ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The power of flying love ฤาหัวใจปรารถนา

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 อินทรีย์เวหา ( 1 )

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 52





    ตอนที่  2  อืนทรีย์เวหา

     

                           ทะเลกว้างลึกสุดล้ำ       มหา   สมุทร

                                  ดำดิ่งในเหวลึก              พสุธา

                                  สยายปีกแผนหงส์          กลางเวหา

                                  อาณาจักรทั่วหล้า           น้อมข้า   ปราชัย........

     

                 

     

                  

     ธารน้ำตกสูงลัดเลาะไหลรินลงมาตามหุบเขาพุ่มไม้สีเขียวขจีโอนล้ออ่อนไหวตามแรงน้ำซาดซัด   อากาศยามเช้าเย็นสบายโอบล้อมผืนป่ากว้าง  ผีเสื้อหลากสีบินวนเวียนดอมดมตามกลิ่นบุปผาอ้อยอิ่ง  เกาะเกี่ยวดูดดื่มน้ำหวานล้ำค่าอยู่กับละออกเกสรสีสด  เบื้องล่างคือลำธารสีฟ้าใสเย็นฉ่ำละอองน้ำสีชาวหมุนวนล่องลอยอยู่เหนือผิวน้ำ

                    กระแสน้ำเย็นฉ่ำไหลผ่านกายกำยำที่แหวกว่ายอยู่กลางลำธารด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล  กล้ามเนื้อแข็งแรงแน่นหนัดทุกสัดส่วน  ร่างสูงลอยคอนิ่งเมื่ออยู่ท่ามกลางสายน้ำวนเชี่ยวกราด...ดวงตาหลับพริ้ม สองมือเหยียดผายกว้างรอบลำตัว  สายน้ำรุนแรงเบื้องล่างหมุนวนเสมอเหมือนเตียงนอนอันอบอุ่น

                    คลื่นน้ำสีดำทมึนพุ่งดิ่งตรงด้วยแรงธาราเชี่ยวกราด คลื่นยักษ์ก่อตัวสูงขึ้น สูงขึ้น จนร่างใหญ่มหึมาโผล่พ้นผิวน้ำ หยดน้ำดั่งโตรกธารไหลรินลงอาบร่างมันลื่น  จงอยปากแหลมคมแยกอ้าแผดร้องเสียงดัง ลำคอยาวส่ายสะบัดไปมา ปลายหางตีตวัดขึ้นลง 

                    แพขนตายาวงอนงามค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ รอยยิ้มผุดพรายบนริมฝีปากบาง ดวงตาสีขาวอ่อนหวานทอประกายเจิดจ้า....ริมฝีปากแลยิ้มกว้างเปิดเผย..

    .

                    “ทำไมมาช้านักอีเกิลบาร์ท  ข้ารอเจ้าอยู่นานจนจะแข็งตายอยู่แล้ว .ช้าอีกองศาเดียวของสุริยะข้าก็จะหนีเจ้าไปแล้ว..มัวไปวอแวกับกาอิลอยู่หรือไงถึงทิ้งข้าให้ว่ายน้ำอยู่คนเดียวตั้งนาน”

    จงอยปากสีสดแผดกล้าส่งเสียงร้องประท้วงดังลั่นทั่วผืนป่า ลำคอยาวลดลงอย่างรวดเร็วยื่นจงอกปากสีแดงสดเข้าแตะที่ลำแขนลำสั่นอย่างลุแก่โทษอันบกพร่องต่อหน้าที่ยามรักษาการของปักษาแห่งเทพ..

    “ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก แต่ระวังฟาลจะรู้เข้าแล้วนางจะลงโทษเจ้าไม่ให้กลับเข้าถ้ำใต้น้ำตก”

    เสียงร้องดังแผดลั่นอีกครั้งรุนแรงสะท้านก้องเหมือนแผ่นดินสะเทือน  ร่างสูงแข็งแกร่งปล่อยตัวลอยบนผิวน้ำอย่างสบายใจ  ยั่วยวนเจ้านกยักษ์หนีหน้าที่กลัวลนลาน..แพนหางของอีเกิลบาร์ทตวัดฟาดน้ำไปมาแตกกระจายเกิดฟองคลื่นสูงเทียบยอดไม้ใหญ่ หากผู้เป็นนายยังสนุกที่ได้หยอกล้อกับองค์รักษ์ปักษาของตน

    “ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก”

    ร่างสูงปฏิเสธเมื่อแพนหางยาวใหญ่ช้อนเข้าใต้ร่าง ลำน้ำไหลวนเสมือนเปลยวนชั้นดี  ผ่อนคลายเกินกว่าจะเสียอารมณ์ยามเช้ากับเจ้าอีเกิลบาร์ทพ่อลูกอ่อน..ชายหนุ่มหัวเราะถูกใจ..เมื่อแพนหางนั้นยกสูงพยุงร่างกำยำขึ้นสู่ท้องฟ้า

    “จะพาข้าไปหาฟาลหรือ..ข้ายังอาบน้ำไม่เสร็จ..หนึ่งองศาแห่งสุริยะข้าแค่ออกกำลังกายเท่านั้น...เดี๋ยวเข้าไปในปราสาทฟาลได้ไล่ข้าออกมาอาบน้ำอีกรอบหรอก เจ้าก็เหมือนกันล้างคราบกลิ่นไคล้ของกาอิลให้หมดน่ะ ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้หรอกจำไว้”

    แพนหางใหญ่สีดำค่อยลดระดับลงจนถึงผิวน้ำ  ตีตวัดน้ำให้ชโลมร่างของชายหนุ่มผู้เป็นนาย..และดำดิ่งร่างมันลื่นของตัวเองลงสู่พื้นน้ำ

    รอยยิ้มอิ่มเอมปรากฏขึ้นอีกครั้ง...ร่างสูงใหญ่ตวัดวงแขนซ้ายขวาส่งตัวเองเข้าสู่ฝั่ง  เรือนร่างสูงใหญ่สง่างามท่ามกลางแสงทองสุกใส..เรือนผมสีดำสนิทเปียกลู่ยาวระบ่ากว้าง เรือนร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ใบหน้าเข้มสีน้ำตาลทองประกอบไปด้วยดวงตาเรียวรีคมล้ำลึกดั่งห้วงมหาสมุทร  คิ้วยาวหนาสีดำเข้มพาดทับเนื้อขนตายาวงอนงามเป็นแพ  จมูกโด่งได้รูป จรดรับกับริมฝีปากบางแย้มยิ้ม...เรือนร่างแน่นหนัก กล้ามเนื้อแขนที่ถูกกระตุ้นแข็งแกร่ง ท่อนขายาวแข็งแรงรองรับเรือนร่างสูงใหญ่ ..

    ชายหนุ่มเดินผ่านแสงแห่งอรุณฉาย....ฝ่าเปลวสุริยะอบอุ่นเข้าสู่ร่มไม้ครึ้มใหญ่  คว้าเสื้อคลุมตัวยาวตวัดสวมเนื้อผ้าสีดำมันลื่นตัวยาวลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างสวยงาม 

                    สายตาคู่คมเหลือบมองสัตว์ตัวโตขี้งอนที่กำลังชำระล้างร่างกายของมันอยู่กลางลำธาร  อีเกิลบาร์ทพ่อลูกอ่อนดำดิ่งสู่พื้นน้ำ  พุ่งแรงสู่พื้นฟ้า  ละอองไอน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาบนบกทำให้หัวคิ้วเข้มเริ่มตวัดเข้าหากัน

                    “ข้าพึ่งอาบน้ำนะเจ้าพ่อลูกอ่อน รีบๆ ทำธุรของเจ้าให้เสร็จก่อนจะถึงเวลาอาหารเช้า”

                   สัตว์ร้ายคำรามก้อง รับคำ   ชายหนุ่มจึงเดินตามสนามหญ้ากว้างใหญ่สู่ตัวปราสาท ไอหมอกยามเช้ายังไม่จางไปเสียหมด น้ำค้างบริสุทธิ์ยังคงอ้อยอิ่งอยู่บนเกสรดอกไม้ 

                    ปราสาทกลางหุบเขาตระหง่านสงบอยู่ใต้ท้องฟ้าสีคราม ไม้ดอกสีชมพูลอยละล่องจากก้านกลีบลงสู่พื้นตัดกับหญ้าสีเขียวขจี    ชายหนุ่มเดินตามบันไดหินขึ้นไปยังห้องพักของตน โคมไฟระย้าตามโถงทางเดินยังคงส่องแสงสว่างจากปลายเทียนทำลายความมืด  บันไดหินทอดตัวยาวสลักด้วยพญาอินทรีย์สยายปีกจวบจนถึงห้องนอน

                    ประตูทางขวามือเปิดออกทันทีที่ผู้เป็นเจ้าห้องมาถึง  ภายในห้องประกอบไปด้วยเตียงกว้างสีครีม ปูคลุมไว้ด้วยผ้าไหมสีทองเหลื่อม  ด้านบนสลักด้วยพญาอินทรีย์ลวดลายตระการตา  ม่านบางพลิ้วมัดรวบไว้ปลายเสาทั้งสี่   ด้านข้างคือกระจกรูปไข่แกะสลักรอบล้อมอัญมณ๊มรกต  เสื้อคลุมมันลื่นถูกสลัดออกจากตัวลงไปกองแทบเท้า ก่อนเจ้าของร่างสูงจะคว้ากางเกงสีดำพร้อมเสื้อสีน้ำเงินสดออดมา ตวัดเสื้อยาวสีน้ำเงินผืนใหญคลุมร่าง  ใบน้าคมคายตกแต่งไว้ตามธรรมชาติด้วยเครื่องหน้าเหมาะสวยงามภาพวาดของจิตรกรชั้นเอก    ชายหนุ่มสาวเท้าออกจากห้องเมื่อแดดเริ่มส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามามากเกินเสี้ยวตะวัน

                    ร่างสูงเดินลงมาชั้นล่างก่อนจะวกเข้าสู่ห้องโถงใหญ่และที่นั้น มีสาวน้อยหน้าหวานนั่งรับประทานขนมปังกับชารอเขาอยู่ ส่วนชายอีกผู้หนึ่งนั่งละเลียดขนมปังพร้อมชำเลืองมองผู้มาใหม่ก่อนจะเลิกคิ้วเข้มขึ้นเป็นคำถาม

                    “เช้านี้มาสาย พี่ไปไหนมา”

                    หญิงสาวในชุดเสื้อสีขาวเข้ารูป กางเกงขายาวสีดำ ผ้าคลุมสีแดงเพลิง  ดวงหน้าละม้ายคล้ายพี่ชาย ดวงตาสีเขียวทอประกายวับวาบ ขณะรอคำตอบ 

                    “ข้าเรียนให้นางทราบแล้วว่าท่านไปออกกำลังกาย “

                    “เงียบไปเลยนะอชิตา ข้าไม่ได้ถามท่าน”

                    อีกฝ่ายมององครักษ์ของพี่ชาย ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดยิ้ม

                  “อชิตารายงานเจ้าตามหน้าที่แล้วนิ หรือว่าเจ้าไม่เห็น ไม่รับรู้เอง”  พี่ชายบอกอย่างพอเข้าใจ

                    “ข้าไม่เห็น เห็นแต่รูปปั้น”    อชิตาเงยหน้าขึ้นสบตาองค์หญิงแห่งพญาอินทรีย์ แววตาสีน้ำตาเข้มมองอย่างสงสัย ก่อนจะก้มลงทานขนมปังกับชาต่อ

                    “เห็นไหม”

                    ผู้เป็นน้องสาวพยักเพยิดกับพี่ชาย ค้อนรูปปั้นขวับใบหน้าสวยงอง้ำ ยกชาขึ้นดื่มรวดเดียว

                    “พี่ก็เห็นว่าอชิตาทำงานเรียบร้อยดีนี่ เจ้ายังต้องการอะไรอีกฟาล”

                    ชายหนุ่มขอร้องแกมบังคับให้อชิตาขึ้นมารับประทานอาหารกับเขาทุกมื้อเพราะถ้าให้ทานกันสองคนพี่น้องก็คงไม่เว้นทะเลาะกัน แต่พอมีบุคคลที่สามเข้ามา น้องสาวก็ยังประพฤติเช่นเดิม เพียงแต่เปลี่ยนคน

                    “เรียบร้อยเกินคาดเสียด้วย”  อีกฝ่ายไม่วายประชด  หากนั้นก็เพียงพอที่พี่ชายจะเข้าใจ  อชิตาที่เจียมเนื้อเจียมตัว กับน้องสาวที่ใส่ใจองครักษ์ของพี่ชายจนเกินเหตุ

                    “ข้าไปแล้ว..ขี้เกียจจะอยู่ เหม็นหน้าคน”

                    หญิงสาวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเช้าไม่สนใจพี่ชายกับรูปปั้นที่ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิมชายหนุ่มหันไปกำชับองครักษ์หนุ่มอย่างเห็นใจ

                    “อย่าตามใจฟาลนะ ข้าเห็นว่านางชักจะเอาเรื่องมากขึ้นทุกวัน  เหมือนแม่คนที่สองจนข้าไม่เป็นอันทำงานแล้ว”

                    “ท่านน่ะตามใจไม่ใช่ข้า”  องครักษ์กึ่งเพื่อนย้อน

                    “แต่ท่านก็ไม่เคยขัด”    ผู้เป็นนายไม่ยอมแพ้

                    “ข้าไม่ทันได้พูดต่างหาก นางทำก่อนที่ข้าจะทันห้าม”

                    “ข้าจะตักเตือนนาง จะพยายามนะ ข้าไม่รับปาก”

                    “ท่านก็พูดได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ พอนางหนีไปเที่ยวนอกปราสามท่านก็ต้องยอม”

                    “แล้วท่านมีวิธีดักนิสัยนางไหมละ”

                    “ถ้ารู้ข้าคงทำไปแล้ว”  

                    องครักษ์ร่างโต  บอกอย่างหมดหวัง  ..ทว่าชายหนุ่มร่างสูงกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  ...ท่าทีสงบเงียบขรึมเปลี่ยนเป็นร่าเริงเหมือนเด็กหนุ่ม  อขิตาตวัดค้อนเหมือนฟาลยามที่นางไม่พอใจพี่ชาย

                    “จำไว้ว่าหัวเราะทีหลังดังกว่านะอายน์”

                   

                    อายน์ยังคงหัวเราะถูกใจ  มิหนำซ้ำยังย้อนองครักษ์หนุ่มว่า

                    “อย่ายอมนางมากเกินไป เดี๋ยวเจ้าจะเป็นเหมือนข้า”

                    “บอกสายไปหน่อยมั้ง”

                    บุรุษผู้เป็นนายส่ายหัว  คลึงมองถ้วยในมือของตัวเองยิ้มๆ ก่อนบอก

                    “อย่าให้นางรู้เป็นอันขาด..ข้ายังไม่อยากรับมือนางคนเดียว”

          องครักษ์หนุ่มหน้าแดงเสก้มลงจิบชาถ้วยที่สองต่อ....ข้าก็ไม่อยากให้นางรู้หรอกอายน์ ..ไม่ใช่แค่ท่านหรอก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×