ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The power of flying love ฤาหัวใจปรารถนา

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5 ตามหา ( I )

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 52


         

                นานเหลือแสนที่ดวงใจทุข์ทรมาน             นานแสนนานที่ความรักหลุดลอย

                   จะตามหามิหวาดหวั่นท้อถอย                ฤาต้องคอยตราบชีวิตจะสิ้นลม                          

               

     

     

     

    แววตาสีแดงเพลิงวับวามทออดมองไปไกลยังร่างอันสง่างามของบุรุษอันเป็นที่รัก ยังลานหน้าปราสาท  เสียงโลหะปะทะกันดังกึกก้อง แลชั้นเชิงการต่อสู้หลบหลีกอย่างเหนือชั้นพร้อมอาวุธคู่กายที่กำลังไล่ล่าเหล่าทหารเอกอย่างมีชั้นเชิง    ก่อร่างดุจปราการอันแข็งแกร่ ดั่งหินผาที่ไม่มีผู้ใดสามารถตวัดดาบเข้าชิดร่างส่ำสันสีน้ำตาลนั้นได้แม้แต่คนเดียว 

    ดวงตาของราชินีสาวแลอ่อนหวาน อิ่มเอิบ มือเรียวบางเหมือนจะเอื้อมเข้าไปหาร่างนั้น แต่แล้วก็ลดลงข้างกาย

     

      “เจ้าไม่มีสิทธิ์มองเขาเช่นนั้นอีกแล้วเอเซน”

         เสียงดั่งแหบพร่าแผ่วเบา สะกดเรือนร่างบางระหงในชุดสีเงินวาว....ราชินีเอเซนค่อยๆหมุนตัวช้าๆ กลับจากช่องหน้าต่างหิน..ดวงตาสีแดงเพลิงเงาวาวลุกวาบ ใบหน้าสวยบิดเบ้ และ ริมฝีปากบางสีแดงสดที่ยิ้มเยาะหยัน  เล็บเรียวสวยกดลึกลงในเนื้อมือนุ่ม ขณะที่ร่างระหงสั่นเทิ้มด้วยแรงกดดัน   

    “แล้วใครละมีสิทธิ์  ท่านหรือราชินนีซูลลา”

    “จะก้าวร้าวเกินไปแล้วนะเอเซน”

    “ข้านะหรือ..ท่านต่างห่ากที่ก้าวร้าว ท่านมีสิทธิ์อันใดเข้ามายังห้องของข้า!!!

    “สิทธิหรือ”    ราชินีซุลลาเลิกคิ้วเรียวโก่งเป็นเชิงถาม จากนั้นเสียงหัวเราะน้อยๆก็ดังมาจากลำคอ 

    “ข้าเป็นแม่ของเข้าเอเซน”

    “ไม่ใช่!!!ท่านเป็นเมียพ่อข้า แต่ไม่ใช่แม่ของข้า แม่ของข้านางเดินทางไปสู่อาณาจักรสีขาวแล้วนางไปสู่ภพภูมิที่เจ้าไม่มีสิทธิ์จะไปถึง”

    “เจ้าคิดเช่นนั้นหรือลูกรัก”    ราชินีซุลลาแตะเล็บสีแดงเพลิงบนผิวแก้มบางนิ่ม  ดวงตาจดจ้องร่างเล็กดั่งจะแผดเผา

    “แม่ที่ขี้โรคของเจ้า หรือพ่ออันอ่อนแอของเจ้ากันละเอเซน ตระกูลของเจ้ามันช่างโง่เง่ากันเสียจริง พวกที่เรียกตนเองว่าสายเลือดบริสุทธิ์อย่างเจ้ามันอ่อนแอ  ขี้ขลาด  รู้ไหมถ้าเพียงพ่อของเจ้ากล้าหาญ เจ้าคงไม่ต้องตกมาอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้หรอก จะโทษใครได้ในเมื่อพวกเจ้ามันสิ้นเสียแล้วซึ่งปัญญาจะต่อสู้  สายเลือดที่พวกเจ้าภูมิใจหนักหนาสุดท้ายก็ต้องอาศัยเลือดข้าอยู่ดี     ถ้าข้าเลวร้ายจริงมีหรือจะดูแลบริวารนับแสนนับล้านของเจ้าได้ พวกเขาสุขสบายดี   ไม่เหมือนอยู่กับพ่อเจ้าที่ทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง เพื่อสร้างให้ตัวเองหลุดพ้น แต่ไม่เคยดูแลบริวารของตัวเองแม้แต่น้อย นี้หรือคนที่เจ้ายกย่อง นี่หรือคนที่เจ้าบูชา เอเซน!!! แล้วก็ประณามข้า หึ...ความโง่เขลาช่างเข้มข้นหนัก”

    ราชินีซุลลาจ้องมองเรือนร่างบอบบางของลูกเลี้ยง  ดวงตาสีฟ้าทอประกายวิบวับ  เล็บเรียวยาวเกาะครูดกับกำแพงหินจนผนังหนาร่วงหล่น

    “ท่านก็ดีแต่โทษคนอื่นไม่เห็นแก่ความเลวของตัวเอง”

    ยังไม่สิ้นคำเรือนร่างสูงโปร่งระหงในชุดสีดำเสื้อคลุมสีแดงเลือดนกก็ก้าวยาวคว้าลำคอระหงของราชินีเอเซนไว้ในอุ้งมือ  ดวงตาสีฟ้าลุกโพลง  เกรี้ยวกราด ก่อเกิดกองเพลิงกลางทะเล     ใบหน้าสวยสง่า แลมองใบหน้าสวยหวานที่หายใจสะท้อนสท้านขึ้นลงอย่างน่าสมเพช   ริมฝีปากสวยแสยะยิ้ม

     

                    “ข้า...ข้า..พูดความจริง ท่านทำตัวเอง ท่านเผาตัวเอง”

                    เสียงหัวเราะเสียดแทงเข้าไปถึงก้อนเนื้อในกายของราชินีเอเซน  น้ำเสียงที่ทั้งเสียดแทง และเหยียดหยามภายในเวลาเดียวกัน    ร่างสูงโปร่งระหงก็ปล่อยลำคอขาวให้เป็นอิสระ แรงกระเพื้ยมยังคงปรากฏบนเนื้อนูนได้รูป

     

                    “ ข้า...”เล็บสีแดงชี้อกตัวเอง  ก่อนจะมองต่ำลงไปยังร่างสูงบนสนามหญ้าที่กำลังประดาบอยู่กับทหารคู่กาย

                    “ เอเซนลูกรัก...”  เสียงเย็นเยียบล่องลอยรอบตัวราชินีสาว

                  “ภาระที่ข้าทำอยู่ตอนนี้คือความรับผิดชอบที่ราชาอย่างพ่อของเข้าไม่มี  สิ่งที่ข้าทำคือการเสียสละเพื่อบริวาร  เช่นนี้แล้วเจ้าก็มิวายกล่าวหาข้า ฤาต้องปฏิบัติเยี่ยงพ่อของเจ้า ข้าถึงจะเป็นราชินีผู้แสนดี บริสุทธิ์ผุดผ่อง เมื่อวิญญาณลาร่างก็เดินทางสู่อาณาจักรสีขาว ข้าต้องปฏิบัติเช่นนี้หรือลูกสาวผู้งดงามของข้าถึงจะมองเห็นคุณงามความดี”

                    “พ่อข้าไม่ได้ทอดทิ้งบริวาร แต่ท่านสอนให้บริวารหลุดพ้น ไม่ได้เต็มไปด้วยกิเลสตัณหาเยี่ยงเจ้า!!!

                    เสียงหัวเราะอย่างขบขันสะท้อนไปม  ราชินีซุลลา นั่งอย่างสง่างามบนเก้าอี้สีขาว  ใบหน้าสวยเปื้อนยิ้ม ประกายสีนำทะเลแลมองราชินีเอเซนก่อนเอ่ย

                    “หลุดพ้นจากกิเลศตัณหา ?   เจ้าพูดดีนิเอเซน  ข้ามันปิศาจนางมารร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมมารยา  ข้าต้องยืนมองลูกเลี้ยงของตัวเองด้วยนัยน์ตาอ่อนหวาน ต้องทอดตัวให้ชายคนนั้นกอดจูบท่ามกลางเมฆดำครึ้มในราตรีอันมิดมิดหรือไรหนอ ข้าถึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้หลุดพ้น”

                    “ท่าน!!!  ราชินีเอเซนกำมือแน่น ดวงตาสีแดงเพลิเกรี้ยวกราด

                    “อย่าเที่ยวสอนข้าเอเซน...ข้ารู้ว่าข้าต้องทำสิ่งใด และสิ่งใดที่ข้าไม่ควรทำ  เด็กอย่างเจ้าควรทำตัวให้ดีอยู่ในโอวาสของมารดาเช่นข้า”

                            “มารดาที่ฆ่าสามีของข้า ทำลายชีวิตข้านะหรือ!!

       ราชินีเอเซนตะโกนก้องด้วยแรงกดดันมหาศาล  ริมฝฝีปากสวยบิดเบ้   จ้องมองเรืองร่างสง่างามตรงหน้าด้วยแรงโทสะ   ทว่าร่างนั้นก็ยังคงทอดมองด้วยแววตาเฉยเมย  แลแสยะยิ้มเหมือนกำลังชมลูกกวางตัวน้อยที่พยายามหาทางดิ้นรนออกจากบ่วงแร้ว...แต่ยิ่งดิ้นบ่วงนั้นก็รักแน่น ยิ่งดิ้นรนก็แสนทรมาน

                    “สามีเจ้าตายเพราะเจ้าเอเซน”  น้ำเสียงเรียบเย็นย้ำ ก่อนบอกต่อ

                    “สิ่งที่เจ้าได้กระทำนั้นมีคุณค่าแก่อาณาจักรของเรายิ่ง ข้าผู้ซึ่งปกครอง   ขอน้อมคารวะด้วยสำนึกบุญคุณแห่งราชินี  เจ้าทำเพื่ออาณาจักรแห่งเรา เอเซน อย่างนี้แล้วข้าจะมีสิทธิ์เช่นไรที่จะเนรคุณต่อเจ้า  ไม่เลย....”

                    “ท่าน...ท่าน”

                    ราชินีเอเซนกำมือแน่น  ลมหายใจหอบสะท้อนแรง ใบหน้าสวยแดงก่ำ  แหยเกด้วยแรงผิดหวัง ริมฝีปากหยักลึกเม้มแน่น

                    “ท่านจงใจ...ท่านจงใจให้ชีวิตข้าเป็นแบบนี้”

                    “การที่ข้าหวังดีกับเจ้าหรือลูกรัก..ความหวังดีของข้ามีค่าแค่เศษเสี้ยวในหัวใจเจ้าหรือเอเซน...ข้าปกครองอาณาจักรด้วยความเหนื่อยยากลำบาก ออกสู้รบราวบุรุษขุนศึกแห่งกองทัพ..ข้าเจ็บ ข้าทรมาน ท่ามกลางสนามรบ..แล้วเจ้าละเอเซน เจ้าทรมานด้วยเรื่องเช่นไร  ดูที...ฤาเจ้าจะเข้าใจผิดเสียแล้ว คำว่าทรมานมันควรเป็นของข้ามิใช่เจ้า!!!

                    “ท่านทำตัวเอง!!! ท่าน”

    มือเรียวสวยหยาบกร้านตวัดเข้าที่ลำคอสวยระหงอีกครั้ง  แม้ราชินีเอเซนจะพยายามแกะมือแข็งกร้าวหยาบกร้านนั้นออก แต่ก็เกินกำลังร่างเล็กบางของนาง  ราชินีผู้อยู่กับความสุขสบายมาตลอดเช่นนางหรือจะหาญสู้ขุนศึกใหญ่ดังราชินีซูลลา...

                    “บอกข้าอีกทีซิ..ใครที่ทำตัวเอง..ในขณะที่ข้าออกรบ  เจ้านอนสวยสุขกับราชาบนแท่นบรรทม  หึ..  น่าหัวเราะเยาะความทุกข์ทรมานของเจ้าเหลือเกินนะเอเซน...มันช่างทรมานจนน่าลิ้มลองเสียกระไร...สามีของเจ้านะให้ความสุขเจ้าไม่เต็มอิ่มหรือเยี่ยงไรถึงได้เฝ้าโหยหาบุรุษร่างแข็งแกร่งเบื้องล่างนั้น...นักรบอย่างมาร์ บุรุษผู้องอาจสง่างามบนหลังอาชาเยี่ยงนั้นหรือจะเหลียวมองเมียของบิดา...แม้บิดาเขาจะสิ้นลมแล้วก็ตามทีเถอะ  อย่าฝันไปหน่อยเลยเอเซน คนที่ควารคู่กับมาร์ต้องแข็งแกร่ง สวยงาม  เจ้ามีคุณสมบัตินั้นหรือเอเซนกลับไปพิจารณษตัวเองเสีย”

                    “ท่าน...เป็นเพราะท่าน”

                    “เป็นเพราะความอ่อนแอของเจ้าต่างหากเอเซน  ความอ่อนแอ ความโลเลไม่มั่นในรักของเจ้า  ทำให้เจ้าพลาดทุกสิ่งทุกอย่าง จะรักลูกหรือก็ไม่หมดหัวใจ จะรักพ่อหรือก็คงเหลือเยื่อใยแก่ลูก  เจ้ามันอิสตรีน่ายกย่องนักหรือเอเซน เป็นราชินีที่คู่ควรเคียงข้างบัลลังก์สง่างามแห่งอาณาจักรสุริยะหรือ  คนฉลาดอย่างเจ้าน่าจะรู้นะว่าตอนนี้ตัวเองน่าขยะแขยงสกปรกแค่ไหน!!!!

                    “ท่านทำให้ข้าต้องเลือก ท่านทำให้ข้าต้องทิ้งหัวใจของข้า!!!

                    ราชินีเอเซนเค้นเสียงคั่งแค้นออกมาจากลำคอ  น้ำตาอุ่นร้อนไหลรินรดเสื้อสีเงินจนเป็นรอยด่าง  เนื้อผ้าบางเบาแตะต้องมลทินเสมอเหมือนเรือนร่างสวยงามและหัวใจของนางที่เต็มไปด้วยความมืดมน แม้แต่ตัวเองก็รังเกียจเกินกว่าจะแลมอง

    “ถ้าสบายใจที่จะโยนความผิดให้ข้า ข้าก็ยินดีรับถ้านั่นจะทำให้เจ้าสบายใจ...เป็นอย่างไรบ้างลูกรัก การเสพสุขอยู่บนบัลลังก์อันโดดเดี่ยวของเจ้า กี่ตะวันจันทราแล้วที่เจ้าเฝ้าใฝ่หารอเขากลับคืน. สิ่งที่ตอบแทนเจ้าก็คือคราบน้ำตาบนแท่นบรรทมในค่ำคืนอันเปล่าเปลี่ยว ไร้ร่างของวินซ์คอยดูแลปลอบโยน ไร้หัวใจของมาร์คอยห่วงหาอาทร เมื่อไรหนอความทรมานของเจ้าจะสิ้นสุดลง เอเซน ถ้าบริเวรแห่งอาณาจักรของเรารู้ ทุกคนคงพร้อมคุกเข้าก้มหัวเพื่อสำนึกบุญคุณของเจ้า  จำไว้เอเซนนี่คือภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เจ้าทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง  เหลือเพียงครึ่งเจ้าก็จะหลุดพ้น ข้าสัญญา”

    “ข้าไม่เชื่อท่าน  ท่านนะหรือจะทำเพื่อข้า ไม่ จริง!

    “ข้าเตือนแล้วว่าให้เจ้าแสดงความเคารพต่อแม่ของเจ้าเอเซน “ น้ำเสียงแหบพร่าตะคอกร่างเล็ก 

    ริมฝีปากสีสวยขยับขึ้นลงช้าๆ  ดวงตาสีฟ้าแน่วนิ่งทอประกายอำนาจอันแข็งแกร่งสะกดดวงตาสีแดงเพลิงของราชินีเอเซน  ร่างเล็กบางสั่นเทา...น้ำตาร้อนอุ่นไหลรินอาบสองแก้มนวล  น้ำเสียงเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา      

    “ขะ....ข้า..ทรมาน”

    ราชินีซูลลาโอบกอดร่างเล็กนั้น.....ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงดั่งมนตรา

    “ความทรมานมีอยู่ครึ่งในทุกวิญญาณ  ข้ารู้เจ้าต้องเสียสละมากมายเพียงไรเพื่อให้บ้านเมืองของเรายังคงอยู่   เจ้าต้องมีหน้าที่หนักหน่วงเช่นไรเพื่อปกป้องอาณาจักรอันเป็นที่รักของบิดาเจ้า  จงสถิตลึกแก่ดวงใจของเจ้าเทิด เจ้าคือหัวใจของซูลลา เจ้าคืออีกวิญญาณของซูลลา  ข้าเป็นหนี้เจ้าเอเซนลูกรัก”

                    เสียงสะอื้นให้ของราชินีเอเซนแผ่วเบา ก่อนจะนิ่งเงียบสงบราวไม่มีเรื่องราวก่อนหน้านั้น ราชินีซูลลาดันไหล่บอบบางออก มือหยาบกร้านแตะซับน้ำตา  จุมพิตหน้าผากนูนเกลี้ยงแผ่วเบา

                    “ท่านบิดา ต้องรักเจ้า  ท่านมารดาต้องภูมิใจเจ้า...เจ้าทำเพื่ออาณาจักร ท่องไว้เอเซนเพื่อซูลลา เจ้าต้องทำ เพื่อซูลลาเจ้าต้องเป็น”

                    “ข้าจะทำ..ข้าจะเป็น..ขอให้บัญชามาเทิด”

                    “ข้าไม่ได้บังคับเจ้าใช่ไหม”

                    ราชินีเอเซนพยักหน้า..ดวงตาสีแดงเพลิงเม่อลอย

                    “ข้าทำเพื่อซูลลา”

                    “ดี..ฟังข้า!!

                    ราชินีเอเซนยืนสงบนิ่งท่ามกลางแสงเรืองรองแห่งสุริยะ เรือนร่างบางระหงสง่างามอ่อนหวาน ริมฝีปากแดงเม้มสนิท ใบหน้าสวยสงบนิ่งเมื่อฟังคำบัญชาการจากริมฝีปากแดงเข้มตรงหน้า

                    ริมฝีปากบางที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ  ถ้อยคำส่งผ่านมายังจิตว่างเปล่า..เนื้อความเต็มเปี่ยมบรรุจุอยู่ทุกส่วนวิญญาณ

                    “.ข้าจะทำเพื่อท่านซุลลาของข้า” 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×