คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Short Note 1
ณ ปราสาทสูงเสียดฟ้า เมฆสีดำครึ้มปกคลุมทั่วผืนดินดุจความชั่วร้ายเข้าครอบครอง... หากแต่ท้องฟ้ายังปรากฏดวงตะวันสีแดงฉานสาดแสงสีเข้มราวกับเลือดอสูรกาย บรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ก้าวเข้ามาตั้งแต่บุคคลแห่งแสงสว่างได้หายไป... ตระกูลซีเคีย..
บนห้องหอคอยซึ่งตกแต่งไปด้วยเครื่องเรือนชั้นดี กำมะหยี่ราคาแพงเรียบไปกับพื้นหินอ่อนมันเงา หน้าต่างบานสูงถูกเปิดออกโดยชายสูงอายุ หากแต่แสงสว่างก็มิอาจส่องถึง สายตาอันเฉียบคบมองผ่านเมฆครึ้มไปอย่างเย็นชา.. ด้านหลังร่างสูงคือชายวัยเยาว์หน้าตางดงาม ริมฝีปากเปิดออกเล็กน้อยเพื่อรายงานข่าว..
“ท่านครับ...”
“เรียบร้อยรึยัง...”เสียงอันน่ายำเกรงดังขึ้น บุรุษผู้นี้คือ อองเดีย ดีวาส เจ้าของร่างกำยำที่หนักแน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง
“กระผมไม่ทราบแน่ชัดเท่าไหร่... แต่ฝ่ายเรน่ารายงานมาว่า ยังหลงเหลือตระกูลซีเคียอยู่ครับ”คิ้วเรียวเขม่นลง
เล็กน้อยเมื่อกล่าวจบ ดีวาสแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนหันมาหาคนสนิท อองเดีย กัส
“ไม่แปลกหรอก... พวกมดปลวกมันก็ไชหาที่อยู่ไปทั่ว...”
“กระผมว่า น่าจะเป็นพวกทหารเก่าของซีเคียมากกว่านะครับ ไม่น่าใช่พวกขุนนาง”
“จะเจ้า หรือจะไพร่ ก็เป็นซีเคีย รีบๆไปจัดการซะ อย่าให้มันอยู่รกแผ่นดินข้า”
“ต่อให้พลิกแผ่นดิน ข้าก็จะนำหัวพวกมันมาให้ท่าน โปรดเชื่อในตัวข้า”สิ้นเสียง.. กัสลุกขึ้นและเดินออกไป เมื่อ
เสียงประตูดังขึ้นแล้ว ดีวาสแสยะยิ้มและกลับไปสนใจท้องฟ้า
ฟ้ามืดขนาดนี้....ต่อให้เป็นเจ้า ก็ทำให้มันเหมือนเดิมไม่ได้หรอก...มันเป็นของข้าเรียบร้อยแล้ว ฮึ ฮึ..
อีกฟากหนึ่งของแผ่นดิน... ท้องฟ้าสดใสเปิดกว้าง แสงแดดอันอบอุ่นสะท้อนเมฆขาวสะอาด ลมเย็นๆพัดผ่านหมู่บ้านครึกครื้น เสียงดังจ้อกแจ้กบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผู้คน เสื้อผ้าหลากสีที่อยู่บนร่างกายเดินว่อนไปทั่ว ใบหน้ายิ้มแย้มของแต่ละคนทักทายให้กัน เป็นภาพอันสวยงามที่ดำเนินมาเนิ่นนาน หากแต่ว่า..
“เฮ้ย!!!! จับไอหัวขโมยนั่นให้หน่อย!!~ มันขโมยของของข้า!~” เสียงตะโกนโหวกเหวกทำให้ผู้คนหยุดชะงัก
“ผมเปล่าคร้าบบบ มันเป็นอุบัติเหตุ!”ชายร่างบางล้มลงอย่างไม่คิดจะต่อสู้ ผิวขาวซีดนั่นบ่งบอกถึงความอ่อนแอ ท่าทีลุกลี้ลุกลนทำเอาชาวบ้านอดขำไม่ได้
“อุบัติเหตุที่ไหน ก็ข้าเห็นปิ่นปักผมของข้ามันอยู่ในเสื้อของเจ้า!~”หน้าตาเจ้าของร้านดูโหดร้าย ชายหนุ่มไถลร่างไปด้านหลังด้วยความกลัว
“งั้นผมคืนให้ก็ได้ แต่ผมไม่ได้เอามาจริงๆ”
“เมื่อเจ้าเอาไปแล้ว ก็จ่ายเงินมาซะดีๆ”เจ้าของร้านโน้มตัวลงมาพร้อมกับแบมือ สายตาเจ้าเล่ห์มองหนุ่มน้อยเป็นเหยื่อชิ้นใหญ่
“ทะ เท่าไหร่ล่ะ ผมจ่ายให้ 100 บิล 200 บิล เท่าไหร่ดีล่ะ”มือขาวตบไปทั่วร่างกายเพื่อหาเงินของตัวเอง อยากให้ปัญหานี้มันสิ้นสุดไปสักที
“ร้านข้ามีกฎว่า ถ้าใครขโมย ก็ต้องจ่ายเป็น 100 เท่า ดังนั้น ปิ่นปักผมนี้ ก็ 2 หมื่นบิล”
“ห๊า!~ ผมมาเดินเล่นนะคร้าบ แง แล้วผมจะพกเงินมากมายทำไม ไม่มีหรอกคร้าบ T^T”
“ไม่มีงั้นเรอะ!!!!! งั้นข้าก็ต้องขอดาบของเจ้าแล้วล่ะ”เจ้าของร้านหยิบดาบที่ถูกห่อด้วยผ้าสีดำขึ้นมาอย่างวิสาสะ
‘หนัก! ไอหน่อมแน้มนี่มันพกดาบหนักขนาดนี้เลยรึ!!’
“ไม่ได้คร้าบบบบ อะ เงิน... เงินผมทั้งหมดที่มี แต่มีไอนี่เท่านั้นที่ให้ไม่ได้ ผะ ผมไปนะคร้าบบ”หนุ่มผิวซีดโยนห่อผ้าที่บรรจุเงินให้พ่อค้า แล้วคว้าดาบพร้อมกับวิ่งเต็มกำลัง
‘หวา.. ผู้ชายคนนั้นน่ากลัวจังเลย... เฮ่อ... ก่อเรื่องอีกแล้ว เดี๋ยวท่านพ่อท่านแม่ก็บ่นอีก....... อือ....ไม่อยากกลับบ้าน ไปนั่งเล่นที่ริมน้ำดีกว่า เผื่อจะได้เจอของดี คิคิ ^///^’ ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็เปลี่ยนเส้นทางฝีเท้า จากบ้านเป็นแม่น้ำใสสะอาดที่อยู่ใจกลางเมือง
เมื่อถึงที่หมายแล้ว หนุ่มน้อยวัยประมาณ 20 ก็ทิ้งตัวลงด้วยความผ่อนคลาย ใบหน้ายิ้มแย้มมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความสุข ผืนหญ้าสีเขียวลู่ไปตามลม ดวงตาหลับพริ้มลง.. ก่อนที่หูจะทำงาน..ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง...เหมือน “ของดี” ที่ว่า จะปรากฏแล้ว..
“โว้ววว ได้ยินเสียงน้ำมาแต่ไกล สงสัย คึ คึ 0//0 ได้บริหารดวงตาแล้วววว” ว่าแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะสาวเท้าเบาๆไปยังริมน้ำทันที แต่ “ของดี” ที่ว่า กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด
“เป็นอะไรมากไหมหมาน้อย... ไม่ต้องกลัวนะ ข้ามาช่วยแล้ว”เสียงหวานใสดังขึ้นอย่างใจเย็น กระแสน้ำที่ไหลแรงเชี่ยวไม่เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือชีวิตหมาน้อยที่สั่นระริกอยู่บนโขดหินก้อนเล็ก ริมฝีปากอวบอิ่มยิ้มอย่างใจดีก่อนที่มือขาวๆจะเอื้อมไปรับหมาตัวน้อยให้ปลอดภัย ชายหนุ่มที่สังเกตอยู่ชั่วคราวถึงกับยิ้มละไมกับความใจดี
‘ทั้งๆที่น้ำก็ไหลแรงขนาดนี้... เดินไปตรงกลางแบบนั้น ไม่กลัวบ้างรึไงน้า.. ถ้ามีผู้หญิงดีๆแบบนี้เยอะๆก็ดีสิ’ หลังจากมองเพลินอยู่ชั่วครู่ ก็ยิ้มร่าหันกลับไปโดยไม่ระวัง ไปชนกับร่างใหญ่กำยำเข้าให้
“ขะ ขอโทษครับ!!”
“แกอีกแล้วเรอะ!~ จะมาเอาเงินคืนรึไง”ร่างสูงนั่นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพ่อค้าร้านเครื่องประดับที่เคยมีเรื่องมากก่อนนั่นเอง
“ไม่ใช่นะครับ~!”
“ตรงนี้ก็ลับตาคนดี มาจัดการเรื่องของเราให้มันสิ้นๆไปดีกว่า ฮ่า ฮ่า มานี่!!! อั่ก!”ยังไม่ทันที่ร่างยักษ์จะได้ทำอะไร เสียงนั้นก็สิ้นไปพร้อมกับล้มตึงลง! ข้างหลังร่างนั้นคือหญิงสาวใจดีที่ช่วยลูกหมา แต่ทำไม....
“อ่ะ... คะ คุณทำอะไรน่ะ...”
“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า แต่ข้าไม่ชอบหมอนี่มาตั้งนานแล้ว”หญิงสาวเช็ดผมอย่างใจเย็น
“............................”หนุ่มน้อยไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่นั่งลงมองพ่อค้าด้วยสีหน้ากังวล
“เห็นงกนักงกหนา พอของขายไม่ดีก็โกงเป็นว่าเล่น... แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะมาหาเรื่องเจ้าหรอก... เพราะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับข้า”(มันยังไงเนี่ย - -)
“.............................”
“ก็บอกว่าไม่ต้องกลัว!~ เจ้านี่มันป๊อดจริงๆ”เสียงเข้มขึ้นอย่างชัดเจนเพราะไม่พอใจในความอ่อนแอของชายตรงหน้า
“....เค้าจะเป็นอะไรมากรึเปล่า... ผมไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บตัว”คิ้วเรียวสวยกดลงเล็กน้อยด้วยสีหน้าเจ็บปวด หญิงสาวตรงหน้าถึงกับตะลึงในความใจดี ‘ทั้งๆที่จะโดนฆ่าอยู่แล้ว... แต่ยังมาห่วงอยู่อีก’
“ไม่หรอก แค่สลบไปชั่วคราว ข้าแค่กระแทกจุดสำคัญไปเท่านั้นแหละ เดี๋ยวก็ได้สติแล้ว”
“ดีจัง....ขอบคุณครับ ^^”ชายหนุ่มเงยหน้ามองผู้ช่วยชีวิตและยิ้มให้ เมื่อหญิงสาวได้เห็นใบหน้านั้นชัดๆ อาการใจเต้นก็กำเริบขึ้นมาทันที... หัวใจบีบตัวแรงขึ้นจนเลือดฝาดปรากฏชัดบนใบหน้าเจ้าหล่อน
“กะ ก็บอกว่าไม่ได้ช่..”
“ระวัง!!!!!!!!” ชายหนุ่มกระโดดรวบร่างหญิงสาวไว้แนบตัวเพื่อกำบังธนูที่ลอดออกมาจากพุ่มไม้ ก่อนจะไถลไปตามพื้นหญ้าอย่างแรง
“อะ เอ๊ะ!~ อะไรน่ะ.. นี่! เจ้าทำอะไรน่ะ... ออกไปนะ”หลังจากโดนอุ้มโดยไม่รู้ตัว เมื่อทั้งสองแน่นิ่งอยู่บนพื้นแล้ว เสียงแว้ดๆก็ดังขึ้นทันที
“ขอโทษครับ.... อา...”นัยน์ตาสีน้ำเงินหรี่ลงอย่างชัดเจนหลังจากเอาธนูออก เลือดก็สาดจากบาดแผลทันที
“งั้นก็ออกไปสิยะ! เฮ้ย.. เลือดมาจากไหนเนี่ย!!! เจ้าบาดเจ็บหรอ! นี่มันธนูนี่ อย่าเพิ่งหลับ ตื่น ตื่นก่อน!!”ไม่รอช้า ฝ่ามือมหาภัยก็ฟาดเปรี้ยงเต็มแรงเข้าที่ใบหน้าคนตรงข้าม ทำเอาดวงตาที่หลับใหลเบิกกว้างขึ้นทันที
“อ๊ากก!...อะ.. มันเจ็บนะครับ....”ถึงแม้จะไม่มีแรงลุกขึ้น แต่ก็ได้สติตามที่ผู้ลงมือหวังไว้แล้ว...
“เจ็บก็ดีแล้ว... มานี่... นอนลง”
“ ^^”ถึงแม้จะเจ็บแต่ก็ยังทะลึ่งไม่เว้น นอนลงบนตักสาวเจ้าทันที
“บนหญ้านู่น”
เปรี้ยง!!!
“ - - # ผู้หญิงอะไรโหดแบบนี้ เมื่อกี้ขอถอนคำพูด”ชายหนุ่มจับหน้าเบาๆพร้อมกับไถลไปนอนที่พื้นหญ้า มองหญิงโหดควักหาอะไรสักอย่างในห่อผ้า
“ข้าน่ะ.... เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ชอบอะไรก็พูดตรงๆ ทำตรงๆ ไม่อ้อมค้อม... แล้วข้าก็ไม่เรียบร้อยเหมือนผู้หญิงทั่วไป.. แถมยังไม่ฟังผู้นำอย่างพวกผู้ชาย... ศัตรูก็เลยเยอะอย่างนี้... ทำเอาเจ้าต้องมาเจ็บตัว..ขอโทษนะ”ปากก็พูดไป มือก็ทำแผลอย่างใจเย็น.. ชายที่นอนอยู่ข้างล่างฟังอย่างตั้งใจพร้อมกับมองคนทำแผลไม่วางสายตา
“มองอะไรน่ะ...”มองเฉยๆไม่ว่า แต่เจ้านี่มองด้วยสายตาแปลกๆ
“แหะ แหะ.... ^////^”เพราะเสียงหัวเราะแหยๆกับสายตาที่ไม่ได้มองที่หน้าผู้พูด ทำให้สาวเจ้าต้องมองปรายตาม
“อี...อีตาบ้า!!!!!!!”เพราะเสื้อสีขาวที่กำลังเปียกหมาด ร่างขาวสะโอดสะองค์จึงเผยออกมาอย่างชัดเจน
“เจ็บบบบบบบ”เสียงว้ากโผล่พรวดขึ้นมาทันที ใบหน้าเหยเกแสดงความเจ็บปวดร้องลั่นอย่างไม่พอใจ
“ดีแล้ว! มาทำทะลึ่งกับข้า เดี๋ยวก็วางยาพิษให้นี่”พูดแล้วยังไม่พอ หลังทำแผลเสร็จก็ตบป้าบเข้าอย่างแรง
“พอแล้วๆๆๆ เจ็บ...แต่ยังไง... ก็ขอบคุณนะครับ เอ่อ...”ชายหนุ่มลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกับยิ้มให้จากใจ...
“ชีนะ ข้าชื่อชีนะ.... เวนาดา ชีนะ ข้าเป็นหมอ”หญิงสาวยิ้มกลับเป็นมารยาท ผมสีน้ำตาลเข้มปลิวไสวตัดกับดวงตาสีเทา ใบหน้าชมพูระเรื่อจากแดดร้อนดูเปล่งปลั่งประปรายไปด้วยเหงื่อ เป็นใบหน้าที่งามนักแต่ก็มีเสน่ห์เหลือเกิน
“อา...ครับ ชีนะ ผมต้องไปแล้วนะ ขอบคุณสำหรับแผลนี่... ผมชื่อ ซีฟาเคีย เชอเร็น ไว้พบกันนะครับ!~....เอ้อ! ใช่ ชีนะ”
“มีอะไรอีกยะ!~”
“ตอนนั้นที่ผมอุ้มชีนะ...คุณบาดเจ็บรึเปล่า..”เชอเร็นเริ่มมีสีหน้ากังวล เขาไม่อยากให้ผู้หญิงต้องมีบาดแผล แม้แต่รอยขีดข่วนก็ตาม
“เอ๊ะ... ไม่มีนี่ เจ้าสบายใจเหอะ”
“งั้นก็ดีแล้ว ผมไปนะ”เชอเร็นยิ้มจางๆพร้อมกับหันหลัง กระชับห่อผ้าดำให้แน่นมือและสาวเท้าเดินจากไป
เมื่อเชอเร็นเดินมาถึงบ้าน ก็แกะผ้าพันแผลเพราะมันหลุดลุ่ยไม่มีอะไรดีแล้ว ‘เฮ่อ ชีนะ คุณเป็นหมอจริงหรอเนี่ย แล้วทำไมคุณพันแผลเน่าอย่างนี้ T^T’ แต่พอแกะผ้าพันแผลออกแล้ว สิ่งที่ปรากฏเห็นคือผิวขาวเนียนไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนจากธนู แผลลึกพอสมควรจางหายไปในเวลาสั้นๆ เป็นไปไม่ได้กับหมอธรรมดา เวเนดา ชีนะ เป็นชื่อที่เชอเร็นต้องติดหูไว้บ้างแล้ว
บ้านของเชอเร็นเป็นบ้านหลังเล็กๆธรรมดา ฐานะไม่ได้ร่ำรวยอะไร เนื่องจากเขาเองก็เป็นเพียงแค่นักดาบกระจอกๆที่ทำงานแค่ลับดาบและตีดาบ ไม่เคยได้สู้ฝีมือกับใคร ใจกลางเมืองเดนอสนี้ประกอบด้วยอาชีพหลายๆอย่าง ดุจเป็นศูนย์รวมความเจริญก้าวหน้าของแต่ละอาชีพ ตั้งแต่นักข่าว นักเวทย์ นักดาบ พ่อค้า หรือหมอ สารพัดอาชีพล้วนมาบรรจบพบกันที่เดนอสนี้ เนื่องจากเป็นศูนย์รวมแห่งอาชีพ จีงมีลานประลองหลายแห่งตามจุดต่างๆ
หากพูดถึงลานประลองกับเชอเร็นนั้นเหมือนไม่ใช่ของที่เข้ากันเลย เชอเร็นเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของ “ความอ่อนแอ” ห่อผ้าในมือไม่เคยถูกแกะออกให้ใครได้ชมเลยสักครั้งเดียว เป็นที่ต้องการของใครหลายๆที่อยากจะชมความลับที่ปกปิดมานาน เชอเร็นจึงเลี่ยงที่จะอยู่ในที่ลับตาคน วันนี้ก็เช่นเคย...
ใจกลางลานประลองขนาดใหญ่ที่มีผู้คนคับคั่ง นักดาบทั้งหลายต่างมารวมตัวกันเพื่อแสดงฝีมือและขัดเกลาตัวเอง รายชื่อยาวเหยียดของนักสู้ถูกแขวนขึ้น ร่างใหญ่กำยำปิดบังร่างบางของใครบางคนจนไม่ทันสังเกตเห็น....เชอเร็นนั่นเอง
ก่อนการประลองจะเริ่มขึ้น ก็ย่อมมีกฎมีกติกาไว้เป็นหลักยึด มาตรฐานคือให้ใช้ดาบไม้หรือใช้ฝักดาบ ห้ามใช้อาวุธบินใดๆ หากใครล้มลงถือเป็นฝ่ายแพ้ หรือแม้กระทั่งทำผู้เข้าแข่งขันตาย ก็ปรับแพ้เช่นกัน แน่นอนว่าเชอเร็นไม่ได้ลงแข่ง เพียงแต่มานั่งดูฆ่าเวลาเท่านั้น... วันแล้ววันเล่า เชอเร็นได้เพียงแต่เฝ้ามองดาบหนักๆเข้าประจันกัน สายตามุ่งมันมองไปแต่ละท่วงท่าเพื่อจดจำเทคนิค เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา....
จนกระทั่ง....
“อ้าว ชีนะ มาอยู่ตรงนี้อีกแล้วนะครับ”เชอเร็นทักในขณะที่เห็นชีนะนั่งเหม่ออยู่ริมน้ำ พร้อมกับนั่งลงข้างๆ รักษาระยะห่างไว้พอสมควร
“อือ... นั่งคิดอะไรอยู่น่ะ”ชีนะตอบเสียงเรียบ ใบหน้าแสดงสีหน้าความเศร้าออกมาอย่างชัดเจน
“เล่าให้ผมบ้างก็ได้นะ ผู้หญิงน่ะ ยิ้มไว้จะสวยกว่านะครับ ^^” ชีนะมองคนข้างๆทำหน้าประหลาดก็ปล่อยก๊ากทันที
“ฮ่า ฮ่า! ฮ่า! พอแล้วๆๆ เจ้านี่มันต๊องจริงๆ ข้าก็แค่วางแผนอะไรอยู่น่ะ ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ข้าก็มีเรื่องที่ฝันไว้เหมือนกันนะ”
“เรื่องที่ฝันไว้...วางแผน....อย่างนั้นหรอ”เชอเร็นยิ้มเศร้าๆและเหม่อมองท้องฟ้า
“ข้าอยากจะช่วยคนเยอะๆ ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ไม่ต้องการค่ารักษา ไม่ต้องการคำขอบคุณ อยากจะไปในที่กันดารไร้ความเจริญ แต่ไม่ว่าที่ไหน ผู้คนไม่เชื่อถือฝีมือข้า เพราะข้าเป็นผู้หญิง แถมอายุยังน้อย ไปไหนมีแต่คนรังแก ข้ามีฝีมือติดตัวบ้าง แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นนักดาบหรือนักเวทย์ที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ข้าก็ทำอะไรไม่ได้นั่นแหละ....ก็เลย...กลัวนิดหน่อย กับการเดินทาง....อีกไม่กี่วันข้าจะเดินทางต่อ คนป่วยมีอีกเยอะแยะยังรอข้าอยู่”
“...ดีจังนะ ผมน่ะ เบื่อกับชีวิตซ้ำๆแบบนี้มากเลย แต่ก็ไม่มีปัญญาจะทำอะไรให้มากกว่านี้ เฮ่อ!~ อยากจะไปดูโลกหน้านอกอยู่เหมือนกัน”
“ข้างนอกน่ะ ไม่ได้สวยงามอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ มีแต่การฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง โจรก็ชุกชุม ทุกคนล้วนทำงานเพื่อหวังผลประโยชน์....”
“ฮู่ยยยย คิดมากจริง ไม่น่าถึงไม่มีคนมาจีบ ต่างคนก็ต่างอยู่ไปสิ จะไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนอื่นเค้า”เสียงที่ 3 แทรกขึ้นมาใจกลางบทสนทนา ชีนะได้ยินคำพูดขัดหูจึงหันไปค้อนขวับทันที
“ขอโทษที่แทรก เห็นเจ้ามองโลกในแง่ร้ายแล้วมันรำคาญหู”ชายหนุ่มที่นอนอยู่ถัดไปอีกโขดหินแสดงตัวขึ้น
“แล้วเจ้ารู้ได้ไงว่าข้างนอกคนดีเยอะแยะน่ะ!! แล้วยังมาว่าข้าไม่มีใครเอาอีก อยากตายรึไง!!~ แว้ดๆๆๆ”
“ข้าเป็นนักข่าว ทำไมข้าจะไม่รู้ ตอนนี้โลกเรากำลังเปลี่ยนไปยังไง”
“คนดีน่ะเหลือน้อยเต็มที ขุนนางดีๆอย่างซีเคียก็ถูกรังแกจากอองเดีย จนใครๆก็หันหน้าให้กับอองเดีย เปลี่ยนไปเป็นคนเลวกันหมด ซีเคียก็ถดถอย ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง....ถ้าพวกเค้าปลอดภัยก็คงจะดี”ชีนะไม่ยอมแพ้ ทะเลาะกันต่อไป - -
“ซีเคีย....งั้นหรอ”ชองเร็นตะลึงกับคำพูดของชีนะที่เอ่ยถึงตระกูลที่ไม่สมควรจะเอ่ย 2 ตระกูลที่เหมือนพระเจ้ากับปีศาจ
“ไม่ปลอดภัยแล้ว...ซีเคียที่หลงเหลืออยู่น่ะ โดนต้อนเข้าโลงหมดแล้ว แม้กระทั่งท่าน จรรกพรรดิที่อยู่สูงสุด ก็เพิ่งโดนเก็บไป”
“ข่าวสำคัญขนาดนี้ ทำไมคุณถึงรู้ล่ะ.....”ชองเร็นฟังมานาน ได้โอกาสจึงพูดแย้งไป
“มีอะไรบ้างที่ข้าไม่รู้ ข้าเป็นนักข่าวที่มีชื่อเสียง “เอเรียส” ความลับของทุกตระกูล มันอยู่ในหัวข้าหมดแล้ว ฮ่า!~”
“ชีนะ....คุณจะออกเดินทางใช่ไหม”เสียงเข้มเค้นออกจากลำคอขาวผ่อง
“อ่ะ ใช่... ทำไมล่ะ”ชีนะสะดุ้งกับเสียงนั่น หันไปมองชองเร็น... ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นดูดีไม่ใช่น้อยในยามนี้ คิ้วสีเข้มเหยียดตัวลงกดดวงตาสีน้ำเงินที่ส่องประกายด้วยความตั้งมั่น ขนตาหนายาวเป็นแพเชิดขึ้นอย่างหยิ่งทระนง จมูกโด่งเป็นสันอยู่เหนือริมฝีปากแดงสดดุจกลีบกุหลาบ โครงหน้ารูปไข่โลมเลียด้วยเส้นผมสีดำขลับ... หากเป็นชายในชุดนักรบ คงมีหญิงสาวมาติดพันมิใช่น้อย
“ผมจะไปด้วย...”กลีบกุหลาบขยับน้อยๆ มือหนาจับห่อผ้าไว้อย่างมั่นคง
“หืม.... ตาเจ้านี่... คุ้นๆนะ เจ้าคงเป็นนักดาบที่มีฝีมือ ใช่ไหม”เอเรียสติดใจกับใบหน้าอันมุ่งมั่น เอ่ยคำทำนายไว้เบื้องต้น
“อะเด๊ะ!~ เจ้านี่นะ ไม่ใช่เลยยยยยย”ชีนะปฏิเสธคำโตพร้อมกับโบกมือไปมา
“งั้นต้องพิสูจน์กันหน่อย”ไม่ทันขาดคำ ปากกาคู่ใจของเอเรียสก็วิ่งเฉียดหน้าเชอเร็นไปทันที
“แว้กกกกกกกก”เชอเร็นร้องลั่นเมื่อเห็นปากกาด้ามคมปักอยู่ที่ต้นไม้ที่ด้านหลัง... รวดเร็วจนเชอเร็นไม่ทันได้ขยับตัวหนี
“ไม่ใช่รึ.. ไม่น่าพลาดนา... ตาของเจ้าเป็นดวงตานักรบ ปิดบังอะไรข้าอยู่ล่ะสิ”เอเรียสยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ม้วนผมพลางใช้ความคิด
“แล้วผมจะปิดทำไมเล่า วันหลังอย่างทำแบบนี้นะคร้าบ T^T”เชอเร็นปาดเหงื่อตัวเองเป็นเชิงโล่งใจ
“ข้าไม่มีทางพลาด! ดีล่ะ!! ข้าจะตามติดอยู่กับเจ้า จนกว่าข้าจะรู้ว่าตัวจริงของเจ้าเป็นใคร!~เจ้าชื่ออะไร บอกข้ามาสิ!~”
“ซีฟาเคีย เชอเร็น”
“ทำไมไม่คุ้นเลยฟระ - -* ไม่เป็นไร!! ข้าจะต้องรู้ความลับของเจ้าให้ได้!!!”
“เดี๋ยวสิ!~ เชอเร็นจะไปกับข้า แล้วเจ้าก็จะมาด้วย ไม่ได้นะ!!!~ ข้าเป็นผู้หญิงนะยะ!!!~”
“อะไรๆ ส่วนไหนของเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นผู้หญิง ตอนกลางคืนข้าคงนึกว่าเจ้าเดินถอยหลัง 5555+”เอเรียสวิจารณ์หุ่นของชีนะอย่างสะใจ
“เดินถอยหลังงั้นเรอะ!!!!!!!!~”ชีนะฉุนขาด หยิบปืนที่พกมาด้วยไล่งยิงใส่เอเรียสทันที
“555+ ถ้ายิงถูกข้า ข้าจะยอมนอนกับเจ้าคืนนึงเลยเอ้า 555+”เอเรียสหลบอย่างสบายใจ ทั้งคู่ทะเลาะกันโดยมีสายตาของเชอเร็นมองตลอดเวลา
‘เอเรียส... นักข่าว.... รู้ถึงตระกูลอองเดียกับซีเคีย.... ไม่ธรรมดา....”
ความคิดเห็น