ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SINGLE MAN - baekdo ft. etc ♡

    ลำดับตอนที่ #3 : 03 : "ขี้เหงาเป็นงานหลัก"100%

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 58











    วันนี้วันเสาร์ ...

     

    คยองซูตัวน้อยตื่นสายกว่าปกตินิดหน่อยด้วยความเหนื่อยอ่อนจากงานที่สุมหัวมาตลอดอาทิตย์ ร่างเล็กมุดตัวออกจากผ้านวมผืนหนาอย่างอ้อยอิ่ง ผมยุ่งไม่เป็นทรง ถ้าถามว่าอยากแต่งงานกับใคร คำตอบในตอนนี้ของคยองซูก็คงจะเป็นเตียงนี่ล่ะ ขาว นุ่ม อบอุ่น ไม่บ่นไม่เถียง ไม่นอกใจ น่ารักที่สุดละ /หาว

     

    เท้าเล็กลากรองเท้าสลิปเปอร์สำหรับอยู่บ้านมีเพนกวินหัวโตประดับอยู่ตรงปลายก้าวเข้าไปในห้องครัวก่อนจะเปิดตู้เย็นออกอย่างเคยชิน ไม่รู้หรอกว่าจะเอาอะไรแต่เปิดไว้ก่อน จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองซื้อซีเรียลมาเก็บไว้เพราะโดนเซฮุนกับอี้ชิงบ่นเรื่องอ้วน จึงหยิบออกมาเทใส่ถ้วยพลางลูบคลำพุงนุ่มๆของตัวเองไปด้วย เฮ้อ อ้วนๆน่ะกอดอุ่นจะตาย พวกผอมๆน่ะไม่มีทางได้สัมผัสความรู้สึกนี้หรอก ชิ!

     

    เมื่อเดินมาที่โต๊ะกินข้าว คยองซูก็หยิบรูปถ่ายเจ้าปัญหาแผ่นเมื่อวานที่เผลอวางทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมาดู คิ้วดกหนาขมวดมุ่นก่อนจะแลบลิ้นให้คนในรูปอย่างหมั่นไส้ ...

     

    ... คุณจงอินเล่าว่านายพยอนแบคฮยอนเป็นน้องชายคนละแม่ของตัวเอง และเหตุที่ต้องให้คยองซูเป็นคนไปสืบหาเบาะแสให้เพราะได้ข่าวมาว่าแบคฮยอนทำงานเป็นโฮสอยู่ที่ผับในระแวกนี้ และคุณจงอินก็ยังรู้อีกด้วยว่าเซฮุนและอี้ชิงชื่นชอบการไปตกเหยื่อที่ผับเป็นชีวิตจิตใจ (รู้ได้ไงวะ!?) จึงคิดว่าน่าจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเขาได้ ที่สำคัญคือคุณพ่อของคุณจงอินเป็นนักการเมือง ถ้าไปจ้างใครสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะถูกดิสเครดิตเอา และคุณจงอินก็บอกอีกว่าคยองซูเป็นคนน่าเชื่อถือ ทำงานด้วยกันมาหลายปีและไม่ใช่คนปากสว่าง (งู้ย แอบสังเกตกันด้วย) งานนี้ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี ...

     

    วันนี้คยองซูก็เลยมีแพลนว่าจะไปเยี่ยมเยียนผับชะนีอัปมงคลนั่นอีกซักรอบโดยที่ไม่ได้บอกสองเพื่อนสาว ...

     

    บอกเลยว่าไม่ได้ค่าจ้างเพิ่มหรอก ที่ทำเพราะคุณจงอินขอร้องล้วนๆ /เบะปากแรง

     

     

    สองชั่วโมงต่อมาคยองซูก็ได้มายืนงงๆอยู่ในพงหญ้าข้างทางก่อนถึงผับชะนีไม่กี่ก้าวในชุดเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงสีดำและหมวกบีนนี่สีดำเข้าชุดที่ถูกดึงให้ลงมาปิดหูเก็บผมเรียบร้อยจนหัวกลมดิกเป็นลูกชิ้น มองได้สองอย่างคือเป็นลูคีเมียระยะสุดท้ายกับมาก่อการร้าย ... ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง ผับจึงอยู่สภาพร้านอาหารธรรมดาๆไม่ได้เปิดป้ายไฟสว่างโร่เหมือนตอนกลางคืน มีลูกค้าเข้าออกประปราย คยองซูจึงทำเนียนๆเดินเข้าไป ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยามหน้าร้านต้องมองเขาแปลกๆด้วย ไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย ...

     

    “เอ่อ ... มากี่ท่านครับ” บริกรหน้าร้านเอ่ยทักลูกค้าตัวเล็กเสียงสั่น ยิ่งดวงตากลมโตตวัดมองมานิ่งๆใต้หมวกบีนนี่สีดำ เขาก็แทบจะวิ่งไปเรียกผู้จัดการร้านมาดูว่าคุณลูกค้าคนนี้จะสร้างปัญหาให้กับร้านหรือไม่ คยองซูไม่ได้สนใจท่าทีของบริกรใจปลาซิว ตอบกลับไปอย่างรำคาญ “เห็นใครมากับผมด้วยรึเปล่าล่ะ”

     

    “ม ... ไม่มีครับ เชิญเลยครับ” ชายหนุ่มก้มหน้านิ่งไม่กล้าถามต่อเพราะกลัวจะได้กินลูกตะกั่ว (ลักษณะแบบนี้ต้องทำใต้ดินไม่ผิดแน่!) ผายมือไปตามโต๊ะว่างๆ ให้คุณลูกค้าผู้โหดสัสไปเลือกนั่งเอาเอง แทบน้ำตาไหลเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างหงุดหงิดดังขึ้นใกล้ๆ

     

    “ไปเรียกผู้จัดการให้ผมหน่อยสิ” ใบหน้าของเขาซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก แข้งขาอ่อนแรงจนต้องลงไปคุกเข่าที่พื้นน้ำตานองหน้า คยองซูเบิกตากว้างด้วยความตกใจแต่ในสายตาของคุณบริกรผู้โชคร้ายคนนั้น นี่เป็นเหมือนสัญญานประหาร ถ้าเขาถูกไล่ออก ใครจะหาหาเลี้ยงลูกเมียล่ะ กว่าเขาจะงานได้เลือดตาแทบกระเด็น หน้าตาก็ไม่ดี จะไปขายตัวก็ไม่มีใครเอา ฮืออออออ

     

    คยองซูเม้มปากพลางขมวดคิ้วมุ่น เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่าลูกค้าที่เข้ามาทานข้าวเริ่มมองมาทางเขากับไอ้บ้าที่นั่งคุกเข่าร้องไห้กระซิกๆอยู่ตรงหน้า ในตอนนั้นเองคนตัวเล็กก็มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวดี ท่าทางมีอายุเล็กน้อยกำลังเดินเข้าไปตำหนิเด็กเสิร์ฟที่ดูเหมือนจะเพิ่งเข้าทำงาน รู้ได้จากท่าทางเงอะงะ ไม่คล่องแคล่วเหมือนพวกที่อยู่มานาน เขาจึงเดินเข้าไปถามทันที ปล่อยให้ไอ้บริกรขี้มโนนี่ร้องไห้อ้อนวอนต่อไป

     

    “ขอโทษนะครับ คือผมอยากทราบว่านายพยอนแบคฮยอนทำงานอยู่ที่นี่ใช่มั้ยครับ” คนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการร้าน ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะถามคยองซูกลับเสียงเข้ม “คุณ ... มาหาแบคฮยอนทำไมหรือครับ”

     

    “อ่า ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกเขาน่ะครับ ... เกี่ยวกับครอบครัว” ดูจากสายตาที่คุณผู้จัดการมองเขามันดูไม่มีความไว้วางใจซักนิด คยองซูจึงจำเป็นต้องยกเรื่องสำคัญมาอ้าง อีกฝ่ายมีท่าทีอ่อนลง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นประเด็นที่ค่อนข้างเซนส์ซิทิฟทีเดียว คยองซูที่สูญเสียพ่อแม่ไปแล้วเข้าใจเป็นอย่างดีและไม่คิดจะล้อเล่นเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด

     

    ไม่นานคุณผู้จัดการร้านก็เขียนแผนที่ง่ายๆที่ดูออกและไม่เหมือนแผนที่ไปบ้านที่ครูบังคับให้คยองซูเขียนสมัยประถมมายื่นให้ ร่างเล็กกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อมผิดกับชุดที่สวมใส่ ตากลมกวาดมองกระดาษแผ่นน้อยอยู่ครู่หนึ่งก็พอจะรู้เส้นทางว่าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก

     

    แสงแดดยามบ่ายนอกร้านทำให้คยองซูหยีตาน้อยๆซึ่งคงจะดูน่ารักน่าชังมากกว่านี้ถ้าไม่ได้อยู่ในชุดอาชญากร แต่ใครสน ร่างเล็กเดินไปตามทางในแผนที่เรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบจนกระทั่งถึงหน้าตึกเก่าๆแห่งหนึ่ง ดูหมายเลขแล้วตรงกับที่คุณผู้จัดการร้านให้มาคยองซูจึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดเหล็กแคบๆนอกตัวตึกไปยังห้องหมายเลข 203

     

    ตึกแห่งนี้เป็นห้องแถวที่ทุบรวมกัน 3 หลังเพื่อทำเป็นห้องเช่าแต่สภาพของมันไม่น่าอยู่เอาเสียเลย ผนังสีหลุดลอกมีรอยน้ำรั่วซึมกระดำกระด่าง กองขยะขนาดใหญ่วางระเกะระกะอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้าด้านล่างส่งกลิ่นเหม็น หนูท่อตัวเท่าลูกแมววิ่งมาตัดหน้าคยองซูทำให้คนตัวเล็กต้องเบ้หน้าในความสกปรก พยอนแบคฮยอนสุดฮอทคนนั้นซุกหัวนอนอยู่ที่นี่เนี่ยนะ

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    “ใครน่ะ” แว่วเสียงทุ้มลึกดังมาจากประตูอีกด้าน คยองซูจำได้ทันทีว่าเป็นเสียงไอ้ตี๋หล่อนั่นแน่ๆ จึงส่งเสียงตอบกลับไป “ฉันเอง เจ้าของบ้านที่นายนอนด้วยเมื่อวานอ่ะ”

     

    บานประตูสีขาวตุ่นๆซอมซ่อปิดแง้มออก พร้อมกับแบคฮยอนในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกางเกงบอลขาสั้นสบายๆ เส้นผมสีน้ำตาลคาราเมลเปียกชื้นเหมือนเจ้าตัวเพิ่งสระผมมาหมาดๆเสยขึ้นโชว์ใบหน้าใสๆและนัยน์ตาเรียวรีที่ฉายแววงุนงงให้เห็นอย่างชัดเจน เฮ้อ แต่งแค่นี้ก็ดูหล่อแล้วเหรอ นี่คยองซูจะไม่ใจง่ายไปหน่อยหรือไง ...

     
     

    “มาหาผมทำไมเหรอครับ คุณตัวเล็ก”

     
     

    แบคฮยอนมองคนตัวเล็กที่ยืนหน้านิ่งอยู่หน้าประตูห้องของเขาอย่างสงสัย ถึงวันนี้จะแต่งตัวโหดไปหน่อย แต่ตากลมๆ จมูกเล็กๆ(ยังช้ำอยู่ด้วย) ปากรูปหัวใจแบบนี้มีแค่คนเดียวเท่านั้นล่ะ คุณตัวเล็กขี้เมาไง ... ยังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปากถามว่าทำไมถึงรู้ได้ว่าเขาพักอยู่ที่นี่ คยองซูก็ดันแผ่นอกกว้างก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในห้องโดยไม่พูดไม่จา แอบเกร็งมือนิดๆตอนสัมผัสกับกล้ามอกแน่นๆใต้เสื้อกล้ามตัวบาง กลิ่นแชมพูอ่อนๆกระจายฟุ้งในอากาศเบาบางทำให้คยองซูรู้สึกดีขึ้นเยอะจากการเดินผ่านขยะกองโตเมื่อครู่นี้

     

    เฮ้อ ... กล้ามอกผู้ชายฮอทๆมันให้สัมผัสดีๆแบบนี้นี่เอง

     

    “คุณมาที่นี่ทำไมครับ นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณควรมาเลยนะ ถ้าจะติดต่อจ้างงานผมก็ไปที่ผับตอนค่ำๆดิ” คนตัวสูงกว่าเดินไปทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้าพัดลมตัวเล็ก ห้องนี้แคบมากซะจนคยองซูจินตนาการไม่ออกว่าถ้าตัวเองต้องมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จะเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องชมนายพยอนแบคฮยอนเหมือนกันที่จัดห้องได้เรียบร้อยกว่าที่คิด ที่นอนมีเพียงฟูกหนาๆปูทับผ้านวมอีกชั้น ตู้เสื้อผ้าไม้เล็กๆตรงมุมห้อง ส่วนห้องน้ำก็เล็กเสียจนคนสองคนเข้าไปปี้กันแทบไม่ได้(?) แต่สิ่งที่ทำให้ห้องนี้ดูมีมูลค่ามากขึ้นก็คงจะเป็นเจ้าของห้องที่นั่งเป่าผมอยู่นี่ล่ะมั้ง ...

     

    เสื้อกล้ามสีขาวย้วยๆพัดกระพือไปตามแรงลมเผยให้เห็นแผงอกกว้างขาวเนียนที่คยองซูได้พิสูจน์กับมือแล้วว่ามันแน่นแค่ไหนเปิดเปลือยสู่สายตา(อันหื่นกระหาย) ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเป็นจังหวะเมื่อแบคฮยอนกลืนน้ำลาย เส้นผมสีคาราเมลเปียกชื้นถูกมือเรียวสวยขยี้ไปมาอย่างไม่ใส่ใจนักขณะที่เจ้าตัวใช้ดวงตาเรียวรีพราวระยับคู่นั้นจ้องตรงมาที่คยองซู ... “จะยืนอยู่อีกนานมั้ยครับ ที่นี่ไม่มีโซฟาไว้ต้อนรับคุณหรอกนะ”

     

    “...เช็ดผมให้เอามั้ย”

     

    “ครับ?

     

    หล่อแล้วไม่น่าหูตึง ... ไม่ได้ขอปี้หรอกน่า! … นี่เป็นหนึ่งในนิสัยแปลกประหลาดของคยองซูคือเปนโรคชอบลูบ เวลาเจอของที่นุ่มนิ่ม ลื่นมือก็อยากจะเข้าไปลูบไปจับ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าผ้ากำมะหยี่ ผมคน ขนหมา เซฮุนเคยบอกว่ามันเป็นหนึ่งในพฤติกรรมของโรคจิตและคิดจะพาคยองซูไปหาจิตแพทย์หลายครั้งแต่ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด ...

     

    “ไม่เขินผมแล้วหรือไง หืม”แบคฮยอนมองตามคนตัวเล็กเดินตรงเข้ามาทิ้งตัวลงคุกเข่าทางด้านหลังของเขาซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น แผ่นหลังสัมผัสกับพุงน้อยๆและผิวเนื้ออุ่นๆจากอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ถ้าได้กอดคงนุ่มนิ่มน่าหมั่นเขี้ยวไปทั้งตัวแน่ๆเลยครับ

     

    ผ้าขนหนูผืนเล็กในมือถูกแย่งไปขยี้บนศีรษะทุยได้รูปเบาๆ คยองซูรู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก แม้ว่าครั้งแรกตอนเจอกันที่ผับคยองซูจะรู้สึกประหม่าเพราะสายตาแพรวพราวของอีกฝ่ายที่มาในมาดโฮสเต็มตัว แต่ในยามที่พยอนแบคฮยอนอยู่บ้าน ก็เป็นแค่หนุ่มตี๋หน้าใสธรรมดาๆคนหนึ่งจึงไม่รู้สึกเกร็งมากนัก เส้นผมนุ่มลื่นให้สัมผัสที่คยองซูแสนโปรดปราน เหมือนได้ลูบขนนุ่มๆของเจ้าหมาบีเกิ้ลหูยาวที่เขาชอบแต่ไม่มีโอกาสซื้อมาเลี้ยง ตากลมโตไล่มองโครงหน้าของไอ้ตี๋หล่อที่ตอนนี้หลับตาพริ้ม ส่งเสียงครางในลำคอเหมือนลูกหมาเวลาถูกเกาพุง ...

     

    “คุณยังไม่ตอบผมเลยนะว่ามาที่นี่ทำไม ...” แบคฮยอนลืมตาขึ้นสบตากับลูกแก้วสีดำสนิทใสแป๋วใต้หมวกบีนนี่โจร เรียกว่าบีนนี่โจรดีแล้วเพราะเขาเปิดประตูมาทีแรกก็เกือบจำไม่ได้เหมือนกัน “คุณคงไม่ได้มาเพื่อจองตัวผมหรอกใช่มั้ยครับ”

     

    ถึงแบคฮยอนจะเป็นโฮสแต่เขารับงานเฉพาะตอนกลางคืน มีอยู่เพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าที่ซุกหัวนอนปัจจุบันของเขาคือที่นี่เพราะเขาจำเป็นต้องย้ายที่อยู่ไปๆมาๆบ่อยครั้งเพื่อหลบหนีจากอะไรบางอย่าง ฉะนั้นจึงไม่ดีแน่ถ้ามีคนตามหาเขาเจอได้ง่ายขนาดนี้ ...

     

    “เปล่าหรอก ฉันมาเพราะว่า ...”

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

    คยองซูยังไม่ทันพูดก็มีเสียงเคาะประตูในจังหวะสาวสาวสาวดังขึ้นๆขัดจังหวะ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อมือเรียวของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเลื่อนขึ้นมาปิดปากเขาเอาไว้ แบคฮยอนใช้นิ้วชี้แตะไว้ที่ริมฝีปากด้วยสีหน้าจริงจัง แอบบีบแก้มกลมๆของคนตัวเล็กเบาๆก่อนจะลุกขึ้นย่องไปที่ประตู

     

    “ไอ้แบคฮยอน กูรู้ว่ามึงอยู่ในนั้น!!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!!” เสียงตวาดดังลั่นพร้อมกับเสียงถีบประตูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง วงกบประตูเก่าๆซอมซ่อลั่นกึกๆเหมือนพร้อมจะละสังขารจากแรงถีบได้ทุกเมื่อ เจ้าของห้องหน้าตี๋ถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความเบื่อหน่าย วิ่งออกไปนอกระเบียงเพื่อชะโงกหน้าดูรถกระบะของเจ้าของห้องเช่าที่มักจะจอดไว้ตรงกับด้านล่างของห้องเขาพอดีก่อนจะหันมามองหน้าคุณตัวเล็กที่นั่งจุ้มปุ้กอยู่กลางห้อง ...

     

    “เราคงต้องบู๊กันหน่อยแล้วล่ะครับ ...”

     

    คยองซูดีดตัวขึ้นจากพื้นเมื่อแบคฮยอนคว้าข้อมือเล็กไว้แล้วเดินไปด้วยกันที่ระเบียง จากชั้น 2 การจะกระโดดลงไปมันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างน้อยก็ยังดีที่มีกระบะเป็นตัวลดแรงกระแทก คงไม่ถึงการเสียแข้งเสียขาแต่คยองซูก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ ก็อยากจะฟินอยู่หรอกที่โดนจับมือเป็นครั้งแรกแต่บรรยากาศตอนนี้มันโรแมนติกไม่ลงจริงๆ ...

     

    ตึง!

     

    ยืนปลงกับชีวิตตัวเอง พอหันไปอีกทีก็พบว่าไอ้ตี๋หล่อได้กระโดดนำทางไปก่อนแล้ว แบคฮยอนยืนรออยู่บนหลังกระบะโดยที่ยังครบ 32 ใบหน้าขาวใสฉายแววตึงเครียดขณะกวักมือเรียกให้คยองซูกระโดดตามลงมา ป้องปากพูดโดยไม่ออกเสียงแต่อ่านปากได้ว่า โดดเลย เดี๋ยวผมรอรับเอง

     

     

    สาบานได้ว่านี่มาด้วยปัญหาเรื่องพี่น้อง ไม่ได้มาเป็นสตันท์แมนวิ่งสู้ฟัด!!!

     

     

    คุณหัวหน้าแผนกการตลาดคนเก่งสูดลมหายเข้าปอดเฮือกใหญ่ คาดคะแนจากสายตาว่านายพยอนแบคฮยอนไม่น่าจะรับน้ำหนักของเขาไหวแน่ๆ คงต้องพึ่งพาตัวเอง ขณะที่กำลังยืนเรียกขวัญอยู่นั้น ประตูสีขาวซอมซ่อก็เปิดผางพร้อมกับชายฉกรรก์ประมาณ 3-4 วิ่งกรูกันเข้ามา คยองซูจึงตัดสินใจปีนรั้วระเบียงแล้วกระโดดตามแบคฮยอนลงไป พวกมันจะได้รู้สกิลของคยองซูสการ์เล็ต วิชตอนนี้ล่ะ!

     

    “โอ้ย!!!” เสียงร้องนี้ไม่ใช่เสียงของคยองซูแต่เป็นเสียงของไอ้หน้าตี๋ที่ถูกลูกหมูน้อยกระโดดลงมาทับขาเข้าเต็มรัก รองเท้าผ้าใบพื้นยางบดขยี้เท้าเปล่าๆของแบคฮยอนจนเจ้าตัวร้องซื้ดออกมาอย่างเจ็บแสบ(แต่เซ็กซี่เป็นบ้า!) ก้มลงไปดูก็พบว่าเนื้อถลอกมีเลือดไหลซิบๆ คยองซูส่งสายตาเป็นเชิงขอโทษแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร แขนสั้นๆก็ถูกฉุดลากไปอีกทางทันที ... ตอนเด็กคยองซูก็เคยคิดนะ ว่าเวลาอยู่บนสะพานลอยแล้วรถแล่นอยู่ด้านล่าง ถ้ากระโดดลงไปเอามือเกาะหลังคารถแบบซุปเปอร์ฮีโร่จะให้ความรู้ยังไง ... แต่กลัวว่ามันจะไม่มีภาคต่อนี่สิ ...

     

    ทั้งคู่วิ่งไปตามตรอกแคบๆที่มีกลิ่นขยะฉุนจมูก น้ำสกปรกขังอยู่ตามพื้นคอนกรีตหยาบๆ มือจับกันแน่นจนเปียกชื้นเหงื่อ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ทางแยก แบคฮยอนใช้มือข้างหนึ่งกุมซี่โครงไว้พลางหอบด้วยความเหนื่อย ใต้ฝ่าเท้าร้อนผ่าวและแสบยิบๆเพราะวิ่งเท้าเปล่ามาตลอดทาง ส่วนคยองซูเองก็หอบจนตัวโยน เหงื่อผุดพรายบนใบหน้า ขอบปาก บางส่วนไหลเข้าตาจนรู้สึกเคือง เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังตามมาจากทางด้านหลังเป็นตัวเร่งให้ต้องรีบตัดสินใจ บรรยากาศเหมือนหนังแอ็คชั่นไปกันใหญ่ ได้ข่าวว่านี่ฟิคคอมเมดี้!

     

    “พวกมัน แฮ่ก ... ตามนายมาทำไม”

     

    “ไปทางนี้เถอะ” คนตัวสูงกว่าไม่ตอบแต่กระชับมือเล็กแน่นก่อนจะพาออกวิ่งอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาวิ่งไปที่หัวมุมของแยกหนึ่ง พอพวกมันเห็นแผ่นหลังของคยองซูลิบๆก็รีบวิ่งตามมา แต่แบคฮยอนกระชากคนตัวเล็กให้เข้ามาซ่อนตัวในตรอกแคบๆข้างทาง มันแคบจนคนสองคนต้องยืนเบียดโดยหันเข้าหากัน ร่างกายแนบชิดกันทุกส่วน ... เบียดขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคยองซูคิดว่าเขาคงท้องไปซัก 2-3 รอบแล้วแน่ๆ

     

    แบคฮยอนชะโงกหน้าออกไปสังเกตสถานการณ์ พวกมันวิ่งจากไปไกลแล้ว คงไม่ย้อนกลับมาเร็วๆนี้แน่ ใบหน้าเรียวหันกลับมาที่คนตรงหน้า คยองซูยืนนิ่งอย่างไม่อะไรไม่ถูกเมื่อแบคฮยอนเอาหน้าผากมาวางไว้บนไหล่พลางหลับตานิ่ง ลมหายร้อนผ่าวที่เป่ารดผิวเนื้อต้นคอถี่ๆบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเหนื่อยแค่ไหน มือเล็กที่วางขนาบอยู่ข้างตัวถูกยกขึ้นมาสัมผัสลงบนเส้นผมสีคาราเมลของคนตรงหน้าเบาๆ “ทำไมต้องหนีด้วยล่ะ?

     

    “... ผมเป็นหนี้พวกมัน” แบคฮยอนเงยขึ้นจากบ่าเล็กๆที่ใช้เป็นที่พักเมื่อครู่ก่อนจะดึงหมวกบีนโจรออกจากศีรษะอีกฝ่าย ใช้นิ้วโป้งปาดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตาออกจากใบหน้ากลมอย่างเบามือ เมื่อดูจนแน่ใจดีแล้วจึงก้าวออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกัน คยองซูสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพราะเมื่อกี้แทบไม่ได้หายใจเลย ทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า หลายๆความรู้สึกมันผสมปนเปกันไปหมด ...

     

    “นายกู้เงินไปทำอะไร” บางทีคุณจงอินก็ควรจะรู้ความเป็นอยู่ของน้องชายตัวเองบ้าง ... ดูๆแล้ว แบคฮยอนไม่น่าจะใช้ชีวิตอย่างสบายนัก ดูจากที่อยู่และสถานการณ์ที่เจอมาในวันนี้ก็บอกได้แล้ว ดาวพระศุกร์กลับชาติมาเกิดรึเปล่าเนี่ย ...

     

    “เอาไปเรียน ... ผมเพิ่งเรียนจบเมื่อ 3 เดือนที่แล้วนี่เอง” แบคฮยอนพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อนขณะก้มลงไปลูบแผลถลอกที่เท้า ก่อนจะหยุดชะงักในคำถามต่อมา “แล้วคุณแม่ล่ะ ...”

     

    “เสียแล้วครับ” คยองซูถอนหายใจเบาๆ เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดกับใครทั้งนั้น ดูท่าแล้วคุณจงอินก็คงจะยังไม่รู้เรื่องนี้ เขาเข้าใจดีถึงการสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อย เขายังถือว่าโชคดีกว่าแบคฮยอนมากตรงที่ไม่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ ส่งเสียตัวเองเรียนจนจบ ใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆไปวันๆ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโฮสหนุ่มหล่ออย่างแบคฮยอนจะมีเบื้องหลังแบบนี้ ...

     

    “แล้วนี่นายจะไปไหนต่อ”

     

    “ก็คงหาห้องเช่าชั่วคราวใหม่ล่ะมั้งครับ เพราะพวกมันคงไปดักรอที่ห้องทั้งคืนแน่” แบคฮยอนขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด เขามั่นใจว่าถ้าโดนจับได้ขึ้นมาคงโดนยำเละจนไปทำงานที่ผับไม่ได้แน่ๆ เงินที่คว้าติดตัวมาด้วยก็มีพอสำหรับแค่เช่าห้องคืนเดียวเท่านั้นเอง แถมรองเท้ายังไม่มีจะใส่ด้วยซ้ำ

     

    ท่ามกลางความเงียบและแสงแดดที่ส่องลงมาจากท้องฟ้า คยองซูก็ได้ตัดสินใจบางอย่าง ...

     

    บางอย่างที่อาจเปลี่ยนชีวิตคนโสดอย่างเขาไปตลอดกาล

     

     

    “งั้นมาอยู่บ้านฉันก่อนแล้วกัน ไอ้ตี๋”

     

     
     

     

     

    แกร๊ก

     

    เสียงประตูดังขึ้นในความมืดก่อนที่บานประตูจะเปิดออกโดยเจ้าของบ้านร่างเล็กที่เพิ่งกลับจากคลินิคพร้อมกับหนุ่มหน้าตี๋ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นตัวเดิมเดินตามเข้าติดๆด้วยขากระโผลกกระเผลกของเจ้าตัว คยองซูถอดถุงเท้าสีดำออก โยนมันลงในตะกร้าใบเล็กลวกๆแล้วเดินตรงไปที่ครัว “นั่งก่อนเลย เดี๋ยวเอาน้ำมาให้กิน”

     

    “ขอบคุณครับ” แบคฮยอนรับคำก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟากำมะหยี่ตัวเดิมที่เขากับคุณตัวเล็กนอนกอดกันคืนนั้น แบคฮยอนเพิ่งจะรู้ว่าเขาอายุน้อยกว่าคยองซู 2-3 ปีหลังจากคนตัวเล็กพยุงเขาไปที่คลินิคใกล้ๆ บาดแผลที่ถลอกดูเหมือนว่าจะยิ่งอาการหนักเข้าใหญ่เนื่องจากวิ่งลุยน้ำขยะสกปรกๆมาตลอดทาง คุณหมอจึงกำชับให้รักษาความสะอาดเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลคยองซูก็เป็นคนจ่ายให้ทั้งหมดเพราะถือว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งทำให้แบคฮยอนต้องเจ็บตัว

     

    บ้านของคยองซูเป็นบ้านจัดสรรสองชั้น ตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำตามที่เจ้าตัวชอบ นี่ยิ่งทำให้แบคฮยอนแน่ใจว่าผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ของคยองซูต้องเป็นเพราะถูกสองเพื่อนสาวบังคับให้ทำแน่ๆ ... แต่เพราะเป็นผมสีนี้ไง คยองซูถึงได้ดูเด็กกว่าวัยแล้วก็ดูน่ารัก เวลาถอดหมวกบีนนี่ออก

     

    “อ่ะ น้ำมาแล้ว” คยองซูเดินกลับออกมาพร้อมกับน้ำส้มเย็นเจี๊ยบสองแก้วในมือ คนที่นั่งสำรวจนู่นนี่อยู่รับไว้พลางยิ้มให้เป็นการขอบคุณ เขี้ยวเล็กๆที่มุมปากของแบคฮยอนก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เพิ่มเสน่ห์ให้เจ้าของนอกจากตาตกๆเหมือนหมาน้อยคู่นั้น คยองซูทรุดนั่งบนโซฟาข้างๆอย่างเหนื่อยอ่อน ปากรูปหัวใจอ้าออกกว้างก่อนจะหาวออกมาทำให้แบคฮยอนที่จ้องมองอยู่หาวตามไปด้วย ใครที่มองเราอยู่ก็สังเกตได้ด้วยวิธีนี้ล่ะ

     

    “อย่างที่ตกลงกันไว้ ฉันไม่ได้ให้นายอยู่ฟรีนะ ต้องทำงานบ้านด้วยจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้” แบคฮยอนพยักหน้า “... แต่อย่าเพิ่งทำ รอให้ขาหายดีก่อน เข้าใจใช่มั้ย”

     

    “ถ้างั้นผมขอถามอะไรคุณ ... ไม่สิ พี่คยองซูอย่างนึงได้มั้ยครับ”

     

     

    พี่คยองซู?

     

     

    คยองซูรู้สึกเหมือนตัวเองเอ๋อไปวูบหนึ่งเพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไป มันไม่ได้ให้ความรู้แบบพี่ชายกับน้องชายเลยซักนิด มันเหมือนเขากำลังเลี้ยงต้อยมากกว่า ... ที่สำคัญเรื่องที่ให้แบคฮยอนเข้ามาอยู่ในบ้านชั่วคราวจะให้เซฮุนและอี้ชิงรู้ไม่ได้เด็ดขาด นอกจากจะถูกแซวแรงแล้ว แบคฮยอนคงโดนแทะโลมจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่ๆ ตากลมโตเหลือบมองใบหน้าเรียวนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้า

     

    “ทำไมถึงไว้ใจให้ผมอยู่บ้านด้วยล่ะ ผมเป็นแค่โฮสจนๆเองนะ พี่ไม่กลัวผมเหรอ” แบคฮยอนถามตามตรง เขาไม่คิดว่าคนที่เพิ่งเจอกันแค่สองครั้งแถมยังเป็นสถานการณ์ที่ฉาบฉวยจะให้ความช่วยเหลือกันได้ขนาดนี้ ถึงขนาดให้เข้าพักที่บ้านยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มันพิกลๆ

     

    “เพราะฉันอยากช่วยนาย ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ลองคิดดูสิว่าถ้ามีลูกหมาลูกแมวบาดเจ็บอยู่ตรงหน้านาย นายจะทำเฉยไม่ช่วยเหลือมันได้เหรอ อีกอย่างนายก็ดูไม่ใช่คนเลวอะไร ถ้าหวังจะขโมยหรือว่าทำร้ายร่างกายฉัน นายก็คงทำไปตั้งแต่วันที่ฉันไม่ได้สติแล้วล่ะ จริงมั้ย?” คยองซูพูดรัวเร็วโดยไม่สบตากับแบคฮยอน เมื่อกี้ตอนที่เดินเข้าไปในครัว เขาเพิ่งจะโทรหาคุณจงอินเพื่อรายงานเรื่องทั้งหมดให้เจ้านายทราบ (ส่วนหนึ่งที่ยอมรับงานนี้เพราะได้เบอร์คุณจงอิน ฮี่) คุณจงอินกำชับคยองซูเสียงเข้มว่าห้ามบอกแบคฮยอนเด็ดขาดเรื่องที่ตนเองเป็นพี่ชาย และฝากคยองซูให้ดูแลไอ้ตี๋น้อยนี่ด้วย ส่วนค่าใช้จ่าย เขาจะจ่ายให้ในวันจันทร์

     

    แบคฮยอนไม่ตอบแต่กลับเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ในท่าคลานเข่าบนโซฟานุ่ม คอเสื้อกล้ามคล้อยลงต่ำจนมองเห็นแผ่นอกกว้างลึกลงไปถึงหน้าท้องแบนราบมีกล้ามเนื้อพองามและรูสะดือเจาะจิวใส่ห่วงสีเงินที่คยองซูรู้สึกว่ามันโคตรจะฮอท ดวงตาหมาน้อยคู่นั้นจ้องลึกเข้ามาพร้อมกับสื่อความหมายบางอย่าง ... แววตาเหมือนตอนที่เจอกันในผับครั้งแรก ทำให้คยองซูแก้มร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวแต่ก็ไม่ยอมหลบตาหนีราวกับถูกดึงดูดด้วยแม่เหล็กต่างขั้ว “พี่แน่ใจได้ยังไงครับว่าผมไม่ใช่คนเลว ...”

     

     

    ทันใดนั้นคยองซูก็ได้เสียงบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย ...  

     

     

    เสียงหัวใจที่เต้นรัวแรง ...

     

     

    แบคฮยอนมองท่าทางนิ่งค้างของคยองซูพลางยิ้มมุมปากก่อนจะผละออกก็ยกมือขึ้นมาหยิกแก้มกลมๆน่าหมั่นเขี้ยวเบาๆ เขาชอบแก้มกับดวงตาของคนตัวเล็กตรงหน้ามากๆ ผิวเนื้อนุ่มอุ่นจับแล้วรู้สึกนุ่มนิ่มน่าฟัด นัยน์ตากลมโตที่เหมือนจะมีเนื้อที่ตาขาวมากกว่าปกตินิดหน่อยเป็นสีน้ำตาลใสแป๋วราวกับเด็กชายตัวน้อยๆ ... ไม่เหมือนคนอายุ 25 ซักนิด น่ารักน่าแกล้งชะมัด

     

    “กลัวเหรอครับพี่ ผมแค่ล้อเล่นน่า” คยองซูตื่นจากภวังค์ รีบกระเด้งตัวขึ้นมานั่งตัวตรง ลูบหน้าลูบผมแก้เก้อ ในใจนึกขอโทษคุณจงอินที่เผลอนอกใจไปชั่วขณะ ... คนตัวเล็กใช้ขาเตะลงไปบนแผลของคนขี้แกล้งแรงๆเป็นการเอาคืนทำให้เจ้าตัวร้องโอดโอยแต่หน้ายังยิ้มโชว์เขี้ยวไม่เลิก

     

    “ไปอาบน้ำไป”

     

    “ไม่มีบริการอาบน้ำให้เหรอครับ ผมขาเจ็บอยู่นะ” แบคฮยอนกระพริบตาอ้อนคยองซูที่ตอนนี้ใบหูเป็นแดงจัด นั่งก้มหน้านิ่งก่อนจะต้องร้องโอดโอยขึ้นมาอีกรอบเพราะถูกฝ่ามือเล็กๆแต่โคตรหนักฟาดเข้าเต็มๆหัว

     

    “ขาเจ็บแล้วมือด้วนไปด้วยหรือไง ทะลึง!

     

     

    แค่วันเดียวแบคฮยอนยังเจ็บตัวขนาดนี้ ...

     

     

    ... หวังว่าคงจะไม่ตายก่อนได้ที่อยู่ใหม่นะ

     

     

     

    TBC.

    พอกรุบกริบๆเนอะ เราก็บรรยายยังไม่เก่ง ความฮาอาจจะลดลงเพราะช่วงนี้เราไม่ค่อยมีมุก(เงินก็ไม่มีเหมือนกัน) ยังไงก็ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะฮับ อยู่ด้วยกันก่อนน้า มีข้อเสนอแนะอะไรก็บอกได้นะฮับ รักทุกคนเลย แค่กดเข้ามาอ่านเราก็ดีใจแล้ว *จับเด้า*

     

    ฝากคอมเมนท์ + #BDคนโสด ด้วยนะฮับ

     

    ไรท์เบล. (จะเลิกอู้)



    CR.SQ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×