คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER'7 "แค่คนเดียว"
ผ่านมาสามวัน การใช้ชีวิตของซองยอลและมยองซูก็ยังคงกำลังดำเนินเรื่อยๆตามปกติ(ดูเหมือนว่าจะสนิทกันขึ้นมากด้วย) และการรับ-ส่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนชินไปแล้ว ในที่สุดก็มาถึงวันนี้ วันหยุดสุดสัปดาห์ที่นักเรียนหลายคนต่างรอคอยให้มันมาถึงเร็วๆ ร่างแกร่งของมยองซูที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปประมาณแปดชั่วโมงก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นสักที จนทำใหผู้เป็นแม่ทนไม่ไหวจึงเข้าไปปลุกถึงห้อง
ก๊อก ก๊อก
“มยองซู ตื่นได้แล้วลูก”
“zZzzZz”
“จะหลับเอาโล่เลยใช่มั้ยมยองซู?” ไม่รอช้า คุณนายอินจองก็เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของเจ้าลูกชายตัวแสบ ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้คนเป็นแม่เป็นลมได้เลยทีเดียว เสื้อผ้าที่ใช้แล้ว เปลือกขนม หมอน ผ้าห่ม และอีกหลายๆอย่าง กองระเกะระกะทุกซอกทุกมุมภายในห้อง เหมือนเพิ่งออกศึกก็ไม่ปาน!
“คิม มยองซู มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!!”
“อื้อ...” เมื่อมีเสียงดังเข้ามาในโสตประสาท เจ้าตัวก็ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามองแต่ก็ไม่วายที่จะฟุบหน้าลงกับหมอนอีกครั้ง ก็คนจะนอนอ่ะ
“นี่อย่าบอกนะว่าพาผู้หญิงเข้าบ้านอีกแล้ว? ตื่นมาคุยกับแม่ให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ”
“อะไรกันเล่า ผู้หยงผู้หญิงอะไร ผมไม่รู้จักหรอก อืม..”
“บอกแม่มาเถอะ เราพาผู้หญิงมานอนอีกแล้วใช่มั้ยมยองซู?”
“เดี๋ยวนี้ใครเค้ารสนิยมชอบผู้หญิงกันแล้วครับคุณนาย? ผู้ชายหน้าสวยยังแซ่บกว่าเยอะ นอนต่อนะแม่ ราตรีสวัสดิ์ จุ๊บ” มยองซูบอกปัดๆพร้อมหลับตาลง คุณนายอินจองซึ่งได้ยินดังนั้นก็แทบจะเดินไปไหนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ....ทำไมมันยังกล้าหลับต่อหน้าแม่ มันควรลุกขึ้นมาเก็บของไม่ใช่หรอ!!!!
“ซองยอลอ่า วันนี้จะไปไหนรึเปล่า?”หญิงสาวอายุราวๆสี่สิบกลางๆหันไปถามลูกชายคนโต ซึ่งกำลังนั่งทานอาหารเช้าร่วมโต๊ะกับตนและลูกชายคนเล็กอีกคน
“ก็ไม่นะฮะ มีอะไรรึเปล่า?”
“เมื่อกี้คิม มยองซูโทรมาหาแม่แล้วบอกว่าจะพาลูกออกไปข้างนอกน่ะสิ”ซองยอลถึงกับชะงักเมื่อได้ยินประโยคเมื่อสักครู่ ก็ในเมื่อเค้าไม่ได้ไปตกลงว่าจะไปไหนอะไรยังไงกับมยองซูด้วยซ้ำ แม่มั่วรึเปล่า?
“คิม มยองซูหรอฮะ?”
“ใช่จ่ะ รีบไปเตรียมตัวล่ะ อย่าให้เค้ารอ”
“ต แต่ว่าผมยังไม่ได้คุยกับมยองซูเลยนะฮะ”
“เอ๊ะ ยังไงกันล่ะเรา ก็เค้าโทรมาหาแม่แล้ว ไม่ต้องมาอ้างว่าจะไม่ไปเลยนะ”เมื่อร่างบางได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ แม่เค้าไปติดใจอะไรมยองซูหรือยังไงกัน? ทำไมถึงเข้าข้างกันนักล่ะ? ไม่ถงไม่ถามสักคำเลยว่าลูกชายตัวเองอยากไปด้วยรึเปล่า เห้อ
“แม่อ่า ผมไม่รู้เรื่องจริงๆนะ”
“เดี๋ยวนี้หัดเถียงแม่แล้วหรอซองยอล?”
“ฮยองอย่าไปสนใจแม่เลย คนเค้ากำลังเห่อลูกชายคนใหม่”และนี่ก็เป็นอีกประโยคนึงที่ทำให้ซองยอลต้องขมวดคิ้ว ซองยอลมองหน้าน้องชายร่วมสายเลือดที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างไม่เข้าใจ อีกคนก็ได้แต่ยักไหล่ทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป มันต้องมีอะไรแน่ๆ
“ที่แดยอลพูดมันหมายความว่ายังไงฮะแม่?”
“ไม่ต้องสนใจหรอก รีบกินรีบแต่งตัวได้แล้ว ถ้าช้าแม่จะตัดค่าขนม”
“อี มุนอาใจร้าย ไปก็ได้ฮะ”และเวลาที่ซองยอลงอลใครสักคน เค้าจะเรียกชื่อเต็มๆของคนๆนั้นและเดินหนีไปเฉยๆ ก็คงจะเหมือนตอนนี้ล่ะมั้งที่แม่ของเขาไม่ยอมบอกความลับอะไรบางอย่างให้ตนรู้ ขายาวพาตัวเองขึ้นไปยังห้องนอนขนาดกลาง มือเรียวหยิบพาพันคอผืนหนาออกมาและพันไปรอบๆ อากาศเริ่มจะหนาวแล้ว ยิ่งเป็นคนแพ้อากาศอยู่ด้วย ถ้าไม่มีอะไรอุ่นๆมาปกปิดร่างกายนี่แย่เลย
Rrrr….
“ซองยอลพูดฮะ”ซองยอลเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนโต๊ะทำการบ้านแล้วกรอกเสียงไปยังปลายสายที่ค่อนข้างจะคุ้นเคย
[ไงเด็กน้อย ตื่นแล้วหรอ?เสียงสดใสเชียว]
“ตื่นแล้วฮะพี่รหัส วันนี้วันหยุดแท้ๆทำไมตื่นเร็วจัง?”
[ก็...ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆก็ตื่นขึ้นมาน่ะ ฮ่าๆ] ซองยอลแอบขำกับอากัปกิริยาของพี่รหัส ไม่ว่าจะคุยกันกี่ครั้งพี่เค้าก็ยังคงเหมือนเดิม คุยด้วยแล้วมีความสุข
“ยังไงก็อย่าลืมหาอะไรทานลงท้องด้วยนะฮะ เพราะมื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด”
[แต่พี่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้คุยกับน้องรหัสตัวเองแล้วล่ะ]
เอ๊ะ?
[ช่างเถอะ เมื่อกี้พี่พูดเล่นนะอย่าเงียบสิครับ] เส้นผมสลวยสะบัดไปมาก่อนที่จะตั้งสติขึ้นใหม่ นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
“ฮะ ไม่ได้เงียบนะ ผมแค่รับมุขพี่ไม่ทัน”
[นั่นสินะ แล้วนี่เราจะออกไปไหนรึเปล่า?]
“ก็...ว่าจะออกอยู่เหมือนกันฮะ”ซองยอลชะเง้อคอมองผ่านทางหน้าต่างเผื่อว่าคนที่นัดเขา(โดยมิได้นัดหมาย)จะมาถึงแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ บุคคลที่มีสายตาเป็นอาวุธกำลังจ้องมองมายังห้องนี้ พร้อมกับรถดูคาติสีดำที่ซองยอลไม่เคยเห็นมาก่อน และนั่นก็ยิ่งทำให้มยองซูดูดีมากขึ้นไปอีก
[งั้นไว้พี่โทรไปใหม่ครับน้องรหัส เที่ยวให้สนุกนะ]
“ฮะ...” นิ้วเรียวกดวางสายแล้วเดินไปที่กระจกเพื่อสำรวจว่ายังขาดตกบกพร่องตรงไหนอีกบ้าง เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินออกไปยังนอกบ้านทันที
“ขอโทษนะที่ชวนกระทันหันไป”
“นายโทรหาใคร ทำไมไม่ชวนคนนั้นไปล่ะ”
“กำลังจะบอกว่าให้ฉันชวนแม่นายไปงั้นสินะ? ตลก”มยองซูส่ายหัวไปมาให้กับความซื่อบื้อของซองยอลแล้วขึ้นควบดูคาติพร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคให้กับอีกคนที่กำลังยืนกอดอกทำแก้มป่องเหมือนเด็กไม่ได้ของเล่น
“ไม่ ไม่ใส่”
“ต้องใส่ เอาไปเร็วๆ เมื่อย”
“ไม่ใส่ ไม่อยากไป”
“จะเอาไปใส่ดีๆหรืออยากใส่ด้วยกำลังหะอี ซองยอล?”
“ไม่คือไม่ไง โอ๊ย ทำอะไรน่ะ!” อย่างที่รู้คือความอดทนของคนอย่างมยองซูนั้นมีอยู่จำกัด เจ้าตัวก็เลยต้องรีบมุ่งหน้ามายังเด็กประถมขี้เอาแต่ใจ มือแกร่งจัดการสวมหมวกกันน็อคให้กับอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวังในเวลาเดียวกันที่ทำให้ทั้งคู่สบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มสั่นระริกเมื่อได้จ้องสายตาคู่นั้นของมยองซู เมื่อตั้งสติได้ซองยอลจึงรีบผลักอกมยองซูให้ห่างออกไป
“ส ใส่เสร็จแล้วนี่ รีบไปกันเถอะ”
บางสิ่งที่คิดว่าขาดหาย…
ลองมองข้างๆกาย…บางทีอาจจะเจอ
ดูคาติสีดำเคลื่อนตัวเข้ามาจอด ณ ที่จอดรถของย่านการค้าชื่อดังของโซล มยองซูถอดหมวกันน็อคออกและรอให้คนด้านหลังลงจากรถ ผ่านไปนาทีกว่าๆก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ร่างแกร่งจึงหันไปมองและปรากฏว่าอีกคนได้หลับไปแล้ว ‘ให้มันได้แบบนี้สิอี ซองยอล’
“หลับง่ายเกินไปแล้วนะ” อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มย้วยๆขาวๆนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว เจ้าของใบหน้าสวยขมวดคิ้วด้วยความรำคาญเมื่อมีใครมายุ่งกับหน้าของตน
“ซองยอล”
“ฮื่อ อื้ม...” ดวงตากลมสวยค่อยๆเปิดออกช้าๆ มือเรียวขยับแว่นและปรับโฟกัสเพื่อให้มองเห็นได้ชัดขึ้น
“หลับสบายเลยนะ”
“ถึงแล้วหรอมยองซูอ่า?”
“อื้ม ลงได้แล้ว”
ทั้งคู่พากันก้าวเข้ามาภายในย่านการค้าที่มีร้านขายของเต็มไปหมดทั้งสองข้างทาง ทั้งร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าและอื่นๆอีกมากมาย โชคดีที่ผู้คนยังไม่ค่อยพลุกพล่านมากนักเพราะยังเป็นช่วงสายๆ
“อยากแวะดูร้านไหนก่อนมั้ย?”
“ร้านนั้น” นิ้วชี้ของซองยอลชี้ไปยังร้านขายของจุกจิก หน้าร้านมีตุ๊กตาตลกตัวใหญ่ตั้งซึ่งเป็นตัวเรียกลูกค้าเข้าร้านเลยก็ว่าได้ และดูเหมือนว่าซองยอลจะชอบร้านนี้จริงๆ
“เด็กว่ะ”
“หุบปากไปเลยคิม มยองซู เฮ้ยนั่น ดูนั่นสิ!” ซองยอลรีบวิ่งไปหยุดอยู่หน้าชั้นวางแว่นตารูปทรงประหลาด เขาถอดแว่นสายตาออกแล้วหยิบแว่นตาที่มีงวงช้างขึ้นมาใส่ ในสายตาของเขามันดูตลก แต่ในสายตาของคนอื่นที่มองมามันดูน่ารักซะมากกว่า
“ถ้าเป่าตรงนี้ งวงมันจะยื่นออกไปด้วยแหละ น่ารักเนอะ”
“เด็ก”
“คำก็เด็กสองคำก็เด็ก มยองซูบ้า เอานี่ไปใส่เลย” ซองยอลเลือกแว่นจมูกใหญ่ๆที่มีขนจมูกยื่นออกมาสวมให้มยองซูที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เด็กจริงๆ”
แปร๋น!
ซองยอลเป่าลมเข้าไปในช่องที่ยื่นออกมาจึงทำให้งวงช้างยื่นไปโดนหน้ามยองซูอย่างจัง แต่ยังดีที่เขามีแว่นตาอันใหญ่ปกปิดเอาไว้ ทำให้ผู้คนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่ต่างหัวเราะในความน่ารักของสองคนนี้
“แบร่ ฮ่าๆๆ”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” เมื่อเห็นว่ามยองซูทำหน้าโกรธ เจ้าตัวก็รีบวิ่งออกนอกร้านทันที ซองยอลมองซ้ายมองขวาเพื่อที่จะดูว่ามีร้านไอศกรีมบ้างรึเปล่าแม้อากาศจะค่อนข้างเย็นก็เถอะ แต่แล้วมยองซูก็วิ่งตามหลังมาติดๆ
“อย่าวิ่งออกมาแบบนี้ดิ เดี๋ยวก็หลงหรอก”
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ จะหลงได้ไง”
“กันไว้ดีกว่าแก้” มือหนาเลื่อนไปจับมือของอีกฝ่ายแน่นเพื่อไม่ให้หลง ซองยอลเริ่มรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนๆจึงรีบหันไปทางอื่น ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามยองซูเห็น เขาต้องแซวแน่ๆ
“ฉันอยากกินไอศกรีม”
“อากาศแบบนี้เนี่ยนะ?”
“มันแปลกมากหรอ? ก็คนมันอยากกินนี่หน่า”
“อ่ะๆ กินก็กิน ไปร้านนู้นกัน” ว่าแล้วก็พากันเดินไปยังร้านไอศกรีมที่อยู่ข้างทาง ซองยอลสั่งวนิลาใส่โคนพร้อมโรยบราวนี่ชิ้นเล็กๆน่าทาน เมื่อได้ไอศกรีมตามที่ร่างบางหวังแล้วทั้งคู่ก็ก้าวเข้ามาภายในเขตสนามเด็กเล่นซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากย่านการค้ามากนัก บรรยากาศเย็นๆบวกกับความเงียบสงบของที่นี่แทบจะทำให้ซองยอลไม่อยากเดินไปไหนอีกเลย
“ฉันจองชิงช้าสีแดงนะ อย่าแย่ง”
“เด็กอีกแล้ว”
“จะว่าก็ว่าไปเถอะ ตอนนี้ไอศกรีมสำคัญที่สุด”ซองยอลลิ้มรสของไอศกรีมโดยไม่สนใจคนข้างๆว่ามองมาด้วยสายตาแบบไหน
“ขอกินบ้างดิ”
“ฉันเลียหมดแล้วนายจะกินยังไง ถ้าอยากกินก็ไปซื้ออันใหม่เลย”
“มันก็กินได้ไม่ใช่หรอ?”
“ก็ฉันบอกว่าฉันเลียหมด...แล้ว” มยองซูดึงมือของซองยอลที่ถือไอศกรีมมาตรงหน้าตน ริมฝีปากแตะเข้ากับไอศกรีมรสวนิลาที่ปนไปด้วยผงบราวนี่ที่ถูกซองยอลกินจนหมด เรียวลิ้นค่อยๆลิ้มรสอย่างช้าๆแล้วผละออก ดวงตากลมเบิกโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะไม่คิดว่ามยองซูจะกล้ากิน เพราะนั่นมันมีน้ำลายของเขาอยู่ด้วย...
“อร่อยดี”
“ค คนบ้า ใครเค้าให้กินแบบนี้ (.///.)”
“หรืออยากจะกินแบบอื่น?” พูดอย่างเดียวไม่พอ ใบหน้าเจ้าเล่ห์ก็ขยับเข้าไปใกล้กับใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อ แต่ก็แค่นั้นเพราะเขาไม่อยากล่วงเกินซองยอลไปมากกว่านี้ กลัวว่าเขากับซองยอลจะไม่เหมือนเดิมและอาจจะมองหน้ากันไม่ติด
“ไอ้หื่นหยุดเลยนะ ฉันจะไม่ยอมนายอีกแล้ว นี่แหน่ะ”
“อยากเล่นสกปรกหรออี ซองยอล? ได้เลย” มยองซูเช็ดคราบไอศกรีมที่ถูกแต้มบนแก้มเมื่อสักครู่ แล้ววิ่งไล่ตามอีกคนซึ่งวิ่งออกไปได้ไกลพอสมควรแล้ว เมื่อเห็นว่าอีกคนแลบลิ้นออกมาก็ยิ่งทำให้มยองซูอยากจะฟัดซองยอลซะตรงนั้น ชอบทำตัวน่าหมั่นเขี้ยวอยู่เรื่อย
“อย่าตามมา ไม่เอาๆๆ ยอมแล้ว”
“ขายาวซะเปล่า แต่วิ่งช้าชะมัด”
“ก็ยังดีกว่านายก็แล้วกัน ปล่อยนะ” ซองยอลดิ้นอยู่ในอ้อมกอดของมยองซูที่อยู่ด้านหลัง นึกอยากจะโกรธตัวเองนักที่เป็นคนทำอะไรก็ช้าตามคนอื่นไม่ทันไปซะหมด แล้วนี่ยังโดนต้อนซะจนมุมแบบนี้อีก
“อี ซองยอล”
“ห หื้ม?”
“อีกสองวันอย่าลืมไปดูฉันเล่นดนตรีล่ะ”
“ถึงฉันจะไปดู นายก็ไม่เห็นฉันอยู่ดี”
“ฉันจะมองหานายเป็นคนแรกเลยอี ซองยอล จะมองนายแค่คนเดียวเท่านั้น”
ขอได้มั้ย....ประโยคนี้จะหมายถึงฉันแค่คนเดียว
ขอได้มั้ย....รอยยิ้มนี้จะปรากฏให้ฉันเห็นแค่คนเดียว
ขอได้มั้ย....ช่วยอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปเรื่อยๆ
ไม่ได้คิดอะไรกันก็ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากเห็นนายยิ้มก็เท่านั้น :)
-------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น