ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { fic bts } ♡ VGA'LAND ♡ [ v x suga ]

    ลำดับตอนที่ #1 : {SF} Rookie Dream ' V x Suga '

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.01K
      26
      16 ธ.ค. 56

      



     

     


     

              ผมชื่อว่าทุกๆคนต้องรู้จักความรัก และแน่นอนว่าความรักของแต่ละคนนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ก็แหงสิ สไตล์ใครสไตล์มัน หรือผมพูดไม่จริงล่ะ?

              นับเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่ผมมานั่งในร้านเค้กแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆโรงเรียนของผม จะเรียกว่ากิจวัตรของผมก็ว่าได้ ถ้าไม่ทำก็เหมือนว่ามีอะไรขาดหายไป

     

     

              อ้าวแทฮยอง วันนี้จะรับอะไรดีล่ะ? เสียงใสๆดังขึ้นตรงหน้าผม เสียงเพลงในไอพอดของผมที่ว่าดังแล้วก็ไม่สามารถกลบเสียงของคนนี้ได้ คนที่ทำให้ผมต้องมาที่ร้านนี้ตลอดหลังเลิกเรียน

     

     

              “…” ตามมารยาทแล้วเราต้องถอดหูฟังออกเมื่อมีคนมาสนทนาด้วย แต่ผมไม่ อาจจะเป็นเพราะมันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายของผม แถมยังทำหน้าตายตลอดเวลาอีกต่างหาก จนทำให้ได้ฉายาจากคนรอบข้างว่า ผู้ชาย4D’

     

     

              จริงๆเลยนะเด็กคนนี้ ถามอะไรไม่เคยตอบสักครั้ง คนตรงหน้าผมส่ายหัวไปมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่ใครมองแล้วต่างก็หลง รวมถึงผมด้วยนั่นแหละ

     

     

              .... เมื่อเลือกเค้กได้แล้วผมก็ชี้ลงบนหน้าตู้เพื่อสื่อว่า ผมเอาชิ้นนี้ แล้วผมก็กลับไปนั่งที่โต๊ะซึ่งผมใช้กระเป๋าวางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผมเหลือบมองคนหน้าหวานที่กำลังจัดเค้กที่ผมสั่งใส่จานอย่างปราณีต ไม่รู้ว่าผมนานแค่ไหนจึงทำให้ชูก้าฮยองหันมามองผมด้วยแววตาสงสัย เอาแล้วไงไอ้แทฮยอง

     

     

              เค้กได้แล้ว จะรับเครื่องดื่มอะไรดีล่ะ?

     

     

              ... ผมส่ายหน้าปฏิเสธไปแล้วโค้งให้นิดหน่อยก่อนที่เค้าจะเดินไปประจำหน้าเคาน์เตอร์ต่อ อ่า ผมนี่มันแย่จริงๆนะที่ไปทำพฤติกรรมแบบนั้นใส่ฮยองเค้า ไม่ไหวๆ

     

     

     

     

     

                             SUGA PART

     
     

     

              “ขอบคุณมากครับ ผมโค้งให้ลูกค้าคนสุดท้ายที่เพิ่งเดินออกจากร้านไปเมื่อสักครู่ แล้วกลับมาจากการธุระภายในร้านตามเดิม

     

     

              นัมจุนฝากปิดหน้าร้านด้วยนะ พี่ว่าจะจัดการเรื่องบัญชีสักหน่อย ผมบอกลูกพี่ลูกน้องคนสนิทที่มาขอช่วงงานในร้านก่อนที่จะเดินมาที่เคาน์เตอร์ประจำ เฮ้อ ชีวิตของเด็กมหาลัยที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนี่มันเหนื่อยแบบนี้นี่เอง แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อผมอาสาช่วยแม่บริหารร้านนี้ซะเอง

     

     

              อ่อฮยอง ลูกค้าคนเดิมฝากมาให้ นัมจุนแปะโพสอิทสีชมพูอ่อนไว้ตรงพื้นที่ว่างข้างๆผม

     

     

              ลูกค้าคนเดิม?

     

     

              ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละฮยอง ผมกลับบ้านละนะ เจอกันพรุ่งนี้ ไม่ทันที่ผมจะเรียก เจ้าตัวก็เดินออกจากร้านไปซะแล้ว ผมเอื้อมมือไปหยิบโพสอิทที่มือลายมือขยุกขยิกค่อนข้างจะอ่านยากขึ้นมา

     

     

     

     

     

    เพลงในไอพอดผมเพราะนะ

                                            ฟังด้วยกันมั้ย?

     

     

     

     
     

              เด็กบ้า เขียนอะไรมาก็ไม่รู้ ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับโพสอิทใบนี้อยู่นานสองนาน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เอ๊ะ หรือจะเรียกว่าทุกวันได้รึเปล่านะ ที่ผมได้โพสอิทแบบนี้? อดคิดไม่ได้จริงๆนะว่าไอ้เด็กนั่นมันคิดอะไร แต่ปฏิกิริยาที่ผมเห็นนั้นมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ไหนจะทำหน้านิ่งๆแถมไม่พูดไม่จากับผมอีก บางทีมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆก็ได้

     

     

     

     

    ------------------------------------- 30% --------------------------------------

     

              ฮยองผมลืม...ยิ้มอะไรน่ะ? อยู่ๆนัมจุนก็ผลักประตูร้านกลับเข้ามาอีกครั้งโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว โอ๊ย ถ้าจะกลับมาช่วยส่งเสียงหน่อยก็ยังดี จะบ้าตาย T-T

     

     

              ม ไม่มีอะไร นายลืมอะไรไว้ล่ะ?

     

     

              แหน่ะ นี่อย่าบอกนะว่าฮยองหลงไปชอบไอ้เด็กหน้านิ่งนั่นเข้าซะแล้ว?

     

     

              พูดอะไรของนายห้ะ! ลืมอะไรก็รีบไปเอาเลยไป ผมเก๊กหน้าขรึมใส่นัมจุนที่กำลังยิ้มทะเล้นใส่ผมก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหลังร้าน เฮ้อ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ เมื่อเห็นดังนั้นผมจึงเก็บโพสอิทไว้ในกล่องใบเล็กซึ่งภายในกล่องเต็มไปด้วยโพสอิทของลูกค้าคนเดิมตั้งแต่ใบแรกที่ผมได้มา

     

     

              ฮยองผมไปก่อนนะ รีบกลับบ้านล่ะ หิมะเริ่มจะตกแล้ว

     

     

              อื้อ นายก็เหมือนกัน ผมละสายตาจากนัมจุนที่เดินออกจากร้านไปจนลับสายตาแล้วหันมาสนใจกล่องใบเล็กในมืออีกครั้ง

     

     

              ถ้าฉันไม่ถามชื่อนายจากนัมจุน ฉันก็คงเรียกนายว่าไอ้เด็กหน้านิ่งไปตลอดแล้วล่ะมั้ง แทฮยอง... ยิ้มน้อยๆก่อนที่จะเก็บกล่องไว้ในลิ้นชักเคาน์เตอร์แล้วล็อคไว้ไม่ให้ใครเปิดออก  ผมเดินออกมาจากร้านเมื่อเช็คว่าประตูและหน้าต่างทุกบานได้ปิดเรียบร้อยดีแล้ว  แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ก้าวออกไปยังฟุตบาท สายตาก็ดันไปสะดุดก็เงาดำๆข้างร้านซะก่อน

     

     

              “….” ร่มภายในมือของชายปริศนาคนนั้นเลื่อนขึ้นมาจึงทำให้เห็นใบหน้าของเขาชัดยิ่งขึ้น สายตาคู่นั้นหลุบต่ำลงเมื่อผมได้สบตา ทำไมต้องหลบด้วย?

     

     

              มันดึกแล้วนะแทฮยอง ทำไมยังไม่กลับบ้าน? ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าถึงพูดไปเขาก็ไม่ตอบ แต่มันก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

     

     

              ผมมาหา...

     

     

              อ อะไรนะ? นี่ผมไม่ได้หูฟาดจริงๆใช่มั้ย? จะบอกว่าดีใจก็ได้นะที่ได้ยินเสียงแทฮยองครั้งแรก แถมยัง...เสียงหล่ออีกด้วย โว๊ะ นี่คิดอะไรอยู่เนี่ยT//////T

     

     

              .... แทฮยองไม่ตอบแต่กลับเดินเข้ามาหาผม แสงจากหลอดไฟข้างทางส่องกระทบเข้ากับใบหน้าของเขา อากาศที่หนาวเย็นเพราะมีเกร็ดหิมะตกโปรยปรายอยู่โดยรอบไม่สามารถทำให้ใบหน้าผมนั้นเย็นตามไปด้วย ผมว่าผมกำลังเขิลคนตรงหน้าอยู่แน่ๆ

     

     

              มีอะไรหรอ? ผมมองตาปริบๆเมื่อเห็นว่าแทฮยองกำลังค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋านักเรียน ซึ่งนั่นก็คือหมวกไหมพรมสีครีม แทฮยองค่อยๆบรรจงสวมลงบนศีรษะของผมอย่างเบามือแล้วจัดให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นเราสองคนก็สบตาอยู่พักนึงก่อนที่เขาจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

     

     

     

                        ตึกตัก...

     

     

     

              เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ รอยยิ้มบางๆที่ผมไม่เคยได้เห็นถูกส่งมาให้ ทำไมกัน ทำไมผมต้องใจเต้นแรงด้วย โดยเฉพาะเวลาที่ได้ยินเสียงหรือได้เห็นรอยยิ้ม ไม่หรอก อาจจะเป็นเพราะว่าปกติแล้วผมไม่ค่อยเห็นแทฮยองเค้าพูดหรือไม่ก็ทำหน้านิ่งๆใส่ซะมากกว่า มั้งนะ..

     

     

              แทฮยอง

     

     

              ....

     

     

              คิดอะไรอยู่? ผมกลั้นใจถามออกไป แต่คำถามนั้นมันค่อนข้างจะกำกวมไปหน่อย ผมเองก็ไม่รู้ว่าอีกคนจะคิดในแง่ไหน แทฮยองไม่ตอบอะไรผมกลับเอาหูฟังอีกข้างมาใส่ไว้ในหูด้านขวาของผมแทน

     

     

              ผม...

     

     

              เอ๊ะ?

     

     

              ฮยองรู้ใช่มั้ยว่าผมมาร้านฮยองทุกวัน

     

     

              อ่าหะ ผมพยักหน้าเออออตามสิ่งที่เขาพูด แทฮยองเงยหน้ามองเกร็ดหิมะแล้วหลับตาลงอย่างเชื่องช้าเหมือนกำลังจะถ่ายทอดความรู้สึกข้างในมาให้ผมได้รับรู้ ผมยอมรับว่าผมไม่สามารถละสายตาจากด้านหน้าได้เลย

     

     

              ถึงภายนอกผมจะเย็นชา คาดเดาอะไรไม่ได้ แต่ฮยองรู้มั้ยว่าผมมีสิ่งหนึ่งที่ยังมั่นคงมาจนถึงทุกวันนี้ และผมรู้ว่ามันรู้สึกยังไง แทฮยองเอื้อมมือมาจับข้อมือผมแล้วเอาไปทาบบนอกด้านซ้ายของตนเอง จังหวะเต้นหัวใจของเขาแรงมาก แรงมากพอที่จะทำให้ผมรู้สึกตามไปด้วย

     

     

              ....

     

     

              มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ได้เจอหน้าฮยอง มารู้ตัวอีกที...ผมก็ขาดฮยองไม่ได้แล้ว ผมเงยหน้าขึ้นไปสบกับนัยน์ตาสีเข้มของเขา ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ใบหน้าของเราใกล้กันขนาดนี้ ใกล้จนใช้ลมหายใจร่วมกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                              ผมรักฮยอง

     

     

     









     

     

     

     

     

              ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ความรู้สึกมันก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด ผมและแทฮยองก็ยังคงเจอกันที่ร้านเค้กหลังโรงเรียนเลิก แต่มันพิเศษตรงที่ว่า...

     

     

              ฮยอง เสียงนุ่มทุ้มที่กระซิบข้างหูผมทำให้ถึงกับต้องหดคอหนี ดีนะที่ผมอยู่หลังร้าน ไม่งั้นคงโดนดีแน่ๆ แทฮยอง

     

     

              นี่ ทำเค้กอยู่นะ ออกไปก่อนได้มั้ย?

     

     

              ไม่เอา คิดถึง แรงสัมผัสบนต้นคอผมยิ่งทำให้ต้องถอยหนี แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีมือปลาหมึกของแทฮยองกอดเอวผมไว้ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย มันเปลี่ยนไปก็เพราะแบบนี้แหละ แทฮยองเป็นคนเจ้าเล่ห์มากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย

     

     

              หยุดเดี๋ยวนี้เลย ฮยองต้องทำเค้กนะ เห็นรึเปล่าว่ามันยังไม่เสร็จเนี่ย?

     

     

              ไม่ต้องทำ ที่อยู่หน้าตู้มันก็มากพอแล้ว ปากก็พูดไป แต่มือนี่อยู่ไม่สุขแล้วนะเด็กบ้า ผมจึงรีบหันหน้าไปหาเขาทันที่เมื่อรู้ตัวว่ากำลังอยู่ในเส้นอันตราย รอยยิ้มกริ่มอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเวลาอยู่กับผมแค่สองคนเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด

     

     

              ยุนกิอ่า เราคบกันมาสองเดือนแล้วนะ ขอนิดขอหน่อยก็ไม่ได้

     

     

              ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เรียกพี่ ทำไมไม่ฟังกันเลย

     

     

              ตอนนี้เราเป็นแฟนกัน สถานะเราก็เท่ากันแล้วไงไม่ได้เป็นพี่น้องสักหน่อย พูดจบก็หอมแก้มผมไปหนึ่งฟอดใหญ่ พร้อมกับยิ้มกว้างๆให้ เหอะ...คิดว่าน่ารักตายแหละ คนบ้า

     

     

              คนชอบฉวยโอกาส ได้ทีเอาใหญ่เลยนะแทฮยอง

     

     

              ถึงผมจะเป็นแบบนั้นแต่ยุนกิก็รัก อย่ามาปฏิเสธ โอเค ข้อนี้ผมยอมจริงๆ เพราะตอนนี้ผมเองก็รักแทฮยองจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเหมือนกัน แม้ตอนนี้เราจะดำเนินความสัมพันธ์ได้แค่สองเดือน แต่ผมเชื่อว่าถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ความรักที่ผมมีให้แทฮยองจะไม่มีวันลดลง และจะไม่มีวันนั้นเด็ดขาด

     

     

              มินยุนกิรักคิมแทฮยองตลอดไป

     

     

     

     

     

     

    -------------------------------------------------------------------

     

      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×