คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 อินทรีย์เวหา ( 1 )
ตอนที่ 2 อืนทรีย์เวหา
ทะเลกว้างลึกสุดล้ำ มหา สมุทร
ดำดิ่งในเหวลึก พสุธา
สยายปีกแผนหงส์ กลางเวหา
อาณาจักรทั่วหล้า น้อมข้า ปราชัย........
ธารน้ำตกสูงลัดเลาะไหลรินลงมาตามหุบเขาพุ่มไม้สีเขียวขจีโอนล้ออ่อนไหวตามแรงน้ำซาดซัด อากาศยามเช้าเย็นสบายโอบล้อมผืนป่ากว้าง ผีเสื้อหลากสีบินวนเวียนดอมดมตามกลิ่นบุปผาอ้อยอิ่ง เกาะเกี่ยวดูดดื่มน้ำหวานล้ำค่าอยู่กับละออกเกสรสีสด เบื้องล่างคือลำธารสีฟ้าใสเย็นฉ่ำละอองน้ำสีชาวหมุนวนล่องลอยอยู่เหนือผิวน้ำ
กระแสน้ำเย็นฉ่ำไหลผ่านกายกำยำที่แหวกว่ายอยู่กลางลำธารด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล กล้ามเนื้อแข็งแรงแน่นหนัดทุกสัดส่วน ร่างสูงลอยคอนิ่งเมื่ออยู่ท่ามกลางสายน้ำวนเชี่ยวกราด...ดวงตาหลับพริ้ม สองมือเหยียดผายกว้างรอบลำตัว สายน้ำรุนแรงเบื้องล่างหมุนวนเสมอเหมือนเตียงนอนอันอบอุ่น
คลื่นน้ำสีดำทมึนพุ่งดิ่งตรงด้วยแรงธาราเชี่ยวกราด คลื่นยักษ์ก่อตัวสูงขึ้น สูงขึ้น จนร่างใหญ่มหึมาโผล่พ้นผิวน้ำ หยดน้ำดั่งโตรกธารไหลรินลงอาบร่างมันลื่น จงอยปากแหลมคมแยกอ้าแผดร้องเสียงดัง ลำคอยาวส่ายสะบัดไปมา ปลายหางตีตวัดขึ้นลง
แพขนตายาวงอนงามค่อยเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ รอยยิ้มผุดพรายบนริมฝีปากบาง ดวงตาสีขาวอ่อนหวานทอประกายเจิดจ้า....ริมฝีปากแลยิ้มกว้างเปิดเผย..
.
“ทำไมมาช้านักอีเกิลบาร์ท ข้ารอเจ้าอยู่นานจนจะแข็งตายอยู่แล้ว .ช้าอีกองศาเดียวของสุริยะข้าก็จะหนีเจ้าไปแล้ว..มัวไปวอแวกับกาอิลอยู่หรือไงถึงทิ้งข้าให้ว่ายน้ำอยู่คนเดียวตั้งนาน”
จงอยปากสีสดแผดกล้าส่งเสียงร้องประท้วงดังลั่นทั่วผืนป่า ลำคอยาวลดลงอย่างรวดเร็วยื่นจงอกปากสีแดงสดเข้าแตะที่ลำแขนลำสั่นอย่างลุแก่โทษอันบกพร่องต่อหน้าที่ยามรักษาการของปักษาแห่งเทพ..
“ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก แต่ระวังฟาลจะรู้เข้าแล้วนางจะลงโทษเจ้าไม่ให้กลับเข้าถ้ำใต้น้ำตก”
เสียงร้องดังแผดลั่นอีกครั้งรุนแรงสะท้านก้องเหมือนแผ่นดินสะเทือน ร่างสูงแข็งแกร่งปล่อยตัวลอยบนผิวน้ำอย่างสบายใจ ยั่วยวนเจ้านกยักษ์หนีหน้าที่กลัวลนลาน..แพนหางของอีเกิลบาร์ทตวัดฟาดน้ำไปมาแตกกระจายเกิดฟองคลื่นสูงเทียบยอดไม้ใหญ่ หากผู้เป็นนายยังสนุกที่ได้หยอกล้อกับองค์รักษ์ปักษาของตน
“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอก”
ร่างสูงปฏิเสธเมื่อแพนหางยาวใหญ่ช้อนเข้าใต้ร่าง ลำน้ำไหลวนเสมือนเปลยวนชั้นดี ผ่อนคลายเกินกว่าจะเสียอารมณ์ยามเช้ากับเจ้าอีเกิลบาร์ทพ่อลูกอ่อน..ชายหนุ่มหัวเราะถูกใจ..เมื่อแพนหางนั้นยกสูงพยุงร่างกำยำขึ้นสู่ท้องฟ้า
“จะพาข้าไปหาฟาลหรือ..ข้ายังอาบน้ำไม่เสร็จ..หนึ่งองศาแห่งสุริยะข้าแค่ออกกำลังกายเท่านั้น...เดี๋ยวเข้าไปในปราสาทฟาลได้ไล่ข้าออกมาอาบน้ำอีกรอบหรอก เจ้าก็เหมือนกันล้างคราบกลิ่นไคล้ของกาอิลให้หมดน่ะ ไม่อย่างนั้นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้หรอกจำไว้”
แพนหางใหญ่สีดำค่อยลดระดับลงจนถึงผิวน้ำ ตีตวัดน้ำให้ชโลมร่างของชายหนุ่มผู้เป็นนาย..และดำดิ่งร่างมันลื่นของตัวเองลงสู่พื้นน้ำ
รอยยิ้มอิ่มเอมปรากฏขึ้นอีกครั้ง...ร่างสูงใหญ่ตวัดวงแขนซ้ายขวาส่งตัวเองเข้าสู่ฝั่ง เรือนร่างสูงใหญ่สง่างามท่ามกลางแสงทองสุกใส..เรือนผมสีดำสนิทเปียกลู่ยาวระบ่ากว้าง เรือนร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ใบหน้าเข้มสีน้ำตาลทองประกอบไปด้วยดวงตาเรียวรีคมล้ำลึกดั่งห้วงมหาสมุทร คิ้วยาวหนาสีดำเข้มพาดทับเนื้อขนตายาวงอนงามเป็นแพ จมูกโด่งได้รูป จรดรับกับริมฝีปากบางแย้มยิ้ม...เรือนร่างแน่นหนัก กล้ามเนื้อแขนที่ถูกกระตุ้นแข็งแกร่ง ท่อนขายาวแข็งแรงรองรับเรือนร่างสูงใหญ่ ..
ชายหนุ่มเดินผ่านแสงแห่งอรุณฉาย....ฝ่าเปลวสุริยะอบอุ่นเข้าสู่ร่มไม้ครึ้มใหญ่ คว้าเสื้อคลุมตัวยาวตวัดสวมเนื้อผ้าสีดำมันลื่นตัวยาวลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างสวยงาม
สายตาคู่คมเหลือบมองสัตว์ตัวโตขี้งอนที่กำลังชำระล้างร่างกายของมันอยู่กลางลำธาร อีเกิลบาร์ทพ่อลูกอ่อนดำดิ่งสู่พื้นน้ำ พุ่งแรงสู่พื้นฟ้า ละอองไอน้ำที่กระเซ็นขึ้นมาบนบกทำให้หัวคิ้วเข้มเริ่มตวัดเข้าหากัน
“ข้าพึ่งอาบน้ำนะเจ้าพ่อลูกอ่อน รีบๆ ทำธุรของเจ้าให้เสร็จก่อนจะถึงเวลาอาหารเช้า”
สัตว์ร้ายคำรามก้อง รับคำ ชายหนุ่มจึงเดินตามสนามหญ้ากว้างใหญ่สู่ตัวปราสาท ไอหมอกยามเช้ายังไม่จางไปเสียหมด น้ำค้างบริสุทธิ์ยังคงอ้อยอิ่งอยู่บนเกสรดอกไม้
ปราสาทกลางหุบเขาตระหง่านสงบอยู่ใต้ท้องฟ้าสีคราม ไม้ดอกสีชมพูลอยละล่องจากก้านกลีบลงสู่พื้นตัดกับหญ้าสีเขียวขจี ชายหนุ่มเดินตามบันไดหินขึ้นไปยังห้องพักของตน โคมไฟระย้าตามโถงทางเดินยังคงส่องแสงสว่างจากปลายเทียนทำลายความมืด บันไดหินทอดตัวยาวสลักด้วยพญาอินทรีย์สยายปีกจวบจนถึงห้องนอน
ประตูทางขวามือเปิดออกทันทีที่ผู้เป็นเจ้าห้องมาถึง ภายในห้องประกอบไปด้วยเตียงกว้างสีครีม ปูคลุมไว้ด้วยผ้าไหมสีทองเหลื่อม ด้านบนสลักด้วยพญาอินทรีย์ลวดลายตระการตา ม่านบางพลิ้วมัดรวบไว้ปลายเสาทั้งสี่ ด้านข้างคือกระจกรูปไข่แกะสลักรอบล้อมอัญมณ๊มรกต เสื้อคลุมมันลื่นถูกสลัดออกจากตัวลงไปกองแทบเท้า ก่อนเจ้าของร่างสูงจะคว้ากางเกงสีดำพร้อมเสื้อสีน้ำเงินสดออดมา ตวัดเสื้อยาวสีน้ำเงินผืนใหญคลุมร่าง ใบน้าคมคายตกแต่งไว้ตามธรรมชาติด้วยเครื่องหน้าเหมาะสวยงามภาพวาดของจิตรกรชั้นเอก ชายหนุ่มสาวเท้าออกจากห้องเมื่อแดดเริ่มส่องผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามามากเกินเสี้ยวตะวัน
ร่างสูงเดินลงมาชั้นล่างก่อนจะวกเข้าสู่ห้องโถงใหญ่และที่นั้น มีสาวน้อยหน้าหวานนั่งรับประทานขนมปังกับชารอเขาอยู่ ส่วนชายอีกผู้หนึ่งนั่งละเลียดขนมปังพร้อมชำเลืองมองผู้มาใหม่ก่อนจะเลิกคิ้วเข้มขึ้นเป็นคำถาม
“เช้านี้มาสาย พี่ไปไหนมา”
หญิงสาวในชุดเสื้อสีขาวเข้ารูป กางเกงขายาวสีดำ ผ้าคลุมสีแดงเพลิง ดวงหน้าละม้ายคล้ายพี่ชาย ดวงตาสีเขียวทอประกายวับวาบ ขณะรอคำตอบ
“ข้าเรียนให้นางทราบแล้วว่าท่านไปออกกำลังกาย “
“เงียบไปเลยนะอชิตา ข้าไม่ได้ถามท่าน”
อีกฝ่ายมององครักษ์ของพี่ชาย ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดยิ้ม
“อชิตารายงานเจ้าตามหน้าที่แล้วนิ หรือว่าเจ้าไม่เห็น ไม่รับรู้เอง” พี่ชายบอกอย่างพอเข้าใจ
“ข้าไม่เห็น เห็นแต่รูปปั้น” อชิตาเงยหน้าขึ้นสบตาองค์หญิงแห่งพญาอินทรีย์ แววตาสีน้ำตาเข้มมองอย่างสงสัย ก่อนจะก้มลงทานขนมปังกับชาต่อ
“เห็นไหม”
ผู้เป็นน้องสาวพยักเพยิดกับพี่ชาย ค้อนรูปปั้นขวับใบหน้าสวยงอง้ำ ยกชาขึ้นดื่มรวดเดียว
“พี่ก็เห็นว่าอชิตาทำงานเรียบร้อยดีนี่ เจ้ายังต้องการอะไรอีกฟาล”
ชายหนุ่มขอร้องแกมบังคับให้อชิตาขึ้นมารับประทานอาหารกับเขาทุกมื้อเพราะถ้าให้ทานกันสองคนพี่น้องก็คงไม่เว้นทะเลาะกัน แต่พอมีบุคคลที่สามเข้ามา น้องสาวก็ยังประพฤติเช่นเดิม เพียงแต่เปลี่ยนคน
“เรียบร้อยเกินคาดเสียด้วย” อีกฝ่ายไม่วายประชด หากนั้นก็เพียงพอที่พี่ชายจะเข้าใจ อชิตาที่เจียมเนื้อเจียมตัว กับน้องสาวที่ใส่ใจองครักษ์ของพี่ชายจนเกินเหตุ
“ข้าไปแล้ว..ขี้เกียจจะอยู่ เหม็นหน้าคน”
หญิงสาวลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเช้าไม่สนใจพี่ชายกับรูปปั้นที่ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม
ชายหนุ่มหันไปกำชับองครักษ์หนุ่มอย่างเห็นใจ
“อย่าตามใจฟาลนะ ข้าเห็นว่านางชักจะเอาเรื่องมากขึ้นทุกวัน เหมือนแม่คนที่สองจนข้าไม่เป็นอันทำงานแล้ว”
“ท่านน่ะตามใจไม่ใช่ข้า” องครักษ์กึ่งเพื่อนย้อน
“แต่ท่านก็ไม่เคยขัด” ผู้เป็นนายไม่ยอมแพ้
“ข้าไม่ทันได้พูดต่างหาก นางทำก่อนที่ข้าจะทันห้าม”
“ข้าจะตักเตือนนาง จะพยายามนะ ข้าไม่รับปาก”
“ท่านก็พูดได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ พอนางหนีไปเที่ยวนอกปราสามท่านก็ต้องยอม”
“แล้วท่านมีวิธีดักนิสัยนางไหมละ”
“ถ้ารู้ข้าคงทำไปแล้ว”
องครักษ์ร่างโต บอกอย่างหมดหวัง ..ทว่าชายหนุ่มร่างสูงกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ...ท่าทีสงบเงียบขรึมเปลี่ยนเป็นร่าเริงเหมือนเด็กหนุ่ม อขิตาตวัดค้อนเหมือนฟาลยามที่นางไม่พอใจพี่ชาย
“จำไว้ว่าหัวเราะทีหลังดังกว่านะอายน์”
อายน์ยังคงหัวเราะถูกใจ มิหนำซ้ำยังย้อนองครักษ์หนุ่มว่า
“อย่ายอมนางมากเกินไป เดี๋ยวเจ้าจะเป็นเหมือนข้า”
“บอกสายไปหน่อยมั้ง”
บุรุษผู้เป็นนายส่ายหัว คลึงมองถ้วยในมือของตัวเองยิ้มๆ ก่อนบอก
“อย่าให้นางรู้เป็นอันขาด..ข้ายังไม่อยากรับมือนางคนเดียว”
ความคิดเห็น