เมื่อถูกเพื่อนในวงเหล้าซึ่งคบกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยทักขึ้น กฤตภาสก็ปรายตาจากจุดสนใจของเขาไปหาคนถามแวบหนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตากลับไปทางคนที่ตนลอบมองมาครู่ใหญ่อีกครั้ง

    "ก็มองไปเรื่อย อะไรก็ได้ที่เจริญตากว่ามองหน้ามึง"

    เสียงโห่ฮาพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นรอบวง เพราะถึงแม้จะเป็นคนพูดน้อย แต่หากกฤตภาสเอ่ยวาจาเมื่อไหร่ก็มีคนจุกได้ทุกครั้ง

    "โอ๊ย ไม่เจอกันตั้งหลายปี กูคิดถึงมึงที่สุดก็วาจาเชือดเฉือนแบบนี้แหละ เอ้า! ฉลองที่คุณชายกฤตยอมรับนัดเพื่อนๆ ชนแก้วโว้ยชนแก้ว!"

    เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้นก่อนทุกคนจะหัวเราะครื้นเครงและยกแก้วเหล้าขึ้นกระทบกัน ฝ่ายกฤตภาสเพียงชูแก้ววิสกี้ในมือขึ้นอย่างแกนๆ ก่อนจะยกจิบ เนื่องจากแม่ของเขามีศักดิ์เป็นหม่อมหลวง เพื่อนฝูงที่สนิทกันจึงชอบแซวเขาว่าเป็นคุณชายมาตั้งแต่สมัยเรียนทั้งที่กฤตภาสก็ไม่ได้ทำตัวหัวสูง แต่ในเมื่อเพื่อนๆ พากันเรียกอย่างนี้จนติดปาก ชายหนุ่มจึงคร้านจะบอกให้เลิกเติมคำนำหน้าที่ทำให้เขาดูเหมือนพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเสียที

    เมื่อสังเกตเห็นว่าสายตาของกฤตภาสยังคงจับจ้องไปทางเดิม เพื่อนที่นั่งติดกันจึงพาดแขนมาบนไหล่เขาแล้วพยายามเพ่งสายตาตามภายใต้แสงไฟอันค่อนข้างสลัว

    "ตกลงนี่มึงมองใครอยู่วะ เด็กโต๊ะมุมในสุดนั่นน่ะเหรอ?"

    กฤตภาสไม่ตอบ เขาเพียงแต่หยิบแก้วเหล้าขึ้นจิบพลางเพ่งสายตามองเป้าหมายนิ่ง การไม่ปฏิเสธทำให้คนถามอนุมานได้เองว่าเป็นการตอบรับกลายๆ

    "ผู้หญิงหรือผู้ชายวะนั่น ตัดผมสั้นๆ แบบนี้ดูยากชะมัด อ้าว มีคนเข้ามานั่งด้วยแล้วนี่หว่า สงสัยมึงต้องตัดใจแล้วล่ะคุณชายกฤต"

    เพื่อนของเขาตบหลังอย่างเห็นใจก่อนจะหันกลับไปพูดคุยกับเพื่อนๆ ฝ่ายกฤตภาสเพียงแต่ขมวดคิ้ว เพราะว่าเขามาถึงร้านตั้งแต่หัวค่ำ จึงจำได้แม่นว่าเห็นเด็กหนุ่มเดินเข้าร้านมากับเพื่อนอีกเพียงสองคนเท่านั้น ดังนั้นหากเจ้าคนที่มาใหม่นั่นไม่ใช่เพื่อนที่นัดไว้ก็ต้องเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิง

    เขานั่งมองอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งเห็นเด็กหนุ่มยกแก้วเครื่องดื่มที่พนักงานเพิ่งเดินไปเสิร์ฟให้ ไม่นานผู้มาใหม่ก็ลุกไปจากโต๊ะและปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งอยู่คนเดียว กฤตภาสนั่งนับถอยหลังในใจ ไม่ช้าเขาก็เห็นเด็กหนุ่มลุกจากโต๊ะด้วยท่าทางโซเซเหมือนคนไม่สบาย

    ดูท่าไม่ค่อยดีแล้วสิ...

    ร่างสูงใหญ่กระดกวิสกี้ในแก้วขึ้นดื่มจนหมดโดยไม่ละสายตาจากคนที่กำลังเดินตัวเซไปบนชั้นสองเพราะชั้นหนึ่งไม่มีห้องน้ำ เขาเห็นจากหางตาว่าเจ้าคนที่เมื่อครู่ผละไปจากโต๊ะของเด็กหนุ่มได้เดินตามขึ้นบันไดไปห่างๆ จึงลุกขึ้นบ้างพลางหันไปบอกเพื่อนๆ ในวง

    "กูเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ ขอตัวกลับก่อนนะ"

    "อ้าวเฮ้ย ยังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เลย จะรีบไปไหนวะ?"

    กฤตภาสไม่เหลือบแลคนถามและเดินฝ่าลูกค้าในร้านออกไปทางบันไดหนีไฟ เนื่องจากเคยมาร้านนี้มาก่อน เขาจึงรู้ว่านี่เป็นทางลัดที่จะขึ้นไปห้องน้ำได้เร็วกว่าบันไดหลักในร้าน แต่ขณะเดียวกันก็เกิดคำถามกับตัวเองเช่นกันว่าเขากำลังจะเอาคานเข้าไปสอดหมูที่กำลังจะหามหรือไม่

    เอาเถอะ ถ้าหากมันไม่ได้เป็นอย่างที่ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ ก็ถือซะว่าเขาตีตั๋วดูหนังสดฟรีก็แล้วกัน...




    ++---TBC---++



    A/N:

    เปิดตัวการพบกันของกฤตภาสกับธีระเป็นครั้งแรกค่ะ ขอบคุณทุกคนที่สนใจผลงานเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ ^__^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×