ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เฟิร์ส เจ้าของศาสตร์แห่งมนตร์ rewrite

    ลำดับตอนที่ #2 : 02 : ตัวเก็ง

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 56


    "แล้วนายมีอะไร ชามัล เดนอล"นิ้วเรียวขาวยกขึ้นพันเส้นผมสีทองอย่างเป็นนิสัย ดวงตาสีฟ้าใสหรี่ลงพลางจ้องมองผู้สูงศักดิ์ที่ให้เกียรติมาเยือนเขาถึงห้อง ผมสีเงิน และนัยน์ตาสีเทา สัญลักษณ์แห่งตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ ชามัลแห่งเซอร์เวล.. หึ เทียบกับเฮฌซลซึ่งเป็นสามัญชนแล้ว ก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะจีนอสแท้ๆที่ทำให้เขาและขุนนางน้อยนี่ได้มีโอกาสยืนข้างกัน
     
    "เราก็เป็นรุ่นพี่ปีสุดท้ายแล้ว ฉันไม่อยากจบไปโดยมีอะไรค้างคา ฉันอยากจะประลองกับนายซักหน"คำว่า'เรา'สะกิดหูร่างสูงเพรียว ใบหน้างดงามลอบยิ้ม รู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกินที่ถูกยกฐานะให้เท่าเทียมกัน
     
    "ฉันยังไม่อยากตาย ไม่ต้องมาชวน ถ้าเบื่อก็ไปชวนลอน่าไม่ก็กาเบรียลไป๊"เกรเดลโบกมือไล่ เสียงกำไลเงินที่ติดข้อมือเขาสั่นกระทบกันกรุ้งกริ้งน่าฟังยิ่งนัก
     
    "เมื่อฉันจบจากที่นี่.. ฉันต้องรับราชการในวังหลวง จะว่าเป็นเสาหลักของเซอร์เวลอีกต้นก็ว่าได้"หัวหน้าหอคอยสีทองผู้สูงส่งกล่าว ก่อนจะย้ำต่อไป
     
    "ก่อนวันนั้นจะมาถึง ฉันอยากจะมั่นใจในฝีมือของฉันว่ามันคู่ควรกับตำแหน่งนั้นรึเปล่า"คนฟังลอบยิ้มเล็กน้อยด้วยอารมณ์ขัน
     
    "นายคู่ควรแล้วเดนอล ทั้งสติ ปัญญา และอารมณ์ สุขุมเยือกเย็น รับผิดชอบ ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และอาจารย์ในจีนอสทุกท่านคงเห็นตรงกับฉัน"มือใหญ่วางลงบนบ่าคนสูงศักดิ์และยิ้มอย่างอารมณ์ดี เขาเดินฉับๆไปคว้าผ้าขนหนูมาพาดไหล่
     
    "ถ้าเรามีวาสนาต่อกัน ซักวันคงได้ประมือ วันนั้นนายก็ออมมือให้ฉันหน่อยละกัน"เกรเดลกล่าว เขาผิวปากสบายใจและเดินตรงเข้าไปอาบน้ำ ทิ้งผู้มาเยือนยืนแป้วอยู่กลางห้อง ทายาทชามัลหัวเราะหึเบาๆในใจ..
     
    วาสนา? หึ แต่ละคน ไม่ยอมเผยคมดาบซักที
     
    หลังจากประกาศศึกชิงตำแหน่งไป เหล่านักเรียนทั้งหลายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบกลับจนเห็นได้ชัด บ้างทะเยอทะยานอยากประกาศฝีมือ บ้างอยากจะลองคว้าตำแหน่งใหญ่ บ้างกลัวการประชันหน้ากับยอดฝีมือ บ้างสืบข้อมูลของเพื่อน เพื่อที่จะดูตัวเก็งในแต่ละตำแหน่ง ก่อนนำเงินไปวางเดิมพัน
     
    "อาเธอร์ชนะชัวร์!"เสียงตบโต๊ะดังปึ้งของหนุ่มร่างใหญ่ เสียงเข้มพูดจาฉะฉาน อธิบายคุณสมบัติของเพื่อนคนเก่งอย่างภาคภูมิใจ อีกทั้งอากัปกิริยาเชิดหน้าเสียจนจมูกแหลมๆดูโด่งสันเข้าไปอีก ดูหยิ่งยโสจนเพื่อนข้างๆอยากจะถีบมันตกโต๊ะ
     
    "เฮ้ยๆ อย่าด่วนสรุปสิซีมอร์ ไม่ใช่แค่หอคอยสีทองนะที่มีดี ทริสเทอร์ของหอคอยสีเงินนั่นก็ไม่เบา เมื่อวานฉันเห็นมันไปฟันดาบเคร้งๆกับรุ่นพี่ลอน่าอยู่ตั้งนาน"นักดาบจากหอคอยสีเงินอ้าง
     
    "วะ! ขนาดนั้น ถึงขนาดยืนจังก้ากับรุ่นพี่ลอน่าได้นี้ก็สุดยอด แล้วพวกหอคอยสีน้ำเงินนั่นคงไม่ไปฝึกจีบหญิงกับรุ่นพี่เกรเดลหรอกนะ"ประโยคนี้ทำเอาวงสนทนาขำก๊ากกันยกใหญ่ เนื่องจาก 2 รุ่นพี่สุดเก่ง เดนอล และ ลอน่า นั้นเป็นเหมือนจุดมุ่งหมายหลักของนักเรียน พวกเขาอยู่ท่ามความชื่นชม ความเคารพนับถือจากรุ่นน้อง และเป็นความหวังของโรงเรียนที่จะเชิดชูจีนอสให้สูงขึ้น ขณะที่ชีคเหมือนไม้ประดับซึ่งตั้งไว้เฉยๆ ส่วนเกรเดลนั้นเหมือนตัวตลกที่มีไว้เป็นสีสันเท่านั้น หลังจากสบประมาทหอคอยสีน้ำเงินไปแล้ว วงสนทาก็เปลี่ยนประเด็นเป็นศึกชิงตำแหน่งของปี4 ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดของโรงเรียน ชามัล เดนอล จากหอคอยสีทองถูกเก็งตำแหน่งไว้ว่าต้องลงหัวหน้าระดับชั้นอีกครั้ง หลังจากนอนกอดตำแหน่งไว้ถึง 3 ปีสบายๆ
     
    "เฟิร์ส ไม่กรอกใบสมัครซักทีล่ะ"เจ้าของเสียงนุ่มคนเดิมทักขึ้นอีกครั้งหลังเจ้าตัวนั่งเงียบไม่ตอบ ดวงตาสีฟ้าใสลอบมองหนังสือที่เขาอ่าน 'ระเบียบราชวัง'
     
    "ฉันไม่ถนัดอะไรนอกจากเรียน"คำตอบเดิมๆจากผู้ชายเย็นชา ผมสีน้ำตาลอ่อนลู่ลงปรกดวงตาสีดำสนิทที่บัดนี้ กำลังสนใจเพียงตัวอักษรยากๆบนหน้ากระดาษ ชมัคเกอร์ โรเวน ตวัดยิ้มขึ้นน้อยๆก่อนเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งข้างๆ
     
    "ชีวิตนี้นอกจากเรียนก็มีอย่างอื่นตั้งเยอะ อย่าซีเรียสนักสิ"
     
    "ต้องการอะไร"คล้ายถามถูกจุด โรเวนกระตุกคิ้วขึ้นก่อนเฉลยคำตอบ
     
    "ฉันจะลงตำแหน่งหัวหน้าชั้นปี ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากเจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ อย่างนาย.."เจ้าของดวงตาสีดำพ่นลมหายใจออกช้าๆคล้ายเหนื่อยใจ เขาเงยหน้าขึ้นมาคุยตรงๆกับโรเวนเป็นครั้งแรก และพบว่าดวงตาที่จ้องตรงมาที่เขานั้น หากเป็นมีดก็คงเสียบเขาจนพรุนทีเดียว
     
    "อาเธอร์ เบนอล กิโลม ทริสเทอร์ ตั้งหลายชื่อที่ฉันได้ยินว่าจะลงตำแหน่งนี้ ถ้าไม่คู่ควรแล้วฉันจะไปเหลืออะไร"แต่ละชื่อที่เอ่ยมานั้นคือแถวหน้าของหอคอยสีทองและสีเงิน ทายาทตระกูลนักรบ นักเวทย์ พรั่งพรูออกมาจากปากแดงสดสะกิดคนที่หลับอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลให้ตื่นขึ้น
     
    ใครมันเอาตระกูลพวกนี้มาพูดเล่นวะ เดี๋ยวหัวขาดไม่รู้ตัว เจเซียสคิดในใจพลางลอบมองไปยังต้นเสียง.. เฟนาไลค์นั่นก็ซ่อมคมไว้เยอะเหมือนกัน โรงเรียนนี้มันอยู่ยากแหะ!
     
    "หึ ฉันรอนายอยู่นะ"โรเวนยันร่างผอมบางของตนเองขึ้นและลุกจากไป เจเซียสยิ้มกริ่มก่อนหลับตาพริ้มลงอีกรอบ
     
    โรงอาหารของจีนอสนั้นเป็นอีกที่ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นตำนานคู่กับโรงเรียนเก่าแก่นี้ แต่ความโอ่อ่าหรูหราที่ประดับด้วยเครื่องทองนี้ดูไม่เข้ากับอายุหลายร้อยปีของมันเลยซักนิด พรมแดงถูกวางทอดยาวจากทางเข้าสู่หน้าเวทีซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าสุด โต๊ะอาหารขนาดใหญ่ถูกรายล้อมด้วยเหล่านักเรียน 4 ชั้นปีที่กำลังร่วมวงอย่างสนุกสนาน ที่ครึกครื้นที่สุดเห็นจะเป็นโต๊ะอาหารของหอคอยสีน้ำเงิน ซึ่งตอนนี้เกรเดลกำลังอิ่มหนำสำราญกับอาหารปากและอาหารตา
     
    "ชาตินี้จะมีบุญได้อยู่ท่ามกลางสาวสวยแบบนั้นบ้างป่าวน้อเรา"เจ้าของผมทองสลวยบ่นอุบอิบ เมื่อเห็นสาวงามแต่ละนางนั้นประเคนอาหารใส่ปากหัวหน้าหอคล้ายเกรเดลเป็นง่อย เขาครื้นเครงอยู่ได้ไม่นาน มิสโมดี้ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำหอคอยนั้นก็ลากตัวหนุ่มรูปงามออกมาจากฮาเร็ม ใบหน้าเหี่ยวย่นนั่นคงมาหาจากการเกร็งใบหน้าให้ดูดุตลอด เจเซียสพิเคราะห์ไปพลางส่งเสียงหัวเราะร่อ
     
    "มิสครับ ไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอครับ"เสียงออดอ้อนดังขึ้นจากหนุ่มรูปงาม ไม่ได้สั่นสะเทือนหัวใจอันแข็งแกร่งของอาจารย์สูงวัยเลยสักนิด คนใจร้ายที่ลากลูกศิษย์ตัวแสบเข้ามาในห้องเคาะนิ้วเบาๆบนโต๊ะไม้คล้ายใช้ความคิด
     
    "ศึกชิงตำแหน่งมีแต่ความวุ่นวาย จีนอสที่ว่าหนาแน่นนั้นก็ยังมีจุดที่หละหลวม เกรเดล.. เธอต้องรับผิดชอบฐานะของเธอ.."
     
    "งั้นหรอครับ ถ้าผมรับผิดชอบในฐานะของตัวผม ผมคงไม่ได้มานั่งสลอนอยู่ในโรงเรียนนี้หรอกครับ ไอ้พวกบ้าน่ะ จะมาเมื่อไหร่ก็มา"ร่างสูงยกนิ้วเรียวขึ้นพันเส้นผมอย่างเป็นนิสัย ยิ้มอย่างอารมณ์ดีทั้งๆที่พูดถึงเรื่องความเป็นความตาย กำไลข้อมือจำนวนมากเทอะทะถูกยกลอยขึ้นมาสะดุดตาอาจารย์สาวอีกครั้ง ทั้งแหวน ต่างหู สร้อย ทุกอย่างดูพะรุงพะรังจนน่ารำคาญแทนคนใส่ แต่ไม่เคยมีใครเห็น เฮเซล เกรเดลถอดเครื่องประดับพวกนี้เลยซักครั้ง
     
    "อย่าวู่วาม เธอเองก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ เกรเดล"เสียงแข็งๆปรามคนหัวดื้อ
     
    "ก็ปีสุดท้ายแล้ว ขอผมทำเท่ซักปีจะเป็นไรไป ขอตัวครับ"เฮเซล เกรเดลกล่าวก่อนโบกมือลาอาจารย์สูงวัยอย่างไร้มารยาทและเดินจากไป
     
    'เอ้อ ให้มันได้อย่างงี้..'
     
    หลังจากวิชาภูมิศาสตร์สำหรับพักผ่อน วิชาประวัติศาสตร์ที่เล่าขานถึงเหล่าผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งกล่อมให้นักเรียนกว่าครึ่งห้องฝันดีเข้าไปอีก เสียงอาจารย์ทั้งช้าทั้งเนิบ คล้ายจะร่ายมนตร์เพื่อปิดเปลือกตาของผู้รับฟังเสียให้ได้ คนที่หลับก็ส่งเสียงกรนคร่อก ส่วนคนที่ตื่นก็ยังมิวาย แอบสนทนาเบาๆแก้เซ็ง
     
    "นักเวทย์ได้ตรวนนักโทษผู้โหดร้ายด้วยโซ่แห่งเวทย์มนต์... พลันกำลังทั้งหมดของโจรชั่วก็ถูกสูบกินเสียหมด..."ดุจนิทานกล่อมเด็กนอน แม้กระทั่งนักเรียนหอคอยสีทองก็อดไม่ได้ที่จะหาวหวอดออกมา
     
    "เฮ้ย รุ่นพี่เดนอลส่งใบสมัครหัวหน้าชั้นปีแล้วนะ รุ่นพี่ลอน่าของนายส่งรึยัง"เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นเบาๆ สะกิดหูของคนแถวหน้าให้ลอบฟัง
     
    "ว่ากันว่า... การตรวนโซ่เวทย์มนต์นั้นจะสร้างความทรมาน.."แต่อาจารย์หน้าชั้นก็ยังพล่ามไม่หยุด คนแถวหลังสุดอย่างเจเซียสกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นานนึกรำคาญ เมื่อไม่มีคนฟังแล้วตาแก่นั่นจะสอนอีกทำไม สิ่งที่อยากรู้นั่นก็เบาแสนเบา อยู่ตรงนี้ก็แทบไม่ได้ยิน อยากรู้โว้ย!
     
    "ส่งแล้วสิวะ แต่คงลงอัศวินเหมือนเดิม ดูท่าปีนี้ไม่หมู ใบสมัครของหอคอยฉันสูงเป็นตั้ง!"
     
    "หอฉันก็เยอะเหมือนกัน นี่ฉันก็อยากลงหัวหน้าชั้นปี แต่กลัวชวดว่ะ เอา 5 อัศวินก็พอ"
     
    "งั้นหรอ หึ งั้นหัวหน้าชั้นปีคงเป็นหอคอยสีเงิน"
     
    "แต่ฉันยังมีอาเธอร์ นายไม่ได้แอ้มร๊อก"
     
    เจเซียสเงี่ยหูฟังเต็มที่ ท่าทาง 2 หนุ่มนั่นคงเป็นหูตาที่ดีในโรงเรียน แต่ทั้งอาเธอร์และทริสเทอร์ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเก็งนั้นเหมือนจะธรรมดาไป พลันดวงตาเขียวสว่างก็ลอบมองไปยังเฟนาไลค์ เฟิร์ส และ ชมัคเกอร์ โรเวน
     
    'ม้านอกสายตายังมีอีกเยอะ' 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×